== บันทึกความทรงจำ และ แชร์ประสพการณ์ ร่วมวิ่ง 165 กม. 100 Miles Thailand เชียงราย- เชียงใหม่ ==

ระยะ สี่ห้าปีมานี้ วงการวิ่งบ้านเรา คึกคักขึ้นมาก คนหันมาออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งเยอะขึ้นมาก

งานวิ่งจัดกันบ่อย คนให้ความนิยม สมัครกันล้นหลาม จนต้องปิดรับสมัครก่อนประจำ  ช้าหมดอดวิ่ง ยิ้ม

การวิ่ง แบ่งออกเป็นหลายระยะ ที่ ได้ยินกันบ่อยๆก็คือ

Fun Run เป็นการวิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น ระยะตั้งแต่ 3-5 กม. ผู้จัดงานทั่วไปมักจัดไว้ให้กับเด็กหรือผู้เริ่ม เข้ามาสู่วงการวิ่ง

ถัดมาเป็น มินิมาราธอน หรือ Quater Marathon (10-10.5กม.)  เป็นระยะยอดนิยม สำหรับ คนวิ่งทั่วไป ที่รักสุขภาพ ระยะยาว ไม่มากกำลังดี

ถ้าผ่านมินิ มาซักระยะ ก็จะก้าวมาสู่ ระยะ Half Marathon หรือ 21.1 กม.

จนสุดท้าย ถ้า ยังไม่สะใจ เป้าหมายของคนวิ่งส่วนใหญ่ก็จะก้าวต่อไปยัง Full Marathon หรือ ระยะ 42.195 กม.

ปัจจุบันระยะมาราธอนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนหันมาตั้งเป้าหมายพิชิตมาราธอนกันมากขึ้นเยอะ

อย่างเช่นปีนี้ กรุงเทพมาราธอน ที่จะวิ่งในวันอาทิตย์ ที่ในวันที่ 15  พย.นี้ ยอดคนวิ่งกว่าสองหมื่นคน เฉพาะ มาราธอน 42 กิโล นี่กว่าหกพันคน ต้องปิดรับสมัครเพราะว่าเยอะเกิน

หรือ อย่างจอมบึงมาราธอน ระยะ 42 กิโล  ที่จะจัดตอน  มกรา 59  ยอดรับสมัคร สองพันห้าร้อยคน แต่เปิดให้สมัครแค่ 2 วันเต็มล้นทันที

ต้องเพิ่มจำนวนขึ้นได้เต็มที่ จนถึงเกือบ 4 พันกว่าคน ในที่สุด

เป็นดัชนีบ่งชี้ถึงความนิยม ในกีฬาวิ่งบ้านเราได้อย่างดี

แต่นอกจากการวิ่ง Full Marathon 42.195 กม.แล้ว  ปัจจุบัน ยังมีการวิ่งอีกอย่างที่เรียกกันว่า UltraMarathon หรือ การวิ่งที่ยาวเกินกว่า มาราธอนขึ้นไป  มีตั้งแต่ระยะ 50 กิโลเมตร ไปจน ถึง 100 กม. 100ไมล์(160.9 กม.) ไปจนถึง 300 กม.ก็มี

สำหรับบ้านเรา เคยมีจัดวิ่ง Ultra Marathon กันหลายรูปแบบ ตั้งแต่ การวิ่ง 100 กม. การวิ่งแข่ง 10 ชม. และ 24 ชม. (นับระยะทางใครได้มากที่สุด ในเวลาที่กำหนด)  และ การแข่งขันวิ่ง O2O (O to O)  หรือวิ่ง สองสมุทร โดยวิ่ง จากฝั่ง ม.อินเดีย(อันดามัน) มายังฝั่ง ม.แปซิฟิค (อ่าวไทย)  ซึ่งจัดกันแถว ระนองวิ่งมาชุมพร หรือ จากชุมพร ไประนอง ระยะทาง ประมาณ 120 กม. มีทั้งการวิ่งผลัด  8 คน และวิ่งเดี่ยว (Solo) วิ่งคนเดียว

แต่รายการล่าสุด ทีมงานทีละก้าว (Teelakow) ทีม Organizer ที่ กำเนิดจากนักวิ่งเอง และเริ่มต้นจัด การวิ่ง Ultra Trail (วิ่งระยะยาวในป่า หรือ ขึ้นเขา) ได้จัด การแข่งขัน 100 Miles Thailand หรือ การวิ่งระยะทาง 160.9 กม. ขึ้นเป็นครั้งแรก ของไทย



โดย กำหนดระยะทางวิ่ง จาก ศาลสมเด็จพระนเรศวร อ.แม่สรวย เชียงราย วิ่งตามเส้นทางหลวง สาย 118 เข้าสู่ อ.ดอยสะเก็ด  และวนในเมืองเชียงใหม่ ก่อน ไปจบที่ หน้าห้าง MaYa สี่แยกนิมานฯ-ห้วยแก้ว

การแข่งขัน แบ่งออกเป็นสี่ประเภท

ประเภทที่1  Solo หรือ วิ่งเดี่ยวคนเดียว ตลอดระยะทาง 160. กิโล เมตร โดยแบ่งออกเป็นสี่ช่วงใหญ่ๆ ทุก 25 ไมล์ หรือ 40 กม.ถ้าใคร วิ่งครบระทาง เข้าถึงจุดเช็คนั้นได้ จะได้รับ เหรียญ รางวัล 1 ชิ้น  ซึ่งรวม 4 ระยะ จะมี 4ชิ้น นำไปต่อกันเป็นเหรียญที่สมบูรณ์  ครบชุด  




และ ถ้าเข้าถึงเส้นชัยได้ภายในเวลา 24 ชม. จะได้รับ Trophy สีทอง

ส่วนใครเข้าถึงเส้นชัยได้ ในเวลา 24-32 ชม.จะได้รับ Trophy สีเงิน

ประเภทที่2 Back to Back เป็นการวิ่งเดี่ยว คนเดียว เช่นกัน แต่แบ่งการวิ่งเป็นสองช่วง ปล่อยตัวก่อนการแข่งขันอื่น คือปล่อยตัว ตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันศุกร์  ช่วงแรก วิ่งไป 80 กม.แล้ว พัก และต้องจบช่วงแรก ภายใน 16 ชม. จะได้รับ Medal หรือเหรียญรางวัล ที่ เป็นครึ่งชิ้น (เหมือน เหรียญของ Solo สองชิ้นต่อกัน) มาหนึ่งอัน หลังจากนั้นมีเวลาพักประมาณ 6-8 ชม.ที่ รีสอร์ท
แล้วเริ่มปล่อยตัวให้วิ่งอีกครั้ง สำหรับช่วงที่ สอง 80 กม.ที่เหลือ เพื่อเก็บ เหรียญครึ่งที่สอง มาประกอบกันเป็นชิ้นสมบูรณ์

เช่นเดียว กัน ถ้าเข้าเส้นในเวลารวมกันไม่เกิน 32 ชม.จะได้รับ Trophy แก้วใส ด้วยอีก หนึ่งอัน

ประเภท ที่ 3 ผลัด 2X50 miles หรือ วิ่ง ผลัดสองคน คนล่ะ 80 กม. รับช่วงไม้ต่อกัน วิ่งสำเร็จแต่ล่ะช่วงรับเหรียญรางวัล ครึ่งซีก

ประเภทสุดท้าย  4X25 ไมล์ หรือ ผลัดสี่คน วิ่งคนล่ะประมาณ 25 ไมล์ หรือ 40 กม.ประมาณ 1 มาราธอน แต่ล่ะคนที่วิ่งจบระยะ ได้รับ เหรียญคนล่ะชิ้น ซึ่งต้องเอาไปต่อกัน ถึงจะครบเซ็ท ชิ้นใหญ่



และแน่นอนทุกคนที่เข้าเส้นชัยได้รับ เสื้อ Finisher ที่ระลึก

สำหรับผมเอง ครั้งนี้ เลือกสมัครลงวิ่ง เดี่ยว Solo รวดเดียว 160 กม. ไม่มีพัก ร่วมกับเพื่อนนักอวิ่งอื่นอีกประมาณ 70 คน เพื่อทดสอบร่างกาย และจิตใจ ของตัวเองซักครั้ง


การเตรียมตัว และฝึกซ้อม

ผมเอง หยุดวิ่งไปหลายปี เพิ่งกลับมาเริ่มวิ่งใหม่ได้ปีกว่าๆ และไม่ได้วิ่ง Ultra มานานแล้ว น้ำหนักตัว ก็ยังเกินอยู่พอสมควร

และ เนื่องจากมีเวลาเตรียมตัวสำหรับงานนี้ แค่ 1 เดือนกว่าๆ และติดทริปเยอะทำให้ เวลาซ้อมน้อย มีเวลาซ้อมยาว 42 กม.ได้ครั้งเดียว ตอนหนึ่งสัปดาห์ก่อนแข่ง  

ดังนั้น ก็เลยต้องไป กะไปวัดใจ เอาหน้างานเลย โดยวางแผน วิ่ง ตาม HR ของตัวเอง  ให้อยู่ในช่วง Recovery zone (60-70%Max HR ) หรือ ไม่เกิน Aerobic Zone(70-80% Max HR ) เท่านั้น เพื่อลดการล้าของกล้ามเนื้อ จาก Lactic Acid  ให้ยืนระยะยาวๆได้  และ Load glycogen กลับเข้ากล้ามเนื้อได้ทัน

โดยปกติ Theoretical Max HR หรือ MaximumHR ตามทฤษฏีของผม = 220-(อายุ)56 = 164

แต่ ว่า Real Max HR(หรือ Max HRจริงๆของผม จากการทดสอบ วัดได้แถวๆ 190 กว่านิด ดังนั้นคิดว่า คงวิ่ง HR ในช่วง 120-150 เท่านั้น )

สำหรับอาหารที่กินระหว่างการแข่งขัน อันนี้เป็นเรื่องความถนัดของแต่ล่ะคน บอกคนชอบกินผลไม้ บางคนกินข้าวปกติ แต่ผม ถนัด ใช้ Cytomax ซึ่งเป็น Advance Carbohydrate น้ำตาล ดูดซึมเร็ว  



โดยตักแบ่งลงถุง ถุงละ 2 Scoop (ประมาณ 200 Cal ใช้ผสมกับน้ำประมาณ 500 ซีซี 1 ขวด )

ร่วมกับ PowerGel อีก 1 ซอง(ประมาณ 90 Cal) ทุก 10 กม. กินกับน้ำปล่าว ที่พกติดในเป้ไปสำรองอีก 500 Cc ในขวดอีกข้าง


ร่วมกับกิน เกลือแร่ ที่จัดไว้ให้ตาม CP และ ผลไม้เล็กน้อยระหว่างทางกับอาหารหนักนิดหน่อย ทุก 40 โล น่าจะเพียงพอเป็นพลังงานในการวิ่ง

โดยจัดแบ่งเป็นชุดสำหรับทุก 40 กิโล ใส่ไว้ตามกระเป๋า Bag Drop ที่มีรับฝากไว้ ทุก 40 กม. ที่ ระยะ 40-80-120 เมตร  โดยจัดของและชุดไว้ตามจุดที่ใช้ตามแผน แล้วเปลี่ยนเมื่อถึงจุดนั้นๆ


สำหรับผู้แข่งขันประเภท ผลัด และ Solo บางคน จะมี รถ เซอร์วิสส่วนตัวคอยตาม ส่งน้ำ และของใช้ และอาหารให้ก็ง่ายสะดวกดี ไม่ต้องแบกเป้น้ำและขนของติดตัววิ่งตัวปล่าวๆ ไม่หนัก วิ่งได้สบาย

สำหรับ ผมเอง ได้ น้องกั้ง และคุณ Kerati น้องนักวิ่ง Trail ที่เคยวิ่งด้วยกัน มาเป็นบัดดี้ร่วมกัน และได้น้องผักบุ้ง หวานใจน้องกั้ง มาคอยขับรถ Service ให้

แต่ผมเอง คิดว่าบางที วิ่งไป มันกระจายกัน จะไม่สะดวกกับน้องๆเค้าเลย ตัดสินใจแบกเป้น้ำ กับอาหารเอง ตามแผน แต่ ขอบคุณน้องผักบุ้งที่คอย ตาม Service ตลอดคืน และรับฝากของที่ไม่ใช้ แล้ว จาก จุดต่างกลับไป ตลอดด้วยครับ

วันแข่งขันทางผู้จัดปล่อยตัว จากศาลสมเด็จพระนเรศวร โดยได้รับความกรุณา จากท่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 เจ้าของพื้นที่ และนายอำเภอแม่สรวย ให้เกียรติ มาเป็นประธาน




(ต้องชมคนจัดที่ ติดต่อประสานงานทั้ง กับ ทางฝ่ายทหาร และ ทางผู้กำกับการตำรวจเชียงใหม่ ทำให้ได้รับการอำนวยความสะดวกมากตลอดการแข่งขัน)

ไปถึงงาน รับ เบอร์ตั้งแต่ 10 โมงเช้า มีอาหาร ให้ทานรองท้องกันก่อนแข่ง


แล้ว ก็เดินคุยเล่นกับเพื่อนๆ  ถ่ายรูปเล่นกัน กลางแดด  หมดแรงกันไปเยอะ อิๆ


ชุดนี้กลุ่ม Solo สาวหัวใจเสริมใยเหล็กที่ลงระยะ 160 โลเดี่ยว มีถึง 12 คน



(แชะๆ กับ บัดดี้น้องกั้งก่อนปล่อยตัวซะหน่อย)

อันนี้ กับเจ้าป้อม น้องชายคนเก่ง สัญญา คานชัย นักวิ่งเทรลมือหนึ่ง ประเทศไทย ที่ผมเพิ่งพาไปคว้าแช้มป์ Vietnam Mountain 70 กม.ภูเขาที่ ซาปาเวียดนามเมื่อเดือนก่อนมาสดๆร้อนๆ

หลังจากทีมงาน Brief สรุปเส้นทาง และกติกา แล้ว ได้เวลาปล่อยตัว ตอนเที่ยงตรง วันศุกร์ที่ 6 พย.



ผมชอบผ้าผืนนี้ ที่เป็นแผนที่ลายแทง และเบอร์ฉุกเฉินติดต่อเป็นผ้าแพร พับติดตัวไปได้เลยเจ๋งดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่