สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับสู่กระทู้รีวิวถ่ายทอดสุก เที่ยวคนเดียวก็ชิลได้ในราคาประหยัด (อย่างกับโฆษณาขายอะไรสักอย่าง)
เราใช้เวลาในการวางแผน หาที่พัก วิธีไป วิธีเอาตัวรอดไปวันๆจากกระทู้ใน Pantip นี่แหละค่ะ
เอามาประยุกต์เท่าที่จะสามารถทำได้ เนื่องด้วยไม่อยากไปช่วง Hight Season
ทั้งคนหนาแน่นของแพงขึ้นอย่างเทศกาลลอยกระทงที่จะถึง คือจะไปพักผ่อนปลดปล่อยวิญญาณ
ไม่อยากไปไฟว้กับใคร เลยตัดสินใจไปมันช่วงต้นเดือนเลยละกัน คือ ไปวันศุกร์ ที่ 6 พ.ย - จันทร์ ที่ 9 พ.ย 58 นี้เลยค่ะ
เริ่มด้วยการ หาตารางเวลา ข้อมูลเวลาวิ่งของรถไฟฟรี สายที่109 ที่จะออกจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ ต้องไปซื้อที่ไหน อะไรยังไง นั่งไหน
สามารถเช็คสายรถไฟได้ที่นี่เลยค่ะ
http://www.railway.co.th/home/images/content/home/srt/timetable/northlinetxt.asp
จากนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจรีบนอน
เพื่อที่จะได้ไปจองตั๋วรถไฟแบบได้เลขที่นั่งที่สถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพงค่ะ
เนื่องจากเพราะเราเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว เลยกลัวภาวะเสี่ยงโดนลากไปเล่นเก้าอี้ดนตรี 555++
เราตื่นตี5 รีบลุกไปแปรงฟัน น้ำจะอาบก็ได้หรือไม่อาบก็แล้วแต่ศรัทธา เนื่องด้วยบ้านเรากันดารกลัวไม่มีรถ
จึงเรียกGrabTaxi จากบ้านไปลง MRTรัชดาภิเษก ไปถึงเพิ่งตี5ครึ่ง ชั้นลืมมมมมมมมมมมมม ลืมว่าMRT เปิด 6โมงเช้า เงิบสิคะ
เลยคิดว่าจะเสียเวลาเปล่าไปไม่ได้เลยนั่งรถเมล์ฟรีไปลงที่MRT พระราม9 ถึง6โมงเป๊ะ ใส่เกียร์ไฮยีน่าเลยค่ะ
รีบไปลงที่MRTหัวลำโพง ณ.ช่วงเวลานี้ไม่มีเวลาจะมาถ่ายร่งถ่ายรูปละค่ะ
คือรีบกลัวตั๋วนั่งหมด ถึงหัวลำโพง 6.20 เราก็รีบเดินราวกับมีใครเอาสเก็ตบอร์ดมาใส่ใต้เท้า
ซึ่งวิธีรับตั๋วรถไฟฟรีนั้นไม่ยากค่ะ แค่คุณเป็นคนไทยมีบัตรประชาชน ยื่นให้ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว บอกขอตั๋วรถไฟฟรีไปเชียงใหม่ค่ะ เค้าจะถามว่าเราอยากนั่งตรงไหน
ถ้าเราไม่รู้จริงๆ ภามเค้าเลยค่ะอยากนั่งชมวิว หรืออะไรยังไง แดดส่องไม่ต้องกลัวค่ะมีหน้าต่างแบบกันแดดปิดได้อยู่แล้ว เราเลือกนั่งฝั่งซ้าย
ด้านหันหน้าไปหัวขบวน และแล้วเราก็ได้มันมา น้ำตาปริ่มๆเลยค่ะ คือง่วงงง
จากนั้นก็นั่งMRT กลับไปสุขุมวิท แล้วนั่งรถเมล์ฟรีไปลงBTS เอกมัย เพื่อรอ 26ก รถเมล์ฟรี แล้วหลับยันรามอินทราเลยค่ะ ถึงบ้านรีบนอนสิคะ เดี๋ยวไม่ตื่น
ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ในเมื่อเรามีตั๋วระบุที่นั่งเรียบร้อย ก็ไม่จำเป็นต้องถ่อไปหัวลำโพงอีก เลยเลือกสถานีใกล้บ้านที่คิดว่าไปถูกแน่นอน
นั่นคือสถานีบางเขนค่ะ เราออกจากบ้านเที่ยงตรง เพราะต้องไปให้ทันรถไฟมาเวลา 14.19 ค่ะ ข้าวไม่ต้องกินละ ตายดาบหน้าโลด
เนื่องจากไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ถามรถคตู้ค่ะ คนขับย่อมรู้ทุกสิ่งที่เค้าผ่านเสมอ มาถึงแล้วแค่เริ่มก็เดินไกลละ จากป้ายรถที่จอดน่าจะประมาณ200-300เมตร ถึงจะถึงสถานี กะๆเอานะคะ
ไปถึง13.45 เลยถามนายสถานีว่ารถจะมากี่โมงเพื่อความชัวร์ เค้าบอก14.19 ซึ่งมาตรงเวลาเป๊ะ !!!
ก็เลยกินข้าวเมนูสิ้นคิดไม่ต้องบอกคงรู้ว่าคืออะไร
สามารถดูตารางเดินรถไปยังสถานีต่างๆได้ที่นี่ค่ะ
http://www.railway.co.th/Ticket/TrainStopStation_Time_All.asp?IdTrain=109
รถไฟมาแล้ววววว
ขึ้นไปเจอฝรั่งสาวนั่งที่เราอยู่เราเลยขอที่คืน นางก็โอเคเพราะจริงๆนางนั่งฝั่งตรวข้ามเราค่ะ สักพักสามีอุ้มลูกอ่อนๆมาเลย โซนเราเลยมีแต่ผู้หญิงและครอบครัวฝรั่งลูกอ่อน
ช่วงนี้คนก็ขึ้นๆลงๆ มีคนยืนค่อนข้างเยอะ มีพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เราเลยถามพี่ลงไหนคะ ถึงได้รู้ว่าลงพิษณุโลก นั่งคู่กันไปยาวๆค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีข้าวน้ำ ขึ้นมาขายเรื่อยๆ 10-20-25-30 ตามแต่อาหาร ซึ่งมันคือกระเพราไก่ ข้าวไข่เจียว หมูกระเทียม ยาวๆแทบทุกสถานี
สักพักพอถึงอยุธยา คนก็ลงกันตรึมรวมทั้งคู่สามีลูกอ่อนด้วย แล้วก็เปลี่ยนคนนั่งใหม่เป็นคุณลุงคุณป้าคู่สามีภรรยา ซึ่งถามไถ่ไปมาก็ลงพิษณุโลก พร้อมพี่สาวคนข้างนั่นเองถึงนี่แล้วอโยธยา #นึกว่านั่งรถเมล์
ลืมบอกช่วง 1ทุ่ม-ทุ่มครึ่งจะมีข้าวเหนียวไก่ย่าง ไก่ทอด หมูปิ้งมานะคะ ใครเจอกระเพรามาทั้งวันอาจเบื่อได้
พอสัก3ทุ่มก็จะมีข้าวต้มและก๋วยจั๊บร้อนขึ้นมา ปรุงกันเองเลยค่ะ เรานี่จัดข้าวต้มหมูสับกับก๋วยจั๊บไปอย่างละ1 รสชาติอร่อยถูกปากดีค่ะ
เพราะตั้งแต่ขึ้นรถไฟไม่ได้ซื้ออะไรทานเลย นอกจากไอติม2แก้ว
พอเปลี่ยนสถานีที่พิษณุโลกประมาณ4-5ทุ่ม หลายคนพร้อมใจกันลงเหลือเราคนเดียว4ที่นั่ง ได้เวลายืดตัวนอนแล้ว
มองไปรอบตัวก็เป็นแบบนี้เกือบหมด เราขอเห็นแก่ตัวยืดขานอนเลยค่ะ
สักพักมีป้าคนนึงมานั่งตรงข้ามเรา ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะเราอยากคลุมโปงนอนละ
พอประมาณตี2 เราก็ถามว่าพี่ลงไหนคะ เค้าก็บอกลงลำพูน เราก็คุยๆ บอกจะไปเหมือนกันแต่จะแวะลำพูนก่อนไปไหว้พระ นั่งรถรางแล้วตอนบ่ายค่อยกลับมานั่งรถไฟไปเชียงใหม่ต่อ ก็เลยขอตามไปด้วย อ้าวทีนี้ได้เพื่อนร่วมทริปต่างวัยแล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.railway.co.th
และ FB ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/pr.railway
[CR] รีวิวถ่ายทอดสุก3คืน4วัน นั่งรถไฟฟรีเที่ยวคนเดียวก็ชิลได้ กรุงเทพ-ลำพูน-เชียงใหม่ งบน้อยแต่ใจมาเต็มค่ะ
เราใช้เวลาในการวางแผน หาที่พัก วิธีไป วิธีเอาตัวรอดไปวันๆจากกระทู้ใน Pantip นี่แหละค่ะ
เอามาประยุกต์เท่าที่จะสามารถทำได้ เนื่องด้วยไม่อยากไปช่วง Hight Season
ทั้งคนหนาแน่นของแพงขึ้นอย่างเทศกาลลอยกระทงที่จะถึง คือจะไปพักผ่อนปลดปล่อยวิญญาณ
ไม่อยากไปไฟว้กับใคร เลยตัดสินใจไปมันช่วงต้นเดือนเลยละกัน คือ ไปวันศุกร์ ที่ 6 พ.ย - จันทร์ ที่ 9 พ.ย 58 นี้เลยค่ะ
เริ่มด้วยการ หาตารางเวลา ข้อมูลเวลาวิ่งของรถไฟฟรี สายที่109 ที่จะออกจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ ต้องไปซื้อที่ไหน อะไรยังไง นั่งไหน
สามารถเช็คสายรถไฟได้ที่นี่เลยค่ะ
http://www.railway.co.th/home/images/content/home/srt/timetable/northlinetxt.asp
จากนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจรีบนอน เพื่อที่จะได้ไปจองตั๋วรถไฟแบบได้เลขที่นั่งที่สถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพงค่ะ
เนื่องจากเพราะเราเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว เลยกลัวภาวะเสี่ยงโดนลากไปเล่นเก้าอี้ดนตรี 555++
เราตื่นตี5 รีบลุกไปแปรงฟัน น้ำจะอาบก็ได้หรือไม่อาบก็แล้วแต่ศรัทธา เนื่องด้วยบ้านเรากันดารกลัวไม่มีรถ
จึงเรียกGrabTaxi จากบ้านไปลง MRTรัชดาภิเษก ไปถึงเพิ่งตี5ครึ่ง ชั้นลืมมมมมมมมมมมมม ลืมว่าMRT เปิด 6โมงเช้า เงิบสิคะ
เลยคิดว่าจะเสียเวลาเปล่าไปไม่ได้เลยนั่งรถเมล์ฟรีไปลงที่MRT พระราม9 ถึง6โมงเป๊ะ ใส่เกียร์ไฮยีน่าเลยค่ะ
รีบไปลงที่MRTหัวลำโพง ณ.ช่วงเวลานี้ไม่มีเวลาจะมาถ่ายร่งถ่ายรูปละค่ะ
คือรีบกลัวตั๋วนั่งหมด ถึงหัวลำโพง 6.20 เราก็รีบเดินราวกับมีใครเอาสเก็ตบอร์ดมาใส่ใต้เท้า
ซึ่งวิธีรับตั๋วรถไฟฟรีนั้นไม่ยากค่ะ แค่คุณเป็นคนไทยมีบัตรประชาชน ยื่นให้ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว บอกขอตั๋วรถไฟฟรีไปเชียงใหม่ค่ะ เค้าจะถามว่าเราอยากนั่งตรงไหน
ถ้าเราไม่รู้จริงๆ ภามเค้าเลยค่ะอยากนั่งชมวิว หรืออะไรยังไง แดดส่องไม่ต้องกลัวค่ะมีหน้าต่างแบบกันแดดปิดได้อยู่แล้ว เราเลือกนั่งฝั่งซ้าย
ด้านหันหน้าไปหัวขบวน และแล้วเราก็ได้มันมา น้ำตาปริ่มๆเลยค่ะ คือง่วงงง
จากนั้นก็นั่งMRT กลับไปสุขุมวิท แล้วนั่งรถเมล์ฟรีไปลงBTS เอกมัย เพื่อรอ 26ก รถเมล์ฟรี แล้วหลับยันรามอินทราเลยค่ะ ถึงบ้านรีบนอนสิคะ เดี๋ยวไม่ตื่น
ได้เวลาออกเดินทางแล้ว ในเมื่อเรามีตั๋วระบุที่นั่งเรียบร้อย ก็ไม่จำเป็นต้องถ่อไปหัวลำโพงอีก เลยเลือกสถานีใกล้บ้านที่คิดว่าไปถูกแน่นอน
นั่นคือสถานีบางเขนค่ะ เราออกจากบ้านเที่ยงตรง เพราะต้องไปให้ทันรถไฟมาเวลา 14.19 ค่ะ ข้าวไม่ต้องกินละ ตายดาบหน้าโลด
เนื่องจากไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ถามรถคตู้ค่ะ คนขับย่อมรู้ทุกสิ่งที่เค้าผ่านเสมอ มาถึงแล้วแค่เริ่มก็เดินไกลละ จากป้ายรถที่จอดน่าจะประมาณ200-300เมตร ถึงจะถึงสถานี กะๆเอานะคะ
ไปถึง13.45 เลยถามนายสถานีว่ารถจะมากี่โมงเพื่อความชัวร์ เค้าบอก14.19 ซึ่งมาตรงเวลาเป๊ะ !!!
ก็เลยกินข้าวเมนูสิ้นคิดไม่ต้องบอกคงรู้ว่าคืออะไร
สามารถดูตารางเดินรถไปยังสถานีต่างๆได้ที่นี่ค่ะ
http://www.railway.co.th/Ticket/TrainStopStation_Time_All.asp?IdTrain=109
รถไฟมาแล้ววววว
ขึ้นไปเจอฝรั่งสาวนั่งที่เราอยู่เราเลยขอที่คืน นางก็โอเคเพราะจริงๆนางนั่งฝั่งตรวข้ามเราค่ะ สักพักสามีอุ้มลูกอ่อนๆมาเลย โซนเราเลยมีแต่ผู้หญิงและครอบครัวฝรั่งลูกอ่อน
ช่วงนี้คนก็ขึ้นๆลงๆ มีคนยืนค่อนข้างเยอะ มีพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เราเลยถามพี่ลงไหนคะ ถึงได้รู้ว่าลงพิษณุโลก นั่งคู่กันไปยาวๆค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีข้าวน้ำ ขึ้นมาขายเรื่อยๆ 10-20-25-30 ตามแต่อาหาร ซึ่งมันคือกระเพราไก่ ข้าวไข่เจียว หมูกระเทียม ยาวๆแทบทุกสถานี
สักพักพอถึงอยุธยา คนก็ลงกันตรึมรวมทั้งคู่สามีลูกอ่อนด้วย แล้วก็เปลี่ยนคนนั่งใหม่เป็นคุณลุงคุณป้าคู่สามีภรรยา ซึ่งถามไถ่ไปมาก็ลงพิษณุโลก พร้อมพี่สาวคนข้างนั่นเองถึงนี่แล้วอโยธยา #นึกว่านั่งรถเมล์
ลืมบอกช่วง 1ทุ่ม-ทุ่มครึ่งจะมีข้าวเหนียวไก่ย่าง ไก่ทอด หมูปิ้งมานะคะ ใครเจอกระเพรามาทั้งวันอาจเบื่อได้
พอสัก3ทุ่มก็จะมีข้าวต้มและก๋วยจั๊บร้อนขึ้นมา ปรุงกันเองเลยค่ะ เรานี่จัดข้าวต้มหมูสับกับก๋วยจั๊บไปอย่างละ1 รสชาติอร่อยถูกปากดีค่ะ
เพราะตั้งแต่ขึ้นรถไฟไม่ได้ซื้ออะไรทานเลย นอกจากไอติม2แก้ว
พอเปลี่ยนสถานีที่พิษณุโลกประมาณ4-5ทุ่ม หลายคนพร้อมใจกันลงเหลือเราคนเดียว4ที่นั่ง ได้เวลายืดตัวนอนแล้ว
มองไปรอบตัวก็เป็นแบบนี้เกือบหมด เราขอเห็นแก่ตัวยืดขานอนเลยค่ะ
สักพักมีป้าคนนึงมานั่งตรงข้ามเรา ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะเราอยากคลุมโปงนอนละ
พอประมาณตี2 เราก็ถามว่าพี่ลงไหนคะ เค้าก็บอกลงลำพูน เราก็คุยๆ บอกจะไปเหมือนกันแต่จะแวะลำพูนก่อนไปไหว้พระ นั่งรถรางแล้วตอนบ่ายค่อยกลับมานั่งรถไฟไปเชียงใหม่ต่อ ก็เลยขอตามไปด้วย อ้าวทีนี้ได้เพื่อนร่วมทริปต่างวัยแล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.railway.co.th
และ FB ทีม พีอาร์ การรถไฟแห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/pr.railway
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น