สวัสดีค่าาา พอดีมีโอกาสได้ไปเที่ยวปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอนมา เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ดีๆให้ฟังกันเนอะ เผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวช่วงวันหยุดสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เหมือนเรา
อะไม่พูดมากละ เริ่มเลยดีกว่า
เนื่องจากเราพึ่งผ่านมิดเทอมสุดโหดมาแบบสดๆร้อนๆ เลยอยากหาสถานที่พักผ่อนให้หายเครียด แถวๆเชียงใหม่-เชียงราย ที่เดินทางสะดวก คนไม่เยอะมาก และใช้งบไม่เยอะ แต่ไอที่ที่ว่าเนี่ย มันหายากจริงๆค่ะ ดอยเชียงใหม่ถ้าจะขึ้นไปส่วนมากก็ต้องเหมารถ ซึ่งราคาแพงเอาเรื่อง
แล้วเราไปกันแค่สองคนด้วยคงจ่ายไม่ไหว จะขับรถเองก็ไม่ชินทาง หาไปหามา เจอที่นี่ค่ะ "ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน" (มันเชียงใหม่-เชียงรายตรงไหนฟระ)
ปางอุ๋งเนี่ย มีรถตู้ขึ้นจากอาเขตไปแม่ฮ่องสอนได้เลยค่ะ ถ้าเริ่มเดินทางจากเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงแม่ฮ่องสอน แล้วต่อรถสองแถวเข้าปางอุ๋งอีก 1 ชั่วโมง ตอนแรกคิดในใจ จะไหวมั้ย นั่งรถถรูดชาแน่เลย แต่พอไปอ่านรีวิวของคนอื่นๆแล้วมันห้ามใจไม่อยู่จริงๆค่ะ อะไปก็ไป
ขั้นแรกก็โทรจองรถก่อนค่ะ เป็นรถตู้ของบริษัทเปรมประชา สามารถจองล่วงหน้าได้ 3 วัน ราคาตั๋ว 250 บาทค่า
อาเขต 053-304748 / แม่ฮ่องสอน 053-684100 (ได้ข้อมูลมาจากอีกกระทู้นึงในพันทิปอีกที ขอบคุณมากๆค่ะ)
เราเลือกจองเวลา 8.30 เพราะจะได้ไปถึงแม่ฮ่องสอนทันรถสองแถวรอบสามโมงพอดี
พนักงานแจ้งว่าให้มารับตั๋วก่อนเวลารถออกหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นเค้าอาจจะให้ที่คนอื่นไปนะคะ
ปล.เราสามารถเลือกที่นั่งไว้ก่อนได้ถ้าไม่อยากนั่งหลัง
โอเคคคคค ได้ตั๋วละ ออกเดินทางกันดีกว่า
หลังจากอดทนอดกลั้น(อ้วก)มาเป็นเวลาหกชั่วโมง ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปที่ขนส่งไว้ รีบๆมึนๆอยู่
ก็จะมีคุณลุงวิ่งกรูมาถามเราว่าเราจะไปไหน ก็บอกเค้าไปว่า ไปตลาดสายหยุดค่ะ คือคนแถวนั้นเค้าก็เข้าใจว่าเป็นตลาดนั้นแหละ
บอกเค้าว่าส่งตรงรถสองแถวที่จะไปปางอุ๋ง เค้าก็รู้แล้วค่ะ คุณลุงก็จะพาซิ่งขึ้นตุ๊กๆไปเลย คิดราคา 80 บาท สองคน (คิดในใจ ทำไมแพงจังฟระ) ลุงบอก ใครๆก็คิดราคานี้ทั้งนั้นหละหนู
เอ้อออ เราจะบอกว่าอย่าลืมซื้อยาแก้เมารถนะคะ ก่อนรถออกก็กินไปเลย เพราะโค้งเยอะมากๆ อาจจะอ้วกได้ค่ะ
เรานี่นึกว่าจะนั่งทรมานในรถ ที่ไหนได้ พอกินยาเข้าไป หลับค่ะ หลับมาราทอน หลับตลอดทางจนถึงที่เลย5555555555
พอถึงตลาดแล้วก็แวะเติมพลังกันหน่อยค่ะ ของเราข้าวหมูกระเทียมไข่ดาว 35บาท ส่วนน้ำเงี๊ยว 20 บาท ถูกม่ากกก
เราไปถึงประมาณ บ่ายสองครึ่งค่ะ แต่รถที่เราจะไปเป็นรอบบ่ายสามโมงครึ่ง ก็หาไรกินไป นั่งรอ จนถึงเวลาค่ะ พอประมาณบ่ายสาม พี่ที่เราจองเตนท์ไว้เค้าก็โทรมาหา โทรมาแจ้งเราว่า ให้บอกคุณลุงคนขับว่าให้ไปส่งเตนท์พี่ออย คุณลุงก็จะไปส่งถึงที่เลยค่ะ
คุณป้าบอกเราให้ไปนั่งข้างหน้ากับคุณลุงคนขับค่ะ เพราะเค้าจะแวะรับเด็กๆตามโรงเรียนด้วย วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ เด็กเยอะค่ะ
ระหว่างนั่งรถเราก็ชวนคุณลุงคุย ถามนู่นนี่ไปเรื่อย คุณลุงน่ารักมากค่ะ เล่าเรื่องให้ฟังเยอะแยะเลย
คุณลุงแวะจอดรับเด็กนักเรียนค่ะ แล้วบอกให้ลองเดินไปหาไรกิน
เราเดินไปดูที่ร้าน มีบะหมีใส่ถุงไว้แล้วให้เด็กปรุงเครื่องปรุงใส่ถุงกินเอง แปลกดีค่ะ พึ่งเคยเห็น
แฟนเราก็ซื้อน้ำมะนาวมากินแก้วนึงค่ะ น้ำมะนาวที่นี่เป็นสีชมพูเฉยย งงงงง55555 แต่อร่อยดีค่ะ
คุณลุงขับแบบชำนาญทางมาก เราเปิดกระจกชมวิวตลอดทางเลย (แอบบอกไว้ตรงนี้เลยดีกว่า คือเรามัวแต่เอากล้องไปถ่ายรูปไร้สาระ หลังๆกล้องแบตหมดไม่มีที่ชาร์จ รูปภาพบางส่วนอาจหายไป ขอโทษไว้ตรงนี้เลยนะคะ แหะๆ)
ชาวบ้านที่นี่เค้าใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายค่ะ คุณลุงบอกคนแถวนี้หากินง่าย อยู่กันแบบพี่น้อง ระหว่างทางคุณลุงก็จะแวะรับส่งของบ้าง รับของไปส่งบนดอยบ้างตามบ้าน เรานั่งรถผ่านก็เห็นเค้าเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวกันใต้ถุนบ้านเลย น่ารักกก
นั่งรถขึ้นเขากันมาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ ปางอุ๋งงงงง
ก่อนไป เราโทรจองเตนท์สำหรับสองคนไว้ค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 087-6618594
ใครสนใจไปก็โทรสอบถามข้อมูลเรื่องที่พักไว้ก่อนได้เลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากนอนเตนท์ ที่นี่มีบ้านพักให้บริการค่ะ
แต่ต้องจองล่วงหน้านานหน่อยเพราะเต็มเร็วมาก
แท้แด่ นี่เตนท์เราเองงง ที่จริงเราจองเตนท์เล็กไว้ แต่พี่เค้าบอกเคาขี้เกียจกางเตนท์เล็กให้
เลยลดราคาให้เราเหลือ 250 บาท (ราคาเตนท์ใหญ่ 500 บาท)
ตอนแรกพี่เค้ากางไว้ให้เราอยู่กลางๆ แต่เราบอกพี่หนูขอแบบติดน้ำเลยได้มั้ยคะ อะอะ พี่แกยกเตนท์มากางให้ใหม่เลย ฮี่ฮี่
ข้างในเตนท์ก็ดีมาก มีหมอนสี่ใบผ้าห่มสองผืน พับไว้ให้เรียบร้อย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคา 250 บาท
ไปถึงก็เจอหงส์เลย ตอนแรกนึกว่าห่าน55555
ที่จริงมีสีดำอีกหนึ่งตัว สีขาวก็มี แต่เราเห็นตอนมืดแล้วถ่ายรูปไว้ไม่ทันน
ไอเจ้าสองตัวนี้นี่อยู่หน้าเตนท์ตลอด รอคนมาให้อาหาร
ถ่ายรูปรัวๆ อากาศดีมากกกกกกก พี่เจ้าของเตนท์เค้าบอกว่าอากาศประมาณ 16 องศา
เราว่าอากาศเย็นกำลังดีเลย ไม่หนาวเกินไป ตอนแรกกลัวหนาวมากแล้วเราไม่ชอบอากาศหนาวจัดๆ
เตรียมเสื้อไปอย่างหนา ผ้าห่มอีกสองผืน เป็นคนบ้า สุดท้ายไม่ได้ใส่5555555
เห็นคนที่มาที่นี่ชอบถ่ายกัน ไม่รู้ถ่ายทำไม แต่อยากถ่ายบ้าง5555
ไม่ค่อยได้ถ่ายวิวเลยค่ะ มีคนมาขวางตลอด55555555555
เราว่าช่วงนี้กำลังดีเลยค่ะ คนหลวมๆ อากาศไม่หนาวมาก ไม่ต้องแย่งกันเที่ยว
ใครอยากไปเที่ยวแบบสงบๆ ขอแนะนำให้ไปช่วงนี้เลยค่ะ ต้นพฤศจิกายน
ที่นี่เค้ามีแพให้นั่งชมวิวกันด้วยนะคะ 150 บาท นั่งได้สองคน จะมีคนพายให้คนนึง น่าจะนั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง
เก็บของเสร็จ ถ่ายรูปทำธุระเสร็จก็หิวละคะ อากาศแบบนี้ สั่งหมูกระทะมากินเลย หมูกระทะที่นี่ชุดละ 300 บาท เราสั่งหมูเพิ่มถุงนึง 80 บาท เห็ดเข็มทอง 20 บาท น้ำจิ้ม 20 บาท สองคนกินกันจนจุกเลยค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าหมูอร่อยสุดๆ เป็นหมูสามชั้นทั้งหมดเลย
ที่นี่เค้าจะตัดไฟหลังสี่ทุ่มนะคะ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องเช่าตะเกียง ราคา 100 บาท อยู่ได้ทั้งคืนเลย หรือจะเอามาเองก็ได้ แล้วที่นี่ก็ไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบด้วย ถ้าอยากชารจ์แบตก็ต้องไปขอชาร์จที่ร้านค้าค่ะ ป้าเค้าก็จะคิดราคาต่างกันไปตามของที่ฝากชาร์จ แต่เราไม่ได้ชาร์จเลยไม่รู้อะไรเท่าไหร่
มีหมูกระทะแล้วก็ต้องมีเบียร์ค่ะ ที่นี่ราคาของแทบจะไม่ชาร์จเลย เบียร์ไฮเนเกนขวดละ 80 บาท สิงห์ 55 บาท จัดมาเลยค่ะอย่างละสองขวดน้ำเปล่าขวดใหญ่ 20 บาท น้ำแข็งถุงนึง 20 บาท
พอดีกๆที่นี่จะมืดสนิทเลยค่ะ มีแต่แสงไฟตะเกียงนิดหน่อยจากเตนท์เราและเตนท์ข้างๆ แต่ขอบอกไว้เลยนะคะว่าไม่ใช่ว่ากางเตนท์จิบเบียร์กินหมูกระทะแลวจะเสียงดังโวยวายได้ ถึงคนจะไม่เยอะเราก็ควรจะมีมารยาท อยู่ในที่ของตัวเองไม่รบกวนคนอื่น
ส่วนเรื่องห้องน้ำ เราว่าห้องน้ำไกลไปหน่อยจากจุดที่กางเตนท์ ปวดฉี่ทีนี่ลุกไปแทบไม่ทัน
สภาพห้องน้ำก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่มาก ไม่ได้สกปรกอะไรเท่าไหร่ เป็นอย่างเดียวในทริปที่รู้สึกว่าไม่ปลื้ม
เดินออกไปจากเตนท์อีกนิดจะมีสะพานยืนออกไปในน้ำ เราก็ไปนอนดูดาวตรงนั้นเลยค่ะ ฟ้าเปิด ดาวเยอะและสวยมากๆ แต่ด้วยความกาก และไม่เคยถ่ายดาวมาก่อน การถ่ายดาวครั้งแรกของเราก็ออกมาง่อยๆเบลอๆแบบนี้ค่ะ555555 เศร้า
(ถามเลยแล้วกัน ใครใช้กล้องฟูจิแล้วมีความรู้เรื่องนี้รบกวนตอบเราทีค่ะ เราพยายามปรับตั้งค่า focus ให้เป็น infinity แต่ไม่รู้ว่าต้องปรับตรงไหน ใครรู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณเป็นอย่างสูงง ;_____; )
ดูดาวเสร็จก็กลับเข้าไปนอนพักผ่อนกัน ตื่นมาตีห้าครึ่งมาดูพระอาทิตย์ค่ะ
อากาศตอนเช้าแบบนี้ก็ต้องกินมาม่า + ไข่ต้มที่คุณแม่แฟนต้มไว้ให้ ฟินกันต้อนรับพระอาทิตย์ขึ้นเลย
ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็ต้องเตรียมเก็บของกลับกันละค่ะ ฮืออออ ไม่อยากกลับเลย
ตอนกลับก็จะมีรถเหลืองมารับอีกเหมือนเดิมค่ะ จะมีสองรอบ เวลา ตี5.30 กับ 11.00
ช่วงระหว่างรอรถกลับก็เริ่มหิวแล้วค่ะ เราสามารถเดินจากตรงที่พัก ไปส่วนของหมูบ้านของคนพื้นเมืองได้เดินไปไม่ไกลมากก็ถึงค่ะ กินข้าวกันคนละจาน อาหารจานเดียวที่นี่ก็ไม่แพงอีกเช่นกันค่ะ จานละ 40 บาทเท่านั้น
หลังจากนั้นเราก็โทรไปจองตั๋วรถค่ะ ตอนแรกโทรไปจะจองรถกลับเชียงใหม่รอบบ่ายโมง แต่พนักงานบอกให้ไปเอาตั๋วก่อนเที่ยง ซึ่งรถเหลืองจะมารับตอน 11โมง ซึ่งเราว่าน่าจะไม่ทัน พอรถมา เราถามคุณลุงว่าจะไปทันเที่ยงมั้ย คุณลุงบอกให้โทรไปบอกว่ากลับกับลุงเทียม พอเราโทรไปปุ๊บ ปรากฎว่าเค้าจองที่ให้เราจริงๆค่ะ สุดท้าย เราไปถึงที่ขนส่งประมาณ เที่ยงครึ่ง คุณลุงก็ยืนรอ บอกให้เราไปเอาตั๋วก่อน พอเราได้ตั๋วมาคุณลุงก็รอส่งเราขึ้นรถ ถึงค่อยกลับ คือประทับใจมาก แกน่ารักมากจริงๆ
ใครสนใจจะไปปางอุ๋งก็ติดต่อคุณลุงได้เลยนะคะ ค่ารถจากตลาด-ปางอุ๋งเที่ยวละ 80 บาท
งั้นเราก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ (ทางการทำไม)
ไว้ถ้ามีโอกาส ทริปหน้าถ้าไม่ขี้เกียจ จะเอาประสบการณ์ดีๆมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
ไม่รู้จะจบยังไง ลาเลยแล้วกันค่ะ สวัสดีค่าาาา
อ้ออ ลืมบอก ทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไปคนละประมาณ 1,600 บาทค่ะ รวมทุกอย่างแล้ว ค่ารถค่ากินค่าเข้าเซเว่นนู่นนี่
กล้องที่ใช้ Fuji x-m1 + kit , apsc 35mm f1.6
ถ้ามีอะไรสงสัยอยากถามเรื่องการวางแผนการเดินทางอะไรยังไง ถามมาได้เลยค่ะ ถ้าตอบได้เรายินดีตอบ
หรือจะอินบ็อกมาในเฟสบุคก็ได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thitirutt (เฟสเต็มแล้วรับเพื่อนไม่ได้แล้วค่า)
ลาไปด้วยรูปคู่555555555 จะโดนด่ามั้ย
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ บ๊ายบายยย
[CR] Review : Five million stars hotel at Pang Ung ( ปางอุ๋ง 2015 )
สวัสดีค่าาา พอดีมีโอกาสได้ไปเที่ยวปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอนมา เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ดีๆให้ฟังกันเนอะ เผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวช่วงวันหยุดสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เหมือนเรา
อะไม่พูดมากละ เริ่มเลยดีกว่า
เนื่องจากเราพึ่งผ่านมิดเทอมสุดโหดมาแบบสดๆร้อนๆ เลยอยากหาสถานที่พักผ่อนให้หายเครียด แถวๆเชียงใหม่-เชียงราย ที่เดินทางสะดวก คนไม่เยอะมาก และใช้งบไม่เยอะ แต่ไอที่ที่ว่าเนี่ย มันหายากจริงๆค่ะ ดอยเชียงใหม่ถ้าจะขึ้นไปส่วนมากก็ต้องเหมารถ ซึ่งราคาแพงเอาเรื่อง
แล้วเราไปกันแค่สองคนด้วยคงจ่ายไม่ไหว จะขับรถเองก็ไม่ชินทาง หาไปหามา เจอที่นี่ค่ะ "ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน" (มันเชียงใหม่-เชียงรายตรงไหนฟระ)
ปางอุ๋งเนี่ย มีรถตู้ขึ้นจากอาเขตไปแม่ฮ่องสอนได้เลยค่ะ ถ้าเริ่มเดินทางจากเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงแม่ฮ่องสอน แล้วต่อรถสองแถวเข้าปางอุ๋งอีก 1 ชั่วโมง ตอนแรกคิดในใจ จะไหวมั้ย นั่งรถถรูดชาแน่เลย แต่พอไปอ่านรีวิวของคนอื่นๆแล้วมันห้ามใจไม่อยู่จริงๆค่ะ อะไปก็ไป
ขั้นแรกก็โทรจองรถก่อนค่ะ เป็นรถตู้ของบริษัทเปรมประชา สามารถจองล่วงหน้าได้ 3 วัน ราคาตั๋ว 250 บาทค่า
อาเขต 053-304748 / แม่ฮ่องสอน 053-684100 (ได้ข้อมูลมาจากอีกกระทู้นึงในพันทิปอีกที ขอบคุณมากๆค่ะ)
เราเลือกจองเวลา 8.30 เพราะจะได้ไปถึงแม่ฮ่องสอนทันรถสองแถวรอบสามโมงพอดี
พนักงานแจ้งว่าให้มารับตั๋วก่อนเวลารถออกหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นเค้าอาจจะให้ที่คนอื่นไปนะคะ
ปล.เราสามารถเลือกที่นั่งไว้ก่อนได้ถ้าไม่อยากนั่งหลัง
โอเคคคคค ได้ตั๋วละ ออกเดินทางกันดีกว่า
หลังจากอดทนอดกลั้น(อ้วก)มาเป็นเวลาหกชั่วโมง ก็ถึงที่หมายแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปที่ขนส่งไว้ รีบๆมึนๆอยู่
ก็จะมีคุณลุงวิ่งกรูมาถามเราว่าเราจะไปไหน ก็บอกเค้าไปว่า ไปตลาดสายหยุดค่ะ คือคนแถวนั้นเค้าก็เข้าใจว่าเป็นตลาดนั้นแหละ
บอกเค้าว่าส่งตรงรถสองแถวที่จะไปปางอุ๋ง เค้าก็รู้แล้วค่ะ คุณลุงก็จะพาซิ่งขึ้นตุ๊กๆไปเลย คิดราคา 80 บาท สองคน (คิดในใจ ทำไมแพงจังฟระ) ลุงบอก ใครๆก็คิดราคานี้ทั้งนั้นหละหนู
เอ้อออ เราจะบอกว่าอย่าลืมซื้อยาแก้เมารถนะคะ ก่อนรถออกก็กินไปเลย เพราะโค้งเยอะมากๆ อาจจะอ้วกได้ค่ะ
เรานี่นึกว่าจะนั่งทรมานในรถ ที่ไหนได้ พอกินยาเข้าไป หลับค่ะ หลับมาราทอน หลับตลอดทางจนถึงที่เลย5555555555
พอถึงตลาดแล้วก็แวะเติมพลังกันหน่อยค่ะ ของเราข้าวหมูกระเทียมไข่ดาว 35บาท ส่วนน้ำเงี๊ยว 20 บาท ถูกม่ากกก
เราไปถึงประมาณ บ่ายสองครึ่งค่ะ แต่รถที่เราจะไปเป็นรอบบ่ายสามโมงครึ่ง ก็หาไรกินไป นั่งรอ จนถึงเวลาค่ะ พอประมาณบ่ายสาม พี่ที่เราจองเตนท์ไว้เค้าก็โทรมาหา โทรมาแจ้งเราว่า ให้บอกคุณลุงคนขับว่าให้ไปส่งเตนท์พี่ออย คุณลุงก็จะไปส่งถึงที่เลยค่ะ
คุณป้าบอกเราให้ไปนั่งข้างหน้ากับคุณลุงคนขับค่ะ เพราะเค้าจะแวะรับเด็กๆตามโรงเรียนด้วย วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ เด็กเยอะค่ะ
ระหว่างนั่งรถเราก็ชวนคุณลุงคุย ถามนู่นนี่ไปเรื่อย คุณลุงน่ารักมากค่ะ เล่าเรื่องให้ฟังเยอะแยะเลย
คุณลุงแวะจอดรับเด็กนักเรียนค่ะ แล้วบอกให้ลองเดินไปหาไรกิน
เราเดินไปดูที่ร้าน มีบะหมีใส่ถุงไว้แล้วให้เด็กปรุงเครื่องปรุงใส่ถุงกินเอง แปลกดีค่ะ พึ่งเคยเห็น
แฟนเราก็ซื้อน้ำมะนาวมากินแก้วนึงค่ะ น้ำมะนาวที่นี่เป็นสีชมพูเฉยย งงงงง55555 แต่อร่อยดีค่ะ
คุณลุงขับแบบชำนาญทางมาก เราเปิดกระจกชมวิวตลอดทางเลย (แอบบอกไว้ตรงนี้เลยดีกว่า คือเรามัวแต่เอากล้องไปถ่ายรูปไร้สาระ หลังๆกล้องแบตหมดไม่มีที่ชาร์จ รูปภาพบางส่วนอาจหายไป ขอโทษไว้ตรงนี้เลยนะคะ แหะๆ)
ชาวบ้านที่นี่เค้าใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายค่ะ คุณลุงบอกคนแถวนี้หากินง่าย อยู่กันแบบพี่น้อง ระหว่างทางคุณลุงก็จะแวะรับส่งของบ้าง รับของไปส่งบนดอยบ้างตามบ้าน เรานั่งรถผ่านก็เห็นเค้าเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวกันใต้ถุนบ้านเลย น่ารักกก
นั่งรถขึ้นเขากันมาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ ปางอุ๋งงงงง
ก่อนไป เราโทรจองเตนท์สำหรับสองคนไว้ค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 087-6618594
ใครสนใจไปก็โทรสอบถามข้อมูลเรื่องที่พักไว้ก่อนได้เลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากนอนเตนท์ ที่นี่มีบ้านพักให้บริการค่ะ
แต่ต้องจองล่วงหน้านานหน่อยเพราะเต็มเร็วมาก
แท้แด่ นี่เตนท์เราเองงง ที่จริงเราจองเตนท์เล็กไว้ แต่พี่เค้าบอกเคาขี้เกียจกางเตนท์เล็กให้
เลยลดราคาให้เราเหลือ 250 บาท (ราคาเตนท์ใหญ่ 500 บาท)
ตอนแรกพี่เค้ากางไว้ให้เราอยู่กลางๆ แต่เราบอกพี่หนูขอแบบติดน้ำเลยได้มั้ยคะ อะอะ พี่แกยกเตนท์มากางให้ใหม่เลย ฮี่ฮี่
ข้างในเตนท์ก็ดีมาก มีหมอนสี่ใบผ้าห่มสองผืน พับไว้ให้เรียบร้อย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในราคา 250 บาท
ไปถึงก็เจอหงส์เลย ตอนแรกนึกว่าห่าน55555
ที่จริงมีสีดำอีกหนึ่งตัว สีขาวก็มี แต่เราเห็นตอนมืดแล้วถ่ายรูปไว้ไม่ทันน
ไอเจ้าสองตัวนี้นี่อยู่หน้าเตนท์ตลอด รอคนมาให้อาหาร
ถ่ายรูปรัวๆ อากาศดีมากกกกกกก พี่เจ้าของเตนท์เค้าบอกว่าอากาศประมาณ 16 องศา
เราว่าอากาศเย็นกำลังดีเลย ไม่หนาวเกินไป ตอนแรกกลัวหนาวมากแล้วเราไม่ชอบอากาศหนาวจัดๆ
เตรียมเสื้อไปอย่างหนา ผ้าห่มอีกสองผืน เป็นคนบ้า สุดท้ายไม่ได้ใส่5555555
เห็นคนที่มาที่นี่ชอบถ่ายกัน ไม่รู้ถ่ายทำไม แต่อยากถ่ายบ้าง5555
ไม่ค่อยได้ถ่ายวิวเลยค่ะ มีคนมาขวางตลอด55555555555
เราว่าช่วงนี้กำลังดีเลยค่ะ คนหลวมๆ อากาศไม่หนาวมาก ไม่ต้องแย่งกันเที่ยว
ใครอยากไปเที่ยวแบบสงบๆ ขอแนะนำให้ไปช่วงนี้เลยค่ะ ต้นพฤศจิกายน
ที่นี่เค้ามีแพให้นั่งชมวิวกันด้วยนะคะ 150 บาท นั่งได้สองคน จะมีคนพายให้คนนึง น่าจะนั่งได้ประมาณ 1 ชั่วโมง
เก็บของเสร็จ ถ่ายรูปทำธุระเสร็จก็หิวละคะ อากาศแบบนี้ สั่งหมูกระทะมากินเลย หมูกระทะที่นี่ชุดละ 300 บาท เราสั่งหมูเพิ่มถุงนึง 80 บาท เห็ดเข็มทอง 20 บาท น้ำจิ้ม 20 บาท สองคนกินกันจนจุกเลยค่ะ แต่ขอบอกเลยว่าหมูอร่อยสุดๆ เป็นหมูสามชั้นทั้งหมดเลย
ที่นี่เค้าจะตัดไฟหลังสี่ทุ่มนะคะ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องเช่าตะเกียง ราคา 100 บาท อยู่ได้ทั้งคืนเลย หรือจะเอามาเองก็ได้ แล้วที่นี่ก็ไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบด้วย ถ้าอยากชารจ์แบตก็ต้องไปขอชาร์จที่ร้านค้าค่ะ ป้าเค้าก็จะคิดราคาต่างกันไปตามของที่ฝากชาร์จ แต่เราไม่ได้ชาร์จเลยไม่รู้อะไรเท่าไหร่
มีหมูกระทะแล้วก็ต้องมีเบียร์ค่ะ ที่นี่ราคาของแทบจะไม่ชาร์จเลย เบียร์ไฮเนเกนขวดละ 80 บาท สิงห์ 55 บาท จัดมาเลยค่ะอย่างละสองขวดน้ำเปล่าขวดใหญ่ 20 บาท น้ำแข็งถุงนึง 20 บาท
พอดีกๆที่นี่จะมืดสนิทเลยค่ะ มีแต่แสงไฟตะเกียงนิดหน่อยจากเตนท์เราและเตนท์ข้างๆ แต่ขอบอกไว้เลยนะคะว่าไม่ใช่ว่ากางเตนท์จิบเบียร์กินหมูกระทะแลวจะเสียงดังโวยวายได้ ถึงคนจะไม่เยอะเราก็ควรจะมีมารยาท อยู่ในที่ของตัวเองไม่รบกวนคนอื่น
ส่วนเรื่องห้องน้ำ เราว่าห้องน้ำไกลไปหน่อยจากจุดที่กางเตนท์ ปวดฉี่ทีนี่ลุกไปแทบไม่ทัน
สภาพห้องน้ำก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่มาก ไม่ได้สกปรกอะไรเท่าไหร่ เป็นอย่างเดียวในทริปที่รู้สึกว่าไม่ปลื้ม
เดินออกไปจากเตนท์อีกนิดจะมีสะพานยืนออกไปในน้ำ เราก็ไปนอนดูดาวตรงนั้นเลยค่ะ ฟ้าเปิด ดาวเยอะและสวยมากๆ แต่ด้วยความกาก และไม่เคยถ่ายดาวมาก่อน การถ่ายดาวครั้งแรกของเราก็ออกมาง่อยๆเบลอๆแบบนี้ค่ะ555555 เศร้า
(ถามเลยแล้วกัน ใครใช้กล้องฟูจิแล้วมีความรู้เรื่องนี้รบกวนตอบเราทีค่ะ เราพยายามปรับตั้งค่า focus ให้เป็น infinity แต่ไม่รู้ว่าต้องปรับตรงไหน ใครรู้ช่วยชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณเป็นอย่างสูงง ;_____; )
ดูดาวเสร็จก็กลับเข้าไปนอนพักผ่อนกัน ตื่นมาตีห้าครึ่งมาดูพระอาทิตย์ค่ะ
อากาศตอนเช้าแบบนี้ก็ต้องกินมาม่า + ไข่ต้มที่คุณแม่แฟนต้มไว้ให้ ฟินกันต้อนรับพระอาทิตย์ขึ้นเลย
ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จก็ต้องเตรียมเก็บของกลับกันละค่ะ ฮืออออ ไม่อยากกลับเลย
ตอนกลับก็จะมีรถเหลืองมารับอีกเหมือนเดิมค่ะ จะมีสองรอบ เวลา ตี5.30 กับ 11.00
ช่วงระหว่างรอรถกลับก็เริ่มหิวแล้วค่ะ เราสามารถเดินจากตรงที่พัก ไปส่วนของหมูบ้านของคนพื้นเมืองได้เดินไปไม่ไกลมากก็ถึงค่ะ กินข้าวกันคนละจาน อาหารจานเดียวที่นี่ก็ไม่แพงอีกเช่นกันค่ะ จานละ 40 บาทเท่านั้น
หลังจากนั้นเราก็โทรไปจองตั๋วรถค่ะ ตอนแรกโทรไปจะจองรถกลับเชียงใหม่รอบบ่ายโมง แต่พนักงานบอกให้ไปเอาตั๋วก่อนเที่ยง ซึ่งรถเหลืองจะมารับตอน 11โมง ซึ่งเราว่าน่าจะไม่ทัน พอรถมา เราถามคุณลุงว่าจะไปทันเที่ยงมั้ย คุณลุงบอกให้โทรไปบอกว่ากลับกับลุงเทียม พอเราโทรไปปุ๊บ ปรากฎว่าเค้าจองที่ให้เราจริงๆค่ะ สุดท้าย เราไปถึงที่ขนส่งประมาณ เที่ยงครึ่ง คุณลุงก็ยืนรอ บอกให้เราไปเอาตั๋วก่อน พอเราได้ตั๋วมาคุณลุงก็รอส่งเราขึ้นรถ ถึงค่อยกลับ คือประทับใจมาก แกน่ารักมากจริงๆ
ใครสนใจจะไปปางอุ๋งก็ติดต่อคุณลุงได้เลยนะคะ ค่ารถจากตลาด-ปางอุ๋งเที่ยวละ 80 บาท
งั้นเราก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ (ทางการทำไม)
ไว้ถ้ามีโอกาส ทริปหน้าถ้าไม่ขี้เกียจ จะเอาประสบการณ์ดีๆมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
ไม่รู้จะจบยังไง ลาเลยแล้วกันค่ะ สวัสดีค่าาาา
อ้ออ ลืมบอก ทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไปคนละประมาณ 1,600 บาทค่ะ รวมทุกอย่างแล้ว ค่ารถค่ากินค่าเข้าเซเว่นนู่นนี่
กล้องที่ใช้ Fuji x-m1 + kit , apsc 35mm f1.6
ถ้ามีอะไรสงสัยอยากถามเรื่องการวางแผนการเดินทางอะไรยังไง ถามมาได้เลยค่ะ ถ้าตอบได้เรายินดีตอบ
หรือจะอินบ็อกมาในเฟสบุคก็ได้ค่ะ
https://www.facebook.com/thitirutt (เฟสเต็มแล้วรับเพื่อนไม่ได้แล้วค่า)
ลาไปด้วยรูปคู่555555555 จะโดนด่ามั้ย
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ บ๊ายบายยย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น