กำลังเหงาๆ เลยหาเวลาขับรถมาชะอำ เมืองตากอากาศเล็กๆ อยู่ก่อนถึงหัวหินเพียง สิบกว่ากิโลเมตร มาแบบไม่คิดอะไร ปล่อยตัวปล่อยใจ ขับรถเข้ามาตามทาง ว่าจะหาที่พักใจสบายๆ อ่านหนังสือ จิบกาแฟ เพลินๆ คาดไว้เพียงให้มีลมทะเล บรรยากาศความสงบเงียบเรียบง่าย แล้วก็แค่อยากให้สิ่งแวดล้อมของชะอำและความว่างเปล่าในใจของเรา ได้มีโอกาสพบกันบ้าง
ระหว่างทาง ก็นั่งคิดมาเรื่อยเปื่อย ว่าหากชะอำมีชีวิตจิตใจเหมือนคนๆหนึ่ง ชะอำคงไม่สามารถละความ”น้อยใจ”ได้เท่าใดนัก “น้อยใจ”ที่ใครๆก็พูดถึงหัวหิน ใครๆก็หลงใหลหัวหิน ใครสักกี่คนจะบอกรักชะอำได้ทุกวันเท่ากับหัวหิน น้อยคนนักมักจะคิดถึงชะอำ ทั้งๆที่ชะอำเกิดมาเคียงข้างกับหัวหินมิอาจแยกกันได้ แต่ถ้าชะอำเขาคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด เอาเถอะ อย่างน้อยวันนี้ เราคิดถึงชะอำ จึงมาหา มาเยี่ยม
แล้วความคิดเกือบๆฟุ้งซ่านในหัวก็พลันจางหายไปเมื่อรถซิตี้คาร์ คันกะทัดรัด แล่นเอื่อยมาถึงแยกหาดชะอำ สองมือก็พลันประคองพวงมาลัยรถเลี้ยวขวาช้าๆ สายตาสอดส่องมองหาร้านสักแห่ง ไว้เป็นที่อาศัยพักกายของวันนี้ แล้วจู่ๆ ป้ายร้านหนึ่งก็ส่งข้อความเชื้อเชิญให้เข้าไป ร้านที่มีชื่อว่า three faces
ร้านกาแฟเล็กๆนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม TALAY HOTEL & VILLA CHA AM ตกแต่งร้านได้น่ารัก มี texture ของไม้ สีโอ๊ค แซมกับอาคารปูนสีขาว ค่อนข้างลงตัว บริเวณผนังฝั่งหนึ่ง ถูกออกแบบเป็นบาร์ไม้ เปิดโล่งรับลม มีชุดโต๊ะ เก้าอี้ จัดวางไว้เป็นสัดส่วน เสียงเพลงจาก speaker ตัวเล็ก กำลังทำหน้าที่ปล่อยกังวานไพเราะของกีตาร์โปร่ง เกลาเป็นจังหวะ บ้างมีเสนาะทำนองของอูคูเลเล่ ผสานไปด้วย นี่คงเป็นการตีความของร้านกาแฟริมทะเล เป็นกันเอง ผ่อนคลาย ซึ่งเราก็รับรู้ เห็นด้วยกับนิยามที่ทางร้านแสดงออกมาเช่นนั้น
บทสนทนาของบาริสต้าด้านหลังบาร์ ขานตอบกันถึงชื่อกาแฟที่ลูกค้าสั่ง สลับกับเสียงเครื่องชงกาแฟ เสียงเครื่องกรอฟองนมดัง กรอก กรอก กรอก เสียงการกดเครื่องคิดเงิน เสียงเหรียญกระทบเมื่อมีการทอนเงิน สอดรับกับสำเนียงของลูกค้าสองคนที่นั่งพร่ำสนทนากระหนุงกระหนิงอยู่หน้าเคาท์เตอร์ อีกกลิ่นกาแฟ โชยจากเครื่อง ลอยมากระทบจมูกเป็นระยะ สถานที่แห่งนี้จึงมีความสงบอันมีสำเนียงของการใช้ชีวิตอีกรูปแบบซ่อนอยู่ แล้วมันก็เป็นอารมณ์หนึ่งที่ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองได้เป็นอย่างดี การอยู่กับตัวเองไม่ต้องวิ่งหาความเงียบเสมอไป บางครั้งสอดแทรกตัวเองให้เข้าไปอยู่ในวิถีที่ต่างออกไป เราก็น่าจะได้อยู่กับตัวเองได้เหมือนกัน ว่ามั้ย?
สายลมยังคงโชยเอื่อย สรรพเสียงต่างๆยังคงทำหน้าที่ปรุงแต่งสังคมเล็กๆแห่งนี้ต่อไป เพียงครู่ อะเมอริคาโน่ ร้อน ก็ถูกยกมาวางด้านหน้า
“ได้แล้วจ่ะ” บาริสต้าเอื้อนบอกเบาๆ
แล้วจิบแรก ก็ส่งให้จินตนาการในหัวได้เดินต่อไปตามทางของมัน...
[CR] Three Faces เคยเป็นร้านของคนขี้น้อยใจที่แอบหนีไปชะอำ
ระหว่างทาง ก็นั่งคิดมาเรื่อยเปื่อย ว่าหากชะอำมีชีวิตจิตใจเหมือนคนๆหนึ่ง ชะอำคงไม่สามารถละความ”น้อยใจ”ได้เท่าใดนัก “น้อยใจ”ที่ใครๆก็พูดถึงหัวหิน ใครๆก็หลงใหลหัวหิน ใครสักกี่คนจะบอกรักชะอำได้ทุกวันเท่ากับหัวหิน น้อยคนนักมักจะคิดถึงชะอำ ทั้งๆที่ชะอำเกิดมาเคียงข้างกับหัวหินมิอาจแยกกันได้ แต่ถ้าชะอำเขาคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด เอาเถอะ อย่างน้อยวันนี้ เราคิดถึงชะอำ จึงมาหา มาเยี่ยม
แล้วความคิดเกือบๆฟุ้งซ่านในหัวก็พลันจางหายไปเมื่อรถซิตี้คาร์ คันกะทัดรัด แล่นเอื่อยมาถึงแยกหาดชะอำ สองมือก็พลันประคองพวงมาลัยรถเลี้ยวขวาช้าๆ สายตาสอดส่องมองหาร้านสักแห่ง ไว้เป็นที่อาศัยพักกายของวันนี้ แล้วจู่ๆ ป้ายร้านหนึ่งก็ส่งข้อความเชื้อเชิญให้เข้าไป ร้านที่มีชื่อว่า three faces
ร้านกาแฟเล็กๆนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม TALAY HOTEL & VILLA CHA AM ตกแต่งร้านได้น่ารัก มี texture ของไม้ สีโอ๊ค แซมกับอาคารปูนสีขาว ค่อนข้างลงตัว บริเวณผนังฝั่งหนึ่ง ถูกออกแบบเป็นบาร์ไม้ เปิดโล่งรับลม มีชุดโต๊ะ เก้าอี้ จัดวางไว้เป็นสัดส่วน เสียงเพลงจาก speaker ตัวเล็ก กำลังทำหน้าที่ปล่อยกังวานไพเราะของกีตาร์โปร่ง เกลาเป็นจังหวะ บ้างมีเสนาะทำนองของอูคูเลเล่ ผสานไปด้วย นี่คงเป็นการตีความของร้านกาแฟริมทะเล เป็นกันเอง ผ่อนคลาย ซึ่งเราก็รับรู้ เห็นด้วยกับนิยามที่ทางร้านแสดงออกมาเช่นนั้น
บทสนทนาของบาริสต้าด้านหลังบาร์ ขานตอบกันถึงชื่อกาแฟที่ลูกค้าสั่ง สลับกับเสียงเครื่องชงกาแฟ เสียงเครื่องกรอฟองนมดัง กรอก กรอก กรอก เสียงการกดเครื่องคิดเงิน เสียงเหรียญกระทบเมื่อมีการทอนเงิน สอดรับกับสำเนียงของลูกค้าสองคนที่นั่งพร่ำสนทนากระหนุงกระหนิงอยู่หน้าเคาท์เตอร์ อีกกลิ่นกาแฟ โชยจากเครื่อง ลอยมากระทบจมูกเป็นระยะ สถานที่แห่งนี้จึงมีความสงบอันมีสำเนียงของการใช้ชีวิตอีกรูปแบบซ่อนอยู่ แล้วมันก็เป็นอารมณ์หนึ่งที่ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองได้เป็นอย่างดี การอยู่กับตัวเองไม่ต้องวิ่งหาความเงียบเสมอไป บางครั้งสอดแทรกตัวเองให้เข้าไปอยู่ในวิถีที่ต่างออกไป เราก็น่าจะได้อยู่กับตัวเองได้เหมือนกัน ว่ามั้ย?
สายลมยังคงโชยเอื่อย สรรพเสียงต่างๆยังคงทำหน้าที่ปรุงแต่งสังคมเล็กๆแห่งนี้ต่อไป เพียงครู่ อะเมอริคาโน่ ร้อน ก็ถูกยกมาวางด้านหน้า
“ได้แล้วจ่ะ” บาริสต้าเอื้อนบอกเบาๆ
แล้วจิบแรก ก็ส่งให้จินตนาการในหัวได้เดินต่อไปตามทางของมัน...