สวัสดีครับชาวพันทิป ที่หลงใหลและรักในเครื่องสำอางค์โนะ ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมอายุ 21 ขวบละ อ่านกันสักนิดนึงนะครับ อย่าข้ามไปที่รีวิวเลย เดี๋ยวจะงงกัน 555555 จะได้ทราบข้อมูล รีวิวละเอียดนิดนึงนะครับ แหม่ รองพื้นขวดนึงตั้งเท่าไหร่เนอะๆ
- ผิว nc อยู่ระหว่าง 30-35 ไม่เคยเกินนี้ครับ ดังนั้นรองพื้นที่ใช้สีอาจจะเข้มบ้างอ่อนบ้างตามช่วงเวลาโนะ บางรุ่นบางยี่ห้อ อาจจะใช้สีโทนเบจบ้างนะครับ เนื่องจากมันหาเหลืองกว่านี้ไม่ได้แล้ว ส่วนตัวผมใช้ได้ทั้ง 2 โทน ทั้งเหลือง และเบจ ถ้าใช้เหลืองก็จะตรงกับสีผิวจริงๆ แต่ถ้าโทนเบจก็พอไปรอดอยู่ หน้าจะดูไบรท์ขึ้น และลอยเป็นพิเศษ (หยอกเล่นขำๆ นะครับ)
- สภาพผิวเป็นคนผิวผสมค่อนมัน ( ช่วง T zone กับ รอบจมูกนี่ มันแพลบ ) เนื่องจากรับประทานยาสิว เมื่อก่อนเป็นคนผิวมันมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกได้ว่า ทอดไข่ได้เลยทีเดียว 55555555 มีรอยดำ รอยแดงจากสิว รูขุมขนกว้าง รองพื้นที่ใช้เลยค่อนข้างจะเป็นแบบควบคุมความมัน และปกปิดเป็นพิเศษ medium - full coverage ซะส่วนใหญ่
เข้าสู่มหกรรมกันดีกว่า 1 2 ซั่ม ไปครับ !!
🚨 รองพื้นทุกตัวคะแนนเต็ม 10 นะครับ
🚨 การเกลี่ยรองพื้นส่วนมากจะใช้ ฟองน้ำไข่ดำ ของ Dior ซึ่งแข็งพอสมควร แต่ใช้ไปนานๆ จะอ่อนลงครับ จากการซักนะครับ ส่วนตัวเคยใช้ของ Shu uemura ด้วยรุ่น light bulb ชอบมากกก เนื้อแน่น หยุ่นดีมากกกก แต่กินรองพื้นไปนิดนึง จะมีรุ่นอะไรบ้างไปดูกันเลย
1.Wet n Wild Cover All Cream Foundation
1.แพคเกจ
เป็นหลอดพลาสติกใส ฝาสีดำ ส่วนตัวเราคิดว่ามันเลอะเทอะง่ายนะเวลาบีบๆ ปาดๆ ตอนใช้ แต่ว่าชอบตรงที่มันเบาครับ พกง่ายไม่หนัก
2.เฉดสี
สีที่ใช้เราใช้สี medium นะครับ ไม่แน่ใจว่า ไทยนำเข้ามากี่สี แต่เข้มสุดคือ medium ครับ โทนสีจะออกไปทางสีเบจ ค่อนไปทางชมพู ซึ่งถ้ามันเหลืองกว่านี้มันจะเป็นอะไรที่อื้อหืออออ ฟินเวอร์ จะซื้อตุนๆเลยแต่น่าเสียดาย ที่เค้าไม่มี หักคะแนนซะดีมั้ยนิ
3.เนื้อสัมผัส
- เนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีมๆ อยู่ตัวครับ ไม่ไหลไม่ย้อย แต่อย่างใด เนื้อค่อนข้างหนักพอสมควรเลย สำหรับใครที่ชอบรองพื้นเนื้อเบาๆ บางๆ ขอให้ข้ามไปได้เลยครับ แต่ถามว่าสามารถทำให้มันบางได้มั้ย ทำได้ครับ โดยการใช้น้อยๆ เพราะ เนื้อรองพื้นเค้าเกลี่ย ไม่ง่ายไม่ยากครับ กลางๆ ถ้าวอร์มดีๆ มันเลิศอยู่นะ ตัวนี้สามารถเกลี่ยโดยใช้ฟองน้ำก็ได้นิ้วมือก็ได้เนียนเหมือนกันครับ
