ผมเจอมาสามคันแล้วครับ รถคนรู้จักสองคัน แล้วรถบ้านแฟนอีกหนึ่งคัน แอร์พังหลังจากที่ซ่อมกับร้านนี้มา ด้วยอาการเดียวกันเลยคือคอมน๊อคน้ำมันคอมดำ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ระบบแอร์ก็ปกติทุกอย่าง มิหนำซ้ำรถบางคันอายุไม่ถึงสามปีระบบแอร์จากโรงงานไม่เคยแตะต้องอะไรเลย พอไปล้างตู้แอร์ที่ร้านนี้ก็ได้เรื่องทันที สาเหตุมาจากร้านแอร์มาตรฐานต่ำไม่ยอมล้างทำความสะอาดสายและเกจ์ชาร์ทน้ำยา เอาไปซ่อมรถคันที่คอมน๊อคมาพอซ่อมเสร็จก็เอาไปใช้กับรถคันอื่นต่อทันทีโดยไม่ยอมล้างทำความสะอาด พวกเศษอลูมิเนียมของคอมแอร์ที่น๊อคมา + น้ำมันคอมเก่าที่ดำๆจากคันก่อนหน้านี้มันก็ค้างอยู่ในสายและเกจ์ พอเอาไปต่อกับรถคันอื่นต่อก็เท่ากับว่าแพร่เชื้อโรคให้คันอื่นต่อไม่รู้จักจบจักสิ้น
กะอีแค่น้ำยาล้างระบบราคาแค่ 50-60 บาท ขวดหนึ่งมีปริมาณ 500cc ถ้าล้างเกจ์และสายครั้งหนึ่งคงใช้น้ำยาไม่เกิน 50cc ถ้าจะยอมเจียดเงินกำไรซักนิดแค่นี้ร้านมันคงไม่เจ๊งหรอกครับ ของแบบนี้ร้านที่มีมาตรฐานหน่อยเค้าล้างกันเป็นเรื่องปกติ ยิ่งถ้าร้านใหญ่ๆเค้าจะแยกประเภทเกจ์ไว้เลย เกจ์อันนี้ใช้กับระบบ R12 ส่วนเกจ์อันนี้ใช้กับระบบ R134a เพื่อลดความเสี่ยงของการเจือปนของน้ำมันคอมที่ต่างชนิดกัน คือถ้าจะใช้ร่วมกันก็ต้องให้สะอาดถึงจะใช้ได้ ที่สำคัญที่สุดถ้าซ่อมรถที่ระบบน๊อคหรือน้ำมันคอมดำมา ยังไงก็ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง
มิหนำซ้ำช่างบางร้านยังฉลาดกว่าวิศวะกรชอบดัดแปลงเครื่องมือใช้งานผิดประเภท ทั้งๆที่เครื่องมือตรงประเภทมันก็มีขายแต่กลับไม่ยอมใช้ ยกตัวอย่างก็เช่นเอาคอมแอร์เก่าคล้องมอเตอร์ปั่นเป็นเครื่องแว๊คคั่ม ไม่งั้นก็เอาคอมแอร์เก่าตู้เย็นมาต่อเป็นเครื่องแว๊คคั่มซะเลย ซึ่งคอมแอร์มันมีไว้อัดอากาศไม่ใช่ดูดอากาศ ที่สำคัญที่สุดคอมแอร์มันไม่มีวาล์วกันน้ำมันคอมไหลย้อนเหมือนเครื่องแว๊คคั่มโดยเฉพาะ (คอมแอร์เก่าที่เอามาดัดแปลงเป็นเครื่องแว๊คมันก็ต้องมีน้ำมันไว้หล่อลื่นลูกสูบครับ ถ้าไม่มีน้ำมันหล่อลื่นมันก็พัง) จึงทำให้ขณะที่แว๊คคั่มอยู่นั้นน้ำมันหล่อลื่นบางส่วนจะหลุดเข้าไปผสมกันในระบบแอร์รถเรา ที่สำคัญระหว่างที่แว๊คถ้ามีใครเผลอไปทำปลั๊กไฟหลุด ระบบแอร์รถที่เป็นสูญญากาศมันจะดูดน้ำมันหล่อลื่นเข้าไปผสมกันหมด จนต้องล้างระบบใหม่ ในขณะที่ถ้าเป็นเครื่องแว๊คคั่มโดยตรงจะไม่มีปัญหานี้เพราะเค้ามีวาล์วกันกลับ
สำหรับผมช่างจำพวกนี้ถือเป็นช่างกระจอกครับ ต่อให้เคยเป็นช่างฝีมือดีมาจากไหนแต่ถ้าเครื่องมือห่วยก็คงคิดแล้วคิดอีกเหมือนกัน เพราะคิดง่ายๆขนาดเครื่องมือทำมาหากินของมันเองมันยังไม่ลงทุนซื้อเลย แล้วงานซ่อมมันจะออกมาดีตามมั้ยเนี่ย ถ้าจะอ้างว่าเครื่องแว๊คคั่มระบบโดยตรงแบบนี้ใช้ไม่ดีบ้าง ใช้แล้วสู้ของทำเองไม่ได้ ถ้าอยากได้ของดีๆมันก็มีขายครับเครื่องแว๊คคั่มแบบ 2 Stage ไง ราคาตัวละหมื่นกว่าบาทขึ้นไป เครื่องแบบนี้แรงดูดมหาศาลแว๊คทิ้งไว้ราวๆ 10 นาทีความชื้นก็ไม่เหลือแล้ว ถ้าเทียบกับเครื่องแบบ 1 Stage ขนาด 35 ลิตรที่ราคาพันกว่าบาท คุณภาพมันก็ต่างกันฟ้ากับเหวแน่นอน แต่ช่างร้านไหนหละจะกล้าลงทุนซื้อของแพงแบบนี้ ลำพังเครื่อง 1 Stage 35 ลิตร ถ้าระบบไม่ใหญ่มากแว๊คทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 45 นาทีมันก็พอไหวครับ ถ้าแต่เป็นประเภทแว๊คทิ้งไว้ไม่เกิน 10 นาทีถอดปลั๊ก ผมบอกได้เลยว่าอนาคตชิปหายแน่นอน
กระทู้เตือนภัย สำหรับคนที่ซ่อมแอร์รถยนต์กับร้านที่มาตรฐานต่ำๆ ระวังจะโดนช่างวางยา
กะอีแค่น้ำยาล้างระบบราคาแค่ 50-60 บาท ขวดหนึ่งมีปริมาณ 500cc ถ้าล้างเกจ์และสายครั้งหนึ่งคงใช้น้ำยาไม่เกิน 50cc ถ้าจะยอมเจียดเงินกำไรซักนิดแค่นี้ร้านมันคงไม่เจ๊งหรอกครับ ของแบบนี้ร้านที่มีมาตรฐานหน่อยเค้าล้างกันเป็นเรื่องปกติ ยิ่งถ้าร้านใหญ่ๆเค้าจะแยกประเภทเกจ์ไว้เลย เกจ์อันนี้ใช้กับระบบ R12 ส่วนเกจ์อันนี้ใช้กับระบบ R134a เพื่อลดความเสี่ยงของการเจือปนของน้ำมันคอมที่ต่างชนิดกัน คือถ้าจะใช้ร่วมกันก็ต้องให้สะอาดถึงจะใช้ได้ ที่สำคัญที่สุดถ้าซ่อมรถที่ระบบน๊อคหรือน้ำมันคอมดำมา ยังไงก็ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง
มิหนำซ้ำช่างบางร้านยังฉลาดกว่าวิศวะกรชอบดัดแปลงเครื่องมือใช้งานผิดประเภท ทั้งๆที่เครื่องมือตรงประเภทมันก็มีขายแต่กลับไม่ยอมใช้ ยกตัวอย่างก็เช่นเอาคอมแอร์เก่าคล้องมอเตอร์ปั่นเป็นเครื่องแว๊คคั่ม ไม่งั้นก็เอาคอมแอร์เก่าตู้เย็นมาต่อเป็นเครื่องแว๊คคั่มซะเลย ซึ่งคอมแอร์มันมีไว้อัดอากาศไม่ใช่ดูดอากาศ ที่สำคัญที่สุดคอมแอร์มันไม่มีวาล์วกันน้ำมันคอมไหลย้อนเหมือนเครื่องแว๊คคั่มโดยเฉพาะ (คอมแอร์เก่าที่เอามาดัดแปลงเป็นเครื่องแว๊คมันก็ต้องมีน้ำมันไว้หล่อลื่นลูกสูบครับ ถ้าไม่มีน้ำมันหล่อลื่นมันก็พัง) จึงทำให้ขณะที่แว๊คคั่มอยู่นั้นน้ำมันหล่อลื่นบางส่วนจะหลุดเข้าไปผสมกันในระบบแอร์รถเรา ที่สำคัญระหว่างที่แว๊คถ้ามีใครเผลอไปทำปลั๊กไฟหลุด ระบบแอร์รถที่เป็นสูญญากาศมันจะดูดน้ำมันหล่อลื่นเข้าไปผสมกันหมด จนต้องล้างระบบใหม่ ในขณะที่ถ้าเป็นเครื่องแว๊คคั่มโดยตรงจะไม่มีปัญหานี้เพราะเค้ามีวาล์วกันกลับ
สำหรับผมช่างจำพวกนี้ถือเป็นช่างกระจอกครับ ต่อให้เคยเป็นช่างฝีมือดีมาจากไหนแต่ถ้าเครื่องมือห่วยก็คงคิดแล้วคิดอีกเหมือนกัน เพราะคิดง่ายๆขนาดเครื่องมือทำมาหากินของมันเองมันยังไม่ลงทุนซื้อเลย แล้วงานซ่อมมันจะออกมาดีตามมั้ยเนี่ย ถ้าจะอ้างว่าเครื่องแว๊คคั่มระบบโดยตรงแบบนี้ใช้ไม่ดีบ้าง ใช้แล้วสู้ของทำเองไม่ได้ ถ้าอยากได้ของดีๆมันก็มีขายครับเครื่องแว๊คคั่มแบบ 2 Stage ไง ราคาตัวละหมื่นกว่าบาทขึ้นไป เครื่องแบบนี้แรงดูดมหาศาลแว๊คทิ้งไว้ราวๆ 10 นาทีความชื้นก็ไม่เหลือแล้ว ถ้าเทียบกับเครื่องแบบ 1 Stage ขนาด 35 ลิตรที่ราคาพันกว่าบาท คุณภาพมันก็ต่างกันฟ้ากับเหวแน่นอน แต่ช่างร้านไหนหละจะกล้าลงทุนซื้อของแพงแบบนี้ ลำพังเครื่อง 1 Stage 35 ลิตร ถ้าระบบไม่ใหญ่มากแว๊คทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 45 นาทีมันก็พอไหวครับ ถ้าแต่เป็นประเภทแว๊คทิ้งไว้ไม่เกิน 10 นาทีถอดปลั๊ก ผมบอกได้เลยว่าอนาคตชิปหายแน่นอน