เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับพ่อแม่เลี้ยงลูกสปอยล์มากเกินไป

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว pantip ทุกคนครับ วันนี้ผมก็มีเรื่องเล่าสำหรับครอบครัวหลาย ๆ คนที่กำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนี้ ซึงอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใกล้และไม่ไกลตัวมากนัก ก็คือเรื่องครอบครัวนี้เองแหล่ะครับ

บทความหรือเรื่องที่ผมจะพูดดังต่อไปนี้ผมต้องขอสงวนสิทธิ์ตัวผมเองก่อนนะครับว่า ขอไม่เปิดเผยชื่อเสียงเลียงนามของผมนะครับ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผมเอง แต่อยากจะเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกคนที่กำลังเลี้ยงลูกแบบผิด ๆ อยู่มันมีจริงและเกิดขึ้นจริงครับ

ก็ไม่เสียเวลาเลยและกันครับยิ้มยิ้มอมยิ้ม01 เรื่องที่ผมจะพูดเป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่งที่ร้านขายอะไหล่รถยนต์ใน เกาะโพธิ์ ชลบุรี ซึ่งผมก็ไปใช้บริการร้านนี้ค้อนข้างบ่อยและเจ้าของร้านก็เป็นกันเองกับลูกค้ามากเลย เจ้าของร้าน มีลูกชายทั้งหมดด้วยกันสามคน ด้วยกัน พี่น้องสามคนนี้ที่ผมได้พูดคุยถือว่าเป็นคนที่น่ารักและเป็นกันเองดีกับลูกค้ามาก แต่สิ่งที่ผมเห็นและแปลกใจเลยไม่น้อย คือ พี่น้องสามคนนี้ไม่ค่อยลงลอยกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะพี่ชายคนโต อันนี้ผมไม่รู้นะครับประวัติคราว ๆ 1 ในผู้ขับขี่ Subaru S204 ที่เค้าว่ากันว่ามีเพียงแค่ 600 คันบนโลกใบนี้เท่านั้น และเป็นหนึ่งในทีม I Love My Car ด้วย ผมถามจากเจ้าของร้านเห็นเค้าว่ากันว่า พึงกลับมาจากอเมริกา และริเริ่มทำร้านอะไหล่ใหม่และบูรณะตกแต่งร้านใหม่ จนเป็นที่ชื่นชมมากของหลาย ๆ คน แต่แล้วก็มีเรื่องไม่ขาดฟันเกิดขึ้น อันนี้เป็นเหตุการณ์หลายอาทิตย์มาแล้วนะครับมีอยู่วันนึงก็ขายของกันอยู่ปกติก็จู ๆ เกิดมีปากเสียงกับแม่ของเค้าเรื่องการสั่งของล่าช้า พี่ชายคนโตไม่พอใจเกิดขึ้น (อันนี้ผมพึงเข้ามาในร้าน) เลยอาจจะไม่รู้เหตุการณ์ไรมากนัก และน้องชายคนกลางก็เค้ามาบอกกับพี่ชายคนโตว่า ทำไมถึงว่าแม่แรง ๆ และด่าคำหยาบต่อหน้าแม่ด้วย พี่ชายคนโต กับ น้องชายคนกลางเคยมีประวัติที่ไม่ค่อยจะลงลอยกันตั้งแต่ไหน ๆ แต่ไรมาแล้ว อาจจะเป็นด้วยเรื่องที่จะพยามขับน้องออกไปจากร้าน ไม่ยอมให้น้องจับงานอะไหล่เลย ไม่ยอมให้แม้แต่จะดูงานในร้านเลย หรืออาจจะย้อนไปเมื่อสมัยเด็ก ๆ พี่ชายคนโต ชอบแกล้งน้องอยู่บ่อย ๆ ชอบดูถูกน้องชายตัวเอง ไม่เคยให้เกียรติน้องชายตัวเองเลย มันอาจจะเป็นปมในวัยเด็กที่ทำให้น้องชายเกลียด พี่ชายคนโต และไม่เคยยอมรับเลยว่านี้หรือคือพี่ชายแท้ ๆ ของเค้าเอง แต่ไม่ใช่แค่เพียงอย่างเดียว พี่ชายคนโต ถือได้ว่าเป็นคนที่มีอุปปนิสัยที่หยาบช้าและไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย ซึ่งพฤติกรรมที่ผมประสบพบเจอเมื่อผมไปซื้อของที่ร้าน มักจะทำกิริยา ด่าว่าแม่ตัวเอง ดูถูกแม่ตัวเองว่า เปรียบเทียบกับร้านอะไหล่ด้วยกันที่อยู่ในเกาะโพธิ์ด้วยกันว่า ทำไมแม่ไม่เห็นเก่งเหมือนซ้อร้านนู้นร้านนี้เลย และพฤติกรรมของ พี่ชายคนโต ที่น่ารังเกียดที่สุดเลย คือ พูดจากระแนะกระแหน พูดกระทบหรือพูดเป็นเชิงเสียดสี ใส่น้องชายและแม่อยู่เป็นประจำ ทำให้ผมคิดอยู่ในใจว่า ครอบครัวนี้นิเลี้ยง พี่ชายคนโต ยังไง ถึงเกิดมาเป็นคนแบบนี้ มองจากพายนอกดูดีทุกระเบียบนิ้ว แต่ในใจกรวงโบ๋คิดถึงแต่เรื่องสมบัติและให้เทียบเท่ากับเหมือนกับร้านอะไหล่ร้านอื่น ๆ ให้ได้ อะต่อครับ พี่ชายคนโต เลยตอบกลับไปว่า มันเกียวกับเหรอ น้องชายจึงตอบกลับไปว่า ไม่หรอกแต่ด่าแม่ว่ายิ้มนิจะจงใจด่าหรือด่าลอย ๆ อะ แม่เค้าเป็นผู้ให้กำเนิดนะ ทำไมถึงด่าแม่แบบนั้นละ และก็มีปากเสียงกันเกิดขึ้น จนน้องชายทนไม่ไหวเลยพูดมาประโยคหนึ่งว่า เท่าที่ผมจำไม่ผิดนะ เค้าพูดว่า ที่เป็นแบบนี้อะเพราะเพือน เซียมหรือป่าวถึงได้เป็นแบบนี้ เพื่อนนี้คือเพือนในทีม I Love My Car ที่ขับ Subaru เหมือนกันกับ พี่ชายคนโต แต่วันนั้น พี่ชายคนโต คิดเข้าใจว่า เพื่อนนิคือ ลูกจ้าง เพราะมีชื่อคร้าย ๆ กับเพื่อนนิเอง ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันที่หัวเทิก ๆ หน่อย อะครับ พี่ชายคนโต เข้าใจผิดคิดว่าด่า ลูกน้องเลย สวนกลับไปว่า "อ้อ อย่าง.....อะเหรอ ไอ้คนชั้นต่ำแบบนี้อะเหรอ" และก็เกิดเหตุการณ์ไม่ขาดฝันเกิดขึ้น น้องชายเกิดทนไม่ไหวต่อคำต่อว่าและดูถูกเหยียดหยามจาก พี่ชายคนโต ไม่ไหว เลย ปาปากกาใส่ หน้า พี่ชายคนโต แล้ว พี่ชายคนโต เกิดมีน้ำโหหวังจะเอามีดที่อยู่ใกล้มือ พร้อมจะเสียบแทงน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองให้ตายต่อหน้าต่อตา แต่วันนั้นในเหตุการณ์ ผมเห็นน้องชายคนกลางที่ปาปากกาใส่หน้า พี่ชายคนโต ไม่เข้าไปเพราะว่าเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าด้านซ้าย เลยไม่เข้าไป เนื่องจากอาการบาดเจ็บเลยถอยดีกว่า ออกมาข้างนอก ข้างในก็พยามห้าม พี่ชายคนโต ที่พยามหมายชีวิตน้องชายตัวเองเนื่องจากเค้าเป็นคนตัวใหญ่ และบวกกับอารมที่พลุ่งพล่าน กลัวเอาไม่อยู่เลยตามน้องเขยมาช่วยพูดไกลเกลี่ยให้ พี่ชายคนโต อารมเย็นลง ถือ ว่าน่าอายมากครับที่ครอบครัว มีลูกชายแบบนี้ ไม่มีความเป็นผู้นำเลยครับ และใช้อารมและเป็นคนไร่เหตุผล ไม่ฟังใครและพยามฆ่าน้องชายแท้ ๆ ตัวเองด้วยครับ ควรปรับปรุงตัวสะใหม่นะครับ อย่าเห็นแก่สมบัติและความทะเยอทะยานมากจนเกินไปครับ สมบัติเป็นของนอกกายครับไม่ตายก็หาใหม่ได้ครับ ทุกคนในครอบครัว ให้โอกาศเสมอครับ กลับตัวกลับใจสะใหม่นะครับ คนที่เสียใจที่สุดคือพ่อแม่ คนเค้าเอาไปติฉินนินทา พ่อแม่จะเสียหายนะครับ

ก่อนจากกันไปผมมีเรื่องเล่าอันเป็นสิ่งที่ไว้สอนลูก คือ 7 สัญญาณเตือน ลูกถูกสปอยล์มากเกินไป

หากให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนยอมรับว่าตัวเองนั้นได้สปอยล์หรือเอาใจลูกจนเกินไปหรือเปล่า หลายคนคงอาจคิดไม่ถึงว่าเราสปอยล์ลูกมากไปหรือ ไม่ใช่หรอกมั้ง ไม่จริงนะ ไม่ได้ตามใจ คำตอบแบบนี้คงอยู่ในใจคุณพ่อคุณแม่หลายคนใช่ไหมคะ งั้นเรามาดูกันว่าลูกน้อยของคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่


1. อารมณ์ร้อนเกรี้ยวกราดบ่อยครั้ง หากหนูน้อยเริ่มมีอาการหงุดหงิดบ่อยๆ กรีดร้อง เกรี้ยวกราด ชักสีหน้าแสดงอาการให้รู้ว่าไม่พอใจ นับเป็นหนึ่งอาการที่เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า ลูกเริ่มถูกสปอยล์มากไปแล้วนะ


2. เถียงคำไม่ตกฟาก คำนี้เราๆ คงได้ยินมาแต่โบราณรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย หากมีเด็กพูดเถียง ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด หรือผู้ใหญ่พูดเตือนอะไรแล้วเถียงกลับทันที แบบนี้ที่เขาเรียกว่าเถียงคำไม่ตกฟาก เป็นการแสดงอาการของเด็กที่ไม่น่ารัก แต่ถ้าลูกน้อยไม่ได้ทำผิดแล้วพยายามอธิบาย นับว่าเป็นคนละสาเหตุกันนะคะ


3. จอมบงการเสียจริง หากพ่อแม่ที่มัวแต่ตามใจลูกจนทำให้ทุกอย่าง หรือจ้างพี่เลี้ยงส่วนตัวดูแลทุกฝีก้าว จนลูกไม่สามารถทำอะไรได้เองเลยนั้น เมื่อถึงเวลาที่คุณอยากให้ลูกลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ลูกจะไม่ยอมที่จะทำเผลอๆ จะสั่งกลับให้คุณทำให้แทนเสียด้วยซ้ำ


4. ขายหน้าทุกทีที่ต้องออกไปข้างนอก เมื่อคุณสปอยล์ลูกมากเกินไป อาการเหล่านี้จะตามมาแน่นอน เช่น หากลูกกรีดร้องอยากได้สิ่งของที่ชอบ หรือขนมที่ถูกอกถูกใจ แต่เมื่อไม่ได้จะแสดงอาการร้องไห้ กรีดร้อง ลงไปดิ้นลงกับพื้น เพื่อเรียกร้องความสนใจทันที แล้วถ้าคุณยิ่งให้สิ่งของกับเขาเพื่อตัดปัญหา นั้นจะยิ่งทำให้ลูกเคยชินเข้าไปอีก อาการนี้เรียกว่าถูกสปอยล์มากไปแล้วค่ะ


5. หวงของ ไม่รู้จักแบ่งปันคนอื่น เมื่อลูกน้อยได้รับมากๆ เราควรจะบอกให้เขารู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง เด็กสามารถรับรู้การแบ่งปันได้ตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่เขาเริ่มเข้าใจหลายสิ่งมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงทักษะทางด้านอารมณ์และจิตใจ หากเขารู้จักแบ่งปัน อาการที่ถูกสปอยล์หรือการถูกเอาแต่ใจจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ


6. ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ เมื่อไหร่ที่ลูกไม่ยอมทำหน้าที่ของตนเอง เช่น เล่นของเล่นแล้วไม่ยอมเก็บ ปล่อยให้บ้านรก เมื่อคุณสั่งให้เก็บแต่ลูกยังดื้อรั้นไม่ยอมเก็บอีก และหากคุณใช้เงื่อนไขว่า “เก็บของเล่นแล้วแม่จะพาไปเที่ยว” การใช้เงื่อนไขแบบนี้บ่อยๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดนะคะ ควรสอนให้ลูกยอมรับว่านี่คือหน้าที่ของเขา มากกว่าใช้เงื่อนไขเพื่อแลกเปลี่ยน


7. กระทืบเท้า ปิดประตูเสียดัง เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นแล้วแสดงถึงความไม่พอใจถึงขั้นกระทืบเท้า ร้องไห้เสียงดัง เดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูเสียงดังใส่ อาการแบบนี้ต้องแก้ไขแล้วล่ะค่ะ การโกรธ โมโหไม่ใช้เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่หากปล่อยให้ลูกมีอารมณ์โมโหอยู่บ่อยครั้ง ถึงขั้นทำสิ่งเหล่านี้กับผู้ใหญ่ในบ้านแล้ว ไม่มีการช่วยเหลือเขา จะส่งผลถึงตอนโตได้ แก้ไขตอนโตยากยิ่งกว่าแก้ตั้งแต่เด็ก ดั่งคำที่ว่า "ไม่อ่อนดัดง่าย ไม่แก้ดัดยาก"



ความรักที่พ่อแม่ให้ไม่มีคำว่าสิ้นสุด แต่ถ้าให้จนสุดเกินลิมิต ทำให้ลูกต้องเสียนิสัยเกินไปจะไม่น่ารักนะคะ เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวอยู่ที่เราจะใส่สีมากน้อยแค่ไหน ใส่ให้พอเหมาะกับวัยก็เพียงพอแล้วค่ะ

ขอบคุณเว็บไซด์ momypedia.com

http://www.momypedia.com/momy-article-6-28-1151/7-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B/

หากใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถ คอมเม้นไว้ที่ด้านล่างได้เลยนะครับ

สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่