เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน อุทยานแห่งเขาสก โดยความหมายของคำว่ารัชชประภานั้นคือ แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานนามใหม่แทนที่ชื่อเดิมคือเขื่อนเชี่ยวหลาน เชี่ยวหลานมีที่มาจากชื่อของบ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน อันเป็นที่ตั้งของเขื่อนแห่งนี้นั่นเอง

ข้อมูลการเดินทางมาท่องเที่ยวที่สถานที่แห่งนี้สามารถหาได้ทั่วไปในรีวิวอื่น ๆ  ในส่วนของผมจะขอนำเสนอภาพความงดงามและเล่าถึงความประทับใจกับการได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่สนใจในความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งผมได้ไปเยือนเมื่อนานมาแล้ว ช่วงนั้นจำได้ว่าแพคลองคะเพิ่งเปิดบริการได้ไม่นานนัก

แพที่เขื่อนเชี่ยวหลานมีเยอะมาก ทั้งแพที่ดำเนินการโดยอุทยานแห่งชาติ และแพที่ดำเนินการโดยเอกชน โดยค่าโดยสารจากจุดที่ขึ้นเรือไปยังแพต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันไปตามระยะทางที่ตั้งของแพแต่ละแห่ง รวมถึงการนั่งเรือไปยังจุดต่าง ๆ เช่นถ้ำหรือจุดชมวิว ซึ่งการเดินทางมาเที่ยวชมในครั้งนี้ผมได้เลือกพักกับแพคลองคะ ซึ่งเป็นแพที่ดำเนินการโดยอุทยานแห่งชาติเขาสก สามารถจองได้ผ่านเว็บไซต์ของอุทยานแห่งชาติ



อันที่จริงแล้วอุทยานแห่งชาติเขาสกไม่ได้ดังแค่เพียงเฉพาะเขื่อนเท่านั้น ใครที่มีเวลาสามารถไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาสกซึ่งมีกิจกรรมการเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีน้ำตกธารสวรรค์ และบัวผุด ช่วงที่ผมไปยังไม่ขึ้น จึงได้เพียงแค่ชมธรรมชาติตามเส้นทางดังรูปเท่านั้น


กลับมาต่อที่การเดินทางเข้าไปยังแพคลองคะ การมาในช่วงเดือนธันวาคมอากาศไม่ร้อนเย็นสบาย เมื่อนั่งเรือเข้ามาก็จะได้เห็นความสวยงามโดยรอบซึ่งระหว่างนั่งเรือเราสามารถถ่ายภาพได้เรื่อย ๆ ครับ





หลังจากที่เหมาเรือเข้ามาที่พักแล้วเราก็จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่แพได้เช่น พายเรือ เล่นน้ำ ให้อาหารปลา โดยผมได้นำบรรยากาศรอบ ๆ มาฝากกัน ที่พักของที่นี่มีบ้านเป็นหลัง หรือจะกางเต๊นท์นอนบริเวณที่จัดไว้ให้ก็ได้ สำหรับบ้านจะมีห้องน้ำในตัว หากพักเต๊นท์ก็จะต้องใช้ห้องอาบน้ำรวมครับ



กล่าวถึงความเป็นมาของเขื่อนกันสักเล็กน้อยเดิมทีพื้นที่อันเต็มไปด้วยน้ำของเขื่อนแห่งนี้ก็คือผืนป่าอันสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือ เสมือนการกั้นพื้นที่แล้วเทน้ำลงไป สัตว์ป่าทั้งหลายก็ต้องพากันหนีน้ำขึ้นเกาะซึ่งก็คือภูเขาที่โผล่พ้นน้ำ ในช่วงการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ เกิดความสูญเสียต่อทรัพยากรผืนป่าอย่างมากมายเพื่อแลกมากับการได้ประโยชน์จากเขื่อน และจนในที่สุดปัจจุบันนี้ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดอีกแห่งของประเทศไทย สำหรับประวัติการก่อสร้างและเหตุการณ์ความสูญเสียสามารถหาอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ทั่วไปครับ

เชิญชมบรรยากาศรอบ ๆ แพกันต่อครับ



สำหรับการให้บริการบนแพ เมื่อเราจ่ายเงินในราคาเหมาจ่ายแล้ว เราก็จะได้รับบริการรวมถึงอาหารครบทุกมื้อด้วย ใครที่สนใจจะนั่งเรือออกไปยังจุดต่าง ๆ เช่น ถ้ำ หรือจุดชมวิวต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ครับ หรือใครต้องการที่จะพักผ่อนแบบต้องการความสงบ เช่น นอนอ่านหนังสือ ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากครับ

และเช่นเดียวกับที่อื่น ๆ การใช้ไฟฟ้าก็จะมีการจำกัดเวลาตามไปด้วย ซึ่งหลังจากที่เราพักผ่อนในยามค่ำคืน โดยในยามค่ำคืนนั้นก็สามารถชมดาวที่เต็มท้องฟ้าได้ และเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาอีกวันหนึ่งก็มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือการนั่งแพชมบรรยากาศยามเช้ารอบบริเวณเขื่อนครับ ซึ่งจะแตกต่างจากการนั่งเรือ เพราะนี่คือแพที่ต่อขึ้นให้เราสามารถนั่งหรือเดินไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายภาพอันสวยงามได้



หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับกัน ขากลับจึงแวะถ่ายภาพเขาสามเกลอ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเขื่อนเชี่ยวหลานครับ



ในระหว่างที่อยู่ที่แพ ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจากเจ้าหน้าที่บนแพ ว่ามีอีกหลายจุดในเขื่อนที่สามารถเดินทางเข้าไปเพื่อชมสัตว์ป่าหาดูได้ยาก ซึ่งในอดีตนั้นป่าแห่งนี้ก็เป็นที่อยู่ของสัตว์หลายร้อยกว่าชนิด มีทั้งเสือ กระทิง ช้าง สมเสร็จ ฯลฯ ปัจจุบันก็มีโอกาสพบสัตว์ป่าหายากได้อยู่ แต่สัตว์เหล่านั้นจะอยู่ลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าชั้นลึกเข้าไป

ถ้าสังเกตในบางรูปที่มีแท่งไม้โผล่พ้นน้ำขึ้นมานั้น จริง ๆ แล้วก็คือต้นไม้ที่ยืนต้นตาย เราจะเห็นได้ว่า ระดับความลึกของน้ำนั้นลึกมาก การที่ต้นไม้เหล่านี้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้หมายความวา ความสูงของแต่ละต้นนั้นไม่ใช่น้อย ๆ ซึ่งในอดีตนั้น สำหรับต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำก็จะมีการให้สัมปทานในการตัดต้นไม้เหล่านี้ไปครับ


ลากันไปด้วยภาพนี้ครับ กลับไปพร้อมกับความประทับใจในความงดงาม และยังได้รับรู้ถึงการแลกเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่เพื่อได้มาซึ่งความงดงาม