ถ้าผิดยังไงช่วยแก้ไขความเข้าใจให้ด้วยนะครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมกำลังประสบอยู่
กับประกัน 3+ ที่ประกันจะรับผิดชอบเฉพาะเรื่องรถชนรถ
รถผมไปชนที่ชัยนาทมา เสียหายอย่างรุนแรงตามภาพ
รถผมเป็นประกัน 3+ ของอีกฝ่ายที่มาชนเป็นประกันชั้น 1
รถผมถูกดังนั้นเค้าต้องรับผิดชอบทุกอย่างให้รถเรากลับมาดีเหมือนเดิมไม่น่าจะมีปัญหาใช่มั้ยครับ
แต่ปัจจุบันผ่านไป 3 เดือนแล้ว ที่ผมต้องไปคุยกับประกัน ต้องติดต่อ ติดตาม เช็คเรื่องทุกอย่างเอง
โดยไม่มีประกันฝ่ายผมมาช่วยพูดหรือมาช่วยดำเนินเรื่องอะไรเลย รถผมก็ถูกตีความโดยประกันฝั่งตรงข้าม
ว่ามันเสียหายไม่เยอะ ไม่เกิน 45% มันซ่อมได้ และต้องซ่อมเท่านั้น ขายตีเป็นซากรถไม่ได้เพราะเสียหายไม่ถึง 70%
ราคาซ่อมถูกจำกัดที่ 250,000 บาท หรือจะเอาเป็นเงินก็ได้แล้วไปขายซากเอง
เราเองอยากจะประเมินกับฝ่ายที่น่าเชื่อถือบ้าง เพื่อนที่เป็นทนายบอกให้ไปถามที่ศูนย์ ให้ศูนย์ตีราคาเลย
ปรากฎว่า ช่างก็ดีมากเลย เป็นศูนย์ตรงพัฒนาการ เค้าบอกว่าแบบนี้มันเกิน 70% แล้ว ซ่อมไม่คุ้มเพราะศูนย์เสียแล้ว ค่าซ่อมก็ 3-400,000
แต่เค้าออกเอกสารยืนยันไม่ได้ เพราะรถไม่ได้มาซ่อมที่เค้า แล้วก็มีค่าแกะตรวจสอบ 15% ของค่าซ่อมทั้งหมด
เราจึงไปถาม คปภ. ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้ประกันต้องซ่อมห้างเท่านั้นได้หรือไม่ กับเราจะตรวจสอบยืนยัน % ความเสียหายได้ยังไง
คปภ. บอกว่ามันยาก เพราะมันต้องแกะชิ้นส่วนออกมาประเมินเท่านั้นซึ่งมันจะไปยุ่งกับรถ แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับเปล่า
ส่วนการบังคับให้อีกฝ่ายซ่อมที่ศูนย์ให้ก็ทำไม่ได้ต้องลงทุนฟ้อง แต่ถ้าตีว่ารถไม่ควรซ่อม จะหาเรื่องเอาราคาซ่อมห้าง
ที่แพงกว่ามาเทียบราคาซ่อมอู่เพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้นนั้นไม่สามารถทำได้ หรือจะซ่อมแล้วเอารถมาขายก็ไม่คุ้มแน่นอน
ล่าสุดผมไปหาอู่กลางเองตามคำแนะนำของ คปภ. ให้ไปทำการบ้านเช็คราคาเองเลย
อู่กลางที่ไปถามก็ช่วยดีมาก มี SAS กับ อู่เขียว ที่อยู่ระแวกบ้าน ทั้งคู่พูดตรงกันว่า แบบนี้มัน 70% แล้ว และถ้าเป็นเค้า
เค้าไม่ซ่อม 250,000 น่ะซ่อมได้ แต่เป็นการตัดต่อเอาท้ายคันอื่นมาเชื่อม ซึ่งผมว่า รถที่ซ่อมมาคงมีราคาตลาด
ไม่ถึง 150,000 เพราะมันเป็นรถตัดต่อมา ถ้ามาขับเองก็ห้ามชน เพราะความแข็งแรงคงไม่มี คราวนี้ชนอีกทีแค่เบาๆ คงตายทั้งคัน
แต่อู่ถามว่า ไม่ให้ประกันเราคุยกับประกันเค้าล่ะ เออจริง เราเหนื่อยมาตั้งนาน ประกันเราทิ้งขว้างสุดๆ มันคือยังไง?
เลยโทรไปถามดู ประกันวิริยะ3+ ที่สาขาชัยนาท เค้าบอกว่าเราอนุมัติให้โอนเรื่องไปที่ MSIG จัดการตั้งแต่วันแรกแล้ว
เนื่องจากวงเงินเราที่เป็น 3+ มันน้อย ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะเราวงเงินแสนเดียวเท่านั่นเอง เค้าคงให้ผมเซ็นซึ่งผมก็จำไม่ค่อยได้
เสร็จเราถามว่าแล้วคุณจะช่วยพูดให้เราได้มั้ย ที่ผ่านมาเราเหนื่อยมาก ลูกสาวก็ปางตาย
เค้าบอกว่าอยากให้ผู้เสียหายคุยเองจะมีภาษีกว่า แล้งถ้าเค้าออกหน้า เดี๋ยววิริยะกับMSIG จะเป็นแนวขัดแย้งกัน
เฮ้ย เราฟังแล้วงง
เราถามต่อว่า ถ้าสลับฝั่งกัน คุณจะตีความเสียหายของรถคันนี้เป็นยังไง เค้าบอกว่า น่าจะเสียหายแบบโดยสิ้นเชิง
ควรไปขายซากได้ แต่เราโอนเรื่องไปให้MSIG แล้ว ซึ่งเค้าก็ตีว่าแค่ 45%
สุดท้ายเราถามว่า วิริยะจะช่วยออกเพิ่มได้มั้ยกับทุนประกันเราที่มีอยู่แสนนึง เค้าก็อึ้งๆ ขอไปถามหัวหน้าก่อน แต่เราว่าคงไม่ได้
สรุปคือ มีประกันเหมือนไม่มีประกันเพราะทำเองทุกอย่าง จากกับดักที่ ทุนประกันเรามันน้อย ต้องไปอาศัยฝั่งตรงข้าม
พอเป็นแบบนี้ มันจะประเมินกดต่ำยังไงก็ได้ เราจะพิสูจน์ก็ลำบาก ต้องไปแกะซาก ต้องทำอะไรที่ไม่คุ้มเหนื่อย
เราจะไม่ทำแบบนั้นที่จะไปโอนไปที่ MSIGก็เสี่ยง เพราะทุนประกันวิระยะมันน้อย ถ้าจะซ่อมจะมีปัญหาเรื่องวงเงินจำกัดหรือล่าช้ารึเปล่า
ถ้าเป็นประกันชั้น1 คงไม่ลำบากแบบนี้ ผมเห็นหลายคนชอบ 3+ แบบผม แต่คงจะไม่มีประสพการณ์แบบนี้เลยอยากจะมาแชร์
ผมอาจจะผิดพลาดที่ไปติ๊คเลือกMSIG รึเปล่าว่า??? แต่ผมอยากให้วิริยะมันช่วยผมบ้าง ช่วยคุยหน่อยก็ยังดี ฮือๆๆ
วิริยะบอกทำนองว่าผมได้ 250,000 ซึ่งเท่ากับ 70% ของรถที่ผมซื้อมาเป็นมือสองก็บุญแล้ว
ส่วนซากท่านก็ควรหาทางไปขายเอาเอง เซ็งจริงๆเลย
กับดักประกันชั้น 3+ ที่ผมเจอ
ถ้าผิดยังไงช่วยแก้ไขความเข้าใจให้ด้วยนะครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมกำลังประสบอยู่
กับประกัน 3+ ที่ประกันจะรับผิดชอบเฉพาะเรื่องรถชนรถ
รถผมไปชนที่ชัยนาทมา เสียหายอย่างรุนแรงตามภาพ
รถผมเป็นประกัน 3+ ของอีกฝ่ายที่มาชนเป็นประกันชั้น 1
รถผมถูกดังนั้นเค้าต้องรับผิดชอบทุกอย่างให้รถเรากลับมาดีเหมือนเดิมไม่น่าจะมีปัญหาใช่มั้ยครับ
แต่ปัจจุบันผ่านไป 3 เดือนแล้ว ที่ผมต้องไปคุยกับประกัน ต้องติดต่อ ติดตาม เช็คเรื่องทุกอย่างเอง
โดยไม่มีประกันฝ่ายผมมาช่วยพูดหรือมาช่วยดำเนินเรื่องอะไรเลย รถผมก็ถูกตีความโดยประกันฝั่งตรงข้าม
ว่ามันเสียหายไม่เยอะ ไม่เกิน 45% มันซ่อมได้ และต้องซ่อมเท่านั้น ขายตีเป็นซากรถไม่ได้เพราะเสียหายไม่ถึง 70%
ราคาซ่อมถูกจำกัดที่ 250,000 บาท หรือจะเอาเป็นเงินก็ได้แล้วไปขายซากเอง
เราเองอยากจะประเมินกับฝ่ายที่น่าเชื่อถือบ้าง เพื่อนที่เป็นทนายบอกให้ไปถามที่ศูนย์ ให้ศูนย์ตีราคาเลย
ปรากฎว่า ช่างก็ดีมากเลย เป็นศูนย์ตรงพัฒนาการ เค้าบอกว่าแบบนี้มันเกิน 70% แล้ว ซ่อมไม่คุ้มเพราะศูนย์เสียแล้ว ค่าซ่อมก็ 3-400,000
แต่เค้าออกเอกสารยืนยันไม่ได้ เพราะรถไม่ได้มาซ่อมที่เค้า แล้วก็มีค่าแกะตรวจสอบ 15% ของค่าซ่อมทั้งหมด
เราจึงไปถาม คปภ. ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้ประกันต้องซ่อมห้างเท่านั้นได้หรือไม่ กับเราจะตรวจสอบยืนยัน % ความเสียหายได้ยังไง
คปภ. บอกว่ามันยาก เพราะมันต้องแกะชิ้นส่วนออกมาประเมินเท่านั้นซึ่งมันจะไปยุ่งกับรถ แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับเปล่า
ส่วนการบังคับให้อีกฝ่ายซ่อมที่ศูนย์ให้ก็ทำไม่ได้ต้องลงทุนฟ้อง แต่ถ้าตีว่ารถไม่ควรซ่อม จะหาเรื่องเอาราคาซ่อมห้าง
ที่แพงกว่ามาเทียบราคาซ่อมอู่เพื่อให้ได้เงินเพิ่มขึ้นนั้นไม่สามารถทำได้ หรือจะซ่อมแล้วเอารถมาขายก็ไม่คุ้มแน่นอน
ล่าสุดผมไปหาอู่กลางเองตามคำแนะนำของ คปภ. ให้ไปทำการบ้านเช็คราคาเองเลย
อู่กลางที่ไปถามก็ช่วยดีมาก มี SAS กับ อู่เขียว ที่อยู่ระแวกบ้าน ทั้งคู่พูดตรงกันว่า แบบนี้มัน 70% แล้ว และถ้าเป็นเค้า
เค้าไม่ซ่อม 250,000 น่ะซ่อมได้ แต่เป็นการตัดต่อเอาท้ายคันอื่นมาเชื่อม ซึ่งผมว่า รถที่ซ่อมมาคงมีราคาตลาด
ไม่ถึง 150,000 เพราะมันเป็นรถตัดต่อมา ถ้ามาขับเองก็ห้ามชน เพราะความแข็งแรงคงไม่มี คราวนี้ชนอีกทีแค่เบาๆ คงตายทั้งคัน
แต่อู่ถามว่า ไม่ให้ประกันเราคุยกับประกันเค้าล่ะ เออจริง เราเหนื่อยมาตั้งนาน ประกันเราทิ้งขว้างสุดๆ มันคือยังไง?
เลยโทรไปถามดู ประกันวิริยะ3+ ที่สาขาชัยนาท เค้าบอกว่าเราอนุมัติให้โอนเรื่องไปที่ MSIG จัดการตั้งแต่วันแรกแล้ว
เนื่องจากวงเงินเราที่เป็น 3+ มันน้อย ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะเราวงเงินแสนเดียวเท่านั่นเอง เค้าคงให้ผมเซ็นซึ่งผมก็จำไม่ค่อยได้
เสร็จเราถามว่าแล้วคุณจะช่วยพูดให้เราได้มั้ย ที่ผ่านมาเราเหนื่อยมาก ลูกสาวก็ปางตาย
เค้าบอกว่าอยากให้ผู้เสียหายคุยเองจะมีภาษีกว่า แล้งถ้าเค้าออกหน้า เดี๋ยววิริยะกับMSIG จะเป็นแนวขัดแย้งกัน
เฮ้ย เราฟังแล้วงง
เราถามต่อว่า ถ้าสลับฝั่งกัน คุณจะตีความเสียหายของรถคันนี้เป็นยังไง เค้าบอกว่า น่าจะเสียหายแบบโดยสิ้นเชิง
ควรไปขายซากได้ แต่เราโอนเรื่องไปให้MSIG แล้ว ซึ่งเค้าก็ตีว่าแค่ 45%
สุดท้ายเราถามว่า วิริยะจะช่วยออกเพิ่มได้มั้ยกับทุนประกันเราที่มีอยู่แสนนึง เค้าก็อึ้งๆ ขอไปถามหัวหน้าก่อน แต่เราว่าคงไม่ได้
สรุปคือ มีประกันเหมือนไม่มีประกันเพราะทำเองทุกอย่าง จากกับดักที่ ทุนประกันเรามันน้อย ต้องไปอาศัยฝั่งตรงข้าม
พอเป็นแบบนี้ มันจะประเมินกดต่ำยังไงก็ได้ เราจะพิสูจน์ก็ลำบาก ต้องไปแกะซาก ต้องทำอะไรที่ไม่คุ้มเหนื่อย
เราจะไม่ทำแบบนั้นที่จะไปโอนไปที่ MSIGก็เสี่ยง เพราะทุนประกันวิระยะมันน้อย ถ้าจะซ่อมจะมีปัญหาเรื่องวงเงินจำกัดหรือล่าช้ารึเปล่า
ถ้าเป็นประกันชั้น1 คงไม่ลำบากแบบนี้ ผมเห็นหลายคนชอบ 3+ แบบผม แต่คงจะไม่มีประสพการณ์แบบนี้เลยอยากจะมาแชร์
ผมอาจจะผิดพลาดที่ไปติ๊คเลือกMSIG รึเปล่าว่า??? แต่ผมอยากให้วิริยะมันช่วยผมบ้าง ช่วยคุยหน่อยก็ยังดี ฮือๆๆ
วิริยะบอกทำนองว่าผมได้ 250,000 ซึ่งเท่ากับ 70% ของรถที่ผมซื้อมาเป็นมือสองก็บุญแล้ว
ส่วนซากท่านก็ควรหาทางไปขายเอาเอง เซ็งจริงๆเลย