ขอเกริ่นก่อนเลยว่าทริปนี้นี้เป็นส่วนหนึ่งในวิชาเรียนของเรา ถ้าไม่มีวิชานี้ เราก็คงจะไม่ได้ไปเปิดโลกทัศน์สุดคุ้มค่าคุ้มเวลากับทริปตะลุยเขาค้อ 2 วัน 1 คืน
สำหรับทริปนี้ ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะไปเขาค้อ งานสั่งนานแล้วแหละ แต่ไปจริงๆ พ.ย. เนื่องจากภาคเราเรียนเยอะมาก บางคนเรียนทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ แถมบางคนดันเรียนวันเสาร์อีก หาเวลาว่างไม่ได้เลย สุดท้ายเราก็หาเวลาว่างกันได้ แต่ก็สามารถไปได้แค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น พอวันที่เราจะไปทริปใกล้เข้ามา เราก็รกๆลนๆไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จะไปที่ไหน ไปยังไง ทำอะไรมั่ง ยังไม่มีการวางแผนซักนิดดด …..
1 อาทิตย์ก่อนออกทริป
หาซิครับ หาสถานที่ไป จะไปไหน อยากไปไหน ทะเลไหม? …ก็ไม่อะ เบื่อละ ...น้ำตกละ… ก็น่าสน
แล้วทะเลหมอกละ เชียงใหม่ไหม? ไกลไปมั่งงง เวลาเราก็มีน้อยด้วยย…สมาชิกคนนึงกล่าวมาว่า
A : เพชรบูรณ์ บ้านกูไหม
B : มีไรน่าเที่ยววะ
A : เขาค้อ
เขาค้อ
เขาค้อ ...แล้วเขาค้อมันมีไรมั่ง “
...มีซิมีเยอะเลย” หลังจากได้สถานที่ที่จะไปพวกเราก็เริ่มศึกษาสถานที่เที่ยวในเขาค้อ มีเยอะมาก มีน้ำตกด้วย ทะเลหมอกก็มี พิพิธภัณฑ์ วัด รีสอร์ทจุดชมวิว บลาๆๆ สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์ของสมาชิกในกลุ่มได้อย่างดี ใครอยากไปน้ำตกก็ได้ไป เที่ยวรีสอร์ทก็มี วัดก็ได้ ทะเลก็เอา(เที่ยวทะเลหมอกไปละกัน)
วันที่ 1 เริ่มต้นการเดินทาง
จุดเริ่มต้นของการเดินทางอยู่หน้า มจธ. มหาลัยของพวกเรานั้นเอง ระยะ 2 คือการเดินทางไปบ้านเพื่อนที่งามวงศ์วาน(อีกหลัง) ด้วยที่ว่าเป็นบ้านเกิดของเพื่อนคนนี้ ก็ทำให้เรามีผู้ชำนาญการในการเดินทางสำหรับทริปนี้ (ไม่ใช่มันหรอก แม่มัน) และระยะ 3 จากงามวงศ์วานไปอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ..เหมือนสวรรค์ฟ้าลิขิตให้เราไม่ต้องเสียเงิน เอาฤกษ์เอาชัย เมื่อแม่เพื่อนก็จะกลับไปเยี่ยมบ้านที่เพชรบูรณ์พอดี ...รอช้าอยู่ใย “
ขอติดรถไปด้วยนะครับแม่ครับ” การเดินทางไปเขาค้อกับความโชคดีนี้ได้เริ่มต้นขึ้น
การเดินทางครั้งนี้เราอยากให้เป็นทริปที่ประหยัดที่สุด ให้ตรงกับธีม Low Price High Experience ดังนั้นพวกเราจึงประหยัดเงินไปเผื่อไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าที่เขาค้อของจะแพงหรือเปล่า เลยตัดสินใจซื้อของจากข้างทางเก็บไว้กินตอนกลางคืน
ระยะ 4 ณ ตอนนี้เราได้มาถึงบ้านของเพื่อนที่เพชรบูรณ์แล้ว ..ไปยังไงต่อละ….มีรถประจำทางไหม เหมารถไหม ในพันทิปบอกว่ามีรถเหมา แล้วรถเหมาอยู่ไหนละ ถนนโล่งซะ เอ้า!!มายืนงงๆอึนๆกัน!! ...จนกระทั่งพ่อเพื่อนที่อยู่ที่นั่นพูดออกมาว่า “
เอารถไปละกัน” ...เอาจริงดิ!!
...เอาจริงเหรอครับพ่อ ปกติรถนี่เค้าให้ยืมกันง่ายขนาดนี้เลอออ อย่างที่บอกในหัวข้อเลยครับ ทริปนี้มีแต่โชค
วันที่ 1 สู่เขาค้อจุดหมายของเรา
...รถโฟกวาเก้นซะด้วย ….. “
แล้วกระจกข้างมันปรับไงวะ เห้ยโทรหาพ่อดิ๊” ..ออกมาไม่ถึง กิโล ก็มีปัญหาซะละ ณ จุดๆนี้คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของพวกเราเองแล้ว มีแผนที่กากๆ1แผ่น และ GPS จะหลงหรือจะถึง GPS จ๊ะ อย่าทิ้งกันนะ…การเดินทางเหมือนจะเรียบๆมาเรียงๆไป ทุกคนดูแฮปปี้ มีความสุข ชิลๆสบายๆ จนกระทั่งแวะปั้ม
A : พี่ครับ เต็มถัง
B : มีแค่ครึ่งถังเติมเผื่อไว้ก่อน
C : น่าจะ 500 บาทนะ
D : เๆ เกินละวะ
C : อีสัส 800 แล้ว
E : ดอกกกก 980
*โฟกวาเก้น รุ่นเก่า ตัวถังใหญ่จุน้ำมันได้เยอะ เงินก็หมดเยอะเช่นกัน
และแล้วทริปนี้เราก็เสียเงินก้อนแรกไปกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เงินสูญบานตะไท สลายไปกับสายลม
การเดินทางดูจะเต็มไปด้วยความงงงวยของเส้นทางแต่ก็ดีหน่อยที่รถไม่ติด ขับตาม GPS มาเรื่อยๆ ก็ยังสามารถขับรถชิลๆได้ แต่ก็เกือบหลงหลายครั้งเหมือนกัน ...ชิลจนป้ายข้างทางป้ายนี้!!!
ช็อคสิครับช็อค! เวรละไง ถอยรถเลยครับ! ...แล้วเอาไงละทีนี้! พวกเราก็ไม่มีใครเคยขับรถขึ้นเขาเลยสักคน ชำนาญเส้นทางหรือ? ก็ไม่ จะไปทางหลวงอื่นแล้วมันไปยังไงละ? GPS ก็ไม่ได้บอกด้วยดิ ดูแผนที่ก็ไม่ได้ช่วยเลยย… วิธีสุดท้ายที่ช่วยเราได้และมีประสิทธิภาพสุด ก็คือถามชาวบ้านนั้นเอง
A : ลุงครับๆ มีเส้นทางอื่นนอกจากทางที่ไปเขาค้อหรือเปล่าครับ?
B : มีๆ แต่เส้นนี้มันใกล้สุดแล้ว ขับไปแปปเดียวก็ถึง
A : แล้วทางมันชันมากมั้ยอะลุง เห็นป้ายมันเขียน แบบนี้ผมจะขับขึ้นไปได้มั้ย?
B : ได้อยู่แล้ว ทางมันไม่ชันมาก เนี่ยมันเพิ่งทำใหม่ ทางโอเคเลย
A : ขอบคุณครับลุง
โอเคครับ ผมเชื่อลุง หลังจากนั้นเราก็ลุยหน้าต่อเลย! ขับไปเลยยยอย่าได้กลัว ถึงจะไม่เคยขับขึ้นเขามาก่อน แต่ลุงบอกไม่ชันมาก เราก็เชื่อครับ งั้นเราก็คล่อยๆกระดึ๊บๆไปละกัน…
พอขับขึ้นมาสัก 1 นาทีเท่านั้นแหละ… รู้เลย เอเวอร์เรสหรือเปล่า เอเวอร์เรสใช่ไหม โอ้ววว ทำไมพระเจ้าไม่สร้างภูเขาให้แบนเป็นสี่เหลี่ยม เกร็งไปดิทุกคนน จะตกเขาก่อนถึงมั้ยเนี่ยย OMG ชันอย่างเดียวไม่พอ โค้งก็มา โค้งซ้ายโค้งขวา ยกหน้า ยกหลัง มาครบเลยจ้า แล้วทำไงละ ก็กระดึ๊บๆ ปล่อยเกียร์ไหลลงเขาไปเลยสิครับบผม แล้วไหนลุงบอกเส้นนี้ใกล้สุดไง นิขับมานานแล้วนะลุงง ไม่ถึงครึ่งทางสักที นั่งตูดเมื่อย หูก็อื้อ เมารถอีก…
… พวกเรา 5 คน ผู้ไม่เคยขับรถออกต่างจังหวัด และขึ้นเขาเลยซักครั้งเดียว ก็รอดมาได้ ขับอยู่ 3 ชม กว่าจะถึงเขาค้อ ซึ่งปกติน่าจะมาถึงเร็วกว่านี้ วิวระหว่างนั่งรถจัดว่าเป็นอะไรที่สุดติ่งที่กระดิ่งแมว เพราะมันสวยมว๊ากสวยกว่าจุดหมายซะอีก อย่างกะอยู่ต่างประเทศ นี่มันดินแดนแห่ง ไชร์ ที่เต็มไปด้วยเนินเขาเขียวขจี พร้อมกับเหล่าฮอบบิทตัวน้อย...ไม่ใช่ละ….เข้าเรื่องกันต่อ
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายซักที ...เขาค้อ … อ่า แล้วเราจะพักที่ไหนดีละ? ได้ยินเสียงแหว่วๆ มาจากสหายคนนึงว่า “
กูเคยพักที่นึง”
...งั้นนำเลยเพื่อน ก็ไม่รู้ว่าว่างหรือเปล่าเพราะไม่ได้จองไว้ ช่างมัน..ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที และเราก็มาถึงที่พักอันไม่ได้นัดหมาย กู๊ดวิว รีสอร์ท บ้านไม้สวยงามกับพื้นที่ลาดชันพอให้เห็นวิวหย่อมๆ น่าค้นหา
แถมคนไม่เยอะ หรือแทบไม่มีเลยดีกว่าเพราะยังไม่อยู่ในช่วงเปิดรีสอร์ท เมื่อมาถึงเราก็ได้คุยกับเจ้าของรีสอร์ท “ป้าตู่” และเหตุการณ์ต่อจากนี้ก็เป็นอีกโชคดีอย่างนึงของทริปนี้ เมื่อป้าตู่จำเพื่อนที่เคยมาพักรีสอร์ทของแกหลายครั้งได้ คุยกันไปคุยกันมา เขาจึงยื่นข้อเสนอว่า ช่วยถ่ายรูปโปรโมทรีสอร์ทให้ แล้วเดี๋ยวให้ที่พักฟรี ...
ฟรี!! ...
ฟรี!! .
ฟรี!! ตะลึงไป 3 วิ นึกว่าหูฝาด แต่ไม่ฝาดครับ ฟรีจริงๆ ดิ้นสิครับ ดิ้น ...ค่าเดินทางก็ไม่เสีย(น้ำมันค่าโง่ ฮ่าๆ) ค่าที่พักก็ยังไม่เสียอีก ชีวิต ดีดี๊...เรื่องราวทั้งหมดที่เล่าและที่กำลังจะเล่าให้ทุกท่านฟัง จะบอกว่าเป็นโชคดีก็ดูจะมากไป ถ้าพูดอีกนัยนึงอาจจะเรียกว่าน้ำใจของผู้คนมากกว่า มันคือความเกื้อกูลและความช่วยเหลือของผู้คนรอบข้าง ที่ทำให้พวกเรามีทริปที่สบายขนาดนี้
หลังจากตกลงอะไรกันเรียบร้อย เราก็ได้ห้องพักมาหนึ่งห้อง สำหรับ 2 คนกับข้าวเช้าของวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งมื้อ เก็บข้าวเก็บของเข้าห้อง กางเต้น(สำหรับผู้ชาย ผู้หญิงนอนในห้อง) เปลี่ยนเสื้อ เสร็จภารกิจต่างๆ ก็เกือบๆ 5 โมงแล้ว หลังจากนั้น ป้าตู่ก็ชวนเราไปเดิน Night Market ตลาดนัดของชาวเขาค้อ
คนเยอะมาก และของกินก็ถูกด้วย คนที่นั้นมีน้ำใจกันมาก นมครกก็กินฟรี ป้าตู่เลี้ยง แถมเลี้ยงซาลาเปาอีก ลาภปากโดยแท้ ระหว่างที่เดินไปตลาดก็ได้คุยกับป้าตู่ไปด้วย ป้าตู่ก็ได้บอกความจริงสุดช็อคว่า… ทางที่เรามาอะจริงๆเป็นเส้นทางอ้อมสุดแล้ว!! มันมีเส้นทางที่ใกล้กว่านี้มากก ทางก็สบายกว่าด้วยย…TT
ป้าตู่เป็นที่ดูน่านับถือมาก และน่าจะเป็นที่นับถือของชาวบ้านแถวนั้นพอสมควร เลยที่เดียว หลังจากเดินกันได้ซักพักฟ้าก็เริ่มมืด มืดเร็วมากเพิ่ง 6 โมงเอง ...เมื่อซื้อของกันเสร็จพวกเราก็เดินไปดูจุดชมวิว ณ ที่ทำการไปรษณีของอำเภอเขาค้อ ...แล้วจึงต้องอุทานออกมาว่า ขุ่นพระ... ช่างงดงามประดุจเมืองยามค่ำคืนเวอร์ชั่นเขาค้อ ถ้ามีแสงเหนือมาบรรจบ เพอเฟ็ค!!
เริ่มค่ำหมอกก็เริ่มลง ด้วยว่าไม่อยากเสียเงิน ก็เลยซื้อแค่ขนมไปติดแต่ไม่ได้กินข้าวกันที่ตลาด ...เรามีเสบียงมาแล้ววว กับข้าวที่ซื้อมาเมื่อเช้า แม้จะเย็นเฉียบแต่ก็อร่อยใช้ได้ มื้อนี้เรามากินเพื่ออยู่แล้วกันนะ
หลังจากกินข้าวเสร็จ อากาศไม่หนาวมากเท่าไหร่เพราะไม่มีลมเท่าไหร่ แต่ก็เย็นจับใจ อุณหภูมิอยู่ที่ 19 องศา
เย็นสบายกำลังดีไม่ต้องเปิดแอร์ เดินเล่นกันอยู่ถึง 3 ทุ่ม ก็ได้เวลาไปอาบน้ำนอน จะได้ตื่นตอนเช้าไปดูพระเอกของงาน “ทะเลหมอก” นะ
วันที่ 2 ตะลุยก่อนกลับ
พวกเราตั้งใจกันว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นกันด้วย เลยตื่นกันตั้งแต่ตี5.30 แต่อากาศหนาวๆ เย็นสบาย แบบนี้ ไม่อยากลุกจากที่นอนเลยยย ทำให้กว่าจะออกจากที่พักได้ก็ปาไป 6โมงกว่าซะแล้วสิ ไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นงั้นไปดูทะเลหมอก ณ ที่ทำการไปรษณีของอำเภอเขาค้อ ที่เดิมที่เราได้ไปมาเมื่อวานแทนก็แล้วกัน ...คงไม่อาจจะบรรยายความสวยงามได้เอาเป็นว่า ไปดูภาพประกอบกันยาวๆเลยดีกว่าครับ
ทะเลหมอกจะเริ่มมีตั้งแต่ค่ำไปจนเกือบ 10 โมงเลยทีเดียว เพราะงั้นใครที่ไม่อยากตื่นเช้าก็ยังได้มีโอกาศดูทะเลหมอกกับเค้าเหมือนกัน
[SR] เปิดรับลมหนาว กับ ทริปชิลๆ ตะลุยเขาค้อ 2 วัน1 คืน ในเส้นทางที่เต็มไปด้วยโชค
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าทริปนี้นี้เป็นส่วนหนึ่งในวิชาเรียนของเรา ถ้าไม่มีวิชานี้ เราก็คงจะไม่ได้ไปเปิดโลกทัศน์สุดคุ้มค่าคุ้มเวลากับทริปตะลุยเขาค้อ 2 วัน 1 คืน
สำหรับทริปนี้ ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะไปเขาค้อ งานสั่งนานแล้วแหละ แต่ไปจริงๆ พ.ย. เนื่องจากภาคเราเรียนเยอะมาก บางคนเรียนทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ แถมบางคนดันเรียนวันเสาร์อีก หาเวลาว่างไม่ได้เลย สุดท้ายเราก็หาเวลาว่างกันได้ แต่ก็สามารถไปได้แค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น พอวันที่เราจะไปทริปใกล้เข้ามา เราก็รกๆลนๆไปหมด ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จะไปที่ไหน ไปยังไง ทำอะไรมั่ง ยังไม่มีการวางแผนซักนิดดด …..
1 อาทิตย์ก่อนออกทริป
หาซิครับ หาสถานที่ไป จะไปไหน อยากไปไหน ทะเลไหม? …ก็ไม่อะ เบื่อละ ...น้ำตกละ… ก็น่าสน
แล้วทะเลหมอกละ เชียงใหม่ไหม? ไกลไปมั่งงง เวลาเราก็มีน้อยด้วยย…สมาชิกคนนึงกล่าวมาว่า
A : เพชรบูรณ์ บ้านกูไหม
B : มีไรน่าเที่ยววะ
A : เขาค้อ
เขาค้อ ...แล้วเขาค้อมันมีไรมั่ง “...มีซิมีเยอะเลย” หลังจากได้สถานที่ที่จะไปพวกเราก็เริ่มศึกษาสถานที่เที่ยวในเขาค้อ มีเยอะมาก มีน้ำตกด้วย ทะเลหมอกก็มี พิพิธภัณฑ์ วัด รีสอร์ทจุดชมวิว บลาๆๆ สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์ของสมาชิกในกลุ่มได้อย่างดี ใครอยากไปน้ำตกก็ได้ไป เที่ยวรีสอร์ทก็มี วัดก็ได้ ทะเลก็เอา(เที่ยวทะเลหมอกไปละกัน)
วันที่ 1 เริ่มต้นการเดินทาง
จุดเริ่มต้นของการเดินทางอยู่หน้า มจธ. มหาลัยของพวกเรานั้นเอง ระยะ 2 คือการเดินทางไปบ้านเพื่อนที่งามวงศ์วาน(อีกหลัง) ด้วยที่ว่าเป็นบ้านเกิดของเพื่อนคนนี้ ก็ทำให้เรามีผู้ชำนาญการในการเดินทางสำหรับทริปนี้ (ไม่ใช่มันหรอก แม่มัน) และระยะ 3 จากงามวงศ์วานไปอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ..เหมือนสวรรค์ฟ้าลิขิตให้เราไม่ต้องเสียเงิน เอาฤกษ์เอาชัย เมื่อแม่เพื่อนก็จะกลับไปเยี่ยมบ้านที่เพชรบูรณ์พอดี ...รอช้าอยู่ใย “ขอติดรถไปด้วยนะครับแม่ครับ” การเดินทางไปเขาค้อกับความโชคดีนี้ได้เริ่มต้นขึ้น
การเดินทางครั้งนี้เราอยากให้เป็นทริปที่ประหยัดที่สุด ให้ตรงกับธีม Low Price High Experience ดังนั้นพวกเราจึงประหยัดเงินไปเผื่อไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าที่เขาค้อของจะแพงหรือเปล่า เลยตัดสินใจซื้อของจากข้างทางเก็บไว้กินตอนกลางคืน
ระยะ 4 ณ ตอนนี้เราได้มาถึงบ้านของเพื่อนที่เพชรบูรณ์แล้ว ..ไปยังไงต่อละ….มีรถประจำทางไหม เหมารถไหม ในพันทิปบอกว่ามีรถเหมา แล้วรถเหมาอยู่ไหนละ ถนนโล่งซะ เอ้า!!มายืนงงๆอึนๆกัน!! ...จนกระทั่งพ่อเพื่อนที่อยู่ที่นั่นพูดออกมาว่า “เอารถไปละกัน” ...เอาจริงดิ!!
...เอาจริงเหรอครับพ่อ ปกติรถนี่เค้าให้ยืมกันง่ายขนาดนี้เลอออ อย่างที่บอกในหัวข้อเลยครับ ทริปนี้มีแต่โชค
วันที่ 1 สู่เขาค้อจุดหมายของเรา
...รถโฟกวาเก้นซะด้วย ….. “แล้วกระจกข้างมันปรับไงวะ เห้ยโทรหาพ่อดิ๊” ..ออกมาไม่ถึง กิโล ก็มีปัญหาซะละ ณ จุดๆนี้คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของพวกเราเองแล้ว มีแผนที่กากๆ1แผ่น และ GPS จะหลงหรือจะถึง GPS จ๊ะ อย่าทิ้งกันนะ…การเดินทางเหมือนจะเรียบๆมาเรียงๆไป ทุกคนดูแฮปปี้ มีความสุข ชิลๆสบายๆ จนกระทั่งแวะปั้ม
A : พี่ครับ เต็มถัง
B : มีแค่ครึ่งถังเติมเผื่อไว้ก่อน
C : น่าจะ 500 บาทนะ
D : เๆ เกินละวะ
C : อีสัส 800 แล้ว
E : ดอกกกก 980
*โฟกวาเก้น รุ่นเก่า ตัวถังใหญ่จุน้ำมันได้เยอะ เงินก็หมดเยอะเช่นกัน
และแล้วทริปนี้เราก็เสียเงินก้อนแรกไปกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เงินสูญบานตะไท สลายไปกับสายลม
การเดินทางดูจะเต็มไปด้วยความงงงวยของเส้นทางแต่ก็ดีหน่อยที่รถไม่ติด ขับตาม GPS มาเรื่อยๆ ก็ยังสามารถขับรถชิลๆได้ แต่ก็เกือบหลงหลายครั้งเหมือนกัน ...ชิลจนป้ายข้างทางป้ายนี้!!!
ช็อคสิครับช็อค! เวรละไง ถอยรถเลยครับ! ...แล้วเอาไงละทีนี้! พวกเราก็ไม่มีใครเคยขับรถขึ้นเขาเลยสักคน ชำนาญเส้นทางหรือ? ก็ไม่ จะไปทางหลวงอื่นแล้วมันไปยังไงละ? GPS ก็ไม่ได้บอกด้วยดิ ดูแผนที่ก็ไม่ได้ช่วยเลยย… วิธีสุดท้ายที่ช่วยเราได้และมีประสิทธิภาพสุด ก็คือถามชาวบ้านนั้นเอง
A : ลุงครับๆ มีเส้นทางอื่นนอกจากทางที่ไปเขาค้อหรือเปล่าครับ?
B : มีๆ แต่เส้นนี้มันใกล้สุดแล้ว ขับไปแปปเดียวก็ถึง
A : แล้วทางมันชันมากมั้ยอะลุง เห็นป้ายมันเขียน แบบนี้ผมจะขับขึ้นไปได้มั้ย?
B : ได้อยู่แล้ว ทางมันไม่ชันมาก เนี่ยมันเพิ่งทำใหม่ ทางโอเคเลย
A : ขอบคุณครับลุง
โอเคครับ ผมเชื่อลุง หลังจากนั้นเราก็ลุยหน้าต่อเลย! ขับไปเลยยยอย่าได้กลัว ถึงจะไม่เคยขับขึ้นเขามาก่อน แต่ลุงบอกไม่ชันมาก เราก็เชื่อครับ งั้นเราก็คล่อยๆกระดึ๊บๆไปละกัน…
พอขับขึ้นมาสัก 1 นาทีเท่านั้นแหละ… รู้เลย เอเวอร์เรสหรือเปล่า เอเวอร์เรสใช่ไหม โอ้ววว ทำไมพระเจ้าไม่สร้างภูเขาให้แบนเป็นสี่เหลี่ยม เกร็งไปดิทุกคนน จะตกเขาก่อนถึงมั้ยเนี่ยย OMG ชันอย่างเดียวไม่พอ โค้งก็มา โค้งซ้ายโค้งขวา ยกหน้า ยกหลัง มาครบเลยจ้า แล้วทำไงละ ก็กระดึ๊บๆ ปล่อยเกียร์ไหลลงเขาไปเลยสิครับบผม แล้วไหนลุงบอกเส้นนี้ใกล้สุดไง นิขับมานานแล้วนะลุงง ไม่ถึงครึ่งทางสักที นั่งตูดเมื่อย หูก็อื้อ เมารถอีก…
… พวกเรา 5 คน ผู้ไม่เคยขับรถออกต่างจังหวัด และขึ้นเขาเลยซักครั้งเดียว ก็รอดมาได้ ขับอยู่ 3 ชม กว่าจะถึงเขาค้อ ซึ่งปกติน่าจะมาถึงเร็วกว่านี้ วิวระหว่างนั่งรถจัดว่าเป็นอะไรที่สุดติ่งที่กระดิ่งแมว เพราะมันสวยมว๊ากสวยกว่าจุดหมายซะอีก อย่างกะอยู่ต่างประเทศ นี่มันดินแดนแห่ง ไชร์ ที่เต็มไปด้วยเนินเขาเขียวขจี พร้อมกับเหล่าฮอบบิทตัวน้อย...ไม่ใช่ละ….เข้าเรื่องกันต่อ
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายซักที ...เขาค้อ … อ่า แล้วเราจะพักที่ไหนดีละ? ได้ยินเสียงแหว่วๆ มาจากสหายคนนึงว่า “กูเคยพักที่นึง”
...งั้นนำเลยเพื่อน ก็ไม่รู้ว่าว่างหรือเปล่าเพราะไม่ได้จองไว้ ช่างมัน..ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที และเราก็มาถึงที่พักอันไม่ได้นัดหมาย กู๊ดวิว รีสอร์ท บ้านไม้สวยงามกับพื้นที่ลาดชันพอให้เห็นวิวหย่อมๆ น่าค้นหา
แถมคนไม่เยอะ หรือแทบไม่มีเลยดีกว่าเพราะยังไม่อยู่ในช่วงเปิดรีสอร์ท เมื่อมาถึงเราก็ได้คุยกับเจ้าของรีสอร์ท “ป้าตู่” และเหตุการณ์ต่อจากนี้ก็เป็นอีกโชคดีอย่างนึงของทริปนี้ เมื่อป้าตู่จำเพื่อนที่เคยมาพักรีสอร์ทของแกหลายครั้งได้ คุยกันไปคุยกันมา เขาจึงยื่นข้อเสนอว่า ช่วยถ่ายรูปโปรโมทรีสอร์ทให้ แล้วเดี๋ยวให้ที่พักฟรี ...ฟรี!! ...ฟรี!! .ฟรี!! ตะลึงไป 3 วิ นึกว่าหูฝาด แต่ไม่ฝาดครับ ฟรีจริงๆ ดิ้นสิครับ ดิ้น ...ค่าเดินทางก็ไม่เสีย(น้ำมันค่าโง่ ฮ่าๆ) ค่าที่พักก็ยังไม่เสียอีก ชีวิต ดีดี๊...เรื่องราวทั้งหมดที่เล่าและที่กำลังจะเล่าให้ทุกท่านฟัง จะบอกว่าเป็นโชคดีก็ดูจะมากไป ถ้าพูดอีกนัยนึงอาจจะเรียกว่าน้ำใจของผู้คนมากกว่า มันคือความเกื้อกูลและความช่วยเหลือของผู้คนรอบข้าง ที่ทำให้พวกเรามีทริปที่สบายขนาดนี้
หลังจากตกลงอะไรกันเรียบร้อย เราก็ได้ห้องพักมาหนึ่งห้อง สำหรับ 2 คนกับข้าวเช้าของวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งมื้อ เก็บข้าวเก็บของเข้าห้อง กางเต้น(สำหรับผู้ชาย ผู้หญิงนอนในห้อง) เปลี่ยนเสื้อ เสร็จภารกิจต่างๆ ก็เกือบๆ 5 โมงแล้ว หลังจากนั้น ป้าตู่ก็ชวนเราไปเดิน Night Market ตลาดนัดของชาวเขาค้อ
คนเยอะมาก และของกินก็ถูกด้วย คนที่นั้นมีน้ำใจกันมาก นมครกก็กินฟรี ป้าตู่เลี้ยง แถมเลี้ยงซาลาเปาอีก ลาภปากโดยแท้ ระหว่างที่เดินไปตลาดก็ได้คุยกับป้าตู่ไปด้วย ป้าตู่ก็ได้บอกความจริงสุดช็อคว่า… ทางที่เรามาอะจริงๆเป็นเส้นทางอ้อมสุดแล้ว!! มันมีเส้นทางที่ใกล้กว่านี้มากก ทางก็สบายกว่าด้วยย…TT
ป้าตู่เป็นที่ดูน่านับถือมาก และน่าจะเป็นที่นับถือของชาวบ้านแถวนั้นพอสมควร เลยที่เดียว หลังจากเดินกันได้ซักพักฟ้าก็เริ่มมืด มืดเร็วมากเพิ่ง 6 โมงเอง ...เมื่อซื้อของกันเสร็จพวกเราก็เดินไปดูจุดชมวิว ณ ที่ทำการไปรษณีของอำเภอเขาค้อ ...แล้วจึงต้องอุทานออกมาว่า ขุ่นพระ... ช่างงดงามประดุจเมืองยามค่ำคืนเวอร์ชั่นเขาค้อ ถ้ามีแสงเหนือมาบรรจบ เพอเฟ็ค!!
เริ่มค่ำหมอกก็เริ่มลง ด้วยว่าไม่อยากเสียเงิน ก็เลยซื้อแค่ขนมไปติดแต่ไม่ได้กินข้าวกันที่ตลาด ...เรามีเสบียงมาแล้ววว กับข้าวที่ซื้อมาเมื่อเช้า แม้จะเย็นเฉียบแต่ก็อร่อยใช้ได้ มื้อนี้เรามากินเพื่ออยู่แล้วกันนะ
หลังจากกินข้าวเสร็จ อากาศไม่หนาวมากเท่าไหร่เพราะไม่มีลมเท่าไหร่ แต่ก็เย็นจับใจ อุณหภูมิอยู่ที่ 19 องศา
เย็นสบายกำลังดีไม่ต้องเปิดแอร์ เดินเล่นกันอยู่ถึง 3 ทุ่ม ก็ได้เวลาไปอาบน้ำนอน จะได้ตื่นตอนเช้าไปดูพระเอกของงาน “ทะเลหมอก” นะ
วันที่ 2 ตะลุยก่อนกลับ
พวกเราตั้งใจกันว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นกันด้วย เลยตื่นกันตั้งแต่ตี5.30 แต่อากาศหนาวๆ เย็นสบาย แบบนี้ ไม่อยากลุกจากที่นอนเลยยย ทำให้กว่าจะออกจากที่พักได้ก็ปาไป 6โมงกว่าซะแล้วสิ ไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นงั้นไปดูทะเลหมอก ณ ที่ทำการไปรษณีของอำเภอเขาค้อ ที่เดิมที่เราได้ไปมาเมื่อวานแทนก็แล้วกัน ...คงไม่อาจจะบรรยายความสวยงามได้เอาเป็นว่า ไปดูภาพประกอบกันยาวๆเลยดีกว่าครับ
ทะเลหมอกจะเริ่มมีตั้งแต่ค่ำไปจนเกือบ 10 โมงเลยทีเดียว เพราะงั้นใครที่ไม่อยากตื่นเช้าก็ยังได้มีโอกาศดูทะเลหมอกกับเค้าเหมือนกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น