บันทึกเดินทาง Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#1
บางคนมองหาแรงบันดาลใจ เพื่อการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง ตั้งความหวังกับอะไรสักสิ่ง หวังจะไปสถานที่นั้น สถานที่นี้ และบางครั้งเนื้อเพลงท่อนเดียว โปสการ์ดภาพเดียว รูปถ่าย หรือกระทั่ง...หนังสือเพียงเล่มเดียว ที่พาเราออกเดินทางตามแรงบันดาลใจ และเราก็เป็นคนหนึ่งในนั้น...
ขึ้นชื่อว่า แรงบันดาลใจ เราว่ามันไม่มีวันหมดอายุนะ แถมในตอนที่เราเผลอๆ ทำเป็นหลงลืมมันไปบ้าง ก็ยังใจดีต่ออายุให้แบบไม่คิดค่าธรรมเนียมซะอีก
...เรื่องของเรา
เริ่มต้นจากสถานที่ที่หนึ่ง ที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารท่องเที่ยวฉบับเมื่อห้าปีก่อน บอกเล่าถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม เชิงสารคดีท่องเที่ยวเอาไว้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามอย่าง ซาปา
ภาพถ่ายกับคำบอกเล่าธรรมดาๆ กลับ 'ชวนให้ชอบ' จนแทบจะทำให้เราเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเสียเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่อะไรหลายอย่างจึงต้องพับ 'แรงบันดาลใจกับภาพชวนให้เชื่อ' เก็บไว้ในกล่องเสียก่อน
...เพราะเชื่อว่า แรงบันดาลใจ ไม่มีวันหมดอายุ วันนี้ เราจึงมีโอกาสเปิดกล่องใบนั้นอีกครั้ง
'หน้าฝน' ฤดูที่ใครหลายคนเบื่อหน่าย หากแต่เป็นฤดูแห่งการรอคอย...เก็บเกี่ยว ความงดงามของหมอกหลังฝน ทิวเขาสูงลิบลับ สุดสายตากับนาขั้นบันไดเขียวๆ ชอุ่มน้ำ
กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราก็เลยหนีฝนกรุงเทพฯ ไปหาฝนที่เวียดนาม ต่างกันตรงไหนน่ะเหรอ? เม็ดฝนก็เหมือนๆ กัน แต่ที่ต่างคือ 'ภาพหลังเม็ดฝน' นั่นต่างหากล่ะ
:: Vietnam Trip 10-14 Sep 2015 ::
Day 1 Ha Noi Ha Noi, (GA Ha Noi to Ga Lao Cai)
Day 2 Sapa Lao Cai to Sapa, Sapa
Day 3 Sapa Sapa, (Ga Lao Cai to Ga Ha Noi)
Day 4 Ha Noi Ha Noi
Day 5 Ha Noi Back to Bangkok
ทริปเวียดนามเหนือครั้งนี้ มีการเตรียมตัวไม่ถึงเดือน เริ่มตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน หาข้อมูลที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ศึกษาแผนที่ฮานอยคร่าวๆ พอให้รู้เขา รู้เรา ไม่เสี่ยงต่อการถูกโกงอย่างที่เขาร่ำลือกัน
ผู้ร่วมเดินทาง 4 คน เราเลือกเดินทางกันเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์และวางแผนไว้แบบหลวมๆ เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า...เสน่ห์ของการเดินทาง ก็คือเตรียมไปสิบ อาจเป็นไปตามแผนสักหกหรือเจ็ด [ส่วนต่าง] ที่เหลือ เก็บไว้สำหรับความตื่นเต้น ลุ้นระทึกเฉพาะหน้าบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถผิด เข้าร้านไม่อร่อย กระเป๋าเงินหายหรืออื่นๆ บรา บรา...
:: 10 Sep 2015
เก็บกระเป๋ากันเถอะ!!!
หอบเสื้อผ้า ของจำเป็นกับสารพัดกล้องที่มี (อันนี้ขาดไม่ได้) ไกด์บุ๊คขนาดกะทัดรัดสักเล่ม ตีสามเศษๆ เราก็สะพายเป้ แบกกระเป๋ากล้อง เรียกแท๊กซี่แล้วไปสนามบินกัน
:: สนามบินดอนเมือง ตอนตีสี่กว่าๆ ทำให้เห็นว่าผู้คนพลุกพล่าน เหมือนตอนกลางวัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องแย่งเช็คอินกับบรรดาคณะทัวร์ จึงทำ Online Check In มาแล้ว เหลือแค่กรอกเอกสาร ผ่านตม. ก็เข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนชิวล์ๆ แถว Gate 25 รอเที่ยวบิน ซึ่งบินไป-กลับเที่ยวเดียวในแต่ละวัน (Depart 6.45 น.)
หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาที บนเครื่อง ฟ้าโปร่งกับมีเมฆหนาเป็นช่วงๆ เบาบางตอนใกล้ถึงที่หมายแล้ว ส่วนความสวยงามทางอากาศที่ถ่ายเก็บมานี้ ช่วยทำให้ความหมายของคำว่า 'ระหว่างทาง' มีค่าแก่การจดจำมากมาย (Arrive 8.30 น.)
:: สนามบิน Noi Bai - Ha Noi, Vietnam เดินทางถึงฮานอยตามเวลา ผ่านตม. เสียเวลานิดหน่อยตรงลายนิ้วมือไม่ชัด เป็นปัญหาทั้งขาออกจากไทยและเข้าประเทศเวียดนาม (สุดท้ายต้องใช้วิธี Stamp ลง Passport แทน)
บ้านเขาไม่หวง Wifi เดินไปตรงไหนก็มีให้ใช้แบบฟรีๆ อันนี้ยิ้มเลย เราซื้อซิมแบบเติมเงินพร้อมกับ Unlimited Wifi โทรออกได้ 20 นาที เผื่อโทรกลับไทย ถัดจากร้านขายซิมเป็นเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงิน แลกจาก USD เป็น VND (เน้นใช้หลักหมื่น, หลักแสนและหลักล้าน) ซึ่งคิดว่าให้เรทดีกว่าแลกในฮานอย และซาปา (กรณีที่เป็นร้าน Agent) เราแลกเป็น Dong (VND) ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเก็บเป็น USD ไว้ค่ะ
จากนั้นก็ทำตัว 'ป๋า' เป็นเศรษฐีพกเงินล้านในฮานอยได้เลย ตอนออกมาด้านนอกสนามบินอลหม่านน่าดู ผู้คนหนาตา ทั้งคนรอ คนมารับ พอเห็นคนจากโรงแรมชูป้ายชื่อก็เดินตามไป เขาส่งต่อให้คนขับรถนำไปที่รถ รถที่มารับเป็นรถห้าที่นั่ง เช่าแบบเหมาคันค่ะ เราเดินทางจากสนามบินถึงโรงแรม ใช้เวลา 30 นาทีไม่ขาดไม่เกินนะ
ภาพในระยะมองเห็น 'ระหว่างทาง' ของเราเปลี่ยนไปแล้ว จากเมฆฟูฟ่องสีขาวก็กลายเป็นถนนหลายเลน ที่ค่อยๆ แคบเล็กลง และพลุกพล่านขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกระหย่อมตึกสูง รูปทรงแปลกตาไปอีกแบบ แอบคิดในใจว่าตอนคนอื่นมาเที่ยวเมืองไทย ก็คงจะคิดว่าบ้านช่องเมืองเราแปลกตาจนต้องเก็บภาพนั้นไว้เหมือนกัน
ยิ่งใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ถนนแคบเล็กก็กลายเป็นซอกซอย ตรอกเล็กตรอกน้อยที่ทะลุถึงกัน และยุ่บยั่บไปด้วยของกิน ของขาย ที่มองปราดแรกคล้ายเยาวราชบ้านเรา
รถที่เรานั่งบีบแตรถี่ขึ้น เมื่อย่างกรายเข้าสู่ย่านนี้ และมีเสียงแตรถี่ๆ จากเจ้ามอเตอร์ไซด์ที่ขับปราดไป ปราดมาในมาดเจ้าถนน เหมือนกำลังตะโกนทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น ซอยยิ่งเล็ก รถยิ่งเยอะ ผู้คนยิ่งมาก นี่ล่ะ ภาพชีวิตในฮานอยที่คิดไว้ ต่างกันตรงที่...ตอนนี้มี Sound Effect เพิ่มเข้ามาด้วย
โรงแรมที่เลือกตามที่มีคนรีวิวไว้ เน้นเรื่องบริการ ดูแลดีซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเลย ราคาเจ็ดร้อย ไม่แพงเกินไปสำหรับการเปิดห้องเพื่อเก็บสัมภาระ อาบน้ำก่อนเดินทางต่อในคืนนี้
เรื่องที่พักในฮานอย เราจองผ่านเว็บสำหรับวันแรกและวันที่สี่ และให้ทางโรงแรมจัดการเรื่องตั๋วรถไฟแพ็คไป-กลับ ฮานอย-ซาปา พร้อมบริการไปส่งสถานีรถไฟฮานอยฟรี (ค่าแท็กซี่ อยู่ที่ 3-5 USD) เพื่อความคล่องตัว เน้นชัวร์ไว้ก่อน เลยดีลกับโรงแรมเรื่องตั๋วรถไฟทางเมล แล้วมาจ่ายเงินกับรับตั๋วเมื่อเดินทางถึงฮานอย ถือว่าสะดวกดี
:: โรงแรม Prince II อยู่ในย่าน Old Quarter ย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพัก ด้วยดูจะเป็นศูนย์กลางของอะไรหลายๆ อย่าง ที่กิน ที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือย่านการค้า มีทั้งหาบเร่ ตั้งถาดเล็กๆ กันริมถนน บ้างขายผลไม้ บ้างขายขนมปังบาเก็ต หรือกระทั่งถีบขายบนจักรยานก็มี ใครอยู่สายช้อบเหมาะจะมาละลายทรัพท์ที่นี่เหมือนกันนะ ที่สำคัญยังเดินไปถึง Don Xuan Market แหล่ง Shopping คล้ายโบ๊เบ๊บ้านเราด้วย
รถมาส่งหน้าโรงแรม สัก 10.00 น.ได้ ระหว่างรอ Check In รีเซฟชั่นจะเสิร์ฟชา กาแฟ คอนเฟิร์มและเคลียร์ ค่าใช้จ่ายตามที่มีการตกลงกันไว้ทางเมล (ค่าห้อง, ค่าทัวร์ และค่าตั๋วรถไฟมักจ่ายเป็น USD) พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ เป็นมิตร และอธิบายแผนที่ในฮานอย ให้คำแนะนำเรื่องแท็กซี่ เรียกสีเขียว-ขาว ราคาตามมิเตอร์ค่ะ
Note น้ำดื่มภายในโรงแรมไม่ฟรีนะ 10,000 VND ซึ่งก็ใกล้เคียงกับร้านข้างนอก ส่วนน้ำดื่มในร้านอาหารอาจแพงกว่าเล็กน้อย
Note โรงแรมส่วนใหญ่ในฮานอย สูงแค่ไหนก็ไม่มีลิฟต์ ถ้าเพื่อนร่วมทางเดินไม่ไหว ควรระบุห้องพักที่อยู่ชั้นล่างๆ ค่ะ
:: Check In จิบกาแฟเวียดนามแก้วแรก พักขาแป๊บหนึ่งก็เตรียมตัวออกไปสำรวจรอบๆ ที่พัก ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว มีเวลาตะลอนจนถึงเย็นๆ ก่อนรถจะมารับไปส่งสถานีรถไฟฮานอย (Ga Ha Noi) ตอน 19.30 น.
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 1 ||| Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa
บางคนมองหาแรงบันดาลใจ เพื่อการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง ตั้งความหวังกับอะไรสักสิ่ง หวังจะไปสถานที่นั้น สถานที่นี้ และบางครั้งเนื้อเพลงท่อนเดียว โปสการ์ดภาพเดียว รูปถ่าย หรือกระทั่ง...หนังสือเพียงเล่มเดียว ที่พาเราออกเดินทางตามแรงบันดาลใจ และเราก็เป็นคนหนึ่งในนั้น...
ขึ้นชื่อว่า แรงบันดาลใจ เราว่ามันไม่มีวันหมดอายุนะ แถมในตอนที่เราเผลอๆ ทำเป็นหลงลืมมันไปบ้าง ก็ยังใจดีต่ออายุให้แบบไม่คิดค่าธรรมเนียมซะอีก
...เรื่องของเรา
เริ่มต้นจากสถานที่ที่หนึ่ง ที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารท่องเที่ยวฉบับเมื่อห้าปีก่อน บอกเล่าถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม เชิงสารคดีท่องเที่ยวเอาไว้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามอย่าง ซาปา
ภาพถ่ายกับคำบอกเล่าธรรมดาๆ กลับ 'ชวนให้ชอบ' จนแทบจะทำให้เราเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเสียเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่อะไรหลายอย่างจึงต้องพับ 'แรงบันดาลใจกับภาพชวนให้เชื่อ' เก็บไว้ในกล่องเสียก่อน
...เพราะเชื่อว่า แรงบันดาลใจ ไม่มีวันหมดอายุ วันนี้ เราจึงมีโอกาสเปิดกล่องใบนั้นอีกครั้ง
'หน้าฝน' ฤดูที่ใครหลายคนเบื่อหน่าย หากแต่เป็นฤดูแห่งการรอคอย...เก็บเกี่ยว ความงดงามของหมอกหลังฝน ทิวเขาสูงลิบลับ สุดสายตากับนาขั้นบันไดเขียวๆ ชอุ่มน้ำ
กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราก็เลยหนีฝนกรุงเทพฯ ไปหาฝนที่เวียดนาม ต่างกันตรงไหนน่ะเหรอ? เม็ดฝนก็เหมือนๆ กัน แต่ที่ต่างคือ 'ภาพหลังเม็ดฝน' นั่นต่างหากล่ะ
:: Vietnam Trip 10-14 Sep 2015 ::
Day 1 Ha Noi Ha Noi, (GA Ha Noi to Ga Lao Cai)
Day 2 Sapa Lao Cai to Sapa, Sapa
Day 3 Sapa Sapa, (Ga Lao Cai to Ga Ha Noi)
Day 4 Ha Noi Ha Noi
Day 5 Ha Noi Back to Bangkok
ทริปเวียดนามเหนือครั้งนี้ มีการเตรียมตัวไม่ถึงเดือน เริ่มตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน หาข้อมูลที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ศึกษาแผนที่ฮานอยคร่าวๆ พอให้รู้เขา รู้เรา ไม่เสี่ยงต่อการถูกโกงอย่างที่เขาร่ำลือกัน
ผู้ร่วมเดินทาง 4 คน เราเลือกเดินทางกันเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์และวางแผนไว้แบบหลวมๆ เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า...เสน่ห์ของการเดินทาง ก็คือเตรียมไปสิบ อาจเป็นไปตามแผนสักหกหรือเจ็ด [ส่วนต่าง] ที่เหลือ เก็บไว้สำหรับความตื่นเต้น ลุ้นระทึกเฉพาะหน้าบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถผิด เข้าร้านไม่อร่อย กระเป๋าเงินหายหรืออื่นๆ บรา บรา...
:: 10 Sep 2015
เก็บกระเป๋ากันเถอะ!!!
หอบเสื้อผ้า ของจำเป็นกับสารพัดกล้องที่มี (อันนี้ขาดไม่ได้) ไกด์บุ๊คขนาดกะทัดรัดสักเล่ม ตีสามเศษๆ เราก็สะพายเป้ แบกกระเป๋ากล้อง เรียกแท๊กซี่แล้วไปสนามบินกัน
:: สนามบินดอนเมือง ตอนตีสี่กว่าๆ ทำให้เห็นว่าผู้คนพลุกพล่าน เหมือนตอนกลางวัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องแย่งเช็คอินกับบรรดาคณะทัวร์ จึงทำ Online Check In มาแล้ว เหลือแค่กรอกเอกสาร ผ่านตม. ก็เข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนชิวล์ๆ แถว Gate 25 รอเที่ยวบิน ซึ่งบินไป-กลับเที่ยวเดียวในแต่ละวัน (Depart 6.45 น.)
หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาที บนเครื่อง ฟ้าโปร่งกับมีเมฆหนาเป็นช่วงๆ เบาบางตอนใกล้ถึงที่หมายแล้ว ส่วนความสวยงามทางอากาศที่ถ่ายเก็บมานี้ ช่วยทำให้ความหมายของคำว่า 'ระหว่างทาง' มีค่าแก่การจดจำมากมาย (Arrive 8.30 น.)
:: สนามบิน Noi Bai - Ha Noi, Vietnam เดินทางถึงฮานอยตามเวลา ผ่านตม. เสียเวลานิดหน่อยตรงลายนิ้วมือไม่ชัด เป็นปัญหาทั้งขาออกจากไทยและเข้าประเทศเวียดนาม (สุดท้ายต้องใช้วิธี Stamp ลง Passport แทน)
บ้านเขาไม่หวง Wifi เดินไปตรงไหนก็มีให้ใช้แบบฟรีๆ อันนี้ยิ้มเลย เราซื้อซิมแบบเติมเงินพร้อมกับ Unlimited Wifi โทรออกได้ 20 นาที เผื่อโทรกลับไทย ถัดจากร้านขายซิมเป็นเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงิน แลกจาก USD เป็น VND (เน้นใช้หลักหมื่น, หลักแสนและหลักล้าน) ซึ่งคิดว่าให้เรทดีกว่าแลกในฮานอย และซาปา (กรณีที่เป็นร้าน Agent) เราแลกเป็น Dong (VND) ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเก็บเป็น USD ไว้ค่ะ
จากนั้นก็ทำตัว 'ป๋า' เป็นเศรษฐีพกเงินล้านในฮานอยได้เลย ตอนออกมาด้านนอกสนามบินอลหม่านน่าดู ผู้คนหนาตา ทั้งคนรอ คนมารับ พอเห็นคนจากโรงแรมชูป้ายชื่อก็เดินตามไป เขาส่งต่อให้คนขับรถนำไปที่รถ รถที่มารับเป็นรถห้าที่นั่ง เช่าแบบเหมาคันค่ะ เราเดินทางจากสนามบินถึงโรงแรม ใช้เวลา 30 นาทีไม่ขาดไม่เกินนะ
ภาพในระยะมองเห็น 'ระหว่างทาง' ของเราเปลี่ยนไปแล้ว จากเมฆฟูฟ่องสีขาวก็กลายเป็นถนนหลายเลน ที่ค่อยๆ แคบเล็กลง และพลุกพล่านขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกระหย่อมตึกสูง รูปทรงแปลกตาไปอีกแบบ แอบคิดในใจว่าตอนคนอื่นมาเที่ยวเมืองไทย ก็คงจะคิดว่าบ้านช่องเมืองเราแปลกตาจนต้องเก็บภาพนั้นไว้เหมือนกัน
ยิ่งใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ถนนแคบเล็กก็กลายเป็นซอกซอย ตรอกเล็กตรอกน้อยที่ทะลุถึงกัน และยุ่บยั่บไปด้วยของกิน ของขาย ที่มองปราดแรกคล้ายเยาวราชบ้านเรา
รถที่เรานั่งบีบแตรถี่ขึ้น เมื่อย่างกรายเข้าสู่ย่านนี้ และมีเสียงแตรถี่ๆ จากเจ้ามอเตอร์ไซด์ที่ขับปราดไป ปราดมาในมาดเจ้าถนน เหมือนกำลังตะโกนทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น ซอยยิ่งเล็ก รถยิ่งเยอะ ผู้คนยิ่งมาก นี่ล่ะ ภาพชีวิตในฮานอยที่คิดไว้ ต่างกันตรงที่...ตอนนี้มี Sound Effect เพิ่มเข้ามาด้วย
โรงแรมที่เลือกตามที่มีคนรีวิวไว้ เน้นเรื่องบริการ ดูแลดีซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเลย ราคาเจ็ดร้อย ไม่แพงเกินไปสำหรับการเปิดห้องเพื่อเก็บสัมภาระ อาบน้ำก่อนเดินทางต่อในคืนนี้
เรื่องที่พักในฮานอย เราจองผ่านเว็บสำหรับวันแรกและวันที่สี่ และให้ทางโรงแรมจัดการเรื่องตั๋วรถไฟแพ็คไป-กลับ ฮานอย-ซาปา พร้อมบริการไปส่งสถานีรถไฟฮานอยฟรี (ค่าแท็กซี่ อยู่ที่ 3-5 USD) เพื่อความคล่องตัว เน้นชัวร์ไว้ก่อน เลยดีลกับโรงแรมเรื่องตั๋วรถไฟทางเมล แล้วมาจ่ายเงินกับรับตั๋วเมื่อเดินทางถึงฮานอย ถือว่าสะดวกดี
:: โรงแรม Prince II อยู่ในย่าน Old Quarter ย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพัก ด้วยดูจะเป็นศูนย์กลางของอะไรหลายๆ อย่าง ที่กิน ที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือย่านการค้า มีทั้งหาบเร่ ตั้งถาดเล็กๆ กันริมถนน บ้างขายผลไม้ บ้างขายขนมปังบาเก็ต หรือกระทั่งถีบขายบนจักรยานก็มี ใครอยู่สายช้อบเหมาะจะมาละลายทรัพท์ที่นี่เหมือนกันนะ ที่สำคัญยังเดินไปถึง Don Xuan Market แหล่ง Shopping คล้ายโบ๊เบ๊บ้านเราด้วย
รถมาส่งหน้าโรงแรม สัก 10.00 น.ได้ ระหว่างรอ Check In รีเซฟชั่นจะเสิร์ฟชา กาแฟ คอนเฟิร์มและเคลียร์ ค่าใช้จ่ายตามที่มีการตกลงกันไว้ทางเมล (ค่าห้อง, ค่าทัวร์ และค่าตั๋วรถไฟมักจ่ายเป็น USD) พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ เป็นมิตร และอธิบายแผนที่ในฮานอย ให้คำแนะนำเรื่องแท็กซี่ เรียกสีเขียว-ขาว ราคาตามมิเตอร์ค่ะ
Note น้ำดื่มภายในโรงแรมไม่ฟรีนะ 10,000 VND ซึ่งก็ใกล้เคียงกับร้านข้างนอก ส่วนน้ำดื่มในร้านอาหารอาจแพงกว่าเล็กน้อย
Note โรงแรมส่วนใหญ่ในฮานอย สูงแค่ไหนก็ไม่มีลิฟต์ ถ้าเพื่อนร่วมทางเดินไม่ไหว ควรระบุห้องพักที่อยู่ชั้นล่างๆ ค่ะ
:: Check In จิบกาแฟเวียดนามแก้วแรก พักขาแป๊บหนึ่งก็เตรียมตัวออกไปสำรวจรอบๆ ที่พัก ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว มีเวลาตะลอนจนถึงเย็นๆ ก่อนรถจะมารับไปส่งสถานีรถไฟฮานอย (Ga Ha Noi) ตอน 19.30 น.