เรียน ป.โท และทำงานไปด้วยมันจะไหวไม่ครับ

1. ถ้าออกมาเรียนโทมันจะดีกว่าไม่ครับ 2 ปีก็จบแหละ ในระหว่าง 2 ปีก็หางานเสริมทำ

2. หรือถ้าทำงาน แล้วต้องเรียนแบบ part time อังคาร พฤหัสหลังเลิกงาน 6.00 และอาทิตย์เรียนเต็มวัน

แบบไหนจะ work กว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ยังไงบ้างครับ ใจหนึ่งผมก็คิดอยากออกมาทดลองทำธุรกิจเล็กๆๆ เผื่อมัน work จบ โทจะได้ไปต่อได้ หรือถ้าไม่ work ก็กลับไปทำงานต๊อกต๋อยเหมือนเดิม

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
เราก็เรียนไปทำงานไปด้วย 3 ปีจบ เรียนไหวนะ ไม่ตายด้วย เราเรียนแผน ก คือทำวิจัยทำปริญญานิพนธ์ เรียนมหาวิทยาลัยแห่งนึงที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการศึกษา เรียนเสาร์-อาทิตย์ บางเทอมมีวันธรรมดาด้วย แถมเดินทางไกลอีก บ้านเราอยู่พระราม2 ม.อยู่แยกอโศก ไม่มีรถส่วนตัว เดินทางด้วยรถโดยสารกับรถไฟฟ้า
ชีวิตการเรียนไปทำงานไปด้วยก็ว่ายากลำบากแล้ว ยังเจออุปสรรคมากมายหลายอย่าง

ปี2554 เดือนตุลาคม สิ้นเทอมแรกของการเรียนก็เจอน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ม.ตัองเปิดเทอมช้า เปิดแล้วเวลาเรียนเหลือน้อยโดนอัดตารางเรียนตั้งแต่ 8 โมง ยิงยาวถึง 6 โมงเย็นชีวิตช่วงนั้นไม่เคยสัมผัสคำว่า "วันหยุด"

ปี2555 ขณะที่การเรียนดำเนินต่อไป ได้ทราบจากทางบัณฑิตวิทยาลัยว่าหลักสูตรมีปัญหา วิชาที่ลงเรียนในปี 54 ต้องเป็นโมฆะ 2 ตัว เจ็บตรงที่ 2 วิชานั้นได้ A หนึ่งในนั้นเป็นวิชาวิจัยที่อ่านหนังสือกันแทบตาย นอกจากนี้ยังเสียอารมณ์ บั่นทอนกำลังใจ

ปี2556 ในขณะที่ปริญญานิพนธ์เสร็จสิ้นไปแล้ว 3 บท สร้างเครื่องมือไปแล้ว 3 ใน 5 ชิ้น และได้ทดลองใช้แล้ว external HHD เจ้ากรรมดันมีปัญหาเปิดไม่ได้ ส่งให้แล็ป IDR ศูนย์กู้ข้อมูลที่บางนา ตีราคา 8,000 บาท ไม่สู้เลยส่งซ่อมพันทิพย์ก็ไม่สามารถมีร้านไหนทำได้ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร สุดท้ายต้องเอา Print out มาพิมพ์ใหม่หมด แต่เครื่องมือต้องสร้างใหม่โดยใช้โปรแกรม illustrator ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

ปี2557 ขณะที่การทำปริญญานิพนธ์ดำเนินการเก็บข้อมูลเสร็จสิ้น เหลือแค่การวิเคราะห์ การจัดทำเอกสารและเตรียมสอบ ช่วงนั้นฟิตมาก อยากจบเต็มที แต่แล้ววันที่ 28 ก.พ. ได้รับข่าวจากทางบ้านว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว หลังจากเข้าโรงพยาบาลมาสักพัก แล้วเราก็เพิ่งไปเยี่ยมมาเมื่อวานซืน ไม่ต้องถามว่าใจสลายแค่ไหน หมดเรี่ยวแรงสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็ฮึดขึ้นสู้ทำจนสำเร็จและจบการศึกษาในที่สุด

ตลอด 3 ปี เรานอนเที่ยงคืน ตื่นตี 4 เกือบทุกวัน ตื่นมาทำการบ้าน มีวันหยุดน้อยมาก เรี่องเที่ยวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ที่เล่ามาไม่ใช่อยากอวดนะคะ แต่จะบอกว่าเราพ้นจุดนั้นมาแล้วเรารู้สึกได้เลยว่า เรามีศักยภาพมากกว่าที่คิด คือมีหลายครั้งที่เราคิดจะทิ้งอะไรสักอย่าง ทิ้งเรียนไม่เรียนแล้ว หรือลาออกมาเรียนอย่างเดียว แต่ใครจะส่งเรียนละ ค่าเทอมแม่เราออกให้ แต่ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าทำงาน ค่ารถค่าเรือเก็บข้อมูล เราต้องดูแลเอง เราเลยเลือกที่จะกัดฟันทำมันทั้ง 2 อย่าง สุดท้ายอุปสรรคทั้งหลายมันจะหลอมเราเราแกร่งขึ้น

พอจบแล้วมันโคตรภูมิใจอ่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่