What We Do in the Shadows (2014) เรื่องว่าหลอกแล้ว สารคดียิ่งดูหลอกเข้าไปอีก

กระทู้คำถาม
เป็นหนังสารคดีตามติดชีวิตแวมไพร์สี่ตนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ว่าในแต่ละวันพวกเขาทำอะไรบ้างในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ตื่นนอนตอนค่ำยันเข้านอนตอนเช้า

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีสเน่ห์ น่าติดตามต่อคือความเป็นอารมณ์ขัน การหยอกล้อเสียดสีตัวละครต่างๆ ทั้งเหตุที่ทำให้ตัวเองแปรสภาพเป็นแวมไพร์ การดำรงชีวิตในแต่ละวันที่แม้จะทำให้ตัวเองมีอภิสิทธิ์อะไรหลายอย่างเหนือมนุษย์ เช่น อายุยืนหลายร้อยปี เหาะได้ แปลงร่างเป็นค้างคาวแล้วบินหนี สะกดจิตมนุษย์ และอื่นๆ แต่มันก็มีข้อจำกัด ต้องใช้ชีวิตยามค่ำคืน ต้องนอนตอนใกล้สว่าง โดนแดดไม่ได้ จะไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ปิดที่มีมนุษย์เป็นเจ้าของต้องให้เขาเชื้อเชิญให้เข้าไป กินอาหารปกติก็ไม่ได้เพราะจะอาเจียนอย่างหนัก อาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีแค่เลือดของมนุษย์ ซึ่งกว่าจะได้มาก็ต้องวางแผนให้แนบเนียน เพื่อไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย เพราะพูดอีกอย่างมันก็คือการฆาตกรรม ซึ่งมีทางเลือกคือบริโภคแล้วฆ่า หรือแปรสภาพเหยื่อให้เป็นแวมไพร์ ไม่ว่าอย่างไหนก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก ซึ่งส่วนนี้หนังนำเสนอผ่านตัวละครมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกหนึ่งในแวมไพร์พวกนี้กัด ตรงนี้เป็นส่วนที่ดีของหนังเลย

อีกส่วนหนึ่งที่ชอบของหนังเรื่องนี้คือการใส่ตัวละครอื่นๆที่ไม่ใช่มนุยษ์เข้ามาเช่น มนุษย์หมาป่าที่จะกลายร่างก็ต่อเมื่อพระจันทร์เต็มดวงหรือเวลาโกรธจัด เผ่าพันธุ์อื่นเช่นพวกซอมบี้และอื่นๆที่เราจะเห็นได้ในงานชุมนุมในเรื่อง ซึ่งก็ทำให้รู้ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้ยังคงหลงเหลืออยู่และกระจัดกระจายกันไปในปัจจุบัน ซึ่งส่วนนี้เป็นอารมณ์ขันในหนังมากๆ โดยเฉพาะอารมณ์ขันการเขม่นกันของพวกมนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์ แต่ว่าไอ้ส่วนของความสัมพันธ์ของแวมไพร์กับเผ่าพันธุ์อื่นๆหนังน่าจะเล่นได้มากกว่านี้

ส่วนตัวละครที่ชอบส่วนตัวเลย คือไอ้สตูลซึ่งเป็นมนุษย์ที่เป็นเพื่อนของคนที่ถูกแวมไพร์กัดที่พามารู้จักแวมไพร์เหล่านี้ และกลายเป็นเพื่อนกัน (ไม่ได้ชอบคาแรกเตอร์มันหรอก แต่ชอบที่หนังมีตัวละครนี้อยู่) หนังให้เหตุผลเฉพาะในส่วนของแวมไพร์ว่าเหตุที่พวกเขาไม่บริโภคหรือแปรสภาพสตูลคือเขาพาแวมไพร์เหล่านี้ให้รู้จักเทคโนโลยี(เพราะแวมไพร์พวกนี้มันติดหัวโบราณเพราะมันอายุหลายร้อยปีแล้ว) และด้วยความเป็น Friendly เฉพาะตัว แต่อยากให้หนังให้เหตุผลมากกว่านี้ของสตูลที่ทำไมเขาไม่กลัวแวมไพร์พวกนี้(หรือปีศาจตนอื่นๆเลย) และเลี่ยงไปซะ จะทำให้หนังเล่นตรงส่วนนี้ได้มากกว่านี้ในฉากงานเลี้ยง ซึ่งขาดเหตุผลไปหน่อย

ด้วยความที่เป็นหนังที่ถูกนำเสนอในรูปแบบสารคดี มันจึงควรจะหลอกคนดูให้ได้เนียนที่สุดว่าเรากำลังรับชมเหตุการณ์จริงอยู่ในขณะนี้ แม้เราจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันไม่จริง(ต่อให้สารคดีจริงๆยังมีการแต่งเติมหลายอย่างเพื่อให้หนังมันมีอรรถรส อย่างเช่น การเพิ่ม footage จำลองเข้ามา)  แต่ก็มีหนังจำพวกนี้ (ที่ใช้กล้องตามถ่ายตัวละครในเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องๆหนึ่ง) ที่แม้เรื่องที่เรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่จริงหรอก มันเซ็ตขึ้นมา แต่ด้วยจังหวะของมัน ด้วยบท วิธีการ การเซตสถานการณ์ มันดูน่าเชื่อมากๆว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เช่น The Blair With Project(1999), REC(2007), Paranormal Activity(2007), Cloverfield(2008) ส่วนหนังเรื่องนี้ถ้าเกิดมันสามารถเซตให้ได้เนียนกว่านี้ จะทำให้หนังมันเข้มข้นและน่าติดตามกว่านี้มากขึ้น

ส่วนที่ไม่ชอบที่สุดของเรื่องนี้คือตอนจบที่สรุปเอาดื้อๆ ปมปัญหาที่ปรากฏในแต่ละตอนในเรื่องไม่เข้าสู่บทสรุปที่ลงตัว เลยน่าเสียดาย

สรุปคือแนะนำ ด้วยมุขตลกที่โอเค มีดราม่าที่ดี แต่ไปไม่สุดในตอนท้ายแค่นั้นเอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่