พะงัน : ตัวตน วิถีคน บนเส้นขนานของฟ้ากับทะเล

กระทู้สนทนา
พอดีผมพึ่งหัดเขียนสารคดีท่องเที่ยว ก็เลยอยากจะมาลองแชร์ให้เพื่อนๆ ชาวพันทิพย์ช่วยอ่านดูหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง


               ท้องฟ้าสีครามที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีเหลืองอ่อนๆของแสงอาทิตย์ ดูราวกับจิตรกรที่กำลังสะบัดสีจากปลายพู่กันลงบนผืนฟ้าอย่างสุนทรีอารมณ์... เมื่อผมมองออกไปสุดลิบตามีเพียงเส้นขนานของฟ้ากับทะเลที่ไม่มีวันมาบรรจบกันเท่านั้น มันอาจจะฟังดูคล้ายกับความรักที่ผมมีไว้ให้ใครคนนั้นก็ได้  
" ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึ้ง ท่านที่จะเดินทางไปเกาะพะงันโดยอาศัยเรือเฟอร์รี่ในรอบเวลาสิบนาฬิกา ขณะนี้เรือได้เข้าเทียบท่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณค่ะ" เสียงประชาสัมพันธ์ของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น แม้น้ำเสียงจะฟังดูกระด้าง แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอนั้นกลับดูสุภาพและอ่อนโยน หลังสิ้นเสียงประกาศ คล้ายเป็นสัญญาณย้ำถึงจุดหมายปลายทางที่ผมกำลังจะไป

ได้พบ...สบตา
                      จุดหมายที่ผมจะไปครั้งนี้ก็คือ เกาะพงัน ถือเป็นเกาะหนึ่งในอ่าวไทยที่ยังคงความงดงามทางธรรมชาติไว้ ตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอเกาะพะงัน ชื่อของเกาะมาจากคำว่า “หลังงัน” เป็นภาษาถิ่นหมายถึงสันทรายที่โผล่พ้นน้ำเมื่อยามน้ำลง เดิมชื่อเกาะไม่มีสระอะ แต่ต่อมาได้เพิ่มสระอะ เป็นพะงัน เกาะพะงันมีชื่อเสียงจากงานฟูลมูนปาร์ตี้ ทั้งยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ขึ้นชื่อของแบ็กแพ็กเกอร์
                    เช้านี้เองที่ผมได้เดินทางไปยังเกาะพะงันโดยการอาศัยเรือเฟอร์รี่เจ้าถิ่นลำเก่าแต่เก๋าไปด้วยประสบการณ์ เพราะมันได้ใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่ในท้องทะเลมามากกว่าชั่วอายุของคน บรรยากาศบนเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต่างมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน บางคนต้องการมาเพื่อสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเกาะพะงันอันเลื่องชื่อ ส่วนบางคนก็แค่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายในสังคมเมือง ภาพเด็กนักเรียนที่ไปเรียนหนังสือในตัวเมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ทยอยกลับบ้านในช่วงวันหยุดก็มีจำนวนไม่น้อย เมื่อผมขึ้นไปบนเรือแล้วจึงเดินไปจับจองที่นั่งตามแต่สมควร ผมเลือกที่จะนั่งชั้นบนสุดของเรือ สายลมที่พัดผ่านมากระทบกับใบหน้าทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ และทุกครั้งที่สายลมแห่งความคิดถึงพัดมา ใบหน้าของใครคนหนึ่งก็จะค่อยๆปรากฏขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดด้วย

                     ผมใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือดอนสัก ไปยังปลายทางที่เกาะพะงัน โดยใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ความรู้สึกของผมไม่เคยจะเหมือนเดิมเลยแม้ผมจะมาที่นี้บ่อยครั้ง  ครั้งนี้ผมเดินทางมาคนเดียว โดยมีเพื่อนรักที่สนิทที่สุดในชีวิตรออยู่ที่นี้ เมื่อเรือเข้าจอดเทียบท่าที่เกาะพะงันอากาศร้อนในแบบฉบับของภาคใต้ก็เข้าปะทะกับใบหน้า จนทำให้คิ้วของผมขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะว่าไม่คุ้นชินกับอากาศ แต่คงเพราะผมหรี่ตาลงเพื่อหลบแดดเท่านั้นกระมัง  สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อก้าวลงจากเรือ คือการสอดส่องสายตาเพื่อค้นหาเพื่อนรักของผมที่มารอรับ เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ผมบอกกับเขาว่าผมจะมาหา คงเป็นเพราะตั้งแต่จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนประจำจังหวัดสุราษฏร์ธานี ประกอบกับการที่ผมได้ขึ้นมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ภาคเหนือ จึงทำให้เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยครั้งนัก  
                       “ สภา สภา อยู่นี้ คือประโยคที่เพื่อนผมตะโกนออกมา” การพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาในอดีตกับคนที่เราสนิทนั้น ทำให้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องคิดประโยคอะไรเลยเพื่อต่อบทสนทนา เพียงแต่การเอาเรื่องเดิมๆนำกลับมาเล่าใหม่ก็ยังสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้เสมอ  เพื่อนรักพาผมไปยังที่พัก ผมจึงนำสัมภาระเข้าที่พักและพักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะออกไปเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวรอบเกาะพะงัน สภาพในปัจจุบันของเกาะพะงันที่ผมมาเห็นครั้งนี้เปลี่ยนแปลงแตกต่างจากในอดีตมากพอสมควร ร้านค้าต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั่วเกาะ  ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ผุดขึ้น กระจัดกระจายจากเดิมที่มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น แต่ผมก็ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปร้านที่อยู่ริมสุดของขอบถนน เพราะเป็นร้านของคนคุ้นเคยของผมเอง ลุงแดง หรือก็คือคนคุ้นเคยที่ผมพูดถึง ลุงแดงเป็นคนสนิทของเพื่อนพ่อผมและบ่อยครั้งผมก็ได้พูดคุยกับแก ก็เลยพลอยสนิทตามไปด้วย
ลุงแดงเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสมส่วน ผมถูกปล่อยไว้ยาว ไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวมากนัก สังเกตจากเสื้อตัวเก่งของแกมักจะถูกนำมาสวมใส่ต้อนรับลูกค้าเสมอ ในการเช่ามอเตอร์ไซค์นั้น เราจำเป็นที่จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับทางร้านถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน ราคาก็ขึ้นอยู่กับชนิดของรถที่เราจะเช่าอาจจะมีราคาตั้งแต่ สามร้อยบาทขึ้นไป ต่อการเช่า ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ผมเช่ามาในราคา สองร้อยบาท และเนื่องจากแกเป็นคนรู้จักคุ้นเคย ผมจึงไม่ต้องใช้บัตรประชาชนในการเช่า เป็นการทำสัญญากันโดยอาศัยความเชื่อใจกันมากกว่า หลักจากเช่ามอเตอร์ไซค์เสร็จลุงแดงก็ชวนผมพูดคุยสารทุกข์สุขดิบทั่วไป การถามถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันก็เป็นอีกบทสนทนาหนึ่งที่ถูกยกมาพูดคุยกัน
                        แดดยามบ่ายเริ่มอ่อนแสงลง ผมก้มมองดูเวลาจากจอมือถือ หน้าจอของมือถือปรากฏตัวเลขดิจิตอลสี่หลัก หมายเลข หนึ่ง-หก-ศูนย์-ศูนย์  ถือเป็นเลขโชคดีในวันนี้เพราะเป็นเวลาที่ปรากฏออกมา ในตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวตามหาดต่างๆ แต่เมื่อดูจากเวลาก็คงจะไม่ทันแล้วเพราะตอนเย็นผมจะไปงาน ฟูลมูนปาร์ตี้ต่อ จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหันขับรถไปยังตลาดเพื่อหาของกินประทังชีวิต ตลาดที่ผมไปตั้งอยู่บริเวณท้องศาลา หาไม่ยากนักหากถามทางจากชาวบ้านแถวนั้นดู ของกินที่เกาะพะงันค่อยข้างมีความเป็นเอกลักษณ์ตามสูตรเฉพาะของคนที่นี้ อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลซึ่งมีความสดใหม่ในทุกวัน กุ้งขนาดตัวเกือบกำมือวางเรียงรายอยู่ให้เห็นทั่วไปในตลาด ปู และ หอยยังคงกระดุ๊กกระดิ๊ก บนถาดที่ถูกวางไว้ เป็นการย้ำถึงความสดใหม่ของอาหาร เนื่องจากคนที่อยู่กับทะเลถ้ากินอาหารทะเลไม่สดก็จะรับรู้ได้ในทันทีคงเกิดจากความเคยชินในการกินของสดนั้นแหละ นอกจากของสดแล้ว ในตลาดยังมีของที่ทำเสร็จแล้วให้เราได้เลือกรับประทานอีกมากมาย  หลังจากผมใช้เวลาพอสมควรในการเลือกซื้ออาหารเสร็จแล้ว ก็กลับที่พักเพื่อเตรียมตัวสำหรับค่ำคืนนี้ที่กำลังจะมาถึง นั้นก็คือฟูลมูนปาร์ตี้ นั้นเอง


เดี๋ยวมาต่อนะครับ ยังไม่จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่