คำถามที่ 1 - หากชีวิตคนๆ หนึ่งมีอายุยืนยาว 70 ปี คงจะเท่ากับ 25,550 วัน .... คุณใช้เวลาไปบนโลกนี้เท่าไหร่แล้วครับ?
คำถามที่ 2 - หากชีวิตคนๆ หนึ่งมีความฝันที่มากมาย ... ตอนนี้คุณได้ทำตามฝันไปบ้างแล้วหรือยังครับ?
...........
คำตอบของผม ข้อที่ 1 ก็คือ ผมน่าจะเหลือเวลาบนโลกนี้ประมาณ 10,000 วันครับ ส่วนข้อที่ 2 ผมได้ทำตามความฝันที่ผมเคยฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ อย่างน้อย 1 ความฝันแล้วครับ นั่นคือที่มาของทริปนี้ครับ
............
สวัสดีครับ ผม "ผีหัวโล้นผมยาว" คนเดิม อยากกลับมาเล่าถึงทริปทำตามฝันที่เพิ่งจะจบไปครับ นั่นก็คือ
"ความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์"
โดยประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเป้าหมายหลักของผมที่ฝันอยากจะไปถึง เคยนั่งมองความงามของสถานที่ต่างๆ ในประเทศนี้ผ่านโปสการ์ด ผ่านรูปภาพ,ผ่านรีวิวของคนอื่นๆ และก็เอามาจินตนาการว่า มันคงจะสวยอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ความเป็นจริงก็คือ "คงเป็นไปได้ยาก ที่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง (พร้อมเมีย) ที่ครอบครัวมีรายได้ปานกลาง จะเดินทางไปเที่ยวประเทศทางแถบยุโรปได้" เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถือว่าสูงแบบ x2 ของทั้งผมและภรรยา (หากเทียบกับการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น),การขอวีซ่าที่ดูยุ่งยากนิดนึง (เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ) และช่วงการลางานของภรรยา (ทำงานประจำ) หลายๆ เหตุผลที่ทำให้การคิดฝันไปเที่ยวยุโรปนั้น ต้องเก็บพับใส่ลิ้นชักไว้ตลอดมา
แต่ความฝันนั้นก็ยังคงส่องแสงอยู่ตลอดเวลา...
จุดเริ่มต้นของทริปนี้
ความฝันของเรานั้น ก็ยังคงแอบซุกอยู่ในลิ้นชักแบบเหงาๆ เหมือนเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อทางสายการบิน ETIHAD ได้ออกโปรโมชั่นบินสู่ยุโรปไปกลับ
ในราคาเริ่มต้นเพียง 12,xxx บาท!!
ผมกับภรรยามองหน้ากันสักครู่... (จำได้ว่าไม่ถึงห้านาที) เราก็ตัดสินใจกดจองตั๋วไปโดยที่ไม่รู้ตัว (เหมือนถูกป้ายยา)
สรุปว่า เราได้ราคามาที่ 13,565 บาท (เนื่องจากราคาเริ่มต้นนั้น ช่วงเวลาเดินทางไม่สะดวกสำหรับภรรยา) เราจึงได้ตั๋วเครื่องบินลงที่ซูริค สวิตเซอร์แลนด์ และขากลับขึ้นที่ เวนิซ อิตาลี โดยขาไปจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ ฮ่องกง โดยเดินทางตั้งแต่วันที่ 6 - 15 พฤศจิกายน 2558
และเหมือนสถานการณ์เป็นใจ เมื่อทางสายการบินคาเธ่ย แปซิฟิค ได้ออกโปร (ที่เหมือนจะเป็นความผิดพลาดของระบบ) จึงทำให้เราได้ตั๋วไปกลับ กรุงเทพ - ฮ่องกงในราคา 2,480 บาท (ปล. ผมทิ้งตั๋วขากลับ) ทำให้เราได้ตั๋วไปกลับยุโรปในราคา 16,000 บาทเท่านั้น โดยเราได้ชวนเพื่อนสนิทอีก 2 คนไปด้วยกัน โดยเขาตอบตกลงภายในไม่กี่นาทีเช่นกันครับ
การเตรียมตัวเรื่องการยื่นขอวีซ่า
ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมกังวัลเกี่ยวกับทริปนี้ก็คือ "จะขอวีซ่าผ่านรึเปล่า(ว่ะ)?" เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ โดยงานที่ทำก็เป็นงานเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ไม่มีสเตรทเม้นท์ ไม่มีหนังสือรับรองจากบริษัท มีแต่เพียงเงินที่เข้าออกในแต่ละเดือน (ส่วนของภรรยาและเพื่อนของผมสองคนนั้นไม่น่ามีปัญหา)
ซึ่งประเด็นก็คือ หากผมไม่ผ่านคนนึง ทริปมีโอกาสล่มแน่นอน เพราะสามคนที่เหลือมอบหมายให้ผมเป็นหัวหน้าทัวร์โดยบริบูรณ์ และถ้าผ่านแค่สามคน เขาก็คงไม่ไป ซึ่งหมายถึงผมเป็นคนเอาเงินหกหมื่นกว่าไปโยนทิ้งท่อเล่นเลยทีเดียว
ความเครียดและความกังวลจึงตกมาที่ผมอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อถึงช่วง 3 เดือนก่อนเดินทาง ผมจึงรีบไปดำเนินการยื่นขอวีซ่า โดยแผนการเดินทางของผมคร่าวๆ เป็นดังนี้ครับ
พักที่สวิส 3 คืน ออสเตรีย 3 คืน และเวนิซ(อิตาลี) 1 คืน
เมื่อเครื่องลงที่ซูริค สวิตเซอร์แลนด์ ผมจึงต้องทำการขอวีซ่าผ่านทางสถาทูตสวิสเซอร์แลนด์ แต่ผมยืนผ่านตัวแทนอย่าง TLS contact ครับ
ขั้นตอนและรายละเอียดการยื่นขอวีซ่า คุณสามารถหาอ่านได้จากในอินเทอร์เน็ตครับ แต่ผมอยากจะขอเพิ่มเติมจุดที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- ค่าถ่ายรูปที่นี่แพงมาก 250 บาทต่อ 4 ใบ หากคุณหาร้านถ่ายรูปแถวบ้านที่สามารถถ่ายตามที่เขากำหนดได้ รีบถ่ายไปเลยครับ
- ค่าใช้จ่ายในการยื่นของวีซ่าเชงเก้นอยู่ที่ 60 ยูโร ช่วงที่ขอผมจ่าย 2,100 บาท และค่าดำเนินการของ TLS 863 บาท (รวมๆประมาณ 3,000 บาท)
- ประกันการเดินทาง ผมเลือกถูกสุดแบบ Worldwide ราคา 10 อยู่ที่ 420 บาท
- การจองโรงแรม ผมจองผ่าน Booking.com แบบยกเลิกฟรี และระบุชื่อทุกคนที่ไปลงในชื่อผู้เข้าพักครับ (ถ้า 2 คนต่อห้องให้คั่นด้วย , ระหว่างชื่อผู้พักนะครับ)
- เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ และผมเดินทางไป 10 วัน ผมยื่นบัญชีที่มีเงินคงเหลือติดบัญชีแสนนิดๆ โดยมีเงินเข้าออกเดินละ 40,000 - 70,000 บาทต่อเดือน
- ผมเขียนจดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่า เราทำอาชีพอะไร รายได้มาจากทางไหน รายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ พร้อมทั้งแจ้งไปว่า ได้เตรียมตัวโดยการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และค่าเดินทางพร้อมค่าใช้จ่ายไว้หมดเรียบร้อยแล้ว
- อย่าลืมการขอสเตรมเม้นท์จากธนาคาร เผื่อเวลาไว้ด้วย ของผมขอจากธนาคารกรุงเทพ ใช้เวลา 3-5 วันทำการ (เลยต้องเลื่อนนัดไปทีนึง)
พอถึงวันนัด ซึ่งเป็นวันศุกร์ ผมนัดช่วงเช้าเลย เมื่อไปถึง TLS เจ้าหน้าที่รับเรื่องถามเพียงว่า "ไปที่ไหนบ้าง?" ผมก็ตอบไป
จบ... ถามแค่นี้เองจริงๆ ครับ (อุตส่าห์นั่งติวคนในกลุ่มเรื่องข้อมูลต่างๆ มากมาย สรุปถามแค่คำถามเดียวจริงๆ) ซึ่งตอนผมไปสัมภาษณ์ จะเข้าไปทีละสองคน (ผม-ภรรยา และเพื่อนสองคนซึ่งเป็นสามีภรรยาเช่นกัน)
ที่ถามเพิ่มก็แค่เรื่องตั๋วไปฮ่องกง (ซึ่งผมใช้ขาไปอย่างเดียว) ทางเจ้าหน้าที่ให้เขียนอธิบายเพิ่มเติมสั้นๆ ว่า ทำไมถึงไม่ใช้ตั๋วขากลับ
ยื่นวันศุกร์ วันจันทร์แจ้งมาว่าให้ไปหนังสือเดินทางคืนได้แล้ว (เร็วมากๆ) ซึ่งวันไปรับก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะซองที่ส่งกลับมานั้น เราจะรู้ว่า ผ่านหรือไม่ผ่านก็ต่อเมื่อเราแกะซองแล้ว
ปรากฎว่า
ผ่านทั้งสี่คนครับ (ยาฮู้!!!)
หมายเหตุ สถานทูตสวิสนี่ผมเคยได้ยินมาเรื่องของความเป๊ะมาก่อนแล้ว ประมาณว่า ขอไปแค่ไหน ทางสถานทูตก็ออกให้แค่นั้น รอบนี้ผมไป 10 วัน วีซ่าก็ออกให้สิบวันไม่ขาดไม่เกินเลยครับ อิอิ)
เรียกว่า สำหรับผม ตอนนี้ผ่านจุดยากที่สุดไปแล้วครับ
วางแผนเที่ยว
เมื่อวีซ่าผ่านแล้ว ตั๋วเครื่องบินซื้อแล้ว คราวนี้ก็เป็นการวางแผนเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ สักที ซึ่งพอไปๆ มาๆ ผมกลับพบว่า
"จริงๆ แล้วผมยังไม่มีแผนการเที่ยวที่เป็นรูปเป็นร่างเลยนี่หว่า"
รู้แค่ว่า ไปสวิสสัก 4 วัน 3 คืน แวะ innsbruck หน่อย (เพราะเป็นทางผ่าน) แวะพัก Salzburg 2 คืน (เพราะไป Hallstatt แบบไปเช้าเย็นกลับ) นอนเวนิซ 1 คืน (เพราะไฟท์บังคับเนื่องจากต้องกลับสนามบินแถวเวนิซ)
แผนผมมีแค่นั้นจริงๆ และแผนนี้เป็นแผนที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่าครับ (ส่วนเรื่องที่พัก ผมจองผ่าน Booking.com ที่เป็นแบบยกเลิกได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ)
ส่วนเส้นทางการเดินทางของผมในทริปนี้จะเป็นประมาณนี้ครับ
ซึ่งสวิส 4 วันผมยังไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้าง แต่คิดว่าจะพักที่ Interlaken ทั้ง 3 คืน แล้วค่อยออกเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ พอเย็นวันที่ 4 ก็นั่งรถไฟข้ามประเทศไปพักที่ innsbruck ครับ
ใช้เวลาประมาณในการแก้แผนไปมาจนเกือบจะถึงวันเที่ยว ได้ออกมาดังนี้ครับ
วันที่ 6 Nov - เดินทางจากกรุงเทพ - ฮ่องกง แวะเที่ยว Citygate Outlet + กระเช้านอนปิง กลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบินตอน 18.00 น.
วันที่ 7 Nov - ถึงซูริคตอนเช้า ใช้สวิสพาส (แบบ 4 วัน) ไป Luzern + ล่องทะเลสาบลูเซิร์น + ขึ้นเขา Rigi + เดินเล่นในเมืองลูเซิร์น ก่อนนั่งรถไฟตอนเย็นเข้าที่พักที่ Interlaken
วันที่ 8 Nov - ขึ้นเขา Schilthorn + เดินเล่นหมู่บ้าน Mürren + (ถ้ามีเวลาจะล่องทะเลสาบ Thun) พักที่ Interlaken
วันที่ 9 Nov - นั่งรถไฟไป Zermatt ขึ้นเขา Matterhorn พักที่ Interlaken
วันที่ 10 Nov - ออกจากที่พัก แวะเมือง Bern ก่อนเข้าซูริค เพื่อนั่งรถไฟตอนใกล้ห้าโมงเย็น ไปนอนที่ Hilton Innsbruck
วันที่ 11 Nov - เดินเล่นในเมือง Innsbruck ครึ่งวัน เที่ยงกว่าๆ นั่งรถไฟไป Salzburg พักที่ Amedia Express Salzburg 2 คืน
วันที่ 12 Nov - นั่งรถบัส,ต่อรถไฟ,ต่อเรือ ไป Hallstatt แบบไปเช้าเย็นกลับ ตอนเย็นกลับมาพักเพื่อเตรียมนั่งรถไฟตู้นอนตอนตีหนึ่งไปเวนิซ
วันที่ 13 Nov - ถึงเวนิซเช้า เข้าที่พักที่ Universo Nord Hotel Venice เที่ยวเวนิซ 1 วันเต็ม
วันที่ 14 Nov - ขึ้นเครื่องที่สนามบิน Marco Polo เวนิชตอน 11 โมงเช้า ถึงไทยเช้าวันที่ 15 Nov
ส่วนการเตรียมตัวด้านอื่นๆ มีดังนี้ครับ
- ทำการแลกเงิน 3 สกุล คือ เหรียญฮ่องกง ฟรังก์สวิส และเงินยูโรครับ
- เสื้อผ้ายัดใส่เป้แบคแพคแบบ 50+10 พร้อมกระเป๋าลากไซส์ 24 นิ้ว 1 ใบ และเป้สะพายหลัง 1 ใบ
- เอามาม่าแบบคัพเล็กไป 6 กระป๋องครับ (สำหรับภรรยาครับ) ส่วนอาหารไปหากินข้างหน้าครับ
- เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางทุกวัน
- ซื้อสวิสพาส ราคา 204 ยูโรแบบไม่เสียค่าออกตั๋ว
- พิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น เอกสารจองโรงแรม,ตั๋วรถไฟระหว่างประเทศ,สำเนาหนังสือเดินทาง,แผนการเที่ยว
ที่เหลือก็คงเป็นพวกข้าวของเครื่องใช้ทั่วไปครับ
ตัดฉับกันไปที่ช่วงของการเริ่มต้นเดินทางกันเลยดีกว่าครับ
ซึ่งบอกได้เลยว่า ทริปยุโรปครั้งแรกของผมนี้ เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายจริงๆ ครับ
มาร่วมชม ร่วมเชียร์ไปด้วยกันนะครับ
หมายเหตุ รูปภาพที่ถ่ายทั้งหมด เป็นการถ่ายภาพจากมือถือ Alcatel Flash 2 ราคา 4,590 บาท ซื้อเอง ไม่ได้สปอนเซอร์จากใครนะครับ และรูปทั้งหมดเป็นรูปที่ดึงมาจากตัวมือถือโดยไม่ผ่านขบวนการปรับแต่งภาพใดๆ ครับ บางภาพอาจจะห่วย อาจจะเห่ยไปบ้าง ขออภัยนะครับ
[CR] เที่ยวยุโรปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีด้วยตัวเอง (พาเมียหนีเที่ยวเดอะซีรีย์) by ผีหัวโล้ผมยาว (สวิส-ออสเตรีย-อิตาลี) #nofilter
คำถามที่ 2 - หากชีวิตคนๆ หนึ่งมีความฝันที่มากมาย ... ตอนนี้คุณได้ทำตามฝันไปบ้างแล้วหรือยังครับ?
...........
คำตอบของผม ข้อที่ 1 ก็คือ ผมน่าจะเหลือเวลาบนโลกนี้ประมาณ 10,000 วันครับ ส่วนข้อที่ 2 ผมได้ทำตามความฝันที่ผมเคยฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆ อย่างน้อย 1 ความฝันแล้วครับ นั่นคือที่มาของทริปนี้ครับ
............
สวัสดีครับ ผม "ผีหัวโล้นผมยาว" คนเดิม อยากกลับมาเล่าถึงทริปทำตามฝันที่เพิ่งจะจบไปครับ นั่นก็คือ
"ความฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะไปเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์"
โดยประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเป้าหมายหลักของผมที่ฝันอยากจะไปถึง เคยนั่งมองความงามของสถานที่ต่างๆ ในประเทศนี้ผ่านโปสการ์ด ผ่านรูปภาพ,ผ่านรีวิวของคนอื่นๆ และก็เอามาจินตนาการว่า มันคงจะสวยอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ความเป็นจริงก็คือ "คงเป็นไปได้ยาก ที่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง (พร้อมเมีย) ที่ครอบครัวมีรายได้ปานกลาง จะเดินทางไปเที่ยวประเทศทางแถบยุโรปได้" เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถือว่าสูงแบบ x2 ของทั้งผมและภรรยา (หากเทียบกับการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น),การขอวีซ่าที่ดูยุ่งยากนิดนึง (เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ) และช่วงการลางานของภรรยา (ทำงานประจำ) หลายๆ เหตุผลที่ทำให้การคิดฝันไปเที่ยวยุโรปนั้น ต้องเก็บพับใส่ลิ้นชักไว้ตลอดมา
แต่ความฝันนั้นก็ยังคงส่องแสงอยู่ตลอดเวลา...
จุดเริ่มต้นของทริปนี้
ความฝันของเรานั้น ก็ยังคงแอบซุกอยู่ในลิ้นชักแบบเหงาๆ เหมือนเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อทางสายการบิน ETIHAD ได้ออกโปรโมชั่นบินสู่ยุโรปไปกลับในราคาเริ่มต้นเพียง 12,xxx บาท!!
ผมกับภรรยามองหน้ากันสักครู่... (จำได้ว่าไม่ถึงห้านาที) เราก็ตัดสินใจกดจองตั๋วไปโดยที่ไม่รู้ตัว (เหมือนถูกป้ายยา)
สรุปว่า เราได้ราคามาที่ 13,565 บาท (เนื่องจากราคาเริ่มต้นนั้น ช่วงเวลาเดินทางไม่สะดวกสำหรับภรรยา) เราจึงได้ตั๋วเครื่องบินลงที่ซูริค สวิตเซอร์แลนด์ และขากลับขึ้นที่ เวนิซ อิตาลี โดยขาไปจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ ฮ่องกง โดยเดินทางตั้งแต่วันที่ 6 - 15 พฤศจิกายน 2558
และเหมือนสถานการณ์เป็นใจ เมื่อทางสายการบินคาเธ่ย แปซิฟิค ได้ออกโปร (ที่เหมือนจะเป็นความผิดพลาดของระบบ) จึงทำให้เราได้ตั๋วไปกลับ กรุงเทพ - ฮ่องกงในราคา 2,480 บาท (ปล. ผมทิ้งตั๋วขากลับ) ทำให้เราได้ตั๋วไปกลับยุโรปในราคา 16,000 บาทเท่านั้น โดยเราได้ชวนเพื่อนสนิทอีก 2 คนไปด้วยกัน โดยเขาตอบตกลงภายในไม่กี่นาทีเช่นกันครับ
การเตรียมตัวเรื่องการยื่นขอวีซ่า
ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมกังวัลเกี่ยวกับทริปนี้ก็คือ "จะขอวีซ่าผ่านรึเปล่า(ว่ะ)?" เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ โดยงานที่ทำก็เป็นงานเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ไม่มีสเตรทเม้นท์ ไม่มีหนังสือรับรองจากบริษัท มีแต่เพียงเงินที่เข้าออกในแต่ละเดือน (ส่วนของภรรยาและเพื่อนของผมสองคนนั้นไม่น่ามีปัญหา)
ซึ่งประเด็นก็คือ หากผมไม่ผ่านคนนึง ทริปมีโอกาสล่มแน่นอน เพราะสามคนที่เหลือมอบหมายให้ผมเป็นหัวหน้าทัวร์โดยบริบูรณ์ และถ้าผ่านแค่สามคน เขาก็คงไม่ไป ซึ่งหมายถึงผมเป็นคนเอาเงินหกหมื่นกว่าไปโยนทิ้งท่อเล่นเลยทีเดียว
ความเครียดและความกังวลจึงตกมาที่ผมอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อถึงช่วง 3 เดือนก่อนเดินทาง ผมจึงรีบไปดำเนินการยื่นขอวีซ่า โดยแผนการเดินทางของผมคร่าวๆ เป็นดังนี้ครับ
พักที่สวิส 3 คืน ออสเตรีย 3 คืน และเวนิซ(อิตาลี) 1 คืน
เมื่อเครื่องลงที่ซูริค สวิตเซอร์แลนด์ ผมจึงต้องทำการขอวีซ่าผ่านทางสถาทูตสวิสเซอร์แลนด์ แต่ผมยืนผ่านตัวแทนอย่าง TLS contact ครับ
ขั้นตอนและรายละเอียดการยื่นขอวีซ่า คุณสามารถหาอ่านได้จากในอินเทอร์เน็ตครับ แต่ผมอยากจะขอเพิ่มเติมจุดที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- ค่าถ่ายรูปที่นี่แพงมาก 250 บาทต่อ 4 ใบ หากคุณหาร้านถ่ายรูปแถวบ้านที่สามารถถ่ายตามที่เขากำหนดได้ รีบถ่ายไปเลยครับ
- ค่าใช้จ่ายในการยื่นของวีซ่าเชงเก้นอยู่ที่ 60 ยูโร ช่วงที่ขอผมจ่าย 2,100 บาท และค่าดำเนินการของ TLS 863 บาท (รวมๆประมาณ 3,000 บาท)
- ประกันการเดินทาง ผมเลือกถูกสุดแบบ Worldwide ราคา 10 อยู่ที่ 420 บาท
- การจองโรงแรม ผมจองผ่าน Booking.com แบบยกเลิกฟรี และระบุชื่อทุกคนที่ไปลงในชื่อผู้เข้าพักครับ (ถ้า 2 คนต่อห้องให้คั่นด้วย , ระหว่างชื่อผู้พักนะครับ)
- เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานประจำ และผมเดินทางไป 10 วัน ผมยื่นบัญชีที่มีเงินคงเหลือติดบัญชีแสนนิดๆ โดยมีเงินเข้าออกเดินละ 40,000 - 70,000 บาทต่อเดือน
- ผมเขียนจดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ บอกว่า เราทำอาชีพอะไร รายได้มาจากทางไหน รายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ พร้อมทั้งแจ้งไปว่า ได้เตรียมตัวโดยการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และค่าเดินทางพร้อมค่าใช้จ่ายไว้หมดเรียบร้อยแล้ว
- อย่าลืมการขอสเตรมเม้นท์จากธนาคาร เผื่อเวลาไว้ด้วย ของผมขอจากธนาคารกรุงเทพ ใช้เวลา 3-5 วันทำการ (เลยต้องเลื่อนนัดไปทีนึง)
พอถึงวันนัด ซึ่งเป็นวันศุกร์ ผมนัดช่วงเช้าเลย เมื่อไปถึง TLS เจ้าหน้าที่รับเรื่องถามเพียงว่า "ไปที่ไหนบ้าง?" ผมก็ตอบไป
จบ... ถามแค่นี้เองจริงๆ ครับ (อุตส่าห์นั่งติวคนในกลุ่มเรื่องข้อมูลต่างๆ มากมาย สรุปถามแค่คำถามเดียวจริงๆ) ซึ่งตอนผมไปสัมภาษณ์ จะเข้าไปทีละสองคน (ผม-ภรรยา และเพื่อนสองคนซึ่งเป็นสามีภรรยาเช่นกัน)
ที่ถามเพิ่มก็แค่เรื่องตั๋วไปฮ่องกง (ซึ่งผมใช้ขาไปอย่างเดียว) ทางเจ้าหน้าที่ให้เขียนอธิบายเพิ่มเติมสั้นๆ ว่า ทำไมถึงไม่ใช้ตั๋วขากลับ
ยื่นวันศุกร์ วันจันทร์แจ้งมาว่าให้ไปหนังสือเดินทางคืนได้แล้ว (เร็วมากๆ) ซึ่งวันไปรับก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะซองที่ส่งกลับมานั้น เราจะรู้ว่า ผ่านหรือไม่ผ่านก็ต่อเมื่อเราแกะซองแล้ว
ปรากฎว่า ผ่านทั้งสี่คนครับ (ยาฮู้!!!)
หมายเหตุ สถานทูตสวิสนี่ผมเคยได้ยินมาเรื่องของความเป๊ะมาก่อนแล้ว ประมาณว่า ขอไปแค่ไหน ทางสถานทูตก็ออกให้แค่นั้น รอบนี้ผมไป 10 วัน วีซ่าก็ออกให้สิบวันไม่ขาดไม่เกินเลยครับ อิอิ)
เรียกว่า สำหรับผม ตอนนี้ผ่านจุดยากที่สุดไปแล้วครับ
วางแผนเที่ยว
เมื่อวีซ่าผ่านแล้ว ตั๋วเครื่องบินซื้อแล้ว คราวนี้ก็เป็นการวางแผนเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ สักที ซึ่งพอไปๆ มาๆ ผมกลับพบว่า
"จริงๆ แล้วผมยังไม่มีแผนการเที่ยวที่เป็นรูปเป็นร่างเลยนี่หว่า"
รู้แค่ว่า ไปสวิสสัก 4 วัน 3 คืน แวะ innsbruck หน่อย (เพราะเป็นทางผ่าน) แวะพัก Salzburg 2 คืน (เพราะไป Hallstatt แบบไปเช้าเย็นกลับ) นอนเวนิซ 1 คืน (เพราะไฟท์บังคับเนื่องจากต้องกลับสนามบินแถวเวนิซ)
แผนผมมีแค่นั้นจริงๆ และแผนนี้เป็นแผนที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่าครับ (ส่วนเรื่องที่พัก ผมจองผ่าน Booking.com ที่เป็นแบบยกเลิกได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ)
ส่วนเส้นทางการเดินทางของผมในทริปนี้จะเป็นประมาณนี้ครับ
ซึ่งสวิส 4 วันผมยังไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้าง แต่คิดว่าจะพักที่ Interlaken ทั้ง 3 คืน แล้วค่อยออกเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ พอเย็นวันที่ 4 ก็นั่งรถไฟข้ามประเทศไปพักที่ innsbruck ครับ
ใช้เวลาประมาณในการแก้แผนไปมาจนเกือบจะถึงวันเที่ยว ได้ออกมาดังนี้ครับ
วันที่ 6 Nov - เดินทางจากกรุงเทพ - ฮ่องกง แวะเที่ยว Citygate Outlet + กระเช้านอนปิง กลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบินตอน 18.00 น.
วันที่ 7 Nov - ถึงซูริคตอนเช้า ใช้สวิสพาส (แบบ 4 วัน) ไป Luzern + ล่องทะเลสาบลูเซิร์น + ขึ้นเขา Rigi + เดินเล่นในเมืองลูเซิร์น ก่อนนั่งรถไฟตอนเย็นเข้าที่พักที่ Interlaken
วันที่ 8 Nov - ขึ้นเขา Schilthorn + เดินเล่นหมู่บ้าน Mürren + (ถ้ามีเวลาจะล่องทะเลสาบ Thun) พักที่ Interlaken
วันที่ 9 Nov - นั่งรถไฟไป Zermatt ขึ้นเขา Matterhorn พักที่ Interlaken
วันที่ 10 Nov - ออกจากที่พัก แวะเมือง Bern ก่อนเข้าซูริค เพื่อนั่งรถไฟตอนใกล้ห้าโมงเย็น ไปนอนที่ Hilton Innsbruck
วันที่ 11 Nov - เดินเล่นในเมือง Innsbruck ครึ่งวัน เที่ยงกว่าๆ นั่งรถไฟไป Salzburg พักที่ Amedia Express Salzburg 2 คืน
วันที่ 12 Nov - นั่งรถบัส,ต่อรถไฟ,ต่อเรือ ไป Hallstatt แบบไปเช้าเย็นกลับ ตอนเย็นกลับมาพักเพื่อเตรียมนั่งรถไฟตู้นอนตอนตีหนึ่งไปเวนิซ
วันที่ 13 Nov - ถึงเวนิซเช้า เข้าที่พักที่ Universo Nord Hotel Venice เที่ยวเวนิซ 1 วันเต็ม
วันที่ 14 Nov - ขึ้นเครื่องที่สนามบิน Marco Polo เวนิชตอน 11 โมงเช้า ถึงไทยเช้าวันที่ 15 Nov
ส่วนการเตรียมตัวด้านอื่นๆ มีดังนี้ครับ
- ทำการแลกเงิน 3 สกุล คือ เหรียญฮ่องกง ฟรังก์สวิส และเงินยูโรครับ
- เสื้อผ้ายัดใส่เป้แบคแพคแบบ 50+10 พร้อมกระเป๋าลากไซส์ 24 นิ้ว 1 ใบ และเป้สะพายหลัง 1 ใบ
- เอามาม่าแบบคัพเล็กไป 6 กระป๋องครับ (สำหรับภรรยาครับ) ส่วนอาหารไปหากินข้างหน้าครับ
- เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางทุกวัน
- ซื้อสวิสพาส ราคา 204 ยูโรแบบไม่เสียค่าออกตั๋ว
- พิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น เอกสารจองโรงแรม,ตั๋วรถไฟระหว่างประเทศ,สำเนาหนังสือเดินทาง,แผนการเที่ยว
ที่เหลือก็คงเป็นพวกข้าวของเครื่องใช้ทั่วไปครับ
ตัดฉับกันไปที่ช่วงของการเริ่มต้นเดินทางกันเลยดีกว่าครับ ซึ่งบอกได้เลยว่า ทริปยุโรปครั้งแรกของผมนี้ เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายจริงๆ ครับ
มาร่วมชม ร่วมเชียร์ไปด้วยกันนะครับ
หมายเหตุ รูปภาพที่ถ่ายทั้งหมด เป็นการถ่ายภาพจากมือถือ Alcatel Flash 2 ราคา 4,590 บาท ซื้อเอง ไม่ได้สปอนเซอร์จากใครนะครับ และรูปทั้งหมดเป็นรูปที่ดึงมาจากตัวมือถือโดยไม่ผ่านขบวนการปรับแต่งภาพใดๆ ครับ บางภาพอาจจะห่วย อาจจะเห่ยไปบ้าง ขออภัยนะครับ