- ตัวนี้ไม่ได้มี spf นะครับ
- ลุคที่ได้ จะเป็นลุคซาติน กึ่งแมทเบาๆ หน้าจะดูไม่แมท และ แบนเกินไป เวลาเซตแป้งแล้ว ถ้าหันหน้าไปมา จะเห็นเลยว่า มีความเงา อยู่นิดหน่อย
4.ระดับการปกปิด
ตัวนี้จะอยู่ที่ medium - full coverage
ปกปิดได้ดีพอสมควร แต่ถ้ารอยสิวเข้มจริงๆ หรือค่อนข้างใหญ่แนะนำให้ไปพึ่งคอนซีลเลอร์ได้นะครับ แต่รองพื้นตัวนี้ก็ปกปิดดีอยู่แล้ว ตรงไหนด่างดำ โบกมันเข้าไป ซัดมันเข้าไป เอาอยู่พอสมควรเลย
5.ควบคุมความมัน
ตัวนี้จะถามว่าควบคุมมั้ย ก้กลางๆ นะครับ เนื่องจากของเค้าเป็นเนื้อครีม และลุคที่ได้เป็น ซาตินมันจะไม่คุมมันมากครับ แต่สำหรับคนหน้ามันมากๆ ก็เอาอยู่นะครับ แต่ก็ไม่แห้งเกินคนผิวแห้งจะใช้ได้นะ อิอิ
6.ความติดทน
ตัวนี้ อยู่ทน อยู่นาน อยู่นานแล้วก็อยู่ทน...
ทั้งวันจริงๆ แน่นเนืองยังไงตอนเย็นก็แน่นแบบนั้น แต่ตรงจมูกมีหลุดบ้างครับ เพราะจมูกมันมากๆ แต่ตัวนี้ส่วนตัวใช้ไม่มีการ oxidize นะครับ เช้าสีแบบไหน เย็นสีแบบนั้น แถมๆๆๆ ไม่เป็นคราบด้วยนะเออ
7.ราคา
ตรงนี้เป็นไฮไลท์ของงานเก็บไว้หลังสุด
ราคาจำราคาที่แน่นนอนไม่ได้ครับ น่าจะ 199 บาทถ้าจำไม่ผิดนะครับ ถ้าผิดก็โซซอรี่นะครับ
โดยรวมแล้วเราให้ 8/10 หัก 2 คะแนนเพราะ
1.เป็นโทนเบจ เราอยากได้โทนเหลืองกว่านี้ ไม่งั้นมันจะเลิศมาก
2.เบอร์เอาเข้ามาน้อยไปหน่อย คนที่ nc เกิน 35 ผมไม่แนะนำ ผมว่า medium ยังขาวไปเลยจิ๊ดนึง
2.Bobbi Brown Skin Stick Foundation
1.แพคเกจ
ตัวทูปเป็นอลูมิเนียมสีดำมั้งครับไม่แน่ใจ มีสีทองคาดด้วย ดูเรียบหรูดูดี ตามสไตล์คุณป้า Bobbi น่ะแหละครับ ขนาดประมาณ
4x 1 นิ้ว พกง่าย น้ำหนักเบา ใช้สะดวกหยิบมาขีดๆ ได้เลยเวลาไปท่งไปเที่ยวนี่สะดวกมากกกกก
2.สีที่ใช้ผมใช้ สี warm natural เบอร์ 4.5 รองพื้นของคุณป้าเนี่ย เค้าบอกว่ามีเม็ดสีสีเหลือง เป็นพื้นของสี ดังนั้นจึงเข้ากับสีผิวคนเราได้ง่าย ซึ่งเราชอบมากกก เพราะมันเหลืองดี เรนจ์สี กว้างพอสมควร สำหรับรุ่นนี้ ไปลองเทสๆ กันได้นะครับ
3.เนื้อสัมผัส
- รุ่นนี้ เนื้อสัมผัสจะเป็น บาล์มนิดนึงนะอารมณ์ประมาณครีมอัดแท่ง ตอนทาทาง ba บอกว่า สามารถขีดๆ ลงบนหน้าไปเลย
เราก็ลองขีดๆ ดูปรากฏว่า ....... ไม่ค่อยเวิร์คแหะ มันตกร่องรูขุมขนตอนขีดๆ อ่ะ เราเลยลองวอร์มจากตัวหลอดดู แล้วค่อยมาทาลงบนหน้า ...... เห้ยมันเวิร์คอ่ะ คือมันเกลี่ยง่าย อ่อ ลืมบอกไป ตัวนี้แนะนำให้ใช้นิ้วมือ จะดีที่สุด เพราะ
1.ถ้าใช้ฟองน้ำ รองพื้นติดขึ้นมาหมดเลยเสียดาย ป้าแกยิ่งให้ปริมาณมาน้อยๆ อยู่ด้วย
2. ถ้าใช้แปรง ไม่ต้องถาม ติดขนแปรงแน่นอนนน
ต่อกันนะ หลังจากที่ลองวอร์ม และ tap tap ไปเรื่อยๆ พบว่า มันเนียนมากกกกกกก เราจึงแนะนำให้วอร์มก่อน แล้วค่อยขีด หรือ แตะมาทาบนหน้า หรือสำหรับคนที่ไม่มีปัญหา ก็ปาดลงบนหน้าโลด
- ตัวนี้ไม่มี spf นะคร้าบบบบ
- ลุคที่ได้จะเป็น ลุคที่ค่อนข้างจะเป็นสกินนะ ถ้าคนผิวดีลงบางๆ ก็ปังแล้ว แต่ถ้าผิวมีปัญหา ก็อาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไรเพราะด้วยความที่เรา buildable ขึ้นมาและ สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด....... มันตกร่องรูจุ๋มจ๋นด้วย ถ้าเกลี่ยไม่ดี เราใช้แล้วเรารู้สึก เหมือนมันมีอะไรอยู่บนผิว ไม่ค่อยสบายผิว เหมือนมันอุดตัน ด้วยความที่มันเป็นเนื้อบาล์มด้วยเราเลยไม่ค่อยชอบ
4.ระดับการปกปิด
เราชอบตรงที่ ถ้าหน้าไม่มีปัญหาอะไรมาก เราสามารถทำให้มันมีการปกปิดได้หลายระดับเลยนะ sheer - medium - (เกือบ)full คือถ้าลงแบบ sheer มันจะเป็นผิวมากกกกกก มากๆๆๆ มากๆๆๆ บางคนสามารถบิ้วได้ ให้เป็นคอนซีลเลอร์ได้ด้วย ส่วนตัวเรา ใช้คอนซีลเลอร์แยกแทน เพราะอะไรนะเหรอ บอกตอนท้ายละกันนะอุบไว้ๆ
5.ควบคุมมัน
เรื่องควบคุมความมัน ในส่วนของตัวนนี้นั้น ทำได้ระดับปานกลาง สำหรับคนผิวค่อนข้างมันอย่างเรา แต่เวลาที่มัน มันๆ ผิวจะดูมีน้ำมีนวล มันจะไม่ดูแมท เกินไป ดูผิวที่เป็นผิวแบบเราบอกมันจะเงาๆนิดนึง ผิวสุขภาพดี และตัวนี้ไม่ oxidize นะแจ๊ะ
6.ความติดทน
ตัวนี้ ค่อนข้างทนใช้ได้เลยนะ ไม่หลุดด้วย หลุดก็มีตรงจมูกนั่นแหละ ประจำเลย
7.สนนราคาที่ 1800 บาทจ้าาา มีครึ่งแท่ง( 2 นิ้ว ) น้อยไปป่ะขุ่นป้าาา Bobbi
สรุปโดยรวมแล้ว ให้ 7/10
หัก 3 เพราะ
1.เวลาเป็นสิวแล้วเป็นสะเก็ดแห้ง หรือ หน้าลอกเป็นขุยๆ ไอนี่ มันจับตัวเป็นก้อนหมดเลยนี่แหละเหตุผลที่ใช้แทนคอนซีลเลอร์ไม่ได้สำหรับเรา
2. ราคาแพงงงงง เทียบกับ ปริมาณแล้วน่ะนะ
3. ฟีลลิ่งหลังทา มันรู้สึกผิวอึดอัดไม่ได้หายใจ หรือเราทาหน้าไป 55555
3.Estee Double Wear Stay in Place
ตัวนี้พูดถึงทุกคนต้องรู้จักแน่ๆ รองพื้นขั้นเทพ ที่ชื่อเสียงกระฉ่อนมาก เรื่องการคุมมัน และความหนาหนัก แต่มันเหมาะกับคนที่มีปัญหา จุดด่างดำ สิว ฝ้า รอยสิว และผิวมัน มากๆ ตัวนี้ไม่แนะนำเป็น every day เพราะ หนามาก ล้างยากด้วยไม่สะอาดมีอุดตันแน่นอน
1.แพคเกจ
เป็นขวดแก้วขุ่นๆ และหนัก มาพร้อมกับฝาสีทอง ที่ดูหรูหรา และคลาสสิค
ไม่ค่อยเหมาะกับการพกพานะ วางสวยๆ หน้ากระจกก็พอ 5555555 แต่ไม่มีหัวปั๊มมาให้นะคนนี้อ่ะ
2.สีที่ใช้ เราใช้สี Cashew เบอร์ 3W2 เป็นอันเดอร์โทนเหลืองนะ ตัวนี้สีเข้มมาก ถ้าเทียบกับปัจจุบัน เลิกใช้ไปแล้ว ไม่งั้นหน้าหมองเหมือนของเข้า ตัวนี้เรนจ์สีกว้างมากๆๆๆๆๆ มีให้เลือก เลือกไปเถอะไม่มีที่ใช่ให้มันรู้ไป 5555 ถ้าเป็น C(cool tone) เป็นสีโทนชมพู N(neutral tone) เป็นโทนกลางๆหรือสีเบจ W(warm tone) เป็นโทนเหลือง
3.เนื้อสัมผัส
- บอกได้เลยคำเดียวว่า "หนา" มากกกกก เนื้อค่อยข้างหนืด เกลี่ยยาก แห้งไวมากเช่นกัน ไม่แนะนำให้แต้ม 5 จุด เป็นดวงๆ แน่ๆ และบอกเลยว่า ต้องวอร์มก่อน และมีสติในการเกลี่ย ถ้าเกลี่ยไม่ดีมีเป็นคราบ ครั้งแรกที่เล่นก็รู้สึกเลยว่า "หนัก" แต่ตอนนั้น สิวโหมโรงมาก เลยจำใจ ต้องซื้อ
- spf ตัวนี้มีใส่มาด้วย ตั้ง 10 แหนะ ใส่มาตะไม ก็ไม่รู้
- ลุคที่ได้ แมทและแบนมาก แมทแบบแมทมาก แต่ในเว้บของเค้าบอกเป็น semi-matte ซึ่งงงงงง เราว่ามันไม่จริง เพราะมันรู้สึกตึงๆ เลยหลังจากทาเสร็จ
4.ระดับการปกปิด
โอโหะ ตัวนี้ ปกปิดเนียนกริ้บ มากกกกกกกก คอนซีลเลอร์คือไม่จำเป็นเลย มิดชิดตัวเดียวจบ แต่เรารู้สึกว่าพอมันเซตตัวละ ละเราจะปิดเพิ่ม ด้วยความที่มันแห้งไว พอเราบิ้วปั้บ เป็นคราบ...... ดังนั้นจึงได้บอกว่าให้เวิร์คเป็นส่วนๆ ไปจะดีกว่านะ
5.คุมมัน
คุมมันดีมากกกกกกก แมทมากกกกก จมูกเรายังยอมเลย มีมันๆ โผล่มานิดนึง ตรงปลายจมูก แต่รอบๆ นั่น แมทสนิท
6.ความติดทน
คุณคนนี้ติดทนมากกกกกกกกก มากๆๆๆ ล้างออกก็ยากเช่นกัน เราว่ามันเหมาะกับการแต่งหน้าไปงานสำคัญๆ ที่ต้องการความแน่นเนือง หรือ อะไรที่ลุยๆ เหงื่อออกง่ายคือ เค้าไม่หลุดจริงๆ นะ มีเหงื่อ หน้ามันหรอ.....ซับๆ เด้งเหมือนเดิม และ ไม่มีการ oxidize ด้วยยยย
🚨 ราคา
ราคาที่เคาท์เตอร์ ประมาณ 1700 บาท
แต่เราซื้อร้านหิ้ว ประมาณ 1100 บาท
ถามว่าคุ้มมั้ย....คุ้มมม ครับ
สรุปโดยรวม ให้ 8/10
หัก
1.หนาและหนักไป สำหรับ everyday
2.กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากกกก
[CR][SR] มหกรรมรีวิวรองพื้นสีเข้มสำหรับมนุษย์ผิวเข้ม
- ผิว nc อยู่ระหว่าง 30-35 ไม่เคยเกินนี้ครับ ดังนั้นรองพื้นที่ใช้สีอาจจะเข้มบ้างอ่อนบ้างตามช่วงเวลาโนะ บางรุ่นบางยี่ห้อ อาจจะใช้สีโทนเบจบ้างนะครับ เนื่องจากมันหาเหลืองกว่านี้ไม่ได้แล้ว ส่วนตัวผมใช้ได้ทั้ง 2 โทน ทั้งเหลือง และเบจ ถ้าใช้เหลืองก็จะตรงกับสีผิวจริงๆ แต่ถ้าโทนเบจก็พอไปรอดอยู่ หน้าจะดูไบรท์ขึ้น และลอยเป็นพิเศษ (หยอกเล่นขำๆ นะครับ)
- สภาพผิวเป็นคนผิวผสมค่อนมัน ( ช่วง T zone กับ รอบจมูกนี่ มันแพลบ ) เนื่องจากรับประทานยาสิว เมื่อก่อนเป็นคนผิวมันมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกได้ว่า ทอดไข่ได้เลยทีเดียว 55555555 มีรอยดำ รอยแดงจากสิว รูขุมขนกว้าง รองพื้นที่ใช้เลยค่อนข้างจะเป็นแบบควบคุมความมัน และปกปิดเป็นพิเศษ medium - full coverage ซะส่วนใหญ่
เข้าสู่มหกรรมกันดีกว่า 1 2 ซั่ม ไปครับ !!
🚨 รองพื้นทุกตัวคะแนนเต็ม 10 นะครับ
🚨 การเกลี่ยรองพื้นส่วนมากจะใช้ ฟองน้ำไข่ดำ ของ Dior ซึ่งแข็งพอสมควร แต่ใช้ไปนานๆ จะอ่อนลงครับ จากการซักนะครับ ส่วนตัวเคยใช้ของ Shu uemura ด้วยรุ่น light bulb ชอบมากกก เนื้อแน่น หยุ่นดีมากกกก แต่กินรองพื้นไปนิดนึง จะมีรุ่นอะไรบ้างไปดูกันเลย
1.Wet n Wild Cover All Cream Foundation
1.แพคเกจ
เป็นหลอดพลาสติกใส ฝาสีดำ ส่วนตัวเราคิดว่ามันเลอะเทอะง่ายนะเวลาบีบๆ ปาดๆ ตอนใช้ แต่ว่าชอบตรงที่มันเบาครับ พกง่ายไม่หนัก
2.เฉดสี
สีที่ใช้เราใช้สี medium นะครับ ไม่แน่ใจว่า ไทยนำเข้ามากี่สี แต่เข้มสุดคือ medium ครับ โทนสีจะออกไปทางสีเบจ ค่อนไปทางชมพู ซึ่งถ้ามันเหลืองกว่านี้มันจะเป็นอะไรที่อื้อหืออออ ฟินเวอร์ จะซื้อตุนๆเลยแต่น่าเสียดาย ที่เค้าไม่มี หักคะแนนซะดีมั้ยนิ
3.เนื้อสัมผัส
- เนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีมๆ อยู่ตัวครับ ไม่ไหลไม่ย้อย แต่อย่างใด เนื้อค่อนข้างหนักพอสมควรเลย สำหรับใครที่ชอบรองพื้นเนื้อเบาๆ บางๆ ขอให้ข้ามไปได้เลยครับ แต่ถามว่าสามารถทำให้มันบางได้มั้ย ทำได้ครับ โดยการใช้น้อยๆ เพราะ เนื้อรองพื้นเค้าเกลี่ย ไม่ง่ายไม่ยากครับ กลางๆ ถ้าวอร์มดีๆ มันเลิศอยู่นะ ตัวนี้สามารถเกลี่ยโดยใช้ฟองน้ำก็ได้นิ้วมือก็ได้เนียนเหมือนกันครับ
- ตัวนี้ไม่ได้มี spf นะครับ
- ลุคที่ได้ จะเป็นลุคซาติน กึ่งแมทเบาๆ หน้าจะดูไม่แมท และ แบนเกินไป เวลาเซตแป้งแล้ว ถ้าหันหน้าไปมา จะเห็นเลยว่า มีความเงา อยู่นิดหน่อย
4.ระดับการปกปิด
ตัวนี้จะอยู่ที่ medium - full coverage
ปกปิดได้ดีพอสมควร แต่ถ้ารอยสิวเข้มจริงๆ หรือค่อนข้างใหญ่แนะนำให้ไปพึ่งคอนซีลเลอร์ได้นะครับ แต่รองพื้นตัวนี้ก็ปกปิดดีอยู่แล้ว ตรงไหนด่างดำ โบกมันเข้าไป ซัดมันเข้าไป เอาอยู่พอสมควรเลย
5.ควบคุมความมัน
ตัวนี้จะถามว่าควบคุมมั้ย ก้กลางๆ นะครับ เนื่องจากของเค้าเป็นเนื้อครีม และลุคที่ได้เป็น ซาตินมันจะไม่คุมมันมากครับ แต่สำหรับคนหน้ามันมากๆ ก็เอาอยู่นะครับ แต่ก็ไม่แห้งเกินคนผิวแห้งจะใช้ได้นะ อิอิ
6.ความติดทน
ตัวนี้ อยู่ทน อยู่นาน อยู่นานแล้วก็อยู่ทน...
ทั้งวันจริงๆ แน่นเนืองยังไงตอนเย็นก็แน่นแบบนั้น แต่ตรงจมูกมีหลุดบ้างครับ เพราะจมูกมันมากๆ แต่ตัวนี้ส่วนตัวใช้ไม่มีการ oxidize นะครับ เช้าสีแบบไหน เย็นสีแบบนั้น แถมๆๆๆ ไม่เป็นคราบด้วยนะเออ
7.ราคา
ตรงนี้เป็นไฮไลท์ของงานเก็บไว้หลังสุด
ราคาจำราคาที่แน่นนอนไม่ได้ครับ น่าจะ 199 บาทถ้าจำไม่ผิดนะครับ ถ้าผิดก็โซซอรี่นะครับ
โดยรวมแล้วเราให้ 8/10 หัก 2 คะแนนเพราะ
1.เป็นโทนเบจ เราอยากได้โทนเหลืองกว่านี้ ไม่งั้นมันจะเลิศมาก
2.เบอร์เอาเข้ามาน้อยไปหน่อย คนที่ nc เกิน 35 ผมไม่แนะนำ ผมว่า medium ยังขาวไปเลยจิ๊ดนึง
2.Bobbi Brown Skin Stick Foundation
1.แพคเกจ
ตัวทูปเป็นอลูมิเนียมสีดำมั้งครับไม่แน่ใจ มีสีทองคาดด้วย ดูเรียบหรูดูดี ตามสไตล์คุณป้า Bobbi น่ะแหละครับ ขนาดประมาณ
4x 1 นิ้ว พกง่าย น้ำหนักเบา ใช้สะดวกหยิบมาขีดๆ ได้เลยเวลาไปท่งไปเที่ยวนี่สะดวกมากกกกก
2.สีที่ใช้ผมใช้ สี warm natural เบอร์ 4.5 รองพื้นของคุณป้าเนี่ย เค้าบอกว่ามีเม็ดสีสีเหลือง เป็นพื้นของสี ดังนั้นจึงเข้ากับสีผิวคนเราได้ง่าย ซึ่งเราชอบมากกก เพราะมันเหลืองดี เรนจ์สี กว้างพอสมควร สำหรับรุ่นนี้ ไปลองเทสๆ กันได้นะครับ
3.เนื้อสัมผัส
- รุ่นนี้ เนื้อสัมผัสจะเป็น บาล์มนิดนึงนะอารมณ์ประมาณครีมอัดแท่ง ตอนทาทาง ba บอกว่า สามารถขีดๆ ลงบนหน้าไปเลย
เราก็ลองขีดๆ ดูปรากฏว่า ....... ไม่ค่อยเวิร์คแหะ มันตกร่องรูขุมขนตอนขีดๆ อ่ะ เราเลยลองวอร์มจากตัวหลอดดู แล้วค่อยมาทาลงบนหน้า ...... เห้ยมันเวิร์คอ่ะ คือมันเกลี่ยง่าย อ่อ ลืมบอกไป ตัวนี้แนะนำให้ใช้นิ้วมือ จะดีที่สุด เพราะ
1.ถ้าใช้ฟองน้ำ รองพื้นติดขึ้นมาหมดเลยเสียดาย ป้าแกยิ่งให้ปริมาณมาน้อยๆ อยู่ด้วย
2. ถ้าใช้แปรง ไม่ต้องถาม ติดขนแปรงแน่นอนนน
ต่อกันนะ หลังจากที่ลองวอร์ม และ tap tap ไปเรื่อยๆ พบว่า มันเนียนมากกกกกกก เราจึงแนะนำให้วอร์มก่อน แล้วค่อยขีด หรือ แตะมาทาบนหน้า หรือสำหรับคนที่ไม่มีปัญหา ก็ปาดลงบนหน้าโลด
- ตัวนี้ไม่มี spf นะคร้าบบบบ
- ลุคที่ได้จะเป็น ลุคที่ค่อนข้างจะเป็นสกินนะ ถ้าคนผิวดีลงบางๆ ก็ปังแล้ว แต่ถ้าผิวมีปัญหา ก็อาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไรเพราะด้วยความที่เรา buildable ขึ้นมาและ สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด....... มันตกร่องรูจุ๋มจ๋นด้วย ถ้าเกลี่ยไม่ดี เราใช้แล้วเรารู้สึก เหมือนมันมีอะไรอยู่บนผิว ไม่ค่อยสบายผิว เหมือนมันอุดตัน ด้วยความที่มันเป็นเนื้อบาล์มด้วยเราเลยไม่ค่อยชอบ
4.ระดับการปกปิด
เราชอบตรงที่ ถ้าหน้าไม่มีปัญหาอะไรมาก เราสามารถทำให้มันมีการปกปิดได้หลายระดับเลยนะ sheer - medium - (เกือบ)full คือถ้าลงแบบ sheer มันจะเป็นผิวมากกกกกก มากๆๆๆ มากๆๆๆ บางคนสามารถบิ้วได้ ให้เป็นคอนซีลเลอร์ได้ด้วย ส่วนตัวเรา ใช้คอนซีลเลอร์แยกแทน เพราะอะไรนะเหรอ บอกตอนท้ายละกันนะอุบไว้ๆ
5.ควบคุมมัน
เรื่องควบคุมความมัน ในส่วนของตัวนนี้นั้น ทำได้ระดับปานกลาง สำหรับคนผิวค่อนข้างมันอย่างเรา แต่เวลาที่มัน มันๆ ผิวจะดูมีน้ำมีนวล มันจะไม่ดูแมท เกินไป ดูผิวที่เป็นผิวแบบเราบอกมันจะเงาๆนิดนึง ผิวสุขภาพดี และตัวนี้ไม่ oxidize นะแจ๊ะ
6.ความติดทน
ตัวนี้ ค่อนข้างทนใช้ได้เลยนะ ไม่หลุดด้วย หลุดก็มีตรงจมูกนั่นแหละ ประจำเลย
7.สนนราคาที่ 1800 บาทจ้าาา มีครึ่งแท่ง( 2 นิ้ว ) น้อยไปป่ะขุ่นป้าาา Bobbi
สรุปโดยรวมแล้ว ให้ 7/10
หัก 3 เพราะ
1.เวลาเป็นสิวแล้วเป็นสะเก็ดแห้ง หรือ หน้าลอกเป็นขุยๆ ไอนี่ มันจับตัวเป็นก้อนหมดเลยนี่แหละเหตุผลที่ใช้แทนคอนซีลเลอร์ไม่ได้สำหรับเรา
2. ราคาแพงงงงง เทียบกับ ปริมาณแล้วน่ะนะ
3. ฟีลลิ่งหลังทา มันรู้สึกผิวอึดอัดไม่ได้หายใจ หรือเราทาหน้าไป 55555
3.Estee Double Wear Stay in Place
ตัวนี้พูดถึงทุกคนต้องรู้จักแน่ๆ รองพื้นขั้นเทพ ที่ชื่อเสียงกระฉ่อนมาก เรื่องการคุมมัน และความหนาหนัก แต่มันเหมาะกับคนที่มีปัญหา จุดด่างดำ สิว ฝ้า รอยสิว และผิวมัน มากๆ ตัวนี้ไม่แนะนำเป็น every day เพราะ หนามาก ล้างยากด้วยไม่สะอาดมีอุดตันแน่นอน
1.แพคเกจ
เป็นขวดแก้วขุ่นๆ และหนัก มาพร้อมกับฝาสีทอง ที่ดูหรูหรา และคลาสสิค
ไม่ค่อยเหมาะกับการพกพานะ วางสวยๆ หน้ากระจกก็พอ 5555555 แต่ไม่มีหัวปั๊มมาให้นะคนนี้อ่ะ
2.สีที่ใช้ เราใช้สี Cashew เบอร์ 3W2 เป็นอันเดอร์โทนเหลืองนะ ตัวนี้สีเข้มมาก ถ้าเทียบกับปัจจุบัน เลิกใช้ไปแล้ว ไม่งั้นหน้าหมองเหมือนของเข้า ตัวนี้เรนจ์สีกว้างมากๆๆๆๆๆ มีให้เลือก เลือกไปเถอะไม่มีที่ใช่ให้มันรู้ไป 5555 ถ้าเป็น C(cool tone) เป็นสีโทนชมพู N(neutral tone) เป็นโทนกลางๆหรือสีเบจ W(warm tone) เป็นโทนเหลือง
3.เนื้อสัมผัส
- บอกได้เลยคำเดียวว่า "หนา" มากกกกก เนื้อค่อยข้างหนืด เกลี่ยยาก แห้งไวมากเช่นกัน ไม่แนะนำให้แต้ม 5 จุด เป็นดวงๆ แน่ๆ และบอกเลยว่า ต้องวอร์มก่อน และมีสติในการเกลี่ย ถ้าเกลี่ยไม่ดีมีเป็นคราบ ครั้งแรกที่เล่นก็รู้สึกเลยว่า "หนัก" แต่ตอนนั้น สิวโหมโรงมาก เลยจำใจ ต้องซื้อ
- spf ตัวนี้มีใส่มาด้วย ตั้ง 10 แหนะ ใส่มาตะไม ก็ไม่รู้
- ลุคที่ได้ แมทและแบนมาก แมทแบบแมทมาก แต่ในเว้บของเค้าบอกเป็น semi-matte ซึ่งงงงงง เราว่ามันไม่จริง เพราะมันรู้สึกตึงๆ เลยหลังจากทาเสร็จ
4.ระดับการปกปิด
โอโหะ ตัวนี้ ปกปิดเนียนกริ้บ มากกกกกกกก คอนซีลเลอร์คือไม่จำเป็นเลย มิดชิดตัวเดียวจบ แต่เรารู้สึกว่าพอมันเซตตัวละ ละเราจะปิดเพิ่ม ด้วยความที่มันแห้งไว พอเราบิ้วปั้บ เป็นคราบ...... ดังนั้นจึงได้บอกว่าให้เวิร์คเป็นส่วนๆ ไปจะดีกว่านะ
5.คุมมัน
คุมมันดีมากกกกกกก แมทมากกกกก จมูกเรายังยอมเลย มีมันๆ โผล่มานิดนึง ตรงปลายจมูก แต่รอบๆ นั่น แมทสนิท
6.ความติดทน
คุณคนนี้ติดทนมากกกกกกกกก มากๆๆๆ ล้างออกก็ยากเช่นกัน เราว่ามันเหมาะกับการแต่งหน้าไปงานสำคัญๆ ที่ต้องการความแน่นเนือง หรือ อะไรที่ลุยๆ เหงื่อออกง่ายคือ เค้าไม่หลุดจริงๆ นะ มีเหงื่อ หน้ามันหรอ.....ซับๆ เด้งเหมือนเดิม และ ไม่มีการ oxidize ด้วยยยย
🚨 ราคา
ราคาที่เคาท์เตอร์ ประมาณ 1700 บาท
แต่เราซื้อร้านหิ้ว ประมาณ 1100 บาท
ถามว่าคุ้มมั้ย....คุ้มมม ครับ
สรุปโดยรวม ให้ 8/10
หัก
1.หนาและหนักไป สำหรับ everyday
2.กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากกกก
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว