ก่อนอื่นต้องเกริ่นนะคะว่า กำลังดูเรื่องนี้ย้อนหลัง และหวังว่าเรื่องนี้จะทำให้เราอยากดู และลุ้นไปจนถึงตอนจบนะคะ
สิ่งแรกที่ทำให้เราอยากตั้งกระทู้ ก็เพราะกำลังอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ ตอนแรกไม่ได้สนใจละครเรื่องนี้เท่าไหร่
ตอนดูทีเซอร์ก็คิดว่าน่าสนใจดี (มีพี่ซีเล่น อิอิ) แต่ยังไม่ถึงกับทำให้อยากมาดู จนได้มาอ่านนิยายค่ะ นั่นละจุดเปลี่ยน
มีวันหนึ่ง เราอ่านนิยาย แล้วขายของไปด้วย เราว่างนิยายเล่มนี้ไว้บนโต๊ะ แล้วไปทำของให้ลูกค้า มีลูกค้าหลายท่าน
ที่เห็นนิยายเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาต่างก็หยิบมาดู ถ้าเป็นเด็กๆ ก็จะหยิบแล้วตะโกนบอกพ่อแม่ว่า...แม่ คนละโลก แม่ คนละโลก
ทำให้จากที่ไม่สนใจ กลับกลายเป็นต้องมาคิดว่าละครเรื่องนี้ คงมีไรดีสักอย่างแหละ ไม่งั้นคนทั่วไปคงไม่สนใจ ไม่พูดถึง
หลังจากวันนั้น เราเลยมาดูย้อนหลัง ซึ่งตัวเราแยกนิยายกับละครได้ค่ะ ไม่เอามาปนกัน แต่ขอให้อย่างน้อย ละครเรื่องนั้น
จะต้องไม่หลุดไปจาก
สาร ที่นิยายต้องการจะสื่อมากเกินไป การดำเนินเรื่องจะทำอย่างไรก็ได้ แต่
เส้นเรื่อง จะต้องครบค่ะ
ซึ่งพอดูตอนแรก ก็ต้องมีคิดบ้างว่า ไม่เหมือนในหนังสือ แต่พอดูไปนานๆ เราเริ่มคิดว่า ในละครทำได้ค่อนข้างมีเหตุผลค่ะ
อย่างแรกคือ ทิเบต ที่เปลี่ยนจากคนซึ่งเรามองว่า เขาค่อนข้างจะหมกหมุ่นกับความอยากร่ำรวย ไม่อยากเป็นขี้ข้าใคร
เป็นคนพูดน้อย แต่คิดเยอะ ไม่ค่อยมีสังคมหรือชอบสุงสิงอะไรกับใคร แม่ก็ไม่สน น้องสาวลูกติดพ่อเลี้ยงก็ยิ่งไม่สน
มองโลกในแง่ร้าย ชอบอ่านหนังสือธุรกิจต่างๆ นานาเพราะหวังว่าสักวัน เขาจะได้ร่ำรวยโดยการเป็นนายของตัวเอง
มาเป็น ทิเบตที่รักน้อง รักแม่ และมองโลกในแง่ดี พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีแค่ไหน ก็ใช้แค่นั้น เป็นคนรู้จักพอเพียง...
อาจจะดูละครไปหน่อยสำหรับนิสัยตรงนี้ แต่เรากลับคิดว่า นี่คือเหตุผลที่ค่อนข้างเป็นไปได้กับความเปลี่ยนแปลงของเขา
เพราะในนิยายแค่กานนด่าว่า ก็เมิงม่างมันไอ่..animal สำหรับยุคนี้มันคงไม่พอที่จะทำให้คนๆ นึงเปลี่ยนมุมมองได้แน่
ซึ่งการที่ทิเบตถูกแกล้ง ถูกใส่ร้าย จากกานน โรคจิตที่ชื่นชม ชื่นชอบ คลเมขลาซึ่งสวยเหมือนนางฟ้าในสายตาของเขา
ตอนแรกขัดใจตรงล้มทับแล้วจูบปากกันของทิเบตกับมอธ เพราะมันดูไม่ห่างจากมุกเดิมๆ ของละครไทย แต่ถ้าดูอีกมุม
มุมของกานนซึ่งโรคจิต หลงรักมอธ จะทำให้ได้รู้ว่า ฉากนี้ก็สำคัญ เพราะมันเป็นการจุดประกายความโรคจิตของเขาได้
ทำให้กานน รู้สึกไม่พอใจ ไม่ชอบใจไอหมอนี่ ไอทิเบต คนจนชั่นต่ำ สวะดีๆ ที่กล้ามาแตะต้องนางฟ้าในสายตาของเขา
การกระทำในส่วนนี้ การผูกเรื่อง ทำให้เราไม่รู้สึกขัดใจค่ะ และยังชอบเวอร์ชั่นละครไม่ต่างจากนิยายด้วยนะ ขอชื่นชมค่ะ
(แต่ส่วนตัวในใจเรา อยากให้เอาทิเบตทั้งสองแบบมารวมกันมากเลย แบบทิเบตที่พูดน้อย คิดเยอะ แต่ทิเบตก็รักครอบครัว
รักน้องสาว รักแม่ มองโลกในแง่ดี แอบรักนางเอกเงียบๆ แต่ก็สู้ ไม่ยอมใครเวลาที่ถูกทำร้าย ได้แบบนี้เราคงฟินมาก 5555)
และถึงแม้ฉากหรือการเดินเรื่องอะไรจะเปลี่ยนไปพอสมควร แต่
เส้นเรื่องหลักสำคัญก็ยังคงอยู่ค่ะ ยังคงเป็น คนละโลกอยู่
โลกที่แบ่งด้วยเงินทอง และความร่ำรวยเท่านั้น ในสายตาของทิเบต...กับโลกที่ยังไงทิเบตก็อยู่ไม่ได้ในมุมมองของ กานน
ชื่นชมที่
ยังคงเส้นเรื่องเดิม ผ่านการเล่าเรื่องแบบใหม่ได้ และเล่าได้แบบไม่ให้เนื้อหา หนักมากเกินไป เพราะคงเครียดน่าดู
อีกทั้งการดำเนินเรื่อง บท ทำได้ฉับไว ทันใจไม่ยืดเยื้อเป็นเต่าล้านปี เวลาดูก็ลุ้นไปด้วยว่าต่อไปอินังทิเบตจะทำอะไรต่อ 5555
แล้วอะไรจะทำให้ชีวิตของพี่แกเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผัน จากคนมองโลกในแง่ดี มาเปลี่ยนเป็นคนที่คิดแค้นได้ขนาดนั้น
เราขอบอกตรงๆ ว่าทำได้ดีอย่างใจคิดค่ะ ไม่ติดใจอะไรเท่าไหร่ พยายามดูไป จับผิดการกระทำไป แต่ก็ไม่เห็นมากนัก
แต่มีอย่างเดียวที่เราไม่ชอบ คือการเปลี่ยน นิลปัทม์ จากคนในตระกูลญาตินั้น ซึ่งคลเมขลามองว่าดีที่สุดแล้วในทั้งหมด
ให้กลายเป็นนางร้ายดาษดื่นตามท้องตลาด ขึ้งตาโต ทำตาค้อน และทำอะไรได้ไม่มีเหตุผลเลย ไม่ชอบตรงนี้นิดเดียวค่ะ
ถ้าเปลี่ยนให้เป็นคนร้ายลึกๆ เกลียดแต่แกล้งทำเป็นดีก็ได้ค่ะ มีนิสัยเจ้าชู้ ชอบเที่ยว ชอบถลุงเงิน จะเป็นอะไรเพอเฟคมาก
และจะเพอเฟคมากที่สุดถ้ากานนยังเป็นญาติทางสายเลือด ของ คลเมขลา ที่ชอบ หลงใหล และเพ้อฝันตามจิตที่ไม่ปกติ
เพื่อเพิ่มเลเวลความโรคจิตให้มากขึ้นไป แต่อย่างว่า เดี๋ยวจะเครียดและแรงไปหน่อย ซึ่งเราขอติตรงนี้เท่านั้นแหละค่ะ อิอิ
นอกเหนือจากนั้นเรามองว่าดีเยี่ยมเลย ดูได้สนุกและลุ้น มีเหตุผลพอที่จะจับต้อง รองรับการกระทำในอนาคตแบบไม่ขัดใจ
ตรงนี้ ชื่นชมจากใจจริงเลยค่ะ
มาต่อที่นักแสดง ทิเบต ตัวหลักของเรื่องเลย บอกคำเดียว (อีกแล้ว555) ว่าสำหรับเราตอนนี้ เวลาอ่านหนังสือนิยายเรื่องนี้
พี่ซีวิ่งเข้าไปในหนังสือเราแล้วเรียบร้อย 5555 ปรกติ เราจะไม่ค่อยนึกหน้าพระเอกหรือนางเอกนะคะ เวลาอ่านนิยายอะไร
จะคิดแค่ว่าเขาเป็นอย่างนี้ ประมาณนี้ แต่ตอนนี้พี่ซีตอนทาตัวดำๆ ตามหล่อหลอกหลอนเราทุกคำว่าทิเบตไปซะแล้ว แม้ว่า
นิสัยจะไปคนละขั้ว ไม่เหมือนกัน แต่เรามีจินตมโน(ศัพท์อะไร?) ที่ทำให้พี่ซีกลายเป็นทิเบตพูดน้อยของเราไปได้เรียบร้อย
พี่ซีเล่นเป็นทิเบตได้น่าดูชม พอในนิยายพูดว่าคนปักษ์ใต้ หน้าพี่ซีก็ลอยมาแล้ว ยิ่งทาตัวดำนี่เป๊ะเลย (เป๊ะของเรานะ คนอื่นไม่รู้555)
เล่นดราม่า โดนแกล้งก็น่าสงสาร พอเปลี่ยนมาเป็นคนรวย ก็เล่นได้ดี ซึ่งตรงนี้คงไม่ต้องห่วงอะไรเพราะพี่ซีเขาเล่นได้ดีอยู่แล้ว
คลเมขลา ปูไปรยาตอนแรกไม่เคยเข้ามาในจินตนาการเราหรอกค่ะ แต่พอเห็นเสื้อผ้า หน้าผม คอสตูม รูปร่าง โอ้ว...นี่แหละ
ใช้ได้แล้วสำหรับคุณมอธเลย เราคิดว่าลุคของปูในละครสวยมากนะ เวลาใส่ชุดเรียบๆ รัดรูปนี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกานนถึงเพ้อ
เป็นจิตวิตถารเอารูปนางไปแปะทั่วห้องอย่างงั้น ก็นางสวย เลอค่าและดูมีราคาซะขนาดนี้ ขนาดคนไม่บ้ายังจะบ้าตาาม 55555
ส่วนเรื่องการแสดง ดูเหมือนจะพูดถ้อยชัดคำขึ้น การแสดงก็ดูแล้วคิดว่าเป็น คลเมขลา ให้เราจดจำได้ค่ะ (ชื่อเขียนยากชิเป๊ง555)
เป็นคุณมอธที่แม้จะสวย รวย แต่ไม่เคยมองใครต้อยต่ำ เป็นคุณมอธที่ใช้ชีวิตได้ง่ายๆ กินอะไรก็ได้ ใช้ชีวิตแบบไม่ยึดถืออะไรมาก
ต่อมา กานน ไม่พูดถึงไม่ได้ ขนาดแกจิตขนาดนี้ฉันยังมองว่าแกหล่อ ให้ตายเถอะ นี่ฉันจะโรคจิตตามแกแล้วซีนะ 55555555
ชอบมากค่ะ ยิ่งตอนกัดเล็บ ทำหน้าตาบ้าๆ วิตถาร บ้าไม่พอยังจะเล่นยาบ้าอีก ไม่บ้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว! ปูไข่เล่นดีมากเลย
ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเล่นดี ดีกว่าที่คิด จิตกว่าในหนังสือ โอ้ย ขอยาดมด่วน ไม่รู้จะบ้ายังไงแล้วเพราะมันบ้า (อะไรเนี่ย)
แล้วก็น้องบุษย์ ในนิยายดูไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ในละครบุษย์เล่นได้น่ารักมากเลยค่ะ น่ารักจนไม่คิดว่า คนหยั่งเงี๊ยะ น่ารักใสซื่อ
จะต้องมาเสียอนาคตเพราะอีบ้ากามกานน ไอ้คนจิตวิปริตวิตถารพันล้าน (โอ้ยอิน อยากปาทุเรียนแล้วตามด้วยฟาดแส้สักร้อยที 555)
ยิ่งตอนน้องบุษย์ยยิ้ม โลกมันสดใสไปหมด ยิ้มทั้งปาก ทั้งตา ทั้งหน้า ทั้งใจ ดูเป็นเด็กดีที่รักแม่กับพี่ชายแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ส่งให้ทิเบตเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้โดยไม่ต้องมีข้อโต้แย้งอีกด้วยเพราะเขารักน้องมาก
แล้วก็นักแสดงที่เหลือ เล่นได้ดี คุณหญิงศรีเมืองเหมือนเดินมาจากนิยายเลยค่ะ 5555 และก็การแสดงดีทุกคนจนต้องยกนิ้วให้!
เราไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่เราว่า คนละโลก ที่สร้างสรรค์โดยค่ายคนทีวี(ไทยแลนด์) ทำได้ดีมากค่ะ ในเรื่องของการเล่าเรื่อง
เล่าแบบใหม่ ให้เข้ายุค แต่ยังคงเส้นเรื่องหลักได้ครบ คำพูดบางคำก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน เปลี่ยนคำแต่ความหมายยังคงเดิม
คอสตูมอะไรก็สวยงาม โลเกชั่นก็ดี บ้านพระเอกริมน้ำ น่าอยู่และน่าอบอุ่น อีกอย่าง อิชั้นชอบกานนมากค่ะ จะจิตตาม 555555555
ยืนยันได้ว่า ละครเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่เราที่ติดตามและชื่นชมค่ะ การันตีได้จากลูกค้าที่ร้านซึ่งแต่ละคนชอบหยิบหนังสือมาดูเหลือเกิน
จนอิชั้นต้องรีบซ่อนแล้วค่ะ กลัวยับ กลัวเยิน กลัวขาด จะไม่อ่านก็ไม่ได้ ส่วนละครตอนนี้ถ้าไม่ดูก็คงจะไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะ อิอิอิอิ
เราไม่ม้านะคะ เพราะเป็นมด และไม่เคยดูเวอร์ชั่นเก่าด้วย แต่จะขอฝากกระบอกเสียงนี้ ส่งไปถึงทีมงานว่าเราชอบละครที่คุณทำมากค่ะ
อยากให้ทำให้ดียิ่งขึ้นไปๆๆๆๆ อยากให้ทำแนวนี้เยอะๆ ให้คนดู เพราะละครสะท้อนสังคมมีมากมาย แต่คนไม่ค่อยชอบนำมาทำเท่าไหร่
เนื่องจากส่วนมากเนื้อหาหนัก ดูละเครียดเกินไป แต่ค่ายนี้ ทำคนละโลกได้สนุกค่ะ มีทั้งบู๊ ดราม่า น่ารัก ชิงไหวชิงพริบ มาครบรสจริงๆๆ
และเพราะว่าชอบมากเลยทนไม่ไหว ต้องมา กระเทาะความรู้สึกจากใจจริงๆ ค่ะ (ปล.ถ้าแกหายจิตมารักกับฉันนะกานน 555555555555)
ชอบมากกับคนละโลก...โลกของทิเบตที่แบ่งชนชั้นด้วยเงินกับโลกของมอธที่แบ่งชนชั้นด้วยความดี ทั้งสองคนจึงเหมือนอยู่คนละโลก...
คนละโลก...ละครที่ทำให้เราอยากกระเทาะความในใจออกมาเป็นคำชื่นชมให้กับทีมงาน...
สิ่งแรกที่ทำให้เราอยากตั้งกระทู้ ก็เพราะกำลังอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่พอดีค่ะ ตอนแรกไม่ได้สนใจละครเรื่องนี้เท่าไหร่
ตอนดูทีเซอร์ก็คิดว่าน่าสนใจดี (มีพี่ซีเล่น อิอิ) แต่ยังไม่ถึงกับทำให้อยากมาดู จนได้มาอ่านนิยายค่ะ นั่นละจุดเปลี่ยน
มีวันหนึ่ง เราอ่านนิยาย แล้วขายของไปด้วย เราว่างนิยายเล่มนี้ไว้บนโต๊ะ แล้วไปทำของให้ลูกค้า มีลูกค้าหลายท่าน
ที่เห็นนิยายเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาต่างก็หยิบมาดู ถ้าเป็นเด็กๆ ก็จะหยิบแล้วตะโกนบอกพ่อแม่ว่า...แม่ คนละโลก แม่ คนละโลก
ทำให้จากที่ไม่สนใจ กลับกลายเป็นต้องมาคิดว่าละครเรื่องนี้ คงมีไรดีสักอย่างแหละ ไม่งั้นคนทั่วไปคงไม่สนใจ ไม่พูดถึง
หลังจากวันนั้น เราเลยมาดูย้อนหลัง ซึ่งตัวเราแยกนิยายกับละครได้ค่ะ ไม่เอามาปนกัน แต่ขอให้อย่างน้อย ละครเรื่องนั้น
จะต้องไม่หลุดไปจาก สาร ที่นิยายต้องการจะสื่อมากเกินไป การดำเนินเรื่องจะทำอย่างไรก็ได้ แต่ เส้นเรื่อง จะต้องครบค่ะ
ซึ่งพอดูตอนแรก ก็ต้องมีคิดบ้างว่า ไม่เหมือนในหนังสือ แต่พอดูไปนานๆ เราเริ่มคิดว่า ในละครทำได้ค่อนข้างมีเหตุผลค่ะ
อย่างแรกคือ ทิเบต ที่เปลี่ยนจากคนซึ่งเรามองว่า เขาค่อนข้างจะหมกหมุ่นกับความอยากร่ำรวย ไม่อยากเป็นขี้ข้าใคร
เป็นคนพูดน้อย แต่คิดเยอะ ไม่ค่อยมีสังคมหรือชอบสุงสิงอะไรกับใคร แม่ก็ไม่สน น้องสาวลูกติดพ่อเลี้ยงก็ยิ่งไม่สน
มองโลกในแง่ร้าย ชอบอ่านหนังสือธุรกิจต่างๆ นานาเพราะหวังว่าสักวัน เขาจะได้ร่ำรวยโดยการเป็นนายของตัวเอง
มาเป็น ทิเบตที่รักน้อง รักแม่ และมองโลกในแง่ดี พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีแค่ไหน ก็ใช้แค่นั้น เป็นคนรู้จักพอเพียง...
อาจจะดูละครไปหน่อยสำหรับนิสัยตรงนี้ แต่เรากลับคิดว่า นี่คือเหตุผลที่ค่อนข้างเป็นไปได้กับความเปลี่ยนแปลงของเขา
เพราะในนิยายแค่กานนด่าว่า ก็เมิงม่างมันไอ่..animal สำหรับยุคนี้มันคงไม่พอที่จะทำให้คนๆ นึงเปลี่ยนมุมมองได้แน่
ซึ่งการที่ทิเบตถูกแกล้ง ถูกใส่ร้าย จากกานน โรคจิตที่ชื่นชม ชื่นชอบ คลเมขลาซึ่งสวยเหมือนนางฟ้าในสายตาของเขา
ตอนแรกขัดใจตรงล้มทับแล้วจูบปากกันของทิเบตกับมอธ เพราะมันดูไม่ห่างจากมุกเดิมๆ ของละครไทย แต่ถ้าดูอีกมุม
มุมของกานนซึ่งโรคจิต หลงรักมอธ จะทำให้ได้รู้ว่า ฉากนี้ก็สำคัญ เพราะมันเป็นการจุดประกายความโรคจิตของเขาได้
ทำให้กานน รู้สึกไม่พอใจ ไม่ชอบใจไอหมอนี่ ไอทิเบต คนจนชั่นต่ำ สวะดีๆ ที่กล้ามาแตะต้องนางฟ้าในสายตาของเขา
การกระทำในส่วนนี้ การผูกเรื่อง ทำให้เราไม่รู้สึกขัดใจค่ะ และยังชอบเวอร์ชั่นละครไม่ต่างจากนิยายด้วยนะ ขอชื่นชมค่ะ
(แต่ส่วนตัวในใจเรา อยากให้เอาทิเบตทั้งสองแบบมารวมกันมากเลย แบบทิเบตที่พูดน้อย คิดเยอะ แต่ทิเบตก็รักครอบครัว
รักน้องสาว รักแม่ มองโลกในแง่ดี แอบรักนางเอกเงียบๆ แต่ก็สู้ ไม่ยอมใครเวลาที่ถูกทำร้าย ได้แบบนี้เราคงฟินมาก 5555)
และถึงแม้ฉากหรือการเดินเรื่องอะไรจะเปลี่ยนไปพอสมควร แต่ เส้นเรื่องหลักสำคัญก็ยังคงอยู่ค่ะ ยังคงเป็น คนละโลกอยู่
โลกที่แบ่งด้วยเงินทอง และความร่ำรวยเท่านั้น ในสายตาของทิเบต...กับโลกที่ยังไงทิเบตก็อยู่ไม่ได้ในมุมมองของ กานน
ชื่นชมที่ยังคงเส้นเรื่องเดิม ผ่านการเล่าเรื่องแบบใหม่ได้ และเล่าได้แบบไม่ให้เนื้อหา หนักมากเกินไป เพราะคงเครียดน่าดู
อีกทั้งการดำเนินเรื่อง บท ทำได้ฉับไว ทันใจไม่ยืดเยื้อเป็นเต่าล้านปี เวลาดูก็ลุ้นไปด้วยว่าต่อไปอินังทิเบตจะทำอะไรต่อ 5555
แล้วอะไรจะทำให้ชีวิตของพี่แกเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผัน จากคนมองโลกในแง่ดี มาเปลี่ยนเป็นคนที่คิดแค้นได้ขนาดนั้น
เราขอบอกตรงๆ ว่าทำได้ดีอย่างใจคิดค่ะ ไม่ติดใจอะไรเท่าไหร่ พยายามดูไป จับผิดการกระทำไป แต่ก็ไม่เห็นมากนัก
แต่มีอย่างเดียวที่เราไม่ชอบ คือการเปลี่ยน นิลปัทม์ จากคนในตระกูลญาตินั้น ซึ่งคลเมขลามองว่าดีที่สุดแล้วในทั้งหมด
ให้กลายเป็นนางร้ายดาษดื่นตามท้องตลาด ขึ้งตาโต ทำตาค้อน และทำอะไรได้ไม่มีเหตุผลเลย ไม่ชอบตรงนี้นิดเดียวค่ะ
ถ้าเปลี่ยนให้เป็นคนร้ายลึกๆ เกลียดแต่แกล้งทำเป็นดีก็ได้ค่ะ มีนิสัยเจ้าชู้ ชอบเที่ยว ชอบถลุงเงิน จะเป็นอะไรเพอเฟคมาก
และจะเพอเฟคมากที่สุดถ้ากานนยังเป็นญาติทางสายเลือด ของ คลเมขลา ที่ชอบ หลงใหล และเพ้อฝันตามจิตที่ไม่ปกติ
เพื่อเพิ่มเลเวลความโรคจิตให้มากขึ้นไป แต่อย่างว่า เดี๋ยวจะเครียดและแรงไปหน่อย ซึ่งเราขอติตรงนี้เท่านั้นแหละค่ะ อิอิ
นอกเหนือจากนั้นเรามองว่าดีเยี่ยมเลย ดูได้สนุกและลุ้น มีเหตุผลพอที่จะจับต้อง รองรับการกระทำในอนาคตแบบไม่ขัดใจ
มาต่อที่นักแสดง ทิเบต ตัวหลักของเรื่องเลย บอกคำเดียว (อีกแล้ว555) ว่าสำหรับเราตอนนี้ เวลาอ่านหนังสือนิยายเรื่องนี้
พี่ซีวิ่งเข้าไปในหนังสือเราแล้วเรียบร้อย 5555 ปรกติ เราจะไม่ค่อยนึกหน้าพระเอกหรือนางเอกนะคะ เวลาอ่านนิยายอะไร
จะคิดแค่ว่าเขาเป็นอย่างนี้ ประมาณนี้ แต่ตอนนี้พี่ซีตอนทาตัวดำๆ ตามหล่อหลอกหลอนเราทุกคำว่าทิเบตไปซะแล้ว แม้ว่า
นิสัยจะไปคนละขั้ว ไม่เหมือนกัน แต่เรามีจินตมโน(ศัพท์อะไร?) ที่ทำให้พี่ซีกลายเป็นทิเบตพูดน้อยของเราไปได้เรียบร้อย
พี่ซีเล่นเป็นทิเบตได้น่าดูชม พอในนิยายพูดว่าคนปักษ์ใต้ หน้าพี่ซีก็ลอยมาแล้ว ยิ่งทาตัวดำนี่เป๊ะเลย (เป๊ะของเรานะ คนอื่นไม่รู้555)
เล่นดราม่า โดนแกล้งก็น่าสงสาร พอเปลี่ยนมาเป็นคนรวย ก็เล่นได้ดี ซึ่งตรงนี้คงไม่ต้องห่วงอะไรเพราะพี่ซีเขาเล่นได้ดีอยู่แล้ว
คลเมขลา ปูไปรยาตอนแรกไม่เคยเข้ามาในจินตนาการเราหรอกค่ะ แต่พอเห็นเสื้อผ้า หน้าผม คอสตูม รูปร่าง โอ้ว...นี่แหละ
ใช้ได้แล้วสำหรับคุณมอธเลย เราคิดว่าลุคของปูในละครสวยมากนะ เวลาใส่ชุดเรียบๆ รัดรูปนี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกานนถึงเพ้อ
เป็นจิตวิตถารเอารูปนางไปแปะทั่วห้องอย่างงั้น ก็นางสวย เลอค่าและดูมีราคาซะขนาดนี้ ขนาดคนไม่บ้ายังจะบ้าตาาม 55555
ส่วนเรื่องการแสดง ดูเหมือนจะพูดถ้อยชัดคำขึ้น การแสดงก็ดูแล้วคิดว่าเป็น คลเมขลา ให้เราจดจำได้ค่ะ (ชื่อเขียนยากชิเป๊ง555)
เป็นคุณมอธที่แม้จะสวย รวย แต่ไม่เคยมองใครต้อยต่ำ เป็นคุณมอธที่ใช้ชีวิตได้ง่ายๆ กินอะไรก็ได้ ใช้ชีวิตแบบไม่ยึดถืออะไรมาก
ต่อมา กานน ไม่พูดถึงไม่ได้ ขนาดแกจิตขนาดนี้ฉันยังมองว่าแกหล่อ ให้ตายเถอะ นี่ฉันจะโรคจิตตามแกแล้วซีนะ 55555555
ชอบมากค่ะ ยิ่งตอนกัดเล็บ ทำหน้าตาบ้าๆ วิตถาร บ้าไม่พอยังจะเล่นยาบ้าอีก ไม่บ้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว! ปูไข่เล่นดีมากเลย
ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเล่นดี ดีกว่าที่คิด จิตกว่าในหนังสือ โอ้ย ขอยาดมด่วน ไม่รู้จะบ้ายังไงแล้วเพราะมันบ้า (อะไรเนี่ย)
แล้วก็น้องบุษย์ ในนิยายดูไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ในละครบุษย์เล่นได้น่ารักมากเลยค่ะ น่ารักจนไม่คิดว่า คนหยั่งเงี๊ยะ น่ารักใสซื่อ
จะต้องมาเสียอนาคตเพราะอีบ้ากามกานน ไอ้คนจิตวิปริตวิตถารพันล้าน (โอ้ยอิน อยากปาทุเรียนแล้วตามด้วยฟาดแส้สักร้อยที 555)
ยิ่งตอนน้องบุษย์ยยิ้ม โลกมันสดใสไปหมด ยิ้มทั้งปาก ทั้งตา ทั้งหน้า ทั้งใจ ดูเป็นเด็กดีที่รักแม่กับพี่ชายแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ส่งให้ทิเบตเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือได้โดยไม่ต้องมีข้อโต้แย้งอีกด้วยเพราะเขารักน้องมาก
แล้วก็นักแสดงที่เหลือ เล่นได้ดี คุณหญิงศรีเมืองเหมือนเดินมาจากนิยายเลยค่ะ 5555 และก็การแสดงดีทุกคนจนต้องยกนิ้วให้!
เราไม่อยากจะพูดอะไรมาก แต่เราว่า คนละโลก ที่สร้างสรรค์โดยค่ายคนทีวี(ไทยแลนด์) ทำได้ดีมากค่ะ ในเรื่องของการเล่าเรื่อง
เล่าแบบใหม่ ให้เข้ายุค แต่ยังคงเส้นเรื่องหลักได้ครบ คำพูดบางคำก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน เปลี่ยนคำแต่ความหมายยังคงเดิม
คอสตูมอะไรก็สวยงาม โลเกชั่นก็ดี บ้านพระเอกริมน้ำ น่าอยู่และน่าอบอุ่น อีกอย่าง อิชั้นชอบกานนมากค่ะ จะจิตตาม 555555555
ยืนยันได้ว่า ละครเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่เราที่ติดตามและชื่นชมค่ะ การันตีได้จากลูกค้าที่ร้านซึ่งแต่ละคนชอบหยิบหนังสือมาดูเหลือเกิน
จนอิชั้นต้องรีบซ่อนแล้วค่ะ กลัวยับ กลัวเยิน กลัวขาด จะไม่อ่านก็ไม่ได้ ส่วนละครตอนนี้ถ้าไม่ดูก็คงจะไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะ อิอิอิอิ
เราไม่ม้านะคะ เพราะเป็นมด และไม่เคยดูเวอร์ชั่นเก่าด้วย แต่จะขอฝากกระบอกเสียงนี้ ส่งไปถึงทีมงานว่าเราชอบละครที่คุณทำมากค่ะ
อยากให้ทำให้ดียิ่งขึ้นไปๆๆๆๆ อยากให้ทำแนวนี้เยอะๆ ให้คนดู เพราะละครสะท้อนสังคมมีมากมาย แต่คนไม่ค่อยชอบนำมาทำเท่าไหร่
เนื่องจากส่วนมากเนื้อหาหนัก ดูละเครียดเกินไป แต่ค่ายนี้ ทำคนละโลกได้สนุกค่ะ มีทั้งบู๊ ดราม่า น่ารัก ชิงไหวชิงพริบ มาครบรสจริงๆๆ
และเพราะว่าชอบมากเลยทนไม่ไหว ต้องมา กระเทาะความรู้สึกจากใจจริงๆ ค่ะ (ปล.ถ้าแกหายจิตมารักกับฉันนะกานน 555555555555)
ชอบมากกับคนละโลก...โลกของทิเบตที่แบ่งชนชั้นด้วยเงินกับโลกของมอธที่แบ่งชนชั้นด้วยความดี ทั้งสองคนจึงเหมือนอยู่คนละโลก...