คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
บ้านเราควรยกเลิกระบบราชการได้แล้ว เหลือแต่พนักงานราชการก็พอ
ระบบราชการทำให้คนทำงานขี้เกียจ เข้ายากแต่ไล่ออกก็ยาก อยู่ไปวันๆก็ได้ขั้นขึ้น
เงินขึ้น ระบบมันห่วย ถ้าเปลี่ยนเป็นพนักงานราชการ นอกจากลดภาระงบประมาณ
เรายังจะได้คนมีคุณภาพมากขึ้นด้วย เพราะว่าเวลามีปัญหาอะไรฟ้องร้องแล้วผิดจริงเอาพวกนี้ออกได้ไม่ยาก
ระบบราชการทำให้คนทำงานขี้เกียจ เข้ายากแต่ไล่ออกก็ยาก อยู่ไปวันๆก็ได้ขั้นขึ้น
เงินขึ้น ระบบมันห่วย ถ้าเปลี่ยนเป็นพนักงานราชการ นอกจากลดภาระงบประมาณ
เรายังจะได้คนมีคุณภาพมากขึ้นด้วย เพราะว่าเวลามีปัญหาอะไรฟ้องร้องแล้วผิดจริงเอาพวกนี้ออกได้ไม่ยาก
ความคิดเห็นที่ 21
เล่าให้ฟังว่าพี่เองก็เจออายัติทุกบัญชีเหมือนกัน
เกิดจากพี่ไปจ่ายภาษีตามปกตินี่แหละ ถูกต้องทุกอย่าง พออีก 6 เดือนโดนอายัติบัญชี เนื่องจาก "จ่ายภาษีน้อยกว่าครั้งที่แล้ว"
แค้นมาก...เหมือนถูกรีดไถเลย บังคับให้พี่ไปจ่ายเพิ่มตามที่เขาอยากได้ พี่ก็ต้องไปจ่าย ระหว่างรอปลดเรื่อง เงินโอนจากลูกค้าที่เข้าบัญชีถูกอายัติหมด นานแค่ไหนไม่อยากจะจำ
งานชงัก ค่าวัตถุดิบก็ไม่ได้จ่าย พี่แก้ปัญหาโดยแจ้งลูกค้าที่จ่ายก้อนใหญ่ให้จ่ายอีกบัญชีนึง เลยพอถูไถไปได้
หลังจากตั้งหลักได้พี่ไปจดยกเลิกกิจการเลย สรรพกรไร้เหตุผล โหดมาก
เค้าบอกว่า "คุณจ่ายน้อยกว่าครั้งที่แล้วไม่ได้ ถ้าคุณยังทำกิจการอยู่ได้ คุณก็มีกำไร และกำไรก็ต้องมากขึ้น คุณต้องจ่ายมากขึ้น"
อย่าไปอธิบายเรื่องเศรษฐกิจไม่ดี คู่แข่งเยอะ ค่าแรงแพง ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะ
......พี่จดทะเบียนเป็นแบบร้านค้านะคะ.....
ถึงจุดนี้คือจุดพลิกผันในธุรกิจเลยค่ะ ว่าพี่จะเดินหน้าทำงานนี้ต่อไป หรือจะถอยหลัง
ถ้าจะเดินหน้า -----> จดทะเบียนบริษัท
ถ้าจะถอยหลัง------> ยกเลิกกิจการ
หลังจากดูปัจจัยหลายๆ อย่างแล้ว พี่เลือกอย่างหลัง
ต้องขอบคุณสรรพากรในวันนั้น ที่ทำให้พี่ได้เปลี่ยนชีวิต และเจอธุรกิจใหม่ที่พอใจที่สุดตอนนี้
....เล่าให้ฟังเฉยๆ ค่ะ.....เป็นบทเรียน
เกิดจากพี่ไปจ่ายภาษีตามปกตินี่แหละ ถูกต้องทุกอย่าง พออีก 6 เดือนโดนอายัติบัญชี เนื่องจาก "จ่ายภาษีน้อยกว่าครั้งที่แล้ว"
แค้นมาก...เหมือนถูกรีดไถเลย บังคับให้พี่ไปจ่ายเพิ่มตามที่เขาอยากได้ พี่ก็ต้องไปจ่าย ระหว่างรอปลดเรื่อง เงินโอนจากลูกค้าที่เข้าบัญชีถูกอายัติหมด นานแค่ไหนไม่อยากจะจำ
งานชงัก ค่าวัตถุดิบก็ไม่ได้จ่าย พี่แก้ปัญหาโดยแจ้งลูกค้าที่จ่ายก้อนใหญ่ให้จ่ายอีกบัญชีนึง เลยพอถูไถไปได้
หลังจากตั้งหลักได้พี่ไปจดยกเลิกกิจการเลย สรรพกรไร้เหตุผล โหดมาก
เค้าบอกว่า "คุณจ่ายน้อยกว่าครั้งที่แล้วไม่ได้ ถ้าคุณยังทำกิจการอยู่ได้ คุณก็มีกำไร และกำไรก็ต้องมากขึ้น คุณต้องจ่ายมากขึ้น"
อย่าไปอธิบายเรื่องเศรษฐกิจไม่ดี คู่แข่งเยอะ ค่าแรงแพง ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะ
......พี่จดทะเบียนเป็นแบบร้านค้านะคะ.....
ถึงจุดนี้คือจุดพลิกผันในธุรกิจเลยค่ะ ว่าพี่จะเดินหน้าทำงานนี้ต่อไป หรือจะถอยหลัง
ถ้าจะเดินหน้า -----> จดทะเบียนบริษัท
ถ้าจะถอยหลัง------> ยกเลิกกิจการ
หลังจากดูปัจจัยหลายๆ อย่างแล้ว พี่เลือกอย่างหลัง
ต้องขอบคุณสรรพากรในวันนั้น ที่ทำให้พี่ได้เปลี่ยนชีวิต และเจอธุรกิจใหม่ที่พอใจที่สุดตอนนี้
....เล่าให้ฟังเฉยๆ ค่ะ.....เป็นบทเรียน
ความคิดเห็นที่ 26
อยากแชร์ประสบการณ์ เผื่อจะได้เอาไว้ป้องกันจากเหล่าสรรพากร เคยโดนหลายรอบครั้งแล้วค่
ครั้งที่ 1 ขอภาษีมุลค่าเพิ่มคืนเนื่องจากซื้อเครื่องจักรราคาสุง ได้จ่ายไปตอนซื้อเครื่องมือ เห็นว่าจำนวนเงินเยอะเราก็คิดว่าเออ เงินนั้นเราจ่ายไปจริง ประกอบกับอยุ่ในช่วงลงทุนจึงตัดสินใจไปขอคืน ผลปรากฎว่ามันตรวจบัญชีบริษัทย้อนหลัง5ปี บัญชีจ่ายถุกต้อง เสียทุกเม็ดทุกบาททุกสตางค์ สุดท้ายมันคืนให้นะ แต่มันหักดิบไปเลย 4XXXXX บาท ประมาณ30เปอร์เซ็นต์ จึงอยากเตือนมาว่าถ้ามีภาาษีขายเกินยกไปหักงวดหน้าดีกว่าค่ะ ถ้าขอคืนมันจะหาเรื่องไม่ได้ก็หักดิบ
ครั้งที่2 ลูกค้าโดนตรวจมันเลยยันมาที่บริษัทเรา มันเอาเอกสารห้าปีก็ให้มันหมด สุดท้ายไม่มีความผิดอะไร แต่มันก็ยังพยายามหาเรื่องจนได้ คือว่าเอายอดในงบดุล สินค้าระหว่างทำ มันเอาตรงนี้แหละมาหาเรื่องเรียกภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับ โดนไป 6xxxxx ฝากเตือนระวังพวกนี้ด้วย
สรรพากรบ้านเรา เวลาภาษีไม่เข้าเป้า ด้านแรกที่มันจะตรวจก็คือผู้ที่เสียภาษีถูกต้องเพราะมันหาง่ายแค่ปลายนิ้วมือมันก็คลิกเจอแล้ว มันจะลำบากไปหาพวกที่อยู่นอกระบบ กลุ่มที่เลี่ยงภาษีให้เหนื่อยทำไม่ นี่แหละสรรพากรไทย ห่วยขั้นเทพ แต่ก็อย่าว่าแหละก็สมควรแล้วที่เขาหลบภาษีกันความจริงถ้าเป็นแบบนี้ถ้ามีเพื่อนหรือญาติที่กำลังจะเข้าระบบก็ไม่น่าเข้ามาในระบบหรอก
ครั้งที่ 1 ขอภาษีมุลค่าเพิ่มคืนเนื่องจากซื้อเครื่องจักรราคาสุง ได้จ่ายไปตอนซื้อเครื่องมือ เห็นว่าจำนวนเงินเยอะเราก็คิดว่าเออ เงินนั้นเราจ่ายไปจริง ประกอบกับอยุ่ในช่วงลงทุนจึงตัดสินใจไปขอคืน ผลปรากฎว่ามันตรวจบัญชีบริษัทย้อนหลัง5ปี บัญชีจ่ายถุกต้อง เสียทุกเม็ดทุกบาททุกสตางค์ สุดท้ายมันคืนให้นะ แต่มันหักดิบไปเลย 4XXXXX บาท ประมาณ30เปอร์เซ็นต์ จึงอยากเตือนมาว่าถ้ามีภาาษีขายเกินยกไปหักงวดหน้าดีกว่าค่ะ ถ้าขอคืนมันจะหาเรื่องไม่ได้ก็หักดิบ
ครั้งที่2 ลูกค้าโดนตรวจมันเลยยันมาที่บริษัทเรา มันเอาเอกสารห้าปีก็ให้มันหมด สุดท้ายไม่มีความผิดอะไร แต่มันก็ยังพยายามหาเรื่องจนได้ คือว่าเอายอดในงบดุล สินค้าระหว่างทำ มันเอาตรงนี้แหละมาหาเรื่องเรียกภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับ โดนไป 6xxxxx ฝากเตือนระวังพวกนี้ด้วย
สรรพากรบ้านเรา เวลาภาษีไม่เข้าเป้า ด้านแรกที่มันจะตรวจก็คือผู้ที่เสียภาษีถูกต้องเพราะมันหาง่ายแค่ปลายนิ้วมือมันก็คลิกเจอแล้ว มันจะลำบากไปหาพวกที่อยู่นอกระบบ กลุ่มที่เลี่ยงภาษีให้เหนื่อยทำไม่ นี่แหละสรรพากรไทย ห่วยขั้นเทพ แต่ก็อย่าว่าแหละก็สมควรแล้วที่เขาหลบภาษีกันความจริงถ้าเป็นแบบนี้ถ้ามีเพื่อนหรือญาติที่กำลังจะเข้าระบบก็ไม่น่าเข้ามาในระบบหรอก
แสดงความคิดเห็น
โดนสรรพากร อายัดบัญชีทั้งๆที่ไม่มีความผิด
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 ผมไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารตัวเองได้ ผมจึงได้โทรไปติดต่อกับทางธนาคารค่ายสีเขียว จากการสอบถาม ได้ข่าวว่ามีหมายศาลแจ้งอายัดบัญชีของผมจากสรรพากร ผมจึงได้รีบเดินทางไปติดต่อที่สรรพากรเขตตรงอโศก
สรุปเรื่องเป็นดังนี้
ปี2557 กลางปี ผมได้ลงทะเบียนภาษี ภงดเอาไว้(ครึงปี) ครั้งแรกนั้นได้ทำการลงทะเบีนผ่านเน็ต แต่หลังจากลงทะเบียนเอาไว้แล้วผมเพิ่งได้มาทราบว่าคำนวณผิดเข้าใจผิดในการคิดรายได้(ลงทะเบียนภงด94ครั้งแรกครับ) จึงได้ทำการลงทะเบียนใหม่ซ้ำอีกรอบแต่ลงทะเบียนครั้งนี้ได้เดินทางไปลงทะเบียนกับทางเขตของอโศกด้วยตัวเอง(ลงทะเบียนด้วยกระดาษ) และได้ชำระภาษีแล้วเรียบร้อย
แต่หลังจากนั้นปลายปี และต้นปีได้มีจดหมายมาที่บ้านผม ว่าผมได้ค้างภาษ๊ ภงด94 เป็นจำนวนเงินxxxบาท (เป็นการลงทะเบียนผ่านเน็ตครั้งแรกที่ผมลงผิด)
ซึ้งผมก็โทรไปแจ้งติดต่อแล้วว่าได้ลงทะเบียนใหม่ไปแล้ว(ลงทะเบียนซ้ำซ้อน)และได้ชำระเงินไปเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากนัน้วันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 ผมก็โดนสรรพากรอายัดบัญชี(ทุกบัญชีที่เป็นชื่อของผมทุกธนาคาร) ในวันนั้นผมรีบเดินทางไปยังสาขาอโศก สาขาที่ผมลงทะเบียนภาษีครั้งที่2ด้วยกระดาษไว้ หลังจากคุยปรึษากับฝ่ายกฏหมายของสรรพากรอโศก สรุปว่าผมไม่ผิดและทางฝ่ายกฏหมายได้ทำการเขียนคำร้องยื่นเรื่องปลดบัญชี โดยแจ้งว่าผมต้องรอ 1 อาทิตย์เป็นอย่างเร็ว
ในใจผมก็คิดแล้ว ตายห่า 1 อาทิตย์จะทำยังไงดีวะเนี่ย เงินก็กดออกมาใช้ไม่ได้ หนี้ก็มีต้องจ่าย แต่สุดท้ายคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ ผมเลยต้องจำใจรอ
พอเมื่อวัน 11ที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันนานเกินไปแล้ว ผมจึงได้เข้าไปติดต่อธนาคารค่ายเขียวสาขาที่ผมเปิดบัญชีไว้ และแจ้งความจำนงขอปลดบัญชี โดยมีหลักฐานเป็นสำเนาที่ทางกฏหมายของสรรพากรอโศกร่างขึ้นมาและหลักฐานอื่นๆ แนบไป แต่สุดท้ายทางธนาคารแจ้งว่า ต้องรอตัวจริงส่งมาปลด ซึ่งผมก็พูดอะไรไม่ออก จนวันนี้ 14 พฤศจิกายน 2558 บัญชีของผมก็ยังไม่ปลดอายัด
ตอนนี้เดือดร้อนมากทางสรรพากรทำงานกันล่าช้ามากขนาดนี้กันเลยหรอครับ เงินใช้ก็ไม่มี หนี้ก็ยังไม่ได้จ่ายจากที่ผมไม่เคยค้างชำระประวัติดีตลอด ต้องมาเสียเพราะเรื่องนี้มันใช่เรื่องไหม แล้วผมทำธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจผมก็ชะงัก เงินไม่หมุน จ่ายค่าของให้ต้นสังกัดก็ไม่ได้แถมตอนนี้ภรรยาก็ป่วยสะโพกหัก ต้องใช้เงินในการเข้าออกโรงพยาบาลอีก
ผมอยากจะสอบถามว่า ผมจะฟ้องสรรพากร จะสามารถฟ้องได้ไหมครับเพราะนี่มันก็ผ่านมา 10วันแล้ว ถ้านับวันทำการ ก็ 7วันทำการพอดี
การใช้ชีวิตโดยไม่สามารถถอดเงินจากบัญชีได้มันเจ็บปวดมาก
ปล. ราชการไทย ทำงานได้ห่วยมาก คือเรื่องแบบนี้ ถ้าประชาชนไม่ผิดต้องรีบดำเนินการแก้ไข แต่นี่รอมาอาทิตย์กว่าๆแล้วยังเงียบ
ส่วนธนาคารค่ายเขียวนี่ ต้องรอตัวจริงปลดอย่างเดียวเลย ไม่มีมาตรการช่วยเหลืออะไรซักอย่าง เอกสารก็นำไปให้ดูว่าผมไม่ผิดแล้วด้วยซ้ำ