ขอนำข้อมูลจาก Face book ของผู้ใช้นามว่า
Banjob Bannaruji
นำมาเผยแพร่ ดังนี้
-----
"ศาสนาประจำชาติ -ได้แต่ขอ แต่เขายังไม่เคยให้ :
เราสู้กับอะไร ...กับความโง่ หรือ ความฉลาด?"
+×÷=+×÷=
@ ไม่นึกว่า งานนี้จะเป็นงานหนัก เพราะเราขอในสิ่งที่มีอยู่แล้ว คือ พระพุทธศาสนาอยู่คู่แผ่นดินนี้มานาน
นับตั้งแต่ดินแดนแถบนี้ยังมีชื่อเรียกว่า "สุวรรณภูมิ" แปลว่า ดินแดนแห่งทองคำ
ซึ่งอาจหมายถึง ทองคำจริง ๆ หรือ อาจหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ก็ได้
สุวรรณภูมิก็อุดมสมบูรณ์จริงๆ และโชคดีที่เนิ้อที่ของสุวรรณภูมิส่วนใหญ่คือที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน
@ เพื่อให้เห็นภาพกันชัดๆเกี่ยวกับที่ตั้งของแผ่นดินสุวรรณภูมิ
จึงขอชี้ให้ดู...
พม่าตอนล่าง ตั้งแต่ร่างกุ้งลงมาเมืองสะเทิมถึงทะวาย ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเล นี่ส่วนหนึ่งละ
พื้นที่ตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าอู่ทอง สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม หรือแม้แต่ราชบุรีบ้านผม ก็อีกส่วนหนึ่งละ
ลงไปทางใต้ดินแดนชายฝั่งทะเลตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขัณฑ์ ชุมพร ลงไปถึงพังงา ตะกั่วป่า
ข้ามเขาไปยังสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ก็อีกส่วนหนึ่งละ
ข้ามไปถึงเกาะสุมาตรากับเกาะชวา ซึ่งปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย นี่ก็อีกสาวนหนึ่ง
เห็นอย่างนี้แล้ว คงไม่มากเกินไปใช่ไหมที่จะกล่าวว่า ดินแดนของสุวรรณภูมิส่วนใหญ่คือประเทศไทยในปัจจุบัน
@ แล้วพระพุทธศาสนาเข้ามาสุวรรณภูมิเมื่อไร ?
คำตอบ ก็คือ เข้ามาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙ ในยุคของพระเจ้าอโศก (ซึ่งครองราชย์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๘ )
หลังจากทรงอุปถัมภ์ให้คณะสงฆ์นำโดยพระอรหันต์ชื่อ "ติสสะ"
ชำระสะสางหรือปฏิรูปการพระศาสนาที่ยุ่งเหยิงอยู่พักหนึ่งจนเรียบร้อยแล้วจึงทำสังคายนา
(จัดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎก)
จากนั้นจึงตั้งคณะธรรมทูตขึ้น ๙ สาย
๗ สายแรกเผยแผ่อยู่ในอินเดียทั้งหมดตามแคว้นชายแดนทั้งภาคตะวัยตกและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ส่วนอีก ๒ สายส่งไปนอกอินเดีย
สายหนึ่งไปลังกา และ
อีกสายหนึ่งก็มายังสุวรรณภูมิ
แต่ละสายเป็น "สัตตวัคคีย์" คือ มี ๗ ท่าน คือ พระ ๕ รูป สามเณร ๑ รูป และอุบาสก ๑ คน
สันนิษฐานว่า พระเจ้าอโศกกับพระติสสะคงฝากส่งคณะพระธรรมทูตสายสุวรรณภูมิมาก้บพ่อค้าชาวอืนเดีย
ซึ่งเดินเรือมาค้าขายตามเมืองท่าต่างๆ
@ แล้วพระธรรมทูตคณะนี้ขึ้นบกที่ไหนเล่า ?
พม่าบอกว่าขึ้นที่เมืองสะเทิม...ซึ่งแต่ก่อนเป็นของมอญ แต่ปัจจุบันอยู่กับพม่าแล้ว
ส่วนไทยก็บอกว่ามาที่ไทย ขึ้นที่นครปฐม ผมเองก็ยากให้ไทยกับพม่าได้ด้วยกัน
จึงเสนอว่า...น่าจะขึ้นที่เมืองสะเทิม (เพี้ยนมาจาก สุธรรม)
จากนั้นจึงเดินเท้าเข้าไทยผ่านชายแดนตรงที่ที่ปัจจุบัน เรียกว่า "ด่านเจดีย์ ๓ องค์"
แล้วเข้ามาถึงพงตึก จากพงตึกจึงล่องเรือมาที่นครปฐม หรืออาจขึ้นไปที่เมืองที่ต่อมาเรียกว่า อู่ทอง
@ เอาละจะไปอู่ทองหรือนครปฐม ก็อยู่ที่ไทยนั่นแหละ...
และนับแต่นั้นมาดินแดนแถบนี้ก็ไม่เคยว่างเวันจากพระพุทธศาสนาเลย
ไม่ว่าการเมืองการปกครองจะเปลี่ยนไปอย่างไร
จากสุวรรณภูมิมาเป็นทวาราวดี มาเป็นอาณาจักรขอม แล้วเป็นอาณาจักรไทย
ไม่ว่าไทยสุโขทัย ไทยอยุธยา ไทยล้านนา
พระพุทธศาสนาก็อยู่คู่กับอาณาจักรต่างๆมาตลอด
@ แปลกนะ บนดินแดนแห่งนี้ พระพุทธศาสนาอยู่มายาวนานขนาดนี่
แต่ไม่มีความชอบธรรมที่จะอ้างว่าเป็นเจ้าของแผ่นดินได้
จะถูกคัดค้านอย่างหนักจากฝ่ายต่างๆ
ทั้งนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน และนักอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ที่น่าประหลาดใจคือ ชาวพุทธบางกลุ่มก็ยังเอากับเขาด้วย...
ชาวพุทธกลุ่มนี้ บางคนพยายามปิดบัง"กำพืดตัวเอง"
แล้วซ่อนร่างอยู่ในคราบของนักวิชาการ
"ผู้มีใจกว้าง...ยอดเยี่ยมด้วยวิสัยทัศน์และมโนทัศน์ที่กว้างไกล"
หันหลังให้ความจริงที่ควรจะเป็น จนพวกเดียวกันงง...ทำได้ไง ?
@ แต่กับบางศาสนาที่เข้ามาทีหลัง
และพยายามอ้างโน่นอ้างนี่และทำทุกวิถีทาง
รวมทั้งการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ชาวพุทธอยู่บนแผ่นดินเกิดไม่ได้ ต้องอพยพหนีไป..
ชีวิตชาวพุทธ ๓ จังหวัดภาคใต้ตกอยู่ในลักษณะนี้..
แต่นี่กลับไม่มีนักวิชาการหน้าไหนสนใจไปช่วยเถียง....
ไม่มีนักสิทธิมนุษยชนตนไหนสนใจไปถามหรือช่วยอ้างสิทธิให้พวกเขา ....
ไม่มีนักปรัชญาจากสำนักไหนไปแหกปากช่วยบอกพวกรุนแรงให้ยุติ ....
เห็นมีแต่มาเล่นฝีปากในห้องแอร์
@ นักอื่นๆ ผมไม่ค่อยคาใจ
แต่นักวิชาการที่ไปจากวัด จากสถาบันพุทธศาสนา นี่ซิ..
โง่ หรือ ฉลาด ผมมองไม่ออก
หากฉลาด แต่ไม่สามารถรักษาพุทธศาสนาไว้ได้
ส่วนโง่แต่รักษาไว้ได้ ...แล้วเราจะเอายังไงดี....
สำหรับผม โง่แล้วพระพุทธศาสนาอยู่ได้ ผมเต็มใจโง่ตลอดกาล
---
ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=873275589454390&set=a.474854649296488.1073741828.100003158716944&type=3&theater
"ศาสนาประจำชาติ -ได้แต่ขอ แต่เขายังไม่เคยให้ : เราสู้กับอะไร ...กับความโง่ หรือ ความฉลาด?"
Banjob Bannaruji
นำมาเผยแพร่ ดังนี้
-----
"ศาสนาประจำชาติ -ได้แต่ขอ แต่เขายังไม่เคยให้ :
เราสู้กับอะไร ...กับความโง่ หรือ ความฉลาด?"
+×÷=+×÷=
@ ไม่นึกว่า งานนี้จะเป็นงานหนัก เพราะเราขอในสิ่งที่มีอยู่แล้ว คือ พระพุทธศาสนาอยู่คู่แผ่นดินนี้มานาน
นับตั้งแต่ดินแดนแถบนี้ยังมีชื่อเรียกว่า "สุวรรณภูมิ" แปลว่า ดินแดนแห่งทองคำ
ซึ่งอาจหมายถึง ทองคำจริง ๆ หรือ อาจหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ก็ได้
สุวรรณภูมิก็อุดมสมบูรณ์จริงๆ และโชคดีที่เนิ้อที่ของสุวรรณภูมิส่วนใหญ่คือที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน
@ เพื่อให้เห็นภาพกันชัดๆเกี่ยวกับที่ตั้งของแผ่นดินสุวรรณภูมิ
จึงขอชี้ให้ดู...
พม่าตอนล่าง ตั้งแต่ร่างกุ้งลงมาเมืองสะเทิมถึงทะวาย ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเล นี่ส่วนหนึ่งละ
พื้นที่ตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าอู่ทอง สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม หรือแม้แต่ราชบุรีบ้านผม ก็อีกส่วนหนึ่งละ
ลงไปทางใต้ดินแดนชายฝั่งทะเลตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขัณฑ์ ชุมพร ลงไปถึงพังงา ตะกั่วป่า
ข้ามเขาไปยังสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ก็อีกส่วนหนึ่งละ
ข้ามไปถึงเกาะสุมาตรากับเกาะชวา ซึ่งปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย นี่ก็อีกสาวนหนึ่ง
เห็นอย่างนี้แล้ว คงไม่มากเกินไปใช่ไหมที่จะกล่าวว่า ดินแดนของสุวรรณภูมิส่วนใหญ่คือประเทศไทยในปัจจุบัน
@ แล้วพระพุทธศาสนาเข้ามาสุวรรณภูมิเมื่อไร ?
คำตอบ ก็คือ เข้ามาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙ ในยุคของพระเจ้าอโศก (ซึ่งครองราชย์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๘ )
หลังจากทรงอุปถัมภ์ให้คณะสงฆ์นำโดยพระอรหันต์ชื่อ "ติสสะ"
ชำระสะสางหรือปฏิรูปการพระศาสนาที่ยุ่งเหยิงอยู่พักหนึ่งจนเรียบร้อยแล้วจึงทำสังคายนา
(จัดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นพระไตรปิฎก)
จากนั้นจึงตั้งคณะธรรมทูตขึ้น ๙ สาย
๗ สายแรกเผยแผ่อยู่ในอินเดียทั้งหมดตามแคว้นชายแดนทั้งภาคตะวัยตกและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ส่วนอีก ๒ สายส่งไปนอกอินเดีย
สายหนึ่งไปลังกา และ อีกสายหนึ่งก็มายังสุวรรณภูมิ
แต่ละสายเป็น "สัตตวัคคีย์" คือ มี ๗ ท่าน คือ พระ ๕ รูป สามเณร ๑ รูป และอุบาสก ๑ คน
สันนิษฐานว่า พระเจ้าอโศกกับพระติสสะคงฝากส่งคณะพระธรรมทูตสายสุวรรณภูมิมาก้บพ่อค้าชาวอืนเดีย
ซึ่งเดินเรือมาค้าขายตามเมืองท่าต่างๆ
@ แล้วพระธรรมทูตคณะนี้ขึ้นบกที่ไหนเล่า ?
พม่าบอกว่าขึ้นที่เมืองสะเทิม...ซึ่งแต่ก่อนเป็นของมอญ แต่ปัจจุบันอยู่กับพม่าแล้ว
ส่วนไทยก็บอกว่ามาที่ไทย ขึ้นที่นครปฐม ผมเองก็ยากให้ไทยกับพม่าได้ด้วยกัน
จึงเสนอว่า...น่าจะขึ้นที่เมืองสะเทิม (เพี้ยนมาจาก สุธรรม)
จากนั้นจึงเดินเท้าเข้าไทยผ่านชายแดนตรงที่ที่ปัจจุบัน เรียกว่า "ด่านเจดีย์ ๓ องค์"
แล้วเข้ามาถึงพงตึก จากพงตึกจึงล่องเรือมาที่นครปฐม หรืออาจขึ้นไปที่เมืองที่ต่อมาเรียกว่า อู่ทอง
@ เอาละจะไปอู่ทองหรือนครปฐม ก็อยู่ที่ไทยนั่นแหละ...
และนับแต่นั้นมาดินแดนแถบนี้ก็ไม่เคยว่างเวันจากพระพุทธศาสนาเลย
ไม่ว่าการเมืองการปกครองจะเปลี่ยนไปอย่างไร
จากสุวรรณภูมิมาเป็นทวาราวดี มาเป็นอาณาจักรขอม แล้วเป็นอาณาจักรไทย
ไม่ว่าไทยสุโขทัย ไทยอยุธยา ไทยล้านนา
พระพุทธศาสนาก็อยู่คู่กับอาณาจักรต่างๆมาตลอด
@ แปลกนะ บนดินแดนแห่งนี้ พระพุทธศาสนาอยู่มายาวนานขนาดนี่
แต่ไม่มีความชอบธรรมที่จะอ้างว่าเป็นเจ้าของแผ่นดินได้
จะถูกคัดค้านอย่างหนักจากฝ่ายต่างๆ
ทั้งนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน และนักอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ที่น่าประหลาดใจคือ ชาวพุทธบางกลุ่มก็ยังเอากับเขาด้วย...
ชาวพุทธกลุ่มนี้ บางคนพยายามปิดบัง"กำพืดตัวเอง"
แล้วซ่อนร่างอยู่ในคราบของนักวิชาการ
"ผู้มีใจกว้าง...ยอดเยี่ยมด้วยวิสัยทัศน์และมโนทัศน์ที่กว้างไกล"
หันหลังให้ความจริงที่ควรจะเป็น จนพวกเดียวกันงง...ทำได้ไง ?
@ แต่กับบางศาสนาที่เข้ามาทีหลัง
และพยายามอ้างโน่นอ้างนี่และทำทุกวิถีทาง
รวมทั้งการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ชาวพุทธอยู่บนแผ่นดินเกิดไม่ได้ ต้องอพยพหนีไป..
ชีวิตชาวพุทธ ๓ จังหวัดภาคใต้ตกอยู่ในลักษณะนี้..
แต่นี่กลับไม่มีนักวิชาการหน้าไหนสนใจไปช่วยเถียง....
ไม่มีนักสิทธิมนุษยชนตนไหนสนใจไปถามหรือช่วยอ้างสิทธิให้พวกเขา ....
ไม่มีนักปรัชญาจากสำนักไหนไปแหกปากช่วยบอกพวกรุนแรงให้ยุติ ....
เห็นมีแต่มาเล่นฝีปากในห้องแอร์
@ นักอื่นๆ ผมไม่ค่อยคาใจ
แต่นักวิชาการที่ไปจากวัด จากสถาบันพุทธศาสนา นี่ซิ..
โง่ หรือ ฉลาด ผมมองไม่ออก
หากฉลาด แต่ไม่สามารถรักษาพุทธศาสนาไว้ได้
ส่วนโง่แต่รักษาไว้ได้ ...แล้วเราจะเอายังไงดี....
สำหรับผม โง่แล้วพระพุทธศาสนาอยู่ได้ ผมเต็มใจโง่ตลอดกาล
---
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=873275589454390&set=a.474854649296488.1073741828.100003158716944&type=3&theater