สเน่ห์ที่ค่อยๆถูกทิ้งให้ลางเลือนในเจมส์ บอนด์ ฉบับแดเนียล เคร็ก แล้วมุ่งไปสู่ความจริงจัง เข้ม แรง dark
มันก็ได้ผล ดึงคนดูได้ระยะนึง 4 ภาคแล้ว แต่แนวนี้ มันพบได้ทั่วไปในหนังแอคชั่น ไม่นานคนก็จะเบื่อ
การที่ 007 มีมาถึง 20 กว่าภาค ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค เพราะมีสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังดี ไม่ใช่หนังกล่อง
แต่ 007 ต้องเป็น 007 ในแบบที่รักษาตัวตนมา 20 กว่าภาค
โม้
ผู้ชายในฝัน
ฉากสวยๆ หรูๆ
อารมณ์ขันเพียบ
พระเอกหล่อ
นางเอกสวย
ฉากจบกับสาวๆ
อุปกรณ์ตัวช่วยเยอะ
พระเอกฉลาด
ฯลฯ
ผมถือว่า เจมส์ บอนด์ ฉบับแดเนียล เคร็ก 4 ตอน เป็นฉบับคั่นเวลา แก้เบื่อ ไม่ใช่ เจมส์ บอนด์ ที่สานต่อ สเน่ห์ของเจมส์ บอนด์ ในหลายทศวรรษ
บางทีคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งดูไม่ถึง 10 ตอน อ่านแล้วคงไม่เข้าใจ
ผู้ชายในฝันของผู้ชาย=ฟันสาวทุกคนที่เจอ แต่งตัวดี ใช้ของหรู เงินไม่อั้น อารมณ์ขันเพียบ ยิงฟันไม่เคยโดน เก่งทุกเรื่อง=007
มันก็ได้ผล ดึงคนดูได้ระยะนึง 4 ภาคแล้ว แต่แนวนี้ มันพบได้ทั่วไปในหนังแอคชั่น ไม่นานคนก็จะเบื่อ
การที่ 007 มีมาถึง 20 กว่าภาค ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค เพราะมีสเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังดี ไม่ใช่หนังกล่อง
แต่ 007 ต้องเป็น 007 ในแบบที่รักษาตัวตนมา 20 กว่าภาค
โม้
ผู้ชายในฝัน
ฉากสวยๆ หรูๆ
อารมณ์ขันเพียบ
พระเอกหล่อ
นางเอกสวย
ฉากจบกับสาวๆ
อุปกรณ์ตัวช่วยเยอะ
พระเอกฉลาด
ฯลฯ
ผมถือว่า เจมส์ บอนด์ ฉบับแดเนียล เคร็ก 4 ตอน เป็นฉบับคั่นเวลา แก้เบื่อ ไม่ใช่ เจมส์ บอนด์ ที่สานต่อ สเน่ห์ของเจมส์ บอนด์ ในหลายทศวรรษ
บางทีคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งดูไม่ถึง 10 ตอน อ่านแล้วคงไม่เข้าใจ