สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
มีคนหลายกลุ่มเข้ามาอ่านกระทู้นี้
อันดับแรกเลยคือคนที่เรียน โท
"คุณตอบคำถามตัวเองได้มั้ยว่าตอนที่คุณเลือกเรียนโทตอนนั้น คุณต้องการอะไร และวันนี้คุณจบโทแล้ว มันเป็นไปอย่างที่คุณต้องการจริงๆไหม ?"
- เรียนเพราะ อยากได้วุฒิไปอัพเงินเดือน ที่ทำงานบางที่เช่นหน่วยงานราชการต้องการอัพเรื่องนี้
- เรียนเพราะ อยากได้ความรู้ เน้นๆ เพื่อพิสูจน์สิ่งลึกๆกับคนที่เก่งๆ ทำวิจัยเพื่อสิ่งที่อยากรู้
- เรียนเพราะ อยากได้ connection รู้จักคนมากขึ้น
ตอบคำถามสิครับ
ถ้าคุณเรียนเพราะอยากอัพเงิน
- แล้วต้องมาเป็นนายจ้างดูนะครับ ว่าทำไมต้องจ่ายเงินจ้างคนจบ ป.โท ที่เอาวุฒิมาข่มนายจ้างว่า "ฉัน ป โท นะ จ่ายเงินเดือนฉันเยอะๆสิถ้าจะรับฉันเข้าทำงาน"
นายจ้างเขาไม่ได้สนเรื่องนี้หรอกคุณ เขาสนแค่แก้ไขปัญหางานเขาได้ และทำให้เขาจ่ายเงินจ้างให้ถูกที่สุด
วุฒิเวิฒ อะไรไม่เกี่ยวเลย พวกคนไทยมโนเข้าข้างตัวเอง
ถ้าเป็นกลุ่มที่ "กำลังจะไปเรียน ป โท ยังตัดสินใจอยู่"
- ถามตัวเอง ว่าเรียนไปทำไมครับ
ผมตอบด้วยเหตุผลผมเองเลยนะครับว่า การเรียน ปโท ที่ดีที่สุด คือการเรียนเพื่อทำให้เรารู้
เรียนเพื่อมีความรู้มากขึ้น รู้ลึกขึ้น แค่นั้นจริงๆครับ
ผมเคยรู้จัก PhD ผู้หญิงคนนึง เค้ายังบอกเลยว่า "ไม่เคยคิดจะเอา ป. เอกมาอัพเงินเดือน เพราะเรียนเพื่ออยากรู้ในสิ่งที่ชอบเท่านั้น"
เพราะถ้าเราจะเรียน โท เอก เพื่ออัพเงิน เราก็ต้องคิดถึงคนจ่ายเงินให้เราด้วย
ว่าทำไมเขาต้องจ่ายครับ
เพราะเหตุนี้ผมถึงอยากบอกทุกคนที่จะเรียน ป โท ด้วยว่า ขอให้คิดให้ดีๆจริงๆ
ส่วนในกระทู้ถามว่า มีโอกาสตกงานไหม
ตอบว่า มี ครับ
ขอกระจายคำตอบเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. นายจ้างพยายามเอาเทคโนโลยีมาช่วยทำงานมากขึ้น
2. ลูกน้อง , officer ย่อมมีจำนวนมากกว่า management คงไม่ปฏิเสธนะครับว่า นายจ้างเขาคงไม่เอา ป โทไปทำงานประเภท Operate หรือ Officer
3. ใบ cer ต่างๆมีบทบาท มีผลต่อการจ้างงานมากขึ้นกว่าวุฒิ เช่น TOEIC , กว , Management Cert. หรือ Cert อื่นๆ ซึ่งใบพวกนี้บาง cert ไม่ได้จำกัดวุฒิด้วยซ้ำ
4. ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาที่ 3 นายจ้างต้องการคนเก่งเรื่องพวกนี้ , แต่การจบ ป โท มันไม่ได้การันตีว่าคุณจะเก่งเรื่องพวกนี้
5. สุดท้ายสำคัญมากที่สุด คือ ความสามารถในการประสานงานผู้อื่นในหลายๆ Level , ความสามารถในการปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร , ความยืดหยุ่น อ่อนแข็ง ตามวัฒนธรรม , การรู้เรื่องกระบวนการทางธุรกิจ (จัดซื้อ บัญชี ไอที เสมียน) , ทัศนคติต่อเพื่อนร่วมงาน ฯ
สิ่งเหล่านี้หลอมรวมกันเรียกว่า "ประสบการณ์การทำงาน"
ซึ่งนายจ้าง ยินดีที่จะมอบโอกาสทำงานกับแก้วเปล่าๆ(หรือครึ่งแก้ว) ก็คือ พวก ป ตรี จบใหม่
นายจ้าง ยินดีที่จะมอบโอกาสทำงานให้กับ "เฟืองที่ไหลลื่น" ก็คือ พวกมีประสบการณ์
แต่นายจ้างอาจจะไม่ยินดีนักที่ต้องจ่ายเงินจ้างกับ ป โท ที่เต็มไปด้วยความรู้อัดแน่น ไฟแรงอยากใช้ความรู้มาก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลย + แถมยังมีทัศนคติเอาวุฒิมาข่มคนรับสมัครงานอีก (ช่วยอัพเงินให้หน่อยนะคร้าบ พอดีวุฒิสูงน่ะ)
แต่คนจบ ป โท คุณภาพก็เยอะแยะ
พวกเค้าจะไม่มาพะวงอะไรเรื่องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
และจะกดดันตัวเองตลอดเวลา มีทัศนคติที่คิดคนละแบบไปเลย
ซึ่ง
พวกนึง จะคิดว่า "ฉัน จบ ปโท นะเว้ย ไม่ใช่กระจอกนะ จะทำานง่าวๆไม่ได้หรอกเว้ย"
พวกนึง จะคิดว่า "ฉัน จบ ปโท เชียวนะ กดดันจริงๆ คนต้องคาดหวังความรู้ความสามารถของเรามากๆแน่ๆ"
ผมพูดในมุมนายจ้าง เชิงเอกชน เท่านั้น
ส่วนงานราชการ หรือ เอกชนใหญ่ๆที่ require วุฒิ ก็แสดงว่าเค้าจ่ายไหว (และต้องไปแข่งกับคน ป โท อีกเป็นสิบๆร้อยๆคนเพื่อ 1 ตำแน่ง)
โชคดีครับ
อันดับแรกเลยคือคนที่เรียน โท
"คุณตอบคำถามตัวเองได้มั้ยว่าตอนที่คุณเลือกเรียนโทตอนนั้น คุณต้องการอะไร และวันนี้คุณจบโทแล้ว มันเป็นไปอย่างที่คุณต้องการจริงๆไหม ?"
- เรียนเพราะ อยากได้วุฒิไปอัพเงินเดือน ที่ทำงานบางที่เช่นหน่วยงานราชการต้องการอัพเรื่องนี้
- เรียนเพราะ อยากได้ความรู้ เน้นๆ เพื่อพิสูจน์สิ่งลึกๆกับคนที่เก่งๆ ทำวิจัยเพื่อสิ่งที่อยากรู้
- เรียนเพราะ อยากได้ connection รู้จักคนมากขึ้น
ตอบคำถามสิครับ
ถ้าคุณเรียนเพราะอยากอัพเงิน
- แล้วต้องมาเป็นนายจ้างดูนะครับ ว่าทำไมต้องจ่ายเงินจ้างคนจบ ป.โท ที่เอาวุฒิมาข่มนายจ้างว่า "ฉัน ป โท นะ จ่ายเงินเดือนฉันเยอะๆสิถ้าจะรับฉันเข้าทำงาน"
นายจ้างเขาไม่ได้สนเรื่องนี้หรอกคุณ เขาสนแค่แก้ไขปัญหางานเขาได้ และทำให้เขาจ่ายเงินจ้างให้ถูกที่สุด
วุฒิเวิฒ อะไรไม่เกี่ยวเลย พวกคนไทยมโนเข้าข้างตัวเอง
ถ้าเป็นกลุ่มที่ "กำลังจะไปเรียน ป โท ยังตัดสินใจอยู่"
- ถามตัวเอง ว่าเรียนไปทำไมครับ
ผมตอบด้วยเหตุผลผมเองเลยนะครับว่า การเรียน ปโท ที่ดีที่สุด คือการเรียนเพื่อทำให้เรารู้
เรียนเพื่อมีความรู้มากขึ้น รู้ลึกขึ้น แค่นั้นจริงๆครับ
ผมเคยรู้จัก PhD ผู้หญิงคนนึง เค้ายังบอกเลยว่า "ไม่เคยคิดจะเอา ป. เอกมาอัพเงินเดือน เพราะเรียนเพื่ออยากรู้ในสิ่งที่ชอบเท่านั้น"
เพราะถ้าเราจะเรียน โท เอก เพื่ออัพเงิน เราก็ต้องคิดถึงคนจ่ายเงินให้เราด้วย
ว่าทำไมเขาต้องจ่ายครับ
เพราะเหตุนี้ผมถึงอยากบอกทุกคนที่จะเรียน ป โท ด้วยว่า ขอให้คิดให้ดีๆจริงๆ
ส่วนในกระทู้ถามว่า มีโอกาสตกงานไหม
ตอบว่า มี ครับ
ขอกระจายคำตอบเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. นายจ้างพยายามเอาเทคโนโลยีมาช่วยทำงานมากขึ้น
2. ลูกน้อง , officer ย่อมมีจำนวนมากกว่า management คงไม่ปฏิเสธนะครับว่า นายจ้างเขาคงไม่เอา ป โทไปทำงานประเภท Operate หรือ Officer
3. ใบ cer ต่างๆมีบทบาท มีผลต่อการจ้างงานมากขึ้นกว่าวุฒิ เช่น TOEIC , กว , Management Cert. หรือ Cert อื่นๆ ซึ่งใบพวกนี้บาง cert ไม่ได้จำกัดวุฒิด้วยซ้ำ
4. ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาที่ 3 นายจ้างต้องการคนเก่งเรื่องพวกนี้ , แต่การจบ ป โท มันไม่ได้การันตีว่าคุณจะเก่งเรื่องพวกนี้
5. สุดท้ายสำคัญมากที่สุด คือ ความสามารถในการประสานงานผู้อื่นในหลายๆ Level , ความสามารถในการปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร , ความยืดหยุ่น อ่อนแข็ง ตามวัฒนธรรม , การรู้เรื่องกระบวนการทางธุรกิจ (จัดซื้อ บัญชี ไอที เสมียน) , ทัศนคติต่อเพื่อนร่วมงาน ฯ
สิ่งเหล่านี้หลอมรวมกันเรียกว่า "ประสบการณ์การทำงาน"
ซึ่งนายจ้าง ยินดีที่จะมอบโอกาสทำงานกับแก้วเปล่าๆ(หรือครึ่งแก้ว) ก็คือ พวก ป ตรี จบใหม่
นายจ้าง ยินดีที่จะมอบโอกาสทำงานให้กับ "เฟืองที่ไหลลื่น" ก็คือ พวกมีประสบการณ์
แต่นายจ้างอาจจะไม่ยินดีนักที่ต้องจ่ายเงินจ้างกับ ป โท ที่เต็มไปด้วยความรู้อัดแน่น ไฟแรงอยากใช้ความรู้มาก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนเลย + แถมยังมีทัศนคติเอาวุฒิมาข่มคนรับสมัครงานอีก (ช่วยอัพเงินให้หน่อยนะคร้าบ พอดีวุฒิสูงน่ะ)
แต่คนจบ ป โท คุณภาพก็เยอะแยะ
พวกเค้าจะไม่มาพะวงอะไรเรื่องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
และจะกดดันตัวเองตลอดเวลา มีทัศนคติที่คิดคนละแบบไปเลย
ซึ่ง
พวกนึง จะคิดว่า "ฉัน จบ ปโท นะเว้ย ไม่ใช่กระจอกนะ จะทำานง่าวๆไม่ได้หรอกเว้ย"
พวกนึง จะคิดว่า "ฉัน จบ ปโท เชียวนะ กดดันจริงๆ คนต้องคาดหวังความรู้ความสามารถของเรามากๆแน่ๆ"
ผมพูดในมุมนายจ้าง เชิงเอกชน เท่านั้น
ส่วนงานราชการ หรือ เอกชนใหญ่ๆที่ require วุฒิ ก็แสดงว่าเค้าจ่ายไหว (และต้องไปแข่งกับคน ป โท อีกเป็นสิบๆร้อยๆคนเพื่อ 1 ตำแน่ง)
โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 17
ตอนนี้อายุ 30 กว่า จะเข้า 40 ละ
ตอนจบ ม.6 ใหม่ๆ เพื่อนๆ เข้า เรียน ป.ตรี กันหมด มีแต่เรา ไม่ค่อยใฝ่เรียน เพราะคิดว่า ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า
ณ เวลานั้น ก็ถือว่า คิดถูก เพราะด้วยประสบการณ์และเวลาทำงาน ที่ได้เริ่มงานก่อนเพื่อนในวัยเดียวกัน
วัย 23 เศษๆ ตอนนั้น เงินเดือนของตัวเอง ตกเดือนราวๆ 30k - 45k ก็แอบดีใจนิดๆ เพราะเพื่อนที่จบสายวิศว และพยาบาล ส่วนใหญ่จบมาแล้ว เริ่มกันที่ราวๆ 15k - 20k ซะส่วนใหญ่ นั่นคือ เมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วนะครับ
สอบถามกับเพื่อนร่วมงานในสมัยนั้น ส่วนใหญ่ก็จบ ป.ตรี กันซะส่วนใหญ่ น้อยมากกกก ที่บอกว่าจะจบ ป.โท มา
คร่าวๆ ก็คือ เมื่อร่าวๆ 10 ปีที่แล้ว วัยทำงานสมัยนั้นส่วนใหญ่ ก็แข่งขันกันที่วุฒิ ปริญญาตรี จบมา เริ่มทำงาน เก็บเงิน หาครอบครัว
อายุ ร่าวๆ 20-25 ก็เริ่มทำงาน ทำอีก 35 ปี ก็เกษียรละ อย่างน้อยก็มีเวลาทำงานอีกตั้ง 35 ปี
แต่เดียวนี้ พ.ศ.2558
วัยรุ่นสมัยนี้ ต้องแข่งขันกันที่ วุฒิ ป.โท
ก็ถามรุ่นน้องหลายๆ คน ว่าทำไมต้องต้อง ป.โท
หลายๆ เหตุผลก็บอกว่า เงินเดือนเยอะกว่าบ้างหล่ะ (จริงเหรอ)
ขี้เกียจทำงานตอนจบ ป.ตรี ใหม่ ๆ ฐานะครอบครัวทางบ้านดีหน่อย เลยมีข้ออ้างเพื่อที่จะ ต่อ ป.โท (อันนี้มีอิจฉานิดๆๆ เพราะครอบครัวไหน พ่อแม่ วางรากฐานไว้ดี ส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต)
ถามรุ่นน้อง ป.โท หลายคน ว่าจบ ป.ตรี มาเริ่มทำงานบ้างหรือยัง ส่วนใหญ่ ก็ตอบทำนองคล้ายๆๆ กัน ทำงานแค่ไม่กี่เดือน ก็ลา ออก ด้วยเหตุผล ปรับตัวหลายๆ อย่าง อยากหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อปรับฐานเงินเดือน บลา บลา
แอบคิดในใจ อีกสัก 10 ปี ข้างหน้า ประเทศไทย คงแข่งขันกันที่วุฒิ ป.เอก กัน เพราะคนจบ ป.โท จบมา การแข่งขันสูง ครอบครัวไหน ฐานะดี ก็ เรียนต่อ ป.เอก
อีกต่อไป ประเทศไทย ก็มีแต่ด็อกเกอร์ แต่ของใช้ภายในประเทศและบริษัทใหญ่ๆ ในประเทศไทย ก็ยังต้องนำเข้าจากต่างชาติ อยู่ดี
ถามเพื่อนต่างชาติที่ทำงานด้วยกัน และระดับหัวหน้า ส่วนใหญ่ ก็จบ ปวส ไม่ก็ ป.ตรี ซะส่วนใหญ่ แต่เห็นรุ่นน้อง จบ ป.โท มาเป้นลูกน้องเพื่อนต่างชาติ จบ แค่ ปวส (มีแอบ นิดๆๆ )
คุยๆ กับเพื่อนต่างชาติ อังกฤษ อเมริกา ยุโรป ส่วนใหญ่ เค้าไม่ค่อยยึดติดว่า จะจบ ป.ตรี ป.โท ป.เอกมา เพราะส่วนใหญ่ พอเข้า มัธยมปลายมา พ่อแม่ ก็ตัดหางปล่อยวัดกันละ ทุกอย่างเค้าต้องดิ้นรน และรับผิดชอบตัวเองมาตั้งแต่นั้น บางคนคิดจะเรียนต่อ แต่ก็ต้องใช้เงินกู้คล้ายๆ เงินกู้เพื่อการศึกษาของรัฐบาล ซึ่ง เค้าก็ต้องเพิ่มภาระหนี้สินให้กับตัวเองอีก ส่วนใหญ่ที่เจอเลยเริ่มทำงานตั้งแต่วัยน้อยๆ เราเลยเจอคำพูดที่ว่า อเมริกันแชร์ ที่คนไทยฮิตๆ ชอบมาเลียนแบบ ทั้งๆ ที่พื้นฐานของคำนั้นมาจากพฤ๖ิกรรมการใช้ชีวิตของวัยรุ่นอเมริกันที่เห็นคุณค่าของเงิน เงินใคร เงินมัน มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น (ซึ่งต่างจากวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ ไปเที่ยวผับ บาร์ทีไร แย่งกันเป็นเจ้ามือทุกที)
ปล.
เป็นความเห็นส่วนตัว จากคน จบแค่ ม.6 นะครับ
ตอนจบ ม.6 ใหม่ๆ เพื่อนๆ เข้า เรียน ป.ตรี กันหมด มีแต่เรา ไม่ค่อยใฝ่เรียน เพราะคิดว่า ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า
ณ เวลานั้น ก็ถือว่า คิดถูก เพราะด้วยประสบการณ์และเวลาทำงาน ที่ได้เริ่มงานก่อนเพื่อนในวัยเดียวกัน
วัย 23 เศษๆ ตอนนั้น เงินเดือนของตัวเอง ตกเดือนราวๆ 30k - 45k ก็แอบดีใจนิดๆ เพราะเพื่อนที่จบสายวิศว และพยาบาล ส่วนใหญ่จบมาแล้ว เริ่มกันที่ราวๆ 15k - 20k ซะส่วนใหญ่ นั่นคือ เมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วนะครับ
สอบถามกับเพื่อนร่วมงานในสมัยนั้น ส่วนใหญ่ก็จบ ป.ตรี กันซะส่วนใหญ่ น้อยมากกกก ที่บอกว่าจะจบ ป.โท มา
คร่าวๆ ก็คือ เมื่อร่าวๆ 10 ปีที่แล้ว วัยทำงานสมัยนั้นส่วนใหญ่ ก็แข่งขันกันที่วุฒิ ปริญญาตรี จบมา เริ่มทำงาน เก็บเงิน หาครอบครัว
อายุ ร่าวๆ 20-25 ก็เริ่มทำงาน ทำอีก 35 ปี ก็เกษียรละ อย่างน้อยก็มีเวลาทำงานอีกตั้ง 35 ปี
แต่เดียวนี้ พ.ศ.2558
วัยรุ่นสมัยนี้ ต้องแข่งขันกันที่ วุฒิ ป.โท
ก็ถามรุ่นน้องหลายๆ คน ว่าทำไมต้องต้อง ป.โท
หลายๆ เหตุผลก็บอกว่า เงินเดือนเยอะกว่าบ้างหล่ะ (จริงเหรอ)
ขี้เกียจทำงานตอนจบ ป.ตรี ใหม่ ๆ ฐานะครอบครัวทางบ้านดีหน่อย เลยมีข้ออ้างเพื่อที่จะ ต่อ ป.โท (อันนี้มีอิจฉานิดๆๆ เพราะครอบครัวไหน พ่อแม่ วางรากฐานไว้ดี ส่งผลต่อลูกหลานในอนาคต)
ถามรุ่นน้อง ป.โท หลายคน ว่าจบ ป.ตรี มาเริ่มทำงานบ้างหรือยัง ส่วนใหญ่ ก็ตอบทำนองคล้ายๆๆ กัน ทำงานแค่ไม่กี่เดือน ก็ลา ออก ด้วยเหตุผล ปรับตัวหลายๆ อย่าง อยากหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อปรับฐานเงินเดือน บลา บลา
แอบคิดในใจ อีกสัก 10 ปี ข้างหน้า ประเทศไทย คงแข่งขันกันที่วุฒิ ป.เอก กัน เพราะคนจบ ป.โท จบมา การแข่งขันสูง ครอบครัวไหน ฐานะดี ก็ เรียนต่อ ป.เอก
อีกต่อไป ประเทศไทย ก็มีแต่ด็อกเกอร์ แต่ของใช้ภายในประเทศและบริษัทใหญ่ๆ ในประเทศไทย ก็ยังต้องนำเข้าจากต่างชาติ อยู่ดี
ถามเพื่อนต่างชาติที่ทำงานด้วยกัน และระดับหัวหน้า ส่วนใหญ่ ก็จบ ปวส ไม่ก็ ป.ตรี ซะส่วนใหญ่ แต่เห็นรุ่นน้อง จบ ป.โท มาเป้นลูกน้องเพื่อนต่างชาติ จบ แค่ ปวส (มีแอบ นิดๆๆ )
คุยๆ กับเพื่อนต่างชาติ อังกฤษ อเมริกา ยุโรป ส่วนใหญ่ เค้าไม่ค่อยยึดติดว่า จะจบ ป.ตรี ป.โท ป.เอกมา เพราะส่วนใหญ่ พอเข้า มัธยมปลายมา พ่อแม่ ก็ตัดหางปล่อยวัดกันละ ทุกอย่างเค้าต้องดิ้นรน และรับผิดชอบตัวเองมาตั้งแต่นั้น บางคนคิดจะเรียนต่อ แต่ก็ต้องใช้เงินกู้คล้ายๆ เงินกู้เพื่อการศึกษาของรัฐบาล ซึ่ง เค้าก็ต้องเพิ่มภาระหนี้สินให้กับตัวเองอีก ส่วนใหญ่ที่เจอเลยเริ่มทำงานตั้งแต่วัยน้อยๆ เราเลยเจอคำพูดที่ว่า อเมริกันแชร์ ที่คนไทยฮิตๆ ชอบมาเลียนแบบ ทั้งๆ ที่พื้นฐานของคำนั้นมาจากพฤ๖ิกรรมการใช้ชีวิตของวัยรุ่นอเมริกันที่เห็นคุณค่าของเงิน เงินใคร เงินมัน มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น (ซึ่งต่างจากวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ ไปเที่ยวผับ บาร์ทีไร แย่งกันเป็นเจ้ามือทุกที)
ปล.
เป็นความเห็นส่วนตัว จากคน จบแค่ ม.6 นะครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ในอนาคตคนเรียนปริญญาโทจะตกงานมากกว่าปัจจุบันแน่นอนครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานที่เปิดรับ เช่น บริษัทเอ ต้องการพนักงานระดับ staff เพราะฉะนั้นเงินเดือนก็จะระดับ staff บริษัทเอก็จะหาพนักงานที่สามารถรับเงินเดือนระดับ staff ได้ ซึ่ง target คือเด็กป.ตรี จบใหม่ หรือ ปสก. 1-2 ปี บางบริษัทอาจจะต้องการเด็กจบใหม่ ป.โท ก็มีเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่เป็น บริษัทใหญ่ๆ เพราะ บ.เล็กๆ ไม่สามารถที่จะ afford กับเงินเดือนเด็ก ป.โท จบใหม่ได้ เพราะส่วนต่างก็หลายพันบาทอยู่
สรุป...จบโทมีโอกาสกว่าแน่นอน แต่ถ้าถามว่าตกงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับ performance และ potential ของคุณ แต่ต้องถามตัวเองให้หนักๆว่าเราอยากทำอะไรและทำสายไหน
สรุป...จบโทมีโอกาสกว่าแน่นอน แต่ถ้าถามว่าตกงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับ performance และ potential ของคุณ แต่ต้องถามตัวเองให้หนักๆว่าเราอยากทำอะไรและทำสายไหน
แสดงความคิดเห็น
ในอนาคต คนเรียนจบปริญญญาโท จะตกงานมากกว่าปัจจุบันไหมครับ
แต่บางคนก็บอกนะว่า จบโท น่าจะมีโอกาสดีดีมากกว่าจบแค่ตรี
แล้วถ้าเป็นจบโท สายพวกสังคมศาสตร์ละครับ จะตกงานอีกไหม
จริงๆเรียนโท ก็ต้องเสียเงินเยอะนะ บางคนเรียนด้วยทำงานด้วย
ปวดหัว ปวดตับกันเลยทีเดียว