The Lobster : โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์
1. คนโสด
เรื่องราวของ “คนโสด” ที่เลี่ยงกฎการโสดไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าหน้าไหน หรือใครก็ตาม ที่ตกเป็นบุคคลโสด ไม่ว่าจะเป็น โสดผัวทิ้ง, โสดเมียตาย หรือโสดเพราะอีกฝ่ายหายไปมีชู้ ซึ่งเมื่อไหร่ที่ไร้คู่ และมีชีวิตอยู่ลำพัง บุคคลนั้นจะถูกตีตราว่า “โสด” ทันที โดยสังคมยึดมั่นในหลักการที่ว่า “บุคคลใดโสด บุคคลนั้นย่อมไม่มีซึ่งความรัก และบุคคลใดที่ไม่มี ‘รัก’ ต้องพยายามหา ‘คู่’ ให้ได้ภายใน 45 วัน ถ้าไม่อยากกลายเป็นสัตว์ที่ตนเองเลือก”
2. ล็อบสเตอร์
Lobster : กุ้งล็อบสเตอร์ เป็นสัตว์ที่ตัวละครเอกเลือกเอาไว้ ถ้าหากตัวเองไม่สามารถหาคู่รักได้ทันเวลาที่กำหนด โดยพระเอกอธิบายเหตุผลว่าล็อบสเตอร์เป็นสัตว์ที่คล้ายตัวเขาเอง
(มีคำกล่าวที่พระเอกอธิบายอัตลักษณ์ของล็อบสเตอร์เอาไว้ในเรื่อง ซึ่งอยากให้ลองตั้งใจฟังประโยคนี้กันดูค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการสปอย) อย่างมีนัยยะเสียดสีว่า ... การบริหารจัดการ
“ความรัก” ด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ได้ผล และไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะพี่ชายของเขาก็ประสบกับความล้มเหลวมาแล้วเช่นกัน ...
3. ชื่อตัวละคร
แทบไม่ได้ยินการเรียกชื่อของตัวละครเลย แถมเรียกเป็นชื่อห้องแทนด้วยซ้ำ
(ยกตัวอย่างเช่น อยู่ห้อง 101 จะถูกเรียกว่า “ห้องเลขที่ 101” แทนชื่อจริงๆ) จะว่าไปแล้วได้ยินเพียงชื่อเดียว คือ
“จอห์น” ซึ่งนั่นจะเป็นชื่อใครนั้น อยากให้เข้าไปรับชมกันดูค่ะ
4. “โดดเดี่ยว” หรือ “คู่เคียง”
ความต่างตามบริบทของสังคมในหนังเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า
“ความรัก” มิอาจกำหนดได้ด้วยกฎระเบียบ ความรักก่อเกิดได้เอง ในบางครั้งเรารู้ตัว และบางครั้งก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ความรักทำให้เราทำลาย ความรักทำให้เรายอมเสียสละ ความรักทำให้เราเสแสร้ง และความรักที่มีมากล้นก็ไม่อาจปิดบังไว้ได้เลย มีแต่ความรักที่มีคุณธรรมเท่านั้นที่จะไม่เข่นฆ่าใคร ...
5. ยาหม่อง (ขี้ผึ้ง) - สัญลักษณ์
เข้าใจคนปวดหลังยิ่งนัก จะนวดหลังเองก็ไม่ได้ เอาหลังไปถูกฝาบ้านก็ยังไม่หายอยู่ดี อย่าเพิ่งงง ... ว่ามาบ่นเรื่องเคล็ดขัดยอกอะไรกันในนี้! ฟังก่อนนะที่รัก ในหนังเรื่อง Lobster ใช้ "ยาหม่อง(ขี้ผึ้ง)" นี่แหละ เป็นสัญลักษณ์ เพราะพระเอกก็คงไม่ต่างจากกุ้งล็อบสเตอร์จริงๆ ที่ถึงแม้จะมีกร้ามใหญ่แค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมไปแตะหลังตัวเองได้อยู่ดี ... และถึงแม้พระเอกจะยืนหยัดในความรักในแบบของกุ้งมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าพระเอกก็ดิ้นรนเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นล็อบสเตอร์ เพราะล็อบสเตอร์เลือดสีน้ำเงิน สง่า และสวยงาม ก็มิอาจใช้กร้ามแตะเปลือกหลังของตัวเองได้
ุ6. การดำเนินเรื่องและการเล่าเรื่อง
หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพได้ดี มีนัยยะการเสียดสีสังคม และตลกร้าย โดยเฉพาะฉากการบ่มเพาะให้เห็นโทษแห่งความโสด-โดดเดี่ยว ที่จะเรียกว่าเป็นทฤษฎีก็ไม่ใช่ หลักการก็ไม่เชิง แต่ดูให้ตายยังไง... ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือส่ายหัวดี
ยิ่งฉากสะโพกตะบี้ตะบันข้าวหลามด้วยแล้ว ทำให้ถึงกับต้องร้อง โอ๊ยยย! จริงๆ
ในส่วนของฉากรักก็โรแมนติคได้แปลกแหวกแนวทีเดียว เช่น การจีบ การฆ่าบางสิ่งเพื่อมอบให้เป็นของขวัญสุดประทับใจ หรือจะเป็น ความหึงหวง ด้วยการไปแหกตาชาวบ้าน
(แหกตา = ง้างเปลือกตา) โดยส่วนตัวประทับใจเรื่องการสื่อสารของตัวละครมาก เพราะในเรื่องตัวละครสื่อสารกัน บอกรักกัน แสดงความต้องการทางเซ็กส์กัน ด้วย
“ภาษา” ที่รู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น โดยภาษาของพวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบท ถึงแม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทุพพลภาพ ภาษานั้นจะยังคงใช้ได้เสมอหากความรักยังคงดำรงอยู่
* (ความรัก = หลักการ, การสื่อสารรูปแบบต่างๆ = วิธีการ : ภาษา = หลักการ + วิธีการ)
จากที่กล่าวมาสะท้อนได้อย่างแท้จริงว่า “ความรัก” ไม่ว่าจะใช้ภาษาใด หรือสื่อสารด้วยวิธีใดก็ตาม สุดท้ายแล้วความรักก็ยังคงจะเป็นความรักอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ...
ซึ่งหากมาใช้กับชีวิตจริง หลายคนพร่ำบ่นถึงช่องว่างที่ทำให้ต้องเลิกรากับคนรักว่า ... เพราะเราไม่เหมือนกัน, เราพูดคนละภาษากัน, เราแตกต่างกัน, เราไม่เข้าใจกัน, เราไม่ดี เขาไม่ใช่ นมไม่ใหญ่ จมูกไม่โด่ง หรือจะอะไรก็ตามแต่
เราต้องเลิกกันไม่ใช่เพราะเราต่างกัน ... แต่เราเลิกกันเพราะเราไม่ได้รักกันต่างหาก
อย่าโทษเค้า ...ว่าทำไมไม่รักเรา แต่ก็อย่าโทษตัวเรา ... ว่าทำไมไม่รักเค้า
จงหันกลับมาครุ่นคิดดีกว่าว่า เรารักกันมากพอหรือยัง? ถ้ามั่นใจว่าพอ ...
ก็เดินข้างกัน อย่าเดินเร็วหรือช้าจนเขากะจังหวะไม่ทัน
"Sense Rhyme"
The Lobster (โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์) : “ฉันรักคุณ” ที่เปลือกหนาและมีเนื้อนิดเดียว
สิ่งที่เห็น ... ว่ารัก ก็อาจไม่ใช่รัก
สิ่งที่เห็น ... ว่าไม่รัก อาจใช่รักก็เป็นได้
โดดเดี่ยวมิอาจสะกัดกลั้นรักได้ ขณะที่รักก็ไม่ใช่ความเป็นคู่เสมอไป
“กุ้งเปลือกหนา ... แกะออกมามีเนื้อเพียงน้อยนิด นั่นแหละ คือ ความรัก”
กว่าจะกระเทาะ ปลดเปลื้อง และเสาะหาได้ แสนยากลำบาก
แต่เมื่อได้มา ... เนื้อเพียงน้อยนิดนั้น กลับหอมหวานในสัมผัสนึกคิดยาวนานตลอดกาล
ความรัก ทำให้หลายคนยอมทำลายตนเองได้แค่ไหน และจะยอมทำลายผู้อื่นเพื่อความรักของตนเองไปทำไม?
ในเมื่อแก่นของ “ความรัก” ไม่เคยต้องการอะไรเลย และไม่เคยแม้แต่เรียกร้องด้วยซ้ำ
เมื่อไหร่ที่มีการ “ทำลาย” เมื่อนั้นไม่ใช่ 'รัก' แน่นอน
ทว่า ... ในความจริง ความฝัน และความตาย
ถึงแม้จะสั่น ... ขณะที่ใช้มือตัวเองกลบดินลงบนใบหน้า
ถึงแม้จะมืด ... ขณะเอามีดแทงตาตัวเอง
เพราะถ้าคุณบอด ฉันเองก็จะบอด แต่ฉันจะเลือกใช้ส้อมแทนมีด ...
ขณะที่คุณก็รู้ดีว่าฉันโกหก และฉันก็รู้ดีว่าคุณเป็นเท็จ
ไม่ว่ายังไง ...“ฉันก็รักคุณเช่นเดิม”
และเมื่อฉันพร้อมตายแทนคุณได้
ขอคุณโปรดอย่าโป้ปดว่ารักกันอีกเลย
[Sense Rhyme] "The Lobster (โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์)" ฉันรักคุณ ... ที่เปลือกหนาและมีเนื้อนิดเดียว
ผมนี่รูดซิบกางเกงขึ้นเลยครับ
1. คนโสด
เรื่องราวของ “คนโสด” ที่เลี่ยงกฎการโสดไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าหน้าไหน หรือใครก็ตาม ที่ตกเป็นบุคคลโสด ไม่ว่าจะเป็น โสดผัวทิ้ง, โสดเมียตาย หรือโสดเพราะอีกฝ่ายหายไปมีชู้ ซึ่งเมื่อไหร่ที่ไร้คู่ และมีชีวิตอยู่ลำพัง บุคคลนั้นจะถูกตีตราว่า “โสด” ทันที โดยสังคมยึดมั่นในหลักการที่ว่า “บุคคลใดโสด บุคคลนั้นย่อมไม่มีซึ่งความรัก และบุคคลใดที่ไม่มี ‘รัก’ ต้องพยายามหา ‘คู่’ ให้ได้ภายใน 45 วัน ถ้าไม่อยากกลายเป็นสัตว์ที่ตนเองเลือก”
2. ล็อบสเตอร์
Lobster : กุ้งล็อบสเตอร์ เป็นสัตว์ที่ตัวละครเอกเลือกเอาไว้ ถ้าหากตัวเองไม่สามารถหาคู่รักได้ทันเวลาที่กำหนด โดยพระเอกอธิบายเหตุผลว่าล็อบสเตอร์เป็นสัตว์ที่คล้ายตัวเขาเอง (มีคำกล่าวที่พระเอกอธิบายอัตลักษณ์ของล็อบสเตอร์เอาไว้ในเรื่อง ซึ่งอยากให้ลองตั้งใจฟังประโยคนี้กันดูค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการสปอย) อย่างมีนัยยะเสียดสีว่า ... การบริหารจัดการ “ความรัก” ด้วยวิธีเช่นนี้ไม่ได้ผล และไม่มีประโยชน์อันใดเลย เพราะพี่ชายของเขาก็ประสบกับความล้มเหลวมาแล้วเช่นกัน ...
3. ชื่อตัวละคร
แทบไม่ได้ยินการเรียกชื่อของตัวละครเลย แถมเรียกเป็นชื่อห้องแทนด้วยซ้ำ (ยกตัวอย่างเช่น อยู่ห้อง 101 จะถูกเรียกว่า “ห้องเลขที่ 101” แทนชื่อจริงๆ) จะว่าไปแล้วได้ยินเพียงชื่อเดียว คือ “จอห์น” ซึ่งนั่นจะเป็นชื่อใครนั้น อยากให้เข้าไปรับชมกันดูค่ะ
4. “โดดเดี่ยว” หรือ “คู่เคียง”
ความต่างตามบริบทของสังคมในหนังเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า “ความรัก” มิอาจกำหนดได้ด้วยกฎระเบียบ ความรักก่อเกิดได้เอง ในบางครั้งเรารู้ตัว และบางครั้งก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ความรักทำให้เราทำลาย ความรักทำให้เรายอมเสียสละ ความรักทำให้เราเสแสร้ง และความรักที่มีมากล้นก็ไม่อาจปิดบังไว้ได้เลย มีแต่ความรักที่มีคุณธรรมเท่านั้นที่จะไม่เข่นฆ่าใคร ...
5. ยาหม่อง (ขี้ผึ้ง) - สัญลักษณ์
ุ6. การดำเนินเรื่องและการเล่าเรื่อง
ในส่วนของฉากรักก็โรแมนติคได้แปลกแหวกแนวทีเดียว เช่น การจีบ การฆ่าบางสิ่งเพื่อมอบให้เป็นของขวัญสุดประทับใจ หรือจะเป็น ความหึงหวง ด้วยการไปแหกตาชาวบ้าน (แหกตา = ง้างเปลือกตา) โดยส่วนตัวประทับใจเรื่องการสื่อสารของตัวละครมาก เพราะในเรื่องตัวละครสื่อสารกัน บอกรักกัน แสดงความต้องการทางเซ็กส์กัน ด้วย “ภาษา” ที่รู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น โดยภาษาของพวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบท ถึงแม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทุพพลภาพ ภาษานั้นจะยังคงใช้ได้เสมอหากความรักยังคงดำรงอยู่
อย่าโทษเค้า ...ว่าทำไมไม่รักเรา แต่ก็อย่าโทษตัวเรา ... ว่าทำไมไม่รักเค้า
จงหันกลับมาครุ่นคิดดีกว่าว่า เรารักกันมากพอหรือยัง? ถ้ามั่นใจว่าพอ ...
ก็เดินข้างกัน อย่าเดินเร็วหรือช้าจนเขากะจังหวะไม่ทัน
สิ่งที่เห็น ... ว่าไม่รัก อาจใช่รักก็เป็นได้
โดดเดี่ยวมิอาจสะกัดกลั้นรักได้ ขณะที่รักก็ไม่ใช่ความเป็นคู่เสมอไป
กว่าจะกระเทาะ ปลดเปลื้อง และเสาะหาได้ แสนยากลำบาก
แต่เมื่อได้มา ... เนื้อเพียงน้อยนิดนั้น กลับหอมหวานในสัมผัสนึกคิดยาวนานตลอดกาล
ความรัก ทำให้หลายคนยอมทำลายตนเองได้แค่ไหน และจะยอมทำลายผู้อื่นเพื่อความรักของตนเองไปทำไม?
ในเมื่อแก่นของ “ความรัก” ไม่เคยต้องการอะไรเลย และไม่เคยแม้แต่เรียกร้องด้วยซ้ำ
เมื่อไหร่ที่มีการ “ทำลาย” เมื่อนั้นไม่ใช่ 'รัก' แน่นอน
“ทุก Lobster ทุกกุลาดำ ทุกกร้ามกราม และทุกสรรพสิ่ง ... ล้วนมีรักได้แม้โดดเดี่ยว”
ถึงแม้จะสั่น ... ขณะที่ใช้มือตัวเองกลบดินลงบนใบหน้า
ถึงแม้จะมืด ... ขณะเอามีดแทงตาตัวเอง
ขณะที่คุณก็รู้ดีว่าฉันโกหก และฉันก็รู้ดีว่าคุณเป็นเท็จ
ไม่ว่ายังไง ...“ฉันก็รักคุณเช่นเดิม”
และเมื่อฉันพร้อมตายแทนคุณได้
ขอคุณโปรดอย่าโป้ปดว่ารักกันอีกเลย
แรงขับจาก : ภาพยนตร์ The Lobster (โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์)
เขียนเสร็จ ณ วันเวลา : 7/11/2015 , 4.47 AM
ขอบคุณเพื่อนสำหรับตั๋วหนังดีๆ
และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและรับชมค่ะ
edit : เพิ่มเติมข้อความค่ะ