อีซองซู หลานชายของ อีซูมาน
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทีมงานรุ่นใหม่ของเรากำลังค้นหาแนวทางที่ใช่สำหรับ SM
โดยคำนึงถึงแนวทางดนตรีที่เราถนัด และสอดคล้องกับแนวที่คนในปัจจุบันอยากฟัง”
"ในปัจจุบัน ทีมงานที่ดูแลเรื่องโปรดัคชันพยายามนำเอาแนวเพลงอีเลคโทรนิคแดนซ์ ที่กำลังเป็นที่นิยมตามเทศกาลเพลงต่างๆ
มาเป็นส่วนผสมในเพลงของศิลปินในค่าย โดยเฉพาะแนว Deep House ที่ถูกนำมาใส่ในเพลง Rise as God (TVXQ), View (SHINee)
4Walls (f(x)) รวมถึงการร่วมงานกับแรปเปอร์อย่าง Verbal Jint และ Zico"
“ในตอนนี้ คุณแม่ที่โตมากับการฟังเพลงของ H.O.T หลายคนก็มีลูกสาวที่กำลังฟังเพลงของ EXO
ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของเราคือทำเพลงที่แม่และลูกสามารถฟังและสนุกไปด้วยกันได้
ในทุกๆปีเราจะรวบรวมเพลงฮิทมาประมาณ 100 เพลง แล้วทำการศึกษาเนื้อเพลงเหล่านั้น
เพื่อตรวจการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และสไตล์ในวงการเพลง”
“เราจะใช้ผลจากการศึกษาตลอดช่วงเวลาหลายปีมารวมกัน เพื่อวงใหม่ ที่จะมาช่วยเสริมความนิยมจาก EXO
เช่นเดียวกับการสานต่อรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ยุค H.O.T, TVXQ จนมาถึงล่าสุดคือ EXO
เราจะยังคงรักษาเทรนด์ในการเดบิวท์วงบอยแบนด์ใหม่ทุก 5 ปี และยังคงจะเข้าสู่ตลาดในจีนที่ยังเปิดกว้าง
โดยการพัฒนาจากข้อผิดพลาดในอดีต ผมคิดว่าใน 3 ปีข้างหน้า ยอดขายของ SM จะเติบโตขึ้นอีก 10 เท่า”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาคารสำนักงานในย่านชองดัม เขตแฟชั่นสุดโต่งในกรุงโซล เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่
SM Entertainment
บริษัทชั้นนำของประเทศ ที่ค้นพบและให้กำเนิดศิลปินชั้นแนวหน้า ที่มารวมกันไว้มากที่สุดของเกาหลี
เมื่อเทียบจากประวัติการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอันแสนยาวนาน แต่ทว่าอาคารสำนักงานนี้ก็ไม่ได้มีจุดเด่นสำคัญแต่อย่างใด
ไม่มีแม้กระทั่งป้ายชี้ไปยังสำนักงาน แผ่นผ้า หรือแม้กระทั้งธงใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบรรดาเด็กนักเรียนที่ต่างมารอศิลปินที่ตนรักอยู่ที่ทางเข้าของอาคาร
สำนักงานของ
อีซูมาน ( Lee Soo Man ) ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท
SM Entertainment
ที่ดูภายนอกสุดแสนจะธรรมดา แต่มีสิ่งเดียวที่จะแยกความแตกต่างออกมาจากสำนักงานทั่วไปนั้นได้คือ
จำนวนถ้วยรางวัลกว่า 300 รางวัลที่ศิลปินในเครือ SM คว้ามาครองจากรายการเพลงต่างๆ
เช่น H.O.T, S.E.S, Shinhwa, BoA, TVXQ และ Super Junior ซึ่งวางอยู่กลมกลืนกับบรรดาภาพถ่ายของศิลปิน
และสถานที่นี้จะเป็นสถานที่ที่ศิลปินมักจะใช้เพื่อเซอร์ไพรส์ อีซูมาน ในวันครบรอบวันเกิดของเขาอีกด้วย
เส้นทางการทำงานอย่างหนักของ
อีซูมาน ซึ่งส่งผลให้เขามายืนอยู่ในจุดนี้
เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่สงบเสงี่ยม และพยายามจะลดการต่อกรต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ศิลปินของ SM
สามารถเต้นได้แต่ไม่สามารถร้องเพลงได้ เว้นแต่ BoA, Super Junior และ TVXQ! ที่พอจะรับได้บ้าง
ทางด้านเกาหลีเองนั้นก็มีความคิดเห็นออกมาเป็นสองกรณี
- ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีซูมาน นั้นมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านการตลาด ในการบริหารวัฒนธรรมเพลงป็อปเกาหลี
ไปสู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขาก็ถูกหลายคนกล่าวว่า
เขาทำให้วงการเพลงเกาหลีต้องเสียชื่อเสียงจากบรรดาศิลปินวัยรุ่นหน้าใหม่
ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกคนมองภาพลักษณ์ของการเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุด ในวงการบันเทิงได้ดีขึ้นแต่อย่างใด
อีซูมาน เข้าสู่วงการด้วยการเป็นนักร้องในปี 1970 หลังจากนั้น 20 ปีถัดมา เขาก็ได้ปั้นศิลปินฮิพฮอพคนแรกของประเทศเกาหลี
อย่าง
ฮยอนจินยอง ( Hyun Jin Young ) โดยมีเพื่อนร่วมงานเป็นนักแต่งเพลงอย่าง
ยูยองจิน ( Yoo Young Jin )
นักแต่งเพลงมากความสามารถที่เนรมิตผลงานให้ SM อยู่จนถึงทุกวันนี้ อีซูมาน ก่อตั้ง
SM Entertainment
เพื่อเฟ้นหาศิลปินวัยรุ่นหน้าใหม่ เขาปลุกปั้นศิลปินเหล่านั้น สอนเต้น สอนการร้องเพลง และภาษาต่างประเทศด้วยคุณภาพเทียบเท่าศิลปิน
ในกรณีตัวอย่างของ
TVXQ! และ
Super Junior การฝึกฝนด้านการเต้นนั้นหนักหนาสาหัสเป็นอย่างมาก
"หนึ่งแหล่ง หลายการใช้งาน ( หนึ่งศิลปิน หลายสายอาชีพ )" นั้นเพื่อเป็นการคงสถานะของศิลปินให้อยู่ไปอย่างยาวนาน"
ทุกวันนี้
SM Entertainment มีธุรกิจย่อยในเครือกว่า 40 ธุรกิจ รวมไปถึงการผลิตละครและคาราโอเกะ
เขากล่าวว่า
"ผมมั่นใจว่าตลาดในวงการบันเทิงของเราจะเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
ผมรู้ว่ามีหลายคนวิจารณ์เราอย่างหนัก ทั้งการทำให้วงการเพลงนั้นต้องเปลี่ยนไป จากการลิปซิ้งของนักร้องวัยรุ่น
แต่ผมกลับเชื่อมั่นว่าวงการเพลงของเราก็เหมือนการออกเสียงในการเมือง คุณให้คะแนนกับนักการเมืองที่คุณสนับสนุน
คุณก็ซื้ออัลบั้มของศิลปินที่คุณชื่นชอบเช่นเดียวกัน นี่เป็นหนทางแห่งความอยู่รอดในวงการเพลงของเรา ในวงการเพลงที่เต็มไปด้วยนายทุน"
"มันเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าศิลปินที่แท้จริงนั้นเป็นส่วนสำคัญต่อตลาดเพลงซึ่งมีผลต่อตัวเลขทางการเงินอย่างมาก
ผมไม่เคยเห็นด้วยเลยที่ผู้คนมักจะเรียกศิลปินของเราเป็นเพียงแค่ไอดอลเท่านั้น เราไม่ใช่เอเจนซี่สร้างไอดอล
แต่เป้าหมายของเราคือการบุกตลาดในต่างประเทศ อีกอย่างผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องให้คำนิยามว่า
คุณเป็นศิลปินที่แท้จริงหรือไอดอลแต่อย่างใด ผมคิดว่าวัฒนธรรมการฟังเพลงของเราก็คือการได้สนุกในสิ่งที่คุณชื่นชอบครับ..."
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://music.sanook.com/909/
เราชอบมุมมองของค่ายนี้นะ ดูพัฒนา ดูเติบโต ดูกล้าที่จะลองของใหม่ๆ ตลอดเวลา ดูเขาอยากจะก้าวไปข้างหน้า
อ่อนน้อมถ่อมตน มีเป้าหมาย เวลาที่เค้าพูดถึงเด็กๆ ในค่ายก็ดูน่ารัก อบอุ่นดีอ่ะ
[K-POP] มีใครชอบมุมมองของอาจารย์ลี ซูมาน และบุคลากรของ SM เวลาที่พูดถึงค่ายตัวเองบ้างคะ ?
อีซองซู หลานชายของ อีซูมาน
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ทีมงานรุ่นใหม่ของเรากำลังค้นหาแนวทางที่ใช่สำหรับ SM
โดยคำนึงถึงแนวทางดนตรีที่เราถนัด และสอดคล้องกับแนวที่คนในปัจจุบันอยากฟัง”
"ในปัจจุบัน ทีมงานที่ดูแลเรื่องโปรดัคชันพยายามนำเอาแนวเพลงอีเลคโทรนิคแดนซ์ ที่กำลังเป็นที่นิยมตามเทศกาลเพลงต่างๆ
มาเป็นส่วนผสมในเพลงของศิลปินในค่าย โดยเฉพาะแนว Deep House ที่ถูกนำมาใส่ในเพลง Rise as God (TVXQ), View (SHINee)
4Walls (f(x)) รวมถึงการร่วมงานกับแรปเปอร์อย่าง Verbal Jint และ Zico"
“ในตอนนี้ คุณแม่ที่โตมากับการฟังเพลงของ H.O.T หลายคนก็มีลูกสาวที่กำลังฟังเพลงของ EXO
ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของเราคือทำเพลงที่แม่และลูกสามารถฟังและสนุกไปด้วยกันได้
ในทุกๆปีเราจะรวบรวมเพลงฮิทมาประมาณ 100 เพลง แล้วทำการศึกษาเนื้อเพลงเหล่านั้น
เพื่อตรวจการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และสไตล์ในวงการเพลง”
“เราจะใช้ผลจากการศึกษาตลอดช่วงเวลาหลายปีมารวมกัน เพื่อวงใหม่ ที่จะมาช่วยเสริมความนิยมจาก EXO
เช่นเดียวกับการสานต่อรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ยุค H.O.T, TVXQ จนมาถึงล่าสุดคือ EXO
เราจะยังคงรักษาเทรนด์ในการเดบิวท์วงบอยแบนด์ใหม่ทุก 5 ปี และยังคงจะเข้าสู่ตลาดในจีนที่ยังเปิดกว้าง
โดยการพัฒนาจากข้อผิดพลาดในอดีต ผมคิดว่าใน 3 ปีข้างหน้า ยอดขายของ SM จะเติบโตขึ้นอีก 10 เท่า”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาคารสำนักงานในย่านชองดัม เขตแฟชั่นสุดโต่งในกรุงโซล เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ SM Entertainment
บริษัทชั้นนำของประเทศ ที่ค้นพบและให้กำเนิดศิลปินชั้นแนวหน้า ที่มารวมกันไว้มากที่สุดของเกาหลี
เมื่อเทียบจากประวัติการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอันแสนยาวนาน แต่ทว่าอาคารสำนักงานนี้ก็ไม่ได้มีจุดเด่นสำคัญแต่อย่างใด
ไม่มีแม้กระทั่งป้ายชี้ไปยังสำนักงาน แผ่นผ้า หรือแม้กระทั้งธงใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบรรดาเด็กนักเรียนที่ต่างมารอศิลปินที่ตนรักอยู่ที่ทางเข้าของอาคาร
สำนักงานของ อีซูมาน ( Lee Soo Man ) ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท SM Entertainment
ที่ดูภายนอกสุดแสนจะธรรมดา แต่มีสิ่งเดียวที่จะแยกความแตกต่างออกมาจากสำนักงานทั่วไปนั้นได้คือ
จำนวนถ้วยรางวัลกว่า 300 รางวัลที่ศิลปินในเครือ SM คว้ามาครองจากรายการเพลงต่างๆ
เช่น H.O.T, S.E.S, Shinhwa, BoA, TVXQ และ Super Junior ซึ่งวางอยู่กลมกลืนกับบรรดาภาพถ่ายของศิลปิน
และสถานที่นี้จะเป็นสถานที่ที่ศิลปินมักจะใช้เพื่อเซอร์ไพรส์ อีซูมาน ในวันครบรอบวันเกิดของเขาอีกด้วย
เส้นทางการทำงานอย่างหนักของ อีซูมาน ซึ่งส่งผลให้เขามายืนอยู่ในจุดนี้
เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่สงบเสงี่ยม และพยายามจะลดการต่อกรต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า ศิลปินของ SM
สามารถเต้นได้แต่ไม่สามารถร้องเพลงได้ เว้นแต่ BoA, Super Junior และ TVXQ! ที่พอจะรับได้บ้าง
ทางด้านเกาหลีเองนั้นก็มีความคิดเห็นออกมาเป็นสองกรณี
- ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีซูมาน นั้นมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านการตลาด ในการบริหารวัฒนธรรมเพลงป็อปเกาหลี
ไปสู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขาก็ถูกหลายคนกล่าวว่า
เขาทำให้วงการเพลงเกาหลีต้องเสียชื่อเสียงจากบรรดาศิลปินวัยรุ่นหน้าใหม่
ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกคนมองภาพลักษณ์ของการเป็นผู้รับผลประโยชน์สูงสุด ในวงการบันเทิงได้ดีขึ้นแต่อย่างใด
อีซูมาน เข้าสู่วงการด้วยการเป็นนักร้องในปี 1970 หลังจากนั้น 20 ปีถัดมา เขาก็ได้ปั้นศิลปินฮิพฮอพคนแรกของประเทศเกาหลี
อย่าง ฮยอนจินยอง ( Hyun Jin Young ) โดยมีเพื่อนร่วมงานเป็นนักแต่งเพลงอย่าง ยูยองจิน ( Yoo Young Jin )
นักแต่งเพลงมากความสามารถที่เนรมิตผลงานให้ SM อยู่จนถึงทุกวันนี้ อีซูมาน ก่อตั้ง SM Entertainment
เพื่อเฟ้นหาศิลปินวัยรุ่นหน้าใหม่ เขาปลุกปั้นศิลปินเหล่านั้น สอนเต้น สอนการร้องเพลง และภาษาต่างประเทศด้วยคุณภาพเทียบเท่าศิลปิน
ในกรณีตัวอย่างของ TVXQ! และ Super Junior การฝึกฝนด้านการเต้นนั้นหนักหนาสาหัสเป็นอย่างมาก
"หนึ่งแหล่ง หลายการใช้งาน ( หนึ่งศิลปิน หลายสายอาชีพ )" นั้นเพื่อเป็นการคงสถานะของศิลปินให้อยู่ไปอย่างยาวนาน"
ทุกวันนี้ SM Entertainment มีธุรกิจย่อยในเครือกว่า 40 ธุรกิจ รวมไปถึงการผลิตละครและคาราโอเกะ
เขากล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าตลาดในวงการบันเทิงของเราจะเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
ผมรู้ว่ามีหลายคนวิจารณ์เราอย่างหนัก ทั้งการทำให้วงการเพลงนั้นต้องเปลี่ยนไป จากการลิปซิ้งของนักร้องวัยรุ่น
แต่ผมกลับเชื่อมั่นว่าวงการเพลงของเราก็เหมือนการออกเสียงในการเมือง คุณให้คะแนนกับนักการเมืองที่คุณสนับสนุน
คุณก็ซื้ออัลบั้มของศิลปินที่คุณชื่นชอบเช่นเดียวกัน นี่เป็นหนทางแห่งความอยู่รอดในวงการเพลงของเรา ในวงการเพลงที่เต็มไปด้วยนายทุน"
"มันเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าศิลปินที่แท้จริงนั้นเป็นส่วนสำคัญต่อตลาดเพลงซึ่งมีผลต่อตัวเลขทางการเงินอย่างมาก
ผมไม่เคยเห็นด้วยเลยที่ผู้คนมักจะเรียกศิลปินของเราเป็นเพียงแค่ไอดอลเท่านั้น เราไม่ใช่เอเจนซี่สร้างไอดอล
แต่เป้าหมายของเราคือการบุกตลาดในต่างประเทศ อีกอย่างผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องให้คำนิยามว่า
คุณเป็นศิลปินที่แท้จริงหรือไอดอลแต่อย่างใด ผมคิดว่าวัฒนธรรมการฟังเพลงของเราก็คือการได้สนุกในสิ่งที่คุณชื่นชอบครับ..."
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://music.sanook.com/909/
เราชอบมุมมองของค่ายนี้นะ ดูพัฒนา ดูเติบโต ดูกล้าที่จะลองของใหม่ๆ ตลอดเวลา ดูเขาอยากจะก้าวไปข้างหน้า
อ่อนน้อมถ่อมตน มีเป้าหมาย เวลาที่เค้าพูดถึงเด็กๆ ในค่ายก็ดูน่ารัก อบอุ่นดีอ่ะ