ฉันคิดว่าหลายๆคน เคยได้เห็นโลกของเวทมนต์ผ่านสื่อต่างๆกันมาทั้งนั้น เรื่องน่าตื่นเต้น ชวนพิศวง โลกที่สามารถบันดาลทุกอย่างได้ดั่งใจนึก บางทีอาจจะมีเรื่องของอาณาจักร เจ้าชายเจ้าหญิงโผล่มา ควบคุมลมฟ้าอากาศ หรือแม้แต่การต่อสู่ ฆ่าฟัน อืม… เรื่องของฉันอาจจะทำให้พวกเธอผิดหวังนิดหน่อยล่ะนะ (รึเปล่า ?)
ฉันเป็นคนธรรมดา เกิดมาในครอบครัวธรรมดา หน้าตาธรรมดา การเรียนธรรมดา อยู่ในโรงเรียนธรรมดา แล้วก็โลกที่โคตรจะธรรมดา
แฟนเหรอ ?
โอ้ ให้ตายเถอะ ฉันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะ
เพื่อน…? ก็มีบ้าง แต่ก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนฉันนี่แหละ อย่าไปเรียกหาความพิเศษจาก “แมรี่ กับดอม”เลย พระเจ้า! ขนาดชื่อพวกเขายังเป็นชื่อที่ฉันมั่นใจว่ามีคนใช้เกินสิบล้านคนบนโลก
ฉันผมสีเข้ม ตาสีเทาเข้มธรรมดา ชีวิตฉัน”ธรรมดา”อย่างสมบูรณ์แบบเชียวล่ะ ฉันมีความสุขไหมน่ะเหรอ? ถ้าการมีความสุขคือการไม่มีเรื่องเดือนร้อน ไม่ลืมทำการบ้าน มีค่าขนมที่พ่อแม่มีตัด ฉันว่าฉันก็มีความสุขอยู่แล้วน่ะนะ
ฉันข้ามขั้นตอนการแนะนำชื่อตัวเองไปได้ยังไงกัน “เนเฟอร์มีร่า” คือชื่อที่ปู่ทวดของฉันตั้งให้ ท่านหวังว่าจะได้เหลนสาวคนสวย แต่ก็ได้ฉันมานี่ล่ะนะ ท่านเสียไปก่อนฉันจะเกิด ซึ่งก็ดี ท่านจะได้ไม่ต้องมาผิดหวังที่ฉันต่างจากหลานสาวในฝันท่านสุดๆ ฉันพอใจให้เรียกว่า เนฟ มากกว่า อย่างน้อยมันก็ไม่ดูลิเกจนน่าขนลุก (นิยาม ชื่อเหมือนลิเกจนน่าขนลุก ดอมให้ฉันมาตอนเกรด2 แล้วฉันก็รู้สึกว่ามันจริงจนฉันขยาดที่จะใช้ชื่อเต็ม) นอกจากในบัตรประชาชนก็ไม่มีใครเรียกฉันว่า เนเฟอร์มิร่า อีกแล้วละ
พ่อฉันเป็นนักดาราศาสตร์ ใช่ พวกเธอคงจะคิดว่าเป็นสิ่งที่เริ่มน่าสนใจในเรื่องนี้แล้วใช่ไหมล่ะ เปล่าหรอก พ่อฉันก็เป็นคนธรรมดา นิสัยก็…ต๊องๆ นิดหน่อยล่ะนะ พ่อไปทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งทุกเช้า แวะไปส่งฉันกับไนล์ที่โรงเรียน แล้วก็ขับรถต่อไปที่”ศูนย์ดาราศาสตร์ไทก้า” ขลุกอยู่ที่นั่นทั้งวัน และเลิกงานห้าโมงเย็น พ่อเป็นคนประเภทที่คิดว่า มุก1+1=1 เพราะขนาดทรายสองกองมารวมกันยังเป็นกองเดียว เป็นเรื่องตลก งี่เง่าชะมัด แต่ฉันก็ดูออกว่าพ่อฉันน่ะเคยหน้าตาดีมากๆมาก่อน ถึงตอนนี้พ่อจะเริ่มมีพุงเพราะกินสเต๊กของแม่ทุกวันก็เถอะ
แม่ฉันเหรอ ? เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกใบนี้ของฉันเลย แม่เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร (แต่แม่ก็เก่งในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูเหนื่อยทุกวัน) อาหารของแม่อร่อยสุดๆ(นี่แหละ เรื่องพิเศษในบ้านฉัน) แม่ชอบช้อปปิ้งและมีความสามารถในการสรรหาชุดประหลาดๆมาให้ฉันตลอด แม่มองว่า เสื้อยืดกางเกงยีนส์เป็นยุคแห่งความผิดพลาดของวงการแฟชั่น ในตู้เสื้อผ้าของฉันเลยเต็มไปด้วยชุดที่ชีวิตนี้ฉันไม่คิดจะใส่ (แต่ฉันก็โดนบังคับแบบเลี่ยงไม่ได้บ่อยๆ แหงละ พลังของแม่ใครจะไปเทียบได้)
อีกคนในครอบครัว ฉันว่า ไนล์ น้องชายฉัน เป็นคนที่ห่างไกลจากคำว่าธรรมดาที่สุดในบ้านแล้วหละ ยิ่งความแสบ กะล่อน ต้องยกให้มันเลย ฉันไม่พูดถึงมันดีกว่า เดี๋ยววันนี้จะเป็นวันซวยในชีวิต
แมร์รีเจน ลาห์สัน และ โดมินิค ลาห์สัน เพื่อนสนิทสองคนในชีวิตฉันเป็นแฝดกัน พวกนั้นย้ายมาอยู่บ้านตรงข้ามฉันตอนเกรด2 (แถมวันแรกที่รู้จักกัน ดอมก็วิจารณ์ชื่อฉันซะอัปยศไปทั้งชีวิตเลย) ก็เป็นการบังคับให้สนิทกันไปโดยปริยาย สองคนนี้เป็นแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน มันก็สยองพิลึกนะ ที่เห็นคนหน้าเหมือนกันตลอดเวลา ต่างกันแค่ทรงผมที่สั้นเกรียน(แบบที่แม่ของฉันเรียกว่าไร้ยศนิยมสุดๆและพยายามจับดอมมาตัดผมใหม่ตลอด) และผมบ๊อบสั้นสุดชิค(แมร์รี่นิยามทรงผมให้ตัวเองแบบนี้) แน่นอนว่าคนออกแบบทรงผมนี่ก็แม่ฉันนี่แหละ
พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน “Saint Peter Hightschool” ตอนนี้กำลังจะขึ้นเกรด 11 ด้วยกัน
อื้อหือ… 9 ปีแล้วสิเนี่ย
ฉันว่าเรื่องของฉันมันธรรมดาอย่างที่ไปบอกไปนั่นแหละ แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดหรอก หลังจากนี้มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว…ฉันรับรอง
วันนี้เป็นวันธรรมดา ฉันตื่นเพราะเสียงเคาะกระทะกับกลิ่นไหม้ของออมเลตนิดๆของแม่ เสียงพ่อพยายามพังประตูเข้าไปปลุกไนล์ในห้อง แล้วเสียงโวยวายของไนล์ก็ดังขึ้นตามมาติดๆ ฉันหันไปมองนาฬิกาที่เป็นรูปพระจันทร์ยิ้ม มันบอกฉันว่าเป็นเวลาที่ฉันควรรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนที่พ่อจะพังประตูเข้าห้องฉันมาอีกคน(คราวก่อนที่พ่อทำ ฉันหัวเสียไปหลายอาทิตย์เลย) ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่ฉันเห็นสะท้อนกลับมาจากกระจกความสูงเท่าตัวฉันคือชุดนอนสีชมพูลายจุดสีแดงเข้ม มีขนฟูๆปิดบริเวณฝีด้าย ปลายแขน และคอชุด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครซื้อชุดนี้มา ฉันมีแต่ชุดนอนแบบนี้แหละ
เห้อ เปิดเทอมวันแรก ฉันเกลียดความยุ่งยาก ขอให้โลกสงบสุขเถอะ
“ไนล์ เลิกแอบเอาผักใส่จานพ่อเดี๋ยวนี้ คุณคะ วางหนังสือพิมพ์ เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีมันบนโต๊ะอาหาร” เสียงแม่ที่เดินไปปิ้งขนมปังเพิ่ม เพราะไนล์ซัดส่วนของฉันและพ่อไปซะเกลี้ยง ไนล์ทำหน้าย่นเมื่อพ่อจับได้เรื่องผักที่เขาแอบเขี่ย ถ้าแม่พูดพ่อคงไม่มีวันรู้
“อะฮ้า เจ้าตัวแสบ ป๊ะป๋าว่าแล้วว่าทำไมผักป๋ามันเหมือนงอกได้ในจาน” พ่อตอบ โดยที่ยังมีผักชีติดอยู่ที่ปลายหนวดของพ่อ ดุ๊กดิ๊กๆคล้ายกับมีชีวิต
“พ่อ ผมอยู่เกรด7แล้วนะ ผมโตแล้ว ไม่ใช้ป๊ะป๋าแล้วนะ” ไนล์พยายามประท้วง ใช่ ฉันเห็นด้วยกับไนล์ คำว่าป๊ะป๋าเป็นคำที่พ่อชอบใช้แทนตัวเอง ฉันว่ามันน่าขนลุก
“ไม่เอาน่าไนลี่ของป๊ะป๋า ตัวแค่นี้ ไนล์ต้องเรียกป๊ะป๋าไปจนกว่าจะเกรด9นะ”
“ปีก่อนป๋าบอกผมว่าจนถึงปีนี้นี่ฮะ” ไนล์ลุกขึ้นเถียงพร้อมกับฟาดส้อมลงบนผ้าปูโต๊ะสีครีมลายสเมิร์ฟแสนรักของแม่
“ไนล์! นั่งลงเดี๋ยวนี้ เอาส้อมนั่นไว้ในที่ที่มันควรอยู่ด้วย” แม่ตะโกนดุมา ทำให้ไนล์จิ๊ปาก และนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าไนลี่ไม่อยากเรียกป๋าก็ไม่เป็นไร วันเกิดไนล์เดือนหน้า เราก็ข้ามเรื่องของขวัญไปแล้วกันนะ” พ่อพูดแล้วหัวเราะอย่างผู้ชนะ “ไหน เรียกป๊ะป๋าให้ป๋าชื่นใจหน่อยสิ”
“ครับ ป๊ะป๋า” แน่นอน เสียงหัวเราะของพ่อดังขึ้นเป็นสามเท่า ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวกันการสนทนาที่เสียงดังเกินจำเป็นของครอบครัวฉันแล้วนะ
“พ่อคะ หนูเลยเกรด9มาสองปีแล้วนะ ทำไมหนูยังต้องเรียกป๋าด้วยล่ะ” ฉันถามตามความคิด ป๋าฉันยังยืนกรานให้ฉันเรียกท่านแบบนั้นจนถึงทุกวันนี้
“เรามีกันสองพี่น้อง ไนล์เลิกเรียกเมื่อไหร่ เนฟก็ค่อยเลิกเรียกเมื่อนั้นแหละ”
เฮ้อ นี่แหละ พ่อฉันละ ไนล์ยื่นหน้ามากระซิบกับฉัน “มีหวังเราได้เรียกป๋าไปทั้งชีวิตแหงๆ ไนล์คอนเฟิร์ม” ฉันผลักเขาออก แต่ไนล์ไม่ได้สนใจฉันแล้วหันไปหยิบขนมปังจากถาดของแม่ที่เพิ่งเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ไนล์ หยุดกินได้แล้ว นั่นมันส่วนของพี่เค้า” แม่ดุทันทีที่ไนล์แตะขนมปังนั่นเช่นกัน
“ช่างเถอะค่ะแม่ หนูอิ่มแล้ว เราจะไปกันรึยังคะ” ประโยคหลังฉันหันไปถามพ่อหลังจากหันไปมองนาฬิการูปสุริยุปราคา (บ้านฉันมีแต่ของตกแต่งแบบนี้แหละ พ่อบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต” บอกว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงสิบห้า
“โอ้ ไปสิลูก ไป ไอ้หนู” พ่อพับหนังสือพิมพ์เก็บ และลากตัวไนล์ออกจากเก้าอี้(และพรากเขาจากขนมปังปิ้งทาเนยสุดที่รักของเขาด้วย) ฉันหันไปรับกระเป๋าเอกสารของพ่อ กระเป๋าสะพายของฉันและของไนล์จากแม่ และเดินตามการต่อสู้แย่งชิงอิสระของไนล์จากพ่อออกไป
“เย็นนี้ อย่าลืมชวนครอบครัวลาห์สันมาด้วยนะ แม่จะอบเครปเค้กไว้รอหนูนะ”
“ค่ะ แม่ เจอกันตอนเย็น” ฉันพูดก่อนจะดึงประตูปิดเบาๆ แต่เสียงแม่ก็ลอดออกมาอยากมีความสุขสุดๆ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ เนเฟอร์มีร่า” ให้ตