คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
คุณจขกท. ลองคิดในมุมนายจ้างดูสิครับ อะไรที่เป็นต้นทุนของนายจ้างที่คุณมองข้ามไปบ้าง? คุณบอกว่า นายจ้างไม่ต้องลงทุนอะไร คุณมองข้ามอะไรไปหรือเปล่าครับ? ในการลงทุนทำอะไรซักอย่างมันมีต้นทุนแฝงทั้งนั้นนะครับ เช่น ค่าจ้าง, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบริษัท, ค่าเช่าออฟฟิต เป็นต้น พวกนี้เป็นต้นทุนทั้งนั้นครับ หรือ แม้กระทั่ง ค่ากระดาษ ค่าส่งเอกสาร ค่าแม่บ้าน ค่าไปรษณีย์ และ อีกสารพัด ครับ
คุณมองว่า บริษัทได้กำไร 400000 บาทต่อเดือน หักค่าใช้จ่ายแล้วด้วยเนี่ย หักหมดแล้วยังหรือครับ? ถ้าหักหมดแล้ว ลองคิดไปต่อครับว่า ทำไมบริษัทต้องจ่ายโบนัสพนักงาน? คุณอยากรักษาพนักงานให้ทำอยู่กับบริษัทต่อไปใช่ไหมครับ แล้วมันจะทำไงให้ทุกคนรู้สึกว่า มันแฟร์ล่ะ?
โบนัส นี่ไม่มีทางแฟร์ สำหรับทุกคนครับ พนักงานอยากได้เยอะ ๆ นายจ้างอยากจ่ายน้อย ๆ ทั้งนั้นแหละครับ สิ่งที่คุณทำได้ คือ แจกแจงรายได้ รายจ่ายทั้งหมดของบริษัท (ขอจากบัญชีครับ) หรือ ไม่ก็ไปเอางบการเงินของบริษัทตัวเองมานั่งดูครับ จะเห็นว่า ปี ๆ นึง บริษัท จ่ายอะไรไปบ้าง และ เท่าไหร่บ้าง
หลังจากนั้น คุณก็ต้องคิดครับว่า คุณจะเอาอะไรวัดว่า แต่ละคนควรได้โบนัสอย่างไร จะตั้ง KPI ในแบบ คุณภาพ หรือ ปริมาณ มาวัดผลแต่ละแผนกอย่างไรดี แล้วก็ลองสมมุติตัวเลขครับ ว่า ถ้าหากว่า พนักงานแต่ละคนได้รับโบนัสเท่านั้นเท่านี้ โดยมีเหตุผลการคิดแบบนี้ บริษัท จะต้องจ่ายเท่าไหร่ ผลกำไรที่นายจ้างเคยได้ ลดลงกี่ % แถมด้วย อัตราการการเพิ่มเงินเดือนของพนักงานแต่ละคนเป็นอย่างไร ใช้เหตุผลอะไรวัด?
พอคุณคิดได้หมดนั่น ก็เอาไปเสนอเจ้าของครับ ผมเชื่อว่า นายจ้างที่มีเหตุผลพอ จะฟังสิ่งที่คุณคิดและนำเสนอไปครับ แต่ คุณต้องนำเสนอ เหตุ และ ผล ที่จะต้องทำให้นายจ้างเสียเงินครับ ถ้าเหตุผลฟังขึ้น ผมว่าเขาจ่ายครับ และ แน่นอน ถ้าหากมันฟังไม่ขึ้น และ ดูไม่สมเหตุสมผล ใครก็ไม่จ่ายครับ
ผมเคยเจอพนักงานช่างมาขอให้ไปคุยกับ MD เรื่อง ขอขึ้นค่าน้ำมันรถ ผมยังต้องมานั่งขอข้อมูลการทำงานของทั้งแผนกนี้ย้อนหลังไปทั้งปี ว่าเขาทำงานกันยังไง งานเยอะขึ้นจริงมั้ย? งานที่ทำมีประสิทธิภาพแค่ไหน? ถ้างานเพิ่มจริง ผมก็จะไปคุยกับ MD ให้ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นว่า งานลดลง แต่ทีมนี้วิ่งงานเยอะขึ้นเพราะ แต่ละงาน ไม่ได้วิ่งครั้งเดียว ผมเองก็ไม่สามารถขออะไรเพิ่มให้พวกเขาครับ สุดท้ายได้แต่บอกให้หัวหน้าทีมนี้ไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกทีมก่อน แล้วค่อยมาขอเพิ่มเงินค่าน้ำมันรถ น่ะนะครับ
ลองดูครับ เอาแค่ ดูรายรับ รายจ่าย ต้นทุน เงินที่ต้องจ่ายเพิ่มให้พนักงาน เงินที่นายจ้างจะได้น้อยลง แล้วก็หาเงื่อนไขที่จะมาวัด ไม่ต้องไปถึงขั้น คอมพีเทนซี่ ครับ เอาแค่ KPI ก็พอ แล้วก็ประเมินเอา เท่านี้ก็ได้คำตอบแล้วล่ะครับ
คุณมองว่า บริษัทได้กำไร 400000 บาทต่อเดือน หักค่าใช้จ่ายแล้วด้วยเนี่ย หักหมดแล้วยังหรือครับ? ถ้าหักหมดแล้ว ลองคิดไปต่อครับว่า ทำไมบริษัทต้องจ่ายโบนัสพนักงาน? คุณอยากรักษาพนักงานให้ทำอยู่กับบริษัทต่อไปใช่ไหมครับ แล้วมันจะทำไงให้ทุกคนรู้สึกว่า มันแฟร์ล่ะ?
โบนัส นี่ไม่มีทางแฟร์ สำหรับทุกคนครับ พนักงานอยากได้เยอะ ๆ นายจ้างอยากจ่ายน้อย ๆ ทั้งนั้นแหละครับ สิ่งที่คุณทำได้ คือ แจกแจงรายได้ รายจ่ายทั้งหมดของบริษัท (ขอจากบัญชีครับ) หรือ ไม่ก็ไปเอางบการเงินของบริษัทตัวเองมานั่งดูครับ จะเห็นว่า ปี ๆ นึง บริษัท จ่ายอะไรไปบ้าง และ เท่าไหร่บ้าง
หลังจากนั้น คุณก็ต้องคิดครับว่า คุณจะเอาอะไรวัดว่า แต่ละคนควรได้โบนัสอย่างไร จะตั้ง KPI ในแบบ คุณภาพ หรือ ปริมาณ มาวัดผลแต่ละแผนกอย่างไรดี แล้วก็ลองสมมุติตัวเลขครับ ว่า ถ้าหากว่า พนักงานแต่ละคนได้รับโบนัสเท่านั้นเท่านี้ โดยมีเหตุผลการคิดแบบนี้ บริษัท จะต้องจ่ายเท่าไหร่ ผลกำไรที่นายจ้างเคยได้ ลดลงกี่ % แถมด้วย อัตราการการเพิ่มเงินเดือนของพนักงานแต่ละคนเป็นอย่างไร ใช้เหตุผลอะไรวัด?
พอคุณคิดได้หมดนั่น ก็เอาไปเสนอเจ้าของครับ ผมเชื่อว่า นายจ้างที่มีเหตุผลพอ จะฟังสิ่งที่คุณคิดและนำเสนอไปครับ แต่ คุณต้องนำเสนอ เหตุ และ ผล ที่จะต้องทำให้นายจ้างเสียเงินครับ ถ้าเหตุผลฟังขึ้น ผมว่าเขาจ่ายครับ และ แน่นอน ถ้าหากมันฟังไม่ขึ้น และ ดูไม่สมเหตุสมผล ใครก็ไม่จ่ายครับ
ผมเคยเจอพนักงานช่างมาขอให้ไปคุยกับ MD เรื่อง ขอขึ้นค่าน้ำมันรถ ผมยังต้องมานั่งขอข้อมูลการทำงานของทั้งแผนกนี้ย้อนหลังไปทั้งปี ว่าเขาทำงานกันยังไง งานเยอะขึ้นจริงมั้ย? งานที่ทำมีประสิทธิภาพแค่ไหน? ถ้างานเพิ่มจริง ผมก็จะไปคุยกับ MD ให้ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นว่า งานลดลง แต่ทีมนี้วิ่งงานเยอะขึ้นเพราะ แต่ละงาน ไม่ได้วิ่งครั้งเดียว ผมเองก็ไม่สามารถขออะไรเพิ่มให้พวกเขาครับ สุดท้ายได้แต่บอกให้หัวหน้าทีมนี้ไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกทีมก่อน แล้วค่อยมาขอเพิ่มเงินค่าน้ำมันรถ น่ะนะครับ
ลองดูครับ เอาแค่ ดูรายรับ รายจ่าย ต้นทุน เงินที่ต้องจ่ายเพิ่มให้พนักงาน เงินที่นายจ้างจะได้น้อยลง แล้วก็หาเงื่อนไขที่จะมาวัด ไม่ต้องไปถึงขั้น คอมพีเทนซี่ ครับ เอาแค่ KPI ก็พอ แล้วก็ประเมินเอา เท่านี้ก็ได้คำตอบแล้วล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามเรื่อง เกี่ยวกับโบนัสพนักงานกันหน่อยได้ไหมครับ
สมมุติว่ามีบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่ต้องง้อพนักงาน เพราะ พนักงานจะเป็นคนทำเงินเข้าบริษัท และ
กำไรต่อเดือนหักค่าใช้จ่ายแล้ว ประมาณ 400,000 บาท ต่อเดือน
สมมุติว่าตามหลักแล้ว
นาย A ได้เงินเดือน 1 แสน แต่ทำเงินให้บริษัทเดือนละ 200,000 บาท ทำมาแล้ว 4 ปี
นาย A1 ได้เงินเดือน 20,000 บาท ทำรายได้ให้บริษัทเดือนละ 50,000 บาท
นาย B เป็นพนักงานประจำเงินเดือน 15,000 บาท ทำมาแล้ว 1 ปี
นาย C เป็นพนักงาน Part time ทำมาแล้ว 2 ปี (แต่ทำเฉพาะเสาร์อาทิตย์)
นาย D เป็นพนักงาน Part time มาทำเฉพาะตอนที่เรียก
พนักงานบริษัทนี้จะมีแค่ 5 คน ไม่รวมเจ้าของ
คือโบนัสควรจะให้เท่าไร ให้ยังไง คำนวณแบบไหน ถึงจะยุติธรรมสำหรับทุกคนมากที่สุดครับ
ซึ่งกำลังจะเรียกเจ้าของมาคุย เพราะ เวลาเขาตั้งเป้า พอทำทะลุบอกจะพาไปต่างประเทศ พูดแบบนี้มา 3 รอบ แล้ว ก็ยังไม่มีใครได้ไปซักที