น่าน!! ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด (ตอน อ.ปัว จ.น่าน)

สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน
เราได้โจทย์ให้ไปท่องเที่ยว โดยกำหนดว่า Low Price High Experience
เราเลยตกลงกับเพื่อนในกลุ่มว่าเราจะไป บุกจังหวัดน่าน! บ้านเกิดของไอ้แว่น (เพื่อนในกลุ่ม)



ยิ้มยิ้ม  3สาว 2หนุ่ม พร้อมเดินทาง.. เราจะไปพักที่อุทยานดอยภูคา 1 คืน แล้วจะลงมานอนที่บ้านเพื่อน 1 คืนค่ะ
เริ่มการเดินทางนั่งรถเมล์ สาย75 ไปสถานีรถไฟหัวลำโพง
พวกเราจองรถไฟชั้น3  ราคา 200 บาท กรุงเทพ-เด่นชัย รถไฟออกจากชานชาลาเวลา20.10น. ไม่มีเลทเลย จัดว่าแจ่มมาก!!!






กว่าจะถึงเด่นชัยเปลี่ยนท่านั่งประมาณแสนท่าได้ เมื่อยตูดมากกๆ แต่ประสบการณ์ที่ได้ก็มากเช่นกัน



พวกเราไปถึงสถานีเด่นชัย จ.แพร่เวลา 5.40น. โดยประมาณ จากนั้นเราก็ต้องต่อรถไปขนส่งน่าน เราก็ไปเจอ แท็กซี่จ.แพร่ (อันที่จริงก็รถเก๋งปกตินี่แหล่ะไม่ได้ติดป้ายว่า Taxiแต่อย่างใด5555) เสียค่าแท็กซี่ไปขนส่งแพร่คนละ50บาท รวม250บาทถ้วน
ไปถึงขนส่งแพร่ เรามุ่งหน้าไปหารถตู้ไปจ.น่าน มาทันคนที่กำลังจะออกพอดี เราก็จัดการซื้อตั๋วคนละ 83 บาท นั่งรถชมวิวระกว่างทางไปถึงจ.น่าน (เพื่อนเล่ามาว่าคนขับเหยียบมิดมาก แซงรถสิบล้อระหว่างทาง แต่เราหลับค่ะไม่รู้เรื่อง55555)
ถึงขนส่งจ.น่านแล้ว เย่!! อยากจะกรี๊ดดดดดระดับสิบ แต่ยังกรี๊ดไม่ได้เพราะยังไม่ถึงปลายทาง
เราต่อรถประจำทางไปอ.ปัวอีกค่ะ 555555555 หรรษากับการนั่งรถมากๆ เราจ่ายค่ารถจากขนส่งน่าน ไปอ.ปัว คนละ40 บาท แล้วก็ชมวิวระหว่างทางอีกเช่นเคย
ถึงแล้วววววววววววววววววววววววววว อ.ปัว จ.น่าน  
มาถึงประมาณ 8.00น. เราก็สรรหาร้านอาหารค่ะ บทสรุปก็คือข้าวผัดกะเพราแถวๆนั้นแหล่ะ หิวมาก มือสั่นไปหมด 555
กินข้าวเสร็จ มารอรถขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยภูคา รถจะออกเวลา 11.00น. เราก็รอไปค่ะ


ระหว่างทางขึ้นดอยภูคา  บรรยากาศดีมากๆๆ


ถึงแล้วววววววววว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา!!!


ยัง ยังไม่ถึงที่พัก! เราต้องเดินเท้าเข้าไปในสำนักงานประมาณ 1 กิโลเมตร เหมือนจะไม่ไกลนะคะ แต่เดินขึ้นภูเขา เหนื่อยมากกกกกกกกกกกก



มาถึงสำนักงาน  ไอ้แว่นที่บอกว่าโทรมาจองที่พักแล้ว แต่เขาไม่ให้จอง นั่นคือมันคุยกับรปภ. - -*
สรุปพวกเรา5คนไม่มีที่นอนค่ะ พี่ๆทางอุทยานเขาเลยบอกว่ามีเต็นท์เหลือ สามารถจองไปนอนได้ เราก็ตกลงว่าจะนอนเต็นท์กันค่ะ จ่ายค่านอนไปคนละ109 บาท (เต็นท์ใหญ่มากๆ มีถุงนอน ที่รองนอน และหมอนให้)

มาถึงที่พัก นอนพักร่าง ก่อนจะไปเดินชมวิวตามจุดต่างๆค่ะ บรรยากาศดีมากๆ เป็นสถานที่ที่ให้เราซึมซับบรรยากาศธรรมชาติมากๆ






นอนเพลินกันเลยยยยย ตื่นมาก็เกือบเย็นซะแล้ว เริ่มหิวค่ะ ร่างกายต้องการอาหารมาก
แต่!พวกเราต้องเดินลงไปร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างที่ห่างไกลจากที่พัก 5555555 เราก็เดินกินลมชมวิวกันไปค่ะ (ไม่มีรถผ่านให้โบกขึ้นเลย TT)

ที่ร้านอาหารมีให้เลือกแค่5อย่างเท่านั้น คือต้มไก่ ทอดปลา ไข่เจียว ผัดกะเพราหมู และผัดผัก - -* เราก็จัดสรรมา3เมนูคือต้มไก่ ปลาทอด และผัดผัก(ผัดผักที่มีแค่ผักไม่มีหมูนะคะ55)










ถ้ากินจานได้ คงจะไม่เหลือ 55555 โดนไป 690 บาท
พร้อมกับอาหารที่สั่งมาไว้กินตอนดึกๆบนที่พัก
ขากลับ เราโบกรถกลับค่ะ รู้สึกดีมากกกกกกกกกกกไม่ได้เดิน หายเหนื่อยเลยค่ะ คนไทยใจดี ^^


กลับมาเต็นท์ทำภารกิจส่วนตัว  ขอบอกว่าห้องน้ำสะอาดมากๆ น้ำเย็นมากกกกกกกกก เหมือนเอาน้ำแข็งมาสาดใส่หน้าตัวเองเลย ใครอาบน้ำตอนดึกๆนี่ ใจเด็ดมากค่ะ5555
ลืมบอกไปพวกเรากางเต็นท์ที่ลานดูเดือน บรรยากาศดีมากๆ


ข้าวกล่องที่สั่งมา เราประทับใจกันมาก ไม่เคยเห็นค่ะ ^^
ข้าวห่อด้วยใบตองแต็บ คลาสสิคมากๆ อาหารรสชาตอร่อยสุดๆ อย่าลืมแวะไปทานกันนะคะ



ลานดูเดือน พวกเราตั้งใจจะถ่ายทางช้างเผือกไปฝากอ. แต่พี่ๆที่อุทยานบอกว่า คืนนี้สว่างไปหน่อย คงจะไม่เห็น (อดนะคะ เค้าล้อเล่น)




อากาศเริ่มหนาว อยู่ที่กทม.ไม่เคยได้สัมผัส เราหนาวกันมากกกกก โดยเฉพาะเรา 5555555 เราเลยไปขอพี่ๆอุทยานผิงไฟด้วย ไปสร้างสัมพันธไมตรีที่ดี  เราก็เม้าท์มอยกันอยู่นานเลย พี่ๆก็ถามไถ่เรา แลดูซี้กันมาก 5555555555
คุยไป คุยมา เราเลยขอพี่ๆติดรถไปข้างบนดอนภูคา ตรงที่เป็นจุดชมวิวสูงสุด พี่เขาก็นัดพวกเรา9 โมงเช้า เจอกัน เราก็เลยขอตัวไปนอน เพราะตอนนั้นหนาวมากกกก TT


เช้าวันใหม่ นัดกันมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอน 6โมงเช้า แต่!! ไม่มีใครตื่นค่ะ หลับเพลิน555555
แต่ก็ยังพอเห็นความสวยงามของท้องฟ้าตอนเช้าๆอยู่ ^^




อากาศยังคงเย็นอยู่ในช่วงเช้า มีน้ำค้างด้วย ดอกไม้สวยมากๆ





ประมาณ 8 โมงนิดๆ พี่ๆอุทยานก็มารับพวกเราค่ะ พี่ๆจะขึ้นไปทำไฟตรงจุดกางเต็นท์ต่างๆ เราเลยได้ติดรถไปด้วย
เราก็ช่วยพี่ๆขนของไปด้วยค่ะ #มีประโยชน์นะพวกเราเนี้ย ^^







มาถึงที่พี่ๆเขาทำงานละค่ะ ลานดูดาว พี่ๆบอกพวกเราว่า ขอทำงานก่อนนะ ให้พวกเราชมวิวรอ 555555 เราก็บอกไป ตามสบายเลยค่ะพี่ แค่มาด้วยก็เกรงใจแล้ว ^^
เราก็ถ่ายรูปค่ะ  ถ่ายไปทั่วเลย555






คนนี้ไง พี่อุทยานของเรา ใจดีมาก น่ารักมาก ดูแลพวกเราดีมากตั้งแต่ไปถึงอุทยานเลย คนน่านใจดีๆจริงๆค่ะ ^^



ต้นชมพูภูคา พบได้ที่เดียวในประเทศไทยคือบนอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
เราไม่ได้เห็นตอนมีดอก เพราะยังไม่ใช่ฤดูของมันค่ะ (พลาดเลย











ในที่สุดพี่ๆก็ทำงานเสร็จ เลยพาพวกเรามาจุดชมวิวสูงสุดของอุทยานค่ะ
บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  หมอกคลุมหนาสุดๆ



ขากลับลงไปก็แวะไหว้ตำหนักเจ้าหลวงภูคาค่ะ แล้วพี่ๆก็พาเรากลับไปที่อุทยาน เพื่อให้พวกเราเตรียมตัวกลับลงไปจากอุทยาน



ระหว่างทางกลับลงไปอุทยาน ระหว่างทางก็ยังสวยงามเหมือนเดิม



กลับแล้วนะอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ขอบคุณพี่ๆบนอุทยานมากๆค่ะ
การกลับลงไปตัวอำเภอปัวของพวกเรา คือ โบกรถกลับค่ะ55555555555555
โบกรถคันแรก ไม่เหลียวตามองพวกเราเลย ร้องไห้แรงๆ
โบกรถคันที่สอง เขาเป็นรถเก๋ง2 คน เหมือนจะจอดให้เราไปด้วย แต่เหมือนเขาเห็นกระบะด้านหลัง เขาเลยขับผ่านไป 555
เราได้ขึ้นรถกระบะกลับค่ะ  พี่ๆใจดีมากๆ  เรารีบเลยถ่ายรูปไว้ไม่ทัน มันกะทันหันสุดๆ 555



ระหว่างทางตอนกลับลงมาจากอุทยานค่ะ แม้แดดจะแรง แต่ความสวยงามก็ยังคงอยู่
ลงมาแล้ว ไอ้แว่นโทรบอกให้น้ามารับค่ะ เราพักที่บ้านเพื่อนอีก1 คืน
ไปถึงบ้านไอ้แว่นก็พักผ่อนค่ะ แว้นรถมอเตอร์ไซต์ไปซื้อส้มตำมา 2ครก น้ำตก1 ถุง  อาหารรองเท้าเบาๆ
กินเสร็จแดดเริ่มเบาลง เราไปเดินเล่นแถวๆแม่น้ำน่านค่ะ ชมธรรมชาติ เหมือนเดินป่าของลูกเสือเลย นึกถึงวันเด็กของเด็ก ตจว.







ไร่ถั่วลิสงยาวเหยียดสุดสายตา เขียวขจี ธรรมชาติมากๆ





พาเพื่อนเล่นเป่าลูกโป่งจากต้นสบู่ดำ (เพื่อนไม่เคยเล่น55555555555 แต่เรานี่เซียนมาก)
จากนั้นก็กลับบ้านค่ะ ทำอาหารเย็นกัน โชว์ฝีมือกันไปเลย555 หนึ่งในอาหารของพวกเราคือทอดไข่ ^^
ตอนกลางคืนที่หมู่บ้านมีรำวงย้อนยุค เราก็ไปโจ๊ะกันค่ะ  โจ๊ะเบาๆข้างๆเวทีพอ55555
ไปยิงปืนเอาตุ๊กตาให้หลานของไอ้แว่น หมดไป40 บาท ไม่ได้อะไรเลย เจ้าของร้านสงสารเลยให้น้ำส้มมา1ขวด 555



กลับบ้านอนค่ะ หมดเงินไปเยอะ5555555555555



เช้าต่อมาเตรียมตัวไปดูแข่งเรือ โชคดีของพวกเราคือ ช่วงนั้นเป็นวันแข่งเรือของอ.ปัว เราเลยได้ไปดู ตื่นเต้นมากค่ะ ไม่เคยได้ดู คนพายเรือสามัคคีกันมากๆ

รำถวาย เปิดงานแข่งเรือ


แข่งเรืออ.ปัว สนุกมากๆ




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่