ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ไปเที่ยว Seoul, South Korea แต่เป็นการตั้งกระทู้แรกในชีวิตนั่นเอง
จขกท.เป็นคนชอบไปเที่ยวมาก ไทยเทศไปหมดดดดดดด ไม่เคยปฏิเสธใคร อย่าได้ชวนนะตกลงแบบไม่คิดมากทันที แต่ไม่ขอไปงานทัวร์นะ
เราขอเกริ่นสั้นของประเทศเกาหลีใต้ก่อน เกาหลีเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้ชายหน้าตาดี คอนเฟิร์มค่ะ!!! ไปมา 2 ครั้งเริ่ดทั้ง 2 ครั้ง
ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องสำอางค์ ผับ อาหาร ขนม street food ที่อร่อยไม่แพ้ไทยเลย
ประเทศที่สามารถไปได้ทุกฤดู
ประเทศที่ผู้คนใจดี คอยช่วยเหลือตลอดเวลา
ประเทศที่รถไฟใต้ดินหลายสาย หลายสี สถานีเชื่อมต่อเยอะมาก
ในช่วงที่ จขกท. ไปเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งอาจจะยังไม่ค่อยเยอะมาก แต่พอออกไปนอกเมืองหน่อย คือดีงาม ถือว่า Mission Completed สำหรับทริปใบไม้ปลี่ยนสีครั้งนี้
ทริปนี้เกิดจาก Air Asia X ออกโปรเกือบข้ามปีสิคร่าคู๊นนนนนน จะไม่จองได้อย่างไร ถ่ายรูปกับใบไม้เปลี่ยนสีก็ไม่เคยมาก่อน
พวกเราเลยไม่รอช้า เช็ควันกันโดยทันที แล้วทริปของพวกเราชาวคณะถั่ว (ย่อมาจากคณะทัวร์)ก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15-18 ตุลาที่ผ่านมานี้เอง
ลูกถั่วในทริปนี้ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 6 คนค่ะ ผู้ชาย 1 ผู้หญิง 5
กล้องที่พวกเราใช้ในทริปนี้ประกอบไปด้วย Fuxi X-A2 Lens Kit กับ Lens 16-50 Fuji X-10 และ GoPro
หลังจากที่ได้ที่ตั๋วเครื่องบิน วันเวลาที่แน่นอน หลังจากนั้นเราก็เริ่มต้นทำทริปกันและหาที่พัก
ที่พักของเรา 5 คนอยู่แถว Dongdaemun ชื่อ Sunrise Inn Dondaemun ค่ะ ส่วนเจ๊อีกคนนางเป็นติ่งคยู SJ นางเลยขอแยกไปตามหาผู้ชายที่ Mom House ย่านเมียงดง แต่การที่เราแยกที่พักกันไม่ใช่ปัญหาเรื่องนัดกันไปเที่ยวแต่อย่างไรเลย
เมื่อใกล้ถึงวันที่เราจะเดินทาง หัวถั่วคือเราเองเริ่มเช็คแพลนทีจะไปเที่ยว ร้านอาหารตามกระทู้ต่างๆที่แนะนำ ทริปของเราจึงเป็นไปตามนี้
วันแรก ซึ่งเกือบหมดวันแรกแล้วนั้น: ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง Flight XJ-700 ออกจากสนามบินเวลา 01:55 ~ นอนบนเครื่องสินะ
วันที่สอง: ถึงสนามบิน Incheon International Airport เวลา 09:10 หลังจากผ่านด่านตม. ของเกาหลีสุด
บบบบบบ ซึ่งวันที่เราไปนั้นเป็นวันที่คนไทยโดนเข้าห้องเย็นเยอะมาก และแถวที่เราไปต่อนั้นโดนไป 3 คนข่าาาาา ใจไม่ดีสิ เพื่อนที่ต่อหลังจากเราไปแถวอื่นแล้วผ่านหมดแล้ว เราก็ยังคงอยู่ที่เดิมต่อไป แต่คิดในใจว่า "ชั้นมาเที่ยว ชั้นกลับไทยแน่นอน ชั้นเคยมาแล้วและ profile ใน passport ชั้นถือว่าดีนะ อย่าเรียกตรูนะ ตรูหิวมาก" แต่พอถึงคิวเรามองหน้า ถอดแว่น ถ่ายรูป สแกนนิ้ว จบค่ะ!!! ง่ายไปปปปปหรือเพราะแว่นชั้นหนามากทำให้ดูเนิร์ดๆเลยไม่คิดว่าจะมาแบบผิดสินะ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ปั๊มให้ Thank you นางไปเบาแล้วยิ้มอ่อนจากไปค่ะ
ยังคงอยู่วันที่สองของพวกเราคณะลูกถั่วค่ะ: หลังจากผ่านด่านตม.สุดโหดของพี่เกาไปแล้ว รับกระเป๋าเรียบร้อย เราก็จัดแจงเปลี่ยนชุดล้างหน้าแปรงฟัน กินอาหารเช้าแบบเบาๆที่สนามบินก่อน เพราะไปถึงสายมากและหิวมากและที่พักอาจจะยังไม่สามารถเข้าได้นั้น เราจึงมุ่งหน้าตรงไปที่ GS25 ซื้ออาหารเช้าและบัตร T-Money ราคา 4,000 won ของเพื่อนร่วมทริป บัตร T-Money ที่เพื่อนเราได้เป็น Theme Brown ของ Line นั่นเอง ส่วนเรามีของเก่าอยู่แล้วซึ่งคิดว่าบัตรนี้น่าจะเก็บไว้ใช้ได้ อย่าทิ้งอย่าคืนเลยค่ะ เพราะคุณอาจจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
อาหารเช้าของเราเองค่ะ Tuna and Kimchi Fried Rice และนม Strawberry ไม่ใช่ไม่อินนมกล้วยนะ แต่ก่อนมาดูเรื่อง Cheer Up แล้วมีนมรสนี้เลยลอง ดีเริ่ดไม่แพ้นมกล้วยนะ
T-Money ของเพื่อนเราและนมกล้วย
หลังจากที่กินอาหารเช้าเบาๆ มีบัตรรถใต้ดินเบาๆ เปลี่ยนชุดสำหรับวันแรกเบาๆกับอากาศเย็นสบายในช่วงเช้านั้นแล้ว เราจึงเดินไปขึ้น Airport Bus no. 6002 ไปลงที่ Dongmyo Station แล้วเดินไปอีกนิดจะถึงที่พัก
Airport Bus Ticket no. 6002 ของพวกเรา
แต่ว่าคนขับรถบัสนั้นเป็นผู้สูงวัยและภาษาอังกฤษไม่แน่นเลยบอกให้เราลงที่ Dongdaemun ข่าาาา หนึ่งป้ายก่อนถึงที่พักจริง ซึ่งอปป้าเจ้าของที่พักเองนั้นได้ให้ Line ID กับเราก่อนที่จะเดินทาง เราเลยต้องรีบถามทางและอาศัย google map ซึ่งในทริปนี้มีน้องสาวเพื่อนคอยเป็น GPS ให้เราตล๊อดดดด แต่อปป้าเจ้าของที่พักก็ไม่นิ่งนอนใจ เดินออกมารับพวกเราซึ่งคอยให้เราถ่ายรูประหว่างทางส่งไปให้ดุและสุดท้ายเราก็เจอกัน พาไปที่พักและแนะนำร้านอาหารใกล้ๆที่พักให้ด้วย
หลังจากที่ Check-in เก็บกระเป๋าและนั่งพักให้หายเหนื่อยแล้ว เราจึงเริ่มออกเดินทางกัน
กำแพงติดกับที่พัก เราไม่ได้ถ่ายรูปที่พักมา เอากำแพงข้างๆไปก่อนละกัน ซึ่งเราถ่ายกับกำแพงนี้ทุกเช้า ทำไปได้ไงก็ไม่รู้
รถไฟใต้ดินของเกาหลีนั้น เส้นทางพันกันเป็นใยแมงมุมมาก แต่ไม่ได้เดินทางยากขนาดนั้น ก่อนไปเราแค่ศึกษาเส้นทางก่อนว่าจะไปที่ไหนลงสถานีอะไรซึ่งหาได้จากหนังสือท่องเที่ยวเกาหลี เปลี่ยนสถานีตอนไหน และ download Application ของรถไฟใต้ดินไว้ แค่นี้ก็สบาย หลังจากเรามี T-Money แล้ว เราต้องเติมเงินแยกนะค่ะ อย่าคิดเองอย่างพวกเราว่า 4,000 won นั้นจะมีเงินให้ เราสามารถเติมเงินบัตร T-Money ได้ที่ตู้อัตโนมัติ ซึ่งง่ายมากมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ เราเติมกันวันละ 5,000 won ถ้าไม่พออาจจะเติมนิดหน่อยพอ จะได้ไม่เหลือในบัตรเยอะ
ที่แรกที่เราไปเที่ยวและเป็นที่ทัวร์ไทยไปเยอะมากคือ Gyeongbokgung Palace นั่งรถไฟใต้ดินสีส้ม ลงสถานี Gyeongbokgung exit 5 ซึ่งภายในนั้นมีที่เที่ยวและไว้ถ่ายรูปได้เยอะมาก แต่เราเคยมาแล้วและคิดแทนเพื่อนแล้วว่าที่นี่เป็นทัวร์ชะโงกแค่ด้านหน้าก็พอ ครั้งที่แล้วมาช่วงปีใหม่พอดีเลยได้เข้าฟรีด้วยค่ะ
Tourist Style ถ่ายแบบเผลอๆ
เรามากันเกือบเที่ยงแล้วแต่ว่ายังดีได้เจอขบวนพี่ทหารข้างหน้าด้วย
หลังจากนั้นแพลนของเราจะไป Sancheongdong-gil เป็นถนนสายศิลป์ไว้ถ่ายรูปแต่ว่าเดินผิดหาไม่เจอ เสียใจแรง!!! เราเลยเดินไปที่ Bukchon Hanok Village สถานี Anguk exit 2 ซึ่งทั้ง 2 ที่นี่สถานีรถไฟเดียวกันแต่ว่าทางออกต่างกันเท่านั้นเอง
Bukchon Hanok Village เป็นหมู่บ้านโบราณที่ยังมีคนอาศัยอยู่ บริเวณนั้นจึงมีป้ายเตือนอย่าเสียงดัง แต่ถ้าเราเจอทัวร์จีนแบบกรุ๊ปใหญ่มาก พร้อมป้ายไวนิลไว้ถ่ายรูปนั้น ก็ปล่อยเค้าไปเหอะ มันเป็นสไตล์เค้า และที่นี่ยังใช้ถ่ายซีรี่ย์หลายๆเรื่อง ซึ่งเราเองก็ติ่งซีรี่ญืเลยขอมาตามรอยค่ะ ล่าสุดใช้ถ่ายเรื่อง She was pretty ที่อปป้าวอนเล่นนั่นเอง
ถ่ายรูปนี้ปุ๊บ น้องบอกว่าทัวร์จีนชัด อยากกระโดดถีบขาคู่มาก
กำแพงใบไม้เปลี่ยนสีเบาๆ
หลังจากเดินขึ้นเขาของ Bukchon Hanok Village และถ่ายรูปกันพอแล้ว ซึ่งเกือบเย็นมากแล้วด้วยนั้น เราจึงตัดสินใจว่ายังไม่ไปคลอง Cheong Gye Chon แต่ไปกินข้าวเหอะ หิวมาก!!!
มื้อเย็นของวันแรกในเกาหลี วันที่สองของการเดินทางนั้น เราเลือกที่จะกินหมูย่างเกาหลีครับโผมมมมมมม ซึ่งเราไปเจอเจอมาจากกระทู้นึง ของคุณมากค่ะที่แนะนำ ชื่อร้านอะไรไม่รู้อ่านไม่ออก แต่ว่าหน้าร้านจะมีป้ายเขียนว่า Since 2006 อยู่สถานี Myeongdong exit 4
เราเลือกเป็นเซ็ตหมูและเนื้อมา ซึ่งเยอะมากในเมนูมีซุปกิมจิกับไข่ไก่ที่ตอกลงไปในเตาหินแล้วคน เอามากินคู่กับเนื้อก็อร่อยเหมือนกัน เบ็ดเสร็จแล้วมื้อนี้ตกคนละ 300 กว่าบาทค่ะ แถมอาจุมม่าในร้านใจดีคอยย่าง ตัดและเสิร์ฟถึงจานให้เลย ขอผักเพิ่มก็ให้ กินจิหมดก็มาเต็มเลย
หมูและเนื้อมา เครื่องเคียงมา ผักสดมา แต่เตายังไม่มา
เนื้อดิบร้านนี้คือดีงาม ตอนแรกแอบงงว่ากินไง แต่พอลองเอาไข่คนกับเนื้อและลองเข้าปาก เท่านั้นแหละ อร่อยยยยยยยยย ละลายในปาก ไม่คาวและหอมน้ำมันงาเบาๆ
หลังจากพวกเราฟินและกินอิ่มกันแล้ว แต่จะให้กลับที่พักไปนอนทั้งๆที่ท้องแน่นขนาดนี้ก็ไม่ไหว เราจึงไปเดินย่อยและถ่ายรูปเล่นกันที่ DDP หรือ Dongdaemun Design Plaza อยู่สถานี Dongdaemun History & Culture Park Station
DDP เป็นคล้าย Modern Museum ด้วยรูปทรงของตึกและสถานที่จัดงาน fashion show ของเกาหลีและยังมีลานดอกไม้ Rose Led Garden ซึ่งเราแนะนำว่ามาดูของจริง สวยกว่ารูปถ่ายเยอะ
วันที่สองในเกาหลี วันที่สามของการเดินทาง หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันเต็มที่แล้ว
กำแพงข้างที่พัก
เรากินอาหารเช้ากันง่ายๆที่ GS25
นม Hershey's ซึ่งเราซื้อมากันคนละกล่อง มีรส Mild, Sweet และ Original บอกเลยว่าดีงามทั้งสาม รสชาดเข้มข้นมากและเหมือนจะซื้อ 3 กล่องราคาจะถูกลงอีก
Plan ของเราที่แรกในวันนี้จะไปถ่ายรูปที่ Hanuel park ซึ่งเป็นทุ่งดอกหญ้าและจะมีแค่ช่วงเดือนตุลาคมเท่านั้น แต่!!! หลงค่ะ หาไม่เจอ แต่เราเจอไปเจอทุ่งดอกไม้ในสวนแทน ซึ่งถ่ายรูปออกมาเก๋ไม่แพ้กัน เลยยอมค่ะ
วันนี้เรานัดกับเจ๊ตอนเช้าที่รถไฟใต้ดินสถานี World Cup Stadium exit 1 เพื่อไปยัง Hanuel Park แต่!!! วันนี้เหมือนจะมีการจัดงานที่ World Cup Stadium ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นการแข่งเบสบอลมั้ง reference มาจากอปป้าที่เราพักอยู่ คนที่สถานีเยอะมากและเหล่าอาจุมม่าแต่งตัวเหมือนในซี่รี่ย์เวลาจะไปเดินขึ้นเขากันเยอะมาก
[CR] บันทึกของ PNRSSSJOURNAL ~ พาเที่ยวโซล ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น