ถนนอเวจี
(เรื่องสั้นชุด : รัตติกาลอุบัติ)
เสียงเพลงจากอัลบัม Highway to hell จากวง AC/DC แผดสนั่นกลบเสียงครวญครางของเครื่องยนต์สี่สูบขนาดสองพันกว่าซีซี ชายหนุ่มร่างใหญ่วัยกลางคนในชุดเสื้อผ้าสีดำขยับโยกไหล่ส่ายไปมาตามจังหวะเพลงอย่างสบายใจเพราะแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาทันอย่างแน่นอน หลังจากเย็นวันนี้ได้กระทำเรื่องราวทรงคุณค่าสำหรับเขาอยู่สองประการ เรื่องแรกคือการกระหน่ำยิงเหยื่อสั่งตายซึ่งหมายตาไว้นานแล้วเป็นผลสำเร็จสมบูรณ์แบบ เรื่องที่สองเป็นการสร้างสีสันกับชีวิตติดตามมาในเวลาไม่นานนัก คือการพุ่งรถเข้าชนคนซึ่งกำลังเดินอยู่ริมถนนกระเด็นหายไปจากชีวิตสองราย เหตุผลคือเพื่อความสะใจส่วนตัว เขาชอบความรู้สึกขณะอัดรถบดขยี้ใครก็ได้ที่เดินไร้เดียงสา มาขัดขวางสายตา
เขาชื่อแมนสัน ถ้าเอาความดีมาแข่งกันเขาไม่กล้าสู้ใคร แต่ถ้าเอาความเลวมาแข่ง แมนสันสู้ไม่เคยกลัวใคร
สมัยเป็นเด็กเขาเคยสงสัยว่าชีวิตคนเรามีค่าเท่าไรกันแน่ ตอนนั้นเขายังหาคำตอบไม่ได้ หากตอนนี้เขารู้ว่าชีวิตคนเรามีค่าต่างกัน และสามารถประเมินมูลค่าของชีวิตเป็นตัวเลขได้ ตามราคาที่เขาพอใจและเรียกร้อง
ช่วงค่ำของวันนี้ ข้างสนามกอล์ฟนอกเมือง จังหวะผู้คนผ่อนคลายไม่ระวังตัว เขาได้โอกาสเหมาะกระหน่ำยิงรองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจการส่งออกสินค้ารายหนึ่ง ชายหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นอายุยังน้อยและมีอนาคตไกลไปเร็วจนสะดุดขาใครบางคน แมนสันเป็นผู้พิพากษาชะตาชีวิตให้เองโดยคำสั่งของ “เจ้านาย” ผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง แมนสันไม่เคยทำให้คนจ้างผิดหวัง เริ่มจากการสะกดรอยติดตามเหยื่อนานนับเดือนอย่างอดทนใจเย็น จนรู้รูปแบบลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อนำไปประกอบการวางแผนลงมือปิดบัญชีแล้วหลบหนีลอยนวลอย่างฉลาดเหนือเมฆ
ตอนนี้เขาออกนอกเมืองกับเงินค่าจ้างล่วงหน้าครึ่งหนึ่ง อีกไม่นานเงินค่าจ้างที่เหลือจะถูกโอนเข้าบัญชีของเขาเพื่อนำไปเสวยสุขอยู่เมืองอื่นอย่างสบายใจกาย
แมนสันมองดูนาฬิกาบนแผงหน้าปัดคอนโซลรถ ใกล้สองทุ่มแล้วถือว่ายังไม่ดึกอะไร รถวิ่งสวนทางมาค่อนข้างน้อยและเริ่มน้อยลงเป็นลำดับจนเขาเองเริ่มแปลกใจเพราะปกติถนนสายนี้ไม่เคยหลับ จะมากจะน้อยก็ต้องมีรถผ่านไปมาเสมอ ต่างจากตอนนี้ซึ่งรถสวนทางมาน้อยลงเป็นลำดับ สุดท้ายไม่มีรถวิ่งสวนทางมาเลย แสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางก็คล้ายทิ้งระยะห่างระหว่างต้นไกลยืดยาวออกไปทุกทีอย่างน่าแปลกใจจนในที่สุดสองข้างทางมืดสนิท มีเพียงแสงไฟหน้ารถเท่านั้นสาดเป็นลำยาวนำทางมองเห็นสีขาวของเส้นแบ่งถนนพุ่งเข้ามาหาไม่ขาดสาย
บรรยากาศแบบนี้น่าจะมีคนมาให้ชนเล่นแก้เบื่อ...เขาคิดในใจ
ทุกครั้งเมื่อจบภารกิจปิดบัญชี เขาจะหาเรื่องเล่นสนุกแบบร้ายกาจชนิดคนธรรมดาไม่กล้าทำหรือคิดจะทำ โดยการหาจังหวะเหมาะๆ เฉี่ยวชนคนตามเส้นทางการหลบหนี เป้าหมายมักเป็นคนเดินอยู่ตามลำพัง แต่บางครั้งถ้าเป้าหมายมีสองคนเขาก็ไม่เกี่ยง ถือว่าเป็นโบนัส ความรู้สึกตอนกันชนหน้ารถกระแทกร่างของเหยื่อจนลอยกระเด็นให้ความรู้สึกหนักแน่นเร้าใจอิ่มเอิบซาบซ่านแบบอธิบายไม่ถูก บางครั้งเจอคนขับมอเตอร์ไซด์ แมนสันจะจงใจขับรถเบียดกระแทกจนเสียหลักพลิกคว่ำกระดอนกระเด็นอย่างสวยงามในความรู้สึก นึกถึงสภาพจิตใจคนของเหยื่อแล้วก็อดขำไม่ได้ คงตกใจน่าดูว่าอยู่ดีๆก็ถูกเฉี่ยวชนแบบไม่มีเหตุผล บางคนอาจแขนขาหักหรือพิการ ช่างตลกสิ้นดี
การกระทำเลวร้ายของแมนสันกลายเป็นพฤติกรรมเสพติดไปโดยไม่รู้ตัว และความต้องการกระทำแบบนั้นทวีมากขึ้นเป็นลำดับอย่างยากต่อการควบคุม
เสียงร้องอันบาดลึกแก้วหูของ Bon Scott และเสียงดนตรีก็แหบพร่าติดๆดับๆ ราวกับว่าเครื่องเสียงติดรถยนต์ราคาแพงเกิดมาเสียกะทันหัน แมนสันสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ความสุนทรียะขาดหายไปเฉยๆ ลองเปลี่ยนมาฟังวิทยุก็มีแต่เสียงซ่าอันเย็นชาน่ารำคาญใจเท่านั้น และในที่สุดเสียงซ่าของวิทยุก็สำลักคลื่นขลุกขลักก่อนขาดลมหายใจ
“ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ย...”
แมนสันเอามือทุบพวงมาลัยโครมอย่างอารมณ์เสียแล้วเขย่าไปมาระบายความขุ่นเคือง ถนนด้านหน้าเป็นทางโค้งหักศอก เขามองเห็นในระยะกะทันหัน ทำเอาต้องตาลีตาเหลือกเหยียบเบรกหมุนพวงมาลัยให้รถคู่ใจเลี้ยวเข้าเลนหลักของถนนแบบหวุดหวิดเฉียดขอบถนนไปแบบใจหายใจคว่ำ
จังหวะนั้นเอง แสงไฟหน้ารถส่องเห็นด้านหลังใครคนหนึ่งเดินอยู่กลางถนน แมนสันหงุดหงิดอยู่แล้ว พอมองเห็นเหยื่อปรากฏต่อหน้าโดยไม่ต้องแสวงหาให้เสียเวลาจึงไม่คิดจะหักพวงมาลัยรถหลบแม้แต่น้อย เท้ากระทืบคันเร่งพารถคู่ชีพพุ่งชนด้านหลังคนเคราะห์ร้ายเต็มความเร็วความแรง จนร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายถูกกระแทกล้มคว่ำหายไปจากสายตา คาดว่าลงล้มฟาดลงไปกับพื้นโดยมีรถแล่นทับบดครูดผ่านไปเพราะรู้สึกว่าใต้ท้องรถมีการกระแทกกับวัตถุบางอย่างกึงกังแบบเหล็กบดขยี้เศษเนื้ออย่างน่าสยดสยอง แต่กับแมนสันแล้วรู้สึกสะใจเหลือเกิน เขานึกภาพร่างนั้นฉีกขาดหงิกงอผิดรูปเลือดท่วมกระตุกไหวไปมาอยู่กับพื้นแล้วยิ่งรู้สึกสาแก่ใจมากขึ้นจนแทบจะมองเห็นกระดูกสีขาวโผล่พ้นเศษเนื้อจากร่างหักพับยับเยินกระจ่างในความคิด
“สมน้ำหน้า ทะลึ่งมาเดินอยู่คนเดียวกลางถนน ไปเกิดใหม่ซะ”
เขาร้องด้วยความสาแก่ใจ หัวเราะอย่างสุขสมแล้วโยกไหล่ไปมาให้เข้ากับจังหวะและริฟฟ์กีตาร์หนักๆของ Angus Young ในเพลง Highway to hell ซึ่งกำลังร้องอยู่ในใจ... I'm on the highway to hell on the highway to hell.....
ชนคนในความมืดไปหนึ่งคนแล้วด้วยข้อหาเดินกลางถนน ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาเหมือนมีน้ำทิพย์ชโลมใจ แล้วเริ่มมีเวลาให้กับความแปลกใจของตัวเองเพราะรู้สึกแล้วว่าถนนสายนี้ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน นอกจากถนนแล้วไม่มีอะไรให้มองเห็นอีก จะว่ามาผิดเส้นทางก็ไม่ใช่เพราะเคยใช้ถนนสายนี้มานับครั้งไม่ถ้วน หากคราวนี้ดูมันยาวไกลราวไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นเอง แสงไฟก็สาดจับร่างของใครคนหนึ่งกำลังเดินอยู่กลางถนน หากคราวนี้เป็นการเดินสวนทางเข้ามาอย่างรวดเร็ว ต่อให้คิดหักหลบก็อาจไม่พ้นเพราะความเร็วของรถ และแมนสันไม่เคยคิดจะหลบอยู่แล้ว เขาแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น แบบนี้มันท้าทายเชิญชวนชนเกินไปแล้ว เขาจึงไม่ยอมลดความเร็วแม้แต่น้อยขณะพุ่งเข้าชนคนกลางถนนเต็มแรงรถ คราวนี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้ล้มหายลงไปจากสายตาแต่กระเด้งขึ้นมาฝากระโปรงรถ เอามือทั้งสองยกเกาะกระจกติดเหมือนเป็นตุ๊กแกตัวใหญ่อ้าปากกว้างผิดมนุษย์เอียงแก้มแนบบดเบียดกระจกไปมา สายตาชำเลืองมองนั้นแดงฉานเต็มไปด้วยเลือด ร่างสั่นกระตุกบิดเบี้ยวไปมาราวมีไฟฟ้าแรงสูงวิ่งผ่าน บดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นจนหมดสิ้น แมนสันมองเห็นภาพนั้นอย่างเต็มตาชัดเจนแบบไม่น่าเป็นไปได้เพราะไม่ได้เปิดไฟในรถ มีบางอย่างผิดปกติอีกแล้ว
ใบหน้าตาเหลือกโพลงราวกับเป็นจอภาพยนตร์ จ้องมองมาเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่อย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนรถจะแฉลบลงข้างทาง ร่างสยองสั่นประสาทนั้นพลิกวูบออกไปด้านข้างลอยหายไปในความมืดราวใบไม้ปลิดปลิว ทำให้รอดพ้นจากการกระโจนลงข้างทางแบบหวุดหวิด แมนสันใจสั่นสะท้าน ไม่ว่าจะมีขวัญกำลังใจกล้าแข็งปานใดก็ตาม แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ดูน่ากลัวแบบไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน ใบหน้านัยน์ตาเหลือกโพลงและปากอ้าสั่นระริกยังประทับอยู่ในความรู้สึกชัดจน ..มันเรื่องบ้าอะไรกัน เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเป็นไปได้ มีอย่างที่ไหน คนเดินกลางถนนให้รถชนอย่างไม่สะทกสะท้าน ภาพอันสว่างกระจ่างชัดเกินจริง มันจะต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่หนุ่มใหญ่มือสังหารยังคิดไม่ออกว่าความผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร ชนคนมาแล้วแทบนับไม่ถ้วนยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้
สภาพเส้นทางยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนอยากจะจอดรถดูให้แน่ใจว่าข้างทางไม่มีอะไรนอกจากความมืดจริงหรือ แต่การทำแบบนั้นคงไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองดูสิว่าขับไปเรื่อยๆจะไม่มีปั้มน้ำมันหรือบ้านเรือนผู้คนปรากฏให้เห็น ก็ให้มันรู้ไป
กระจกมองหลังปรากฏแสงสว่างวูบวาบแสดงว่ามีรถกำลังวิ่งตามมาและรถคันนั้นจะต้องขับด้วยความเร็วสูงจึงสามารถไล่หลังมาได้แบบนี้ หนุ่มใหญ่ควานหาปืนประจำตำแหน่งบริเวณเอวทันที ถ้าหากเป็นตำรวจคงต้องตายไปข้างหนึ่ง คนอย่างเขาไม่มีวันยอมให้จับแต่โดยดีเป็นแน่
รถคันหลังเปิดไฟสูงจนแสงจ้ากระจกมองหลังของรถกระบะ ขณะพุ่งแซงไปอย่างรวดเร็ว เป็นรถจักรยานยนต์รุ่น 1000 ซีซี สีขาวมองเห็นชัดเจนกลางแสงไฟหน้ารถ คนขับหันหน้ากลับมามองก่อนถอดหมวดกันน็อคออกพลางแสยะยิ้มให้อย่างน่ากลัว แมนสันมองเห็นใบหน้านั้นไม่ถนัดนักหากรู้สึกคุ้นๆ ชอบกล ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรจักรยานยนต์คันนั้นก็เพิ่มความเร็ววิ่งหายลับไปจากสายตาจนไม่เหลือแม้แต่แสงของไฟท้ายรถด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ
“ไอ้บ้าเอ้ย...”
หนุ่มใหญ่นักฆ่าร้องด่าลั่นรถ การถูกขับแซงไปแบบรวดเร็วขนาดนั้นถือว่าเหยียดหยามกันเหลือทน ถ้าเจอกันอีกครั้งจะขับชนให้ตกถนนแล้วลงไปเดินย่ำลงบนร่างของคนขับให้สาแก่ใจ
วิทยุซึ่งเงียบเสียงไปพักหนึ่งตอนนี้มีเสียงสำลักคลื่นขลุกขลักตามด้วยเสียงหวีดหวิวแปลกๆก่อนมีเสียงพูดแว่วดังออกมาจากลำโพงรถอย่างชัดเจน
“สวัสดี เป็นยังไงบ้างแมนสัน”
นั่นทำให้หนุ่มใหญ่นั่งงงไปพักหนึ่ง สถานีวิทยุบ้าอะไรถึงมาทักทายคนฟังได้ ทำไมคนพูดรู้จักชื่อของเขา ขณะกำลังอยู่ในความมึนงงสงสัยเสียงประหลาดยังดังต่อไปเป็นการบอกตอกย้ำว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง
“”แกไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก ฉันแค่มาทักทายตามประสาคนรู้จักกันเท่านั้น”
“แกเป็นใคร” แมนสันคำราม มองไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อหาว่าใครกันแน่กำลังเล่นตลกกับเขา
“แกไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาหรอก ตั้งใจขับรถดีๆ เหมือนตอนที่แกตั้งใจขับรถชนคนเล่นนั่นล่ะ ตอนนั้นแกตั้งใจมากไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้บ้า....แกอยู่ไหนวะ”
“อยู่ถนนสายนี้กับแกนั่นล่ะ ตอนนี้อยู่ข้างหลังแกพอดี”
พอขาดเสียงพูดอันชวนพิศวง กระจกมองหลังพลันเจิดจ้าด้วยแสงไฟสูงจากรถยนต์คันหนึ่งซึ่งปิดไฟวิ่งแอบตามหลังมานานแค่ไหนแล้วไม่รู้ หากมาเปิดไฟสูงหน้ารถตอนนี้ราวกับจะกลั่นแกล้งกวนประสาท แล้วรถคู่ชีพของหนุ่มใหญ่ก็สะท้านยวบจากการถูกกระแทกอย่างแรงจากท้ายรถจนแทบเสียหลักตกถนน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถคันนั้นเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ว่าแต่มันเป็นใครแล้วแทรกเข้ามาในคลื่นวิทยุได้อย่างไร แมนสันยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
เพราะรถคันดังกล่าวยังจี้หลังตามมาชนกระแทกอีกหลายครั้ง หนุ่มใหญ่เห็นท่าไม่ดีจึงชะลอความเร็วของรถลงดึงปืนพกออกมาจากเอวอย่างเตรียมพร้อม เล่นแรงแบบนี้ต้องเอาให้เจ็บ พอชะลอความเร็วลง รถลึกลับด้านหลังกลับเร่งความเร็ววิ่งแซงด้านขวามือไปอย่างรวดเร็วก่อนแมนสันจะเปิดกระจกรถออกเพื่อลั่นกระสุน รถคันนั้นเป็นรถกระบะสีดำและพุ่งผ่านไปด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อจนลับหายไปจากสายตา
<มีต่อครับ>
ถนนอเวจี
เสียงเพลงจากอัลบัม Highway to hell จากวง AC/DC แผดสนั่นกลบเสียงครวญครางของเครื่องยนต์สี่สูบขนาดสองพันกว่าซีซี ชายหนุ่มร่างใหญ่วัยกลางคนในชุดเสื้อผ้าสีดำขยับโยกไหล่ส่ายไปมาตามจังหวะเพลงอย่างสบายใจเพราะแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาทันอย่างแน่นอน หลังจากเย็นวันนี้ได้กระทำเรื่องราวทรงคุณค่าสำหรับเขาอยู่สองประการ เรื่องแรกคือการกระหน่ำยิงเหยื่อสั่งตายซึ่งหมายตาไว้นานแล้วเป็นผลสำเร็จสมบูรณ์แบบ เรื่องที่สองเป็นการสร้างสีสันกับชีวิตติดตามมาในเวลาไม่นานนัก คือการพุ่งรถเข้าชนคนซึ่งกำลังเดินอยู่ริมถนนกระเด็นหายไปจากชีวิตสองราย เหตุผลคือเพื่อความสะใจส่วนตัว เขาชอบความรู้สึกขณะอัดรถบดขยี้ใครก็ได้ที่เดินไร้เดียงสา มาขัดขวางสายตา
เขาชื่อแมนสัน ถ้าเอาความดีมาแข่งกันเขาไม่กล้าสู้ใคร แต่ถ้าเอาความเลวมาแข่ง แมนสันสู้ไม่เคยกลัวใคร
สมัยเป็นเด็กเขาเคยสงสัยว่าชีวิตคนเรามีค่าเท่าไรกันแน่ ตอนนั้นเขายังหาคำตอบไม่ได้ หากตอนนี้เขารู้ว่าชีวิตคนเรามีค่าต่างกัน และสามารถประเมินมูลค่าของชีวิตเป็นตัวเลขได้ ตามราคาที่เขาพอใจและเรียกร้อง
ช่วงค่ำของวันนี้ ข้างสนามกอล์ฟนอกเมือง จังหวะผู้คนผ่อนคลายไม่ระวังตัว เขาได้โอกาสเหมาะกระหน่ำยิงรองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจการส่งออกสินค้ารายหนึ่ง ชายหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นอายุยังน้อยและมีอนาคตไกลไปเร็วจนสะดุดขาใครบางคน แมนสันเป็นผู้พิพากษาชะตาชีวิตให้เองโดยคำสั่งของ “เจ้านาย” ผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง แมนสันไม่เคยทำให้คนจ้างผิดหวัง เริ่มจากการสะกดรอยติดตามเหยื่อนานนับเดือนอย่างอดทนใจเย็น จนรู้รูปแบบลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อนำไปประกอบการวางแผนลงมือปิดบัญชีแล้วหลบหนีลอยนวลอย่างฉลาดเหนือเมฆ
ตอนนี้เขาออกนอกเมืองกับเงินค่าจ้างล่วงหน้าครึ่งหนึ่ง อีกไม่นานเงินค่าจ้างที่เหลือจะถูกโอนเข้าบัญชีของเขาเพื่อนำไปเสวยสุขอยู่เมืองอื่นอย่างสบายใจกาย
แมนสันมองดูนาฬิกาบนแผงหน้าปัดคอนโซลรถ ใกล้สองทุ่มแล้วถือว่ายังไม่ดึกอะไร รถวิ่งสวนทางมาค่อนข้างน้อยและเริ่มน้อยลงเป็นลำดับจนเขาเองเริ่มแปลกใจเพราะปกติถนนสายนี้ไม่เคยหลับ จะมากจะน้อยก็ต้องมีรถผ่านไปมาเสมอ ต่างจากตอนนี้ซึ่งรถสวนทางมาน้อยลงเป็นลำดับ สุดท้ายไม่มีรถวิ่งสวนทางมาเลย แสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางก็คล้ายทิ้งระยะห่างระหว่างต้นไกลยืดยาวออกไปทุกทีอย่างน่าแปลกใจจนในที่สุดสองข้างทางมืดสนิท มีเพียงแสงไฟหน้ารถเท่านั้นสาดเป็นลำยาวนำทางมองเห็นสีขาวของเส้นแบ่งถนนพุ่งเข้ามาหาไม่ขาดสาย
บรรยากาศแบบนี้น่าจะมีคนมาให้ชนเล่นแก้เบื่อ...เขาคิดในใจ
ทุกครั้งเมื่อจบภารกิจปิดบัญชี เขาจะหาเรื่องเล่นสนุกแบบร้ายกาจชนิดคนธรรมดาไม่กล้าทำหรือคิดจะทำ โดยการหาจังหวะเหมาะๆ เฉี่ยวชนคนตามเส้นทางการหลบหนี เป้าหมายมักเป็นคนเดินอยู่ตามลำพัง แต่บางครั้งถ้าเป้าหมายมีสองคนเขาก็ไม่เกี่ยง ถือว่าเป็นโบนัส ความรู้สึกตอนกันชนหน้ารถกระแทกร่างของเหยื่อจนลอยกระเด็นให้ความรู้สึกหนักแน่นเร้าใจอิ่มเอิบซาบซ่านแบบอธิบายไม่ถูก บางครั้งเจอคนขับมอเตอร์ไซด์ แมนสันจะจงใจขับรถเบียดกระแทกจนเสียหลักพลิกคว่ำกระดอนกระเด็นอย่างสวยงามในความรู้สึก นึกถึงสภาพจิตใจคนของเหยื่อแล้วก็อดขำไม่ได้ คงตกใจน่าดูว่าอยู่ดีๆก็ถูกเฉี่ยวชนแบบไม่มีเหตุผล บางคนอาจแขนขาหักหรือพิการ ช่างตลกสิ้นดี
การกระทำเลวร้ายของแมนสันกลายเป็นพฤติกรรมเสพติดไปโดยไม่รู้ตัว และความต้องการกระทำแบบนั้นทวีมากขึ้นเป็นลำดับอย่างยากต่อการควบคุม
เสียงร้องอันบาดลึกแก้วหูของ Bon Scott และเสียงดนตรีก็แหบพร่าติดๆดับๆ ราวกับว่าเครื่องเสียงติดรถยนต์ราคาแพงเกิดมาเสียกะทันหัน แมนสันสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ความสุนทรียะขาดหายไปเฉยๆ ลองเปลี่ยนมาฟังวิทยุก็มีแต่เสียงซ่าอันเย็นชาน่ารำคาญใจเท่านั้น และในที่สุดเสียงซ่าของวิทยุก็สำลักคลื่นขลุกขลักก่อนขาดลมหายใจ
“ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ย...”
แมนสันเอามือทุบพวงมาลัยโครมอย่างอารมณ์เสียแล้วเขย่าไปมาระบายความขุ่นเคือง ถนนด้านหน้าเป็นทางโค้งหักศอก เขามองเห็นในระยะกะทันหัน ทำเอาต้องตาลีตาเหลือกเหยียบเบรกหมุนพวงมาลัยให้รถคู่ใจเลี้ยวเข้าเลนหลักของถนนแบบหวุดหวิดเฉียดขอบถนนไปแบบใจหายใจคว่ำ
จังหวะนั้นเอง แสงไฟหน้ารถส่องเห็นด้านหลังใครคนหนึ่งเดินอยู่กลางถนน แมนสันหงุดหงิดอยู่แล้ว พอมองเห็นเหยื่อปรากฏต่อหน้าโดยไม่ต้องแสวงหาให้เสียเวลาจึงไม่คิดจะหักพวงมาลัยรถหลบแม้แต่น้อย เท้ากระทืบคันเร่งพารถคู่ชีพพุ่งชนด้านหลังคนเคราะห์ร้ายเต็มความเร็วความแรง จนร่างของเหยื่อเคราะห์ร้ายถูกกระแทกล้มคว่ำหายไปจากสายตา คาดว่าลงล้มฟาดลงไปกับพื้นโดยมีรถแล่นทับบดครูดผ่านไปเพราะรู้สึกว่าใต้ท้องรถมีการกระแทกกับวัตถุบางอย่างกึงกังแบบเหล็กบดขยี้เศษเนื้ออย่างน่าสยดสยอง แต่กับแมนสันแล้วรู้สึกสะใจเหลือเกิน เขานึกภาพร่างนั้นฉีกขาดหงิกงอผิดรูปเลือดท่วมกระตุกไหวไปมาอยู่กับพื้นแล้วยิ่งรู้สึกสาแก่ใจมากขึ้นจนแทบจะมองเห็นกระดูกสีขาวโผล่พ้นเศษเนื้อจากร่างหักพับยับเยินกระจ่างในความคิด
“สมน้ำหน้า ทะลึ่งมาเดินอยู่คนเดียวกลางถนน ไปเกิดใหม่ซะ”
เขาร้องด้วยความสาแก่ใจ หัวเราะอย่างสุขสมแล้วโยกไหล่ไปมาให้เข้ากับจังหวะและริฟฟ์กีตาร์หนักๆของ Angus Young ในเพลง Highway to hell ซึ่งกำลังร้องอยู่ในใจ... I'm on the highway to hell on the highway to hell.....
ชนคนในความมืดไปหนึ่งคนแล้วด้วยข้อหาเดินกลางถนน ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาเหมือนมีน้ำทิพย์ชโลมใจ แล้วเริ่มมีเวลาให้กับความแปลกใจของตัวเองเพราะรู้สึกแล้วว่าถนนสายนี้ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน นอกจากถนนแล้วไม่มีอะไรให้มองเห็นอีก จะว่ามาผิดเส้นทางก็ไม่ใช่เพราะเคยใช้ถนนสายนี้มานับครั้งไม่ถ้วน หากคราวนี้ดูมันยาวไกลราวไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นเอง แสงไฟก็สาดจับร่างของใครคนหนึ่งกำลังเดินอยู่กลางถนน หากคราวนี้เป็นการเดินสวนทางเข้ามาอย่างรวดเร็ว ต่อให้คิดหักหลบก็อาจไม่พ้นเพราะความเร็วของรถ และแมนสันไม่เคยคิดจะหลบอยู่แล้ว เขาแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น แบบนี้มันท้าทายเชิญชวนชนเกินไปแล้ว เขาจึงไม่ยอมลดความเร็วแม้แต่น้อยขณะพุ่งเข้าชนคนกลางถนนเต็มแรงรถ คราวนี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้ล้มหายลงไปจากสายตาแต่กระเด้งขึ้นมาฝากระโปรงรถ เอามือทั้งสองยกเกาะกระจกติดเหมือนเป็นตุ๊กแกตัวใหญ่อ้าปากกว้างผิดมนุษย์เอียงแก้มแนบบดเบียดกระจกไปมา สายตาชำเลืองมองนั้นแดงฉานเต็มไปด้วยเลือด ร่างสั่นกระตุกบิดเบี้ยวไปมาราวมีไฟฟ้าแรงสูงวิ่งผ่าน บดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นจนหมดสิ้น แมนสันมองเห็นภาพนั้นอย่างเต็มตาชัดเจนแบบไม่น่าเป็นไปได้เพราะไม่ได้เปิดไฟในรถ มีบางอย่างผิดปกติอีกแล้ว
ใบหน้าตาเหลือกโพลงราวกับเป็นจอภาพยนตร์ จ้องมองมาเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่อย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนรถจะแฉลบลงข้างทาง ร่างสยองสั่นประสาทนั้นพลิกวูบออกไปด้านข้างลอยหายไปในความมืดราวใบไม้ปลิดปลิว ทำให้รอดพ้นจากการกระโจนลงข้างทางแบบหวุดหวิด แมนสันใจสั่นสะท้าน ไม่ว่าจะมีขวัญกำลังใจกล้าแข็งปานใดก็ตาม แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ดูน่ากลัวแบบไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อน ใบหน้านัยน์ตาเหลือกโพลงและปากอ้าสั่นระริกยังประทับอยู่ในความรู้สึกชัดจน ..มันเรื่องบ้าอะไรกัน เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเป็นไปได้ มีอย่างที่ไหน คนเดินกลางถนนให้รถชนอย่างไม่สะทกสะท้าน ภาพอันสว่างกระจ่างชัดเกินจริง มันจะต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่หนุ่มใหญ่มือสังหารยังคิดไม่ออกว่าความผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร ชนคนมาแล้วแทบนับไม่ถ้วนยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้
สภาพเส้นทางยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนอยากจะจอดรถดูให้แน่ใจว่าข้างทางไม่มีอะไรนอกจากความมืดจริงหรือ แต่การทำแบบนั้นคงไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองดูสิว่าขับไปเรื่อยๆจะไม่มีปั้มน้ำมันหรือบ้านเรือนผู้คนปรากฏให้เห็น ก็ให้มันรู้ไป
กระจกมองหลังปรากฏแสงสว่างวูบวาบแสดงว่ามีรถกำลังวิ่งตามมาและรถคันนั้นจะต้องขับด้วยความเร็วสูงจึงสามารถไล่หลังมาได้แบบนี้ หนุ่มใหญ่ควานหาปืนประจำตำแหน่งบริเวณเอวทันที ถ้าหากเป็นตำรวจคงต้องตายไปข้างหนึ่ง คนอย่างเขาไม่มีวันยอมให้จับแต่โดยดีเป็นแน่
รถคันหลังเปิดไฟสูงจนแสงจ้ากระจกมองหลังของรถกระบะ ขณะพุ่งแซงไปอย่างรวดเร็ว เป็นรถจักรยานยนต์รุ่น 1000 ซีซี สีขาวมองเห็นชัดเจนกลางแสงไฟหน้ารถ คนขับหันหน้ากลับมามองก่อนถอดหมวดกันน็อคออกพลางแสยะยิ้มให้อย่างน่ากลัว แมนสันมองเห็นใบหน้านั้นไม่ถนัดนักหากรู้สึกคุ้นๆ ชอบกล ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรจักรยานยนต์คันนั้นก็เพิ่มความเร็ววิ่งหายลับไปจากสายตาจนไม่เหลือแม้แต่แสงของไฟท้ายรถด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ
“ไอ้บ้าเอ้ย...”
หนุ่มใหญ่นักฆ่าร้องด่าลั่นรถ การถูกขับแซงไปแบบรวดเร็วขนาดนั้นถือว่าเหยียดหยามกันเหลือทน ถ้าเจอกันอีกครั้งจะขับชนให้ตกถนนแล้วลงไปเดินย่ำลงบนร่างของคนขับให้สาแก่ใจ
วิทยุซึ่งเงียบเสียงไปพักหนึ่งตอนนี้มีเสียงสำลักคลื่นขลุกขลักตามด้วยเสียงหวีดหวิวแปลกๆก่อนมีเสียงพูดแว่วดังออกมาจากลำโพงรถอย่างชัดเจน
“สวัสดี เป็นยังไงบ้างแมนสัน”
นั่นทำให้หนุ่มใหญ่นั่งงงไปพักหนึ่ง สถานีวิทยุบ้าอะไรถึงมาทักทายคนฟังได้ ทำไมคนพูดรู้จักชื่อของเขา ขณะกำลังอยู่ในความมึนงงสงสัยเสียงประหลาดยังดังต่อไปเป็นการบอกตอกย้ำว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง
“”แกไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก ฉันแค่มาทักทายตามประสาคนรู้จักกันเท่านั้น”
“แกเป็นใคร” แมนสันคำราม มองไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อหาว่าใครกันแน่กำลังเล่นตลกกับเขา
“แกไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาหรอก ตั้งใจขับรถดีๆ เหมือนตอนที่แกตั้งใจขับรถชนคนเล่นนั่นล่ะ ตอนนั้นแกตั้งใจมากไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้บ้า....แกอยู่ไหนวะ”
“อยู่ถนนสายนี้กับแกนั่นล่ะ ตอนนี้อยู่ข้างหลังแกพอดี”
พอขาดเสียงพูดอันชวนพิศวง กระจกมองหลังพลันเจิดจ้าด้วยแสงไฟสูงจากรถยนต์คันหนึ่งซึ่งปิดไฟวิ่งแอบตามหลังมานานแค่ไหนแล้วไม่รู้ หากมาเปิดไฟสูงหน้ารถตอนนี้ราวกับจะกลั่นแกล้งกวนประสาท แล้วรถคู่ชีพของหนุ่มใหญ่ก็สะท้านยวบจากการถูกกระแทกอย่างแรงจากท้ายรถจนแทบเสียหลักตกถนน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถคันนั้นเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ว่าแต่มันเป็นใครแล้วแทรกเข้ามาในคลื่นวิทยุได้อย่างไร แมนสันยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
เพราะรถคันดังกล่าวยังจี้หลังตามมาชนกระแทกอีกหลายครั้ง หนุ่มใหญ่เห็นท่าไม่ดีจึงชะลอความเร็วของรถลงดึงปืนพกออกมาจากเอวอย่างเตรียมพร้อม เล่นแรงแบบนี้ต้องเอาให้เจ็บ พอชะลอความเร็วลง รถลึกลับด้านหลังกลับเร่งความเร็ววิ่งแซงด้านขวามือไปอย่างรวดเร็วก่อนแมนสันจะเปิดกระจกรถออกเพื่อลั่นกระสุน รถคันนั้นเป็นรถกระบะสีดำและพุ่งผ่านไปด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อจนลับหายไปจากสายตา
<มีต่อครับ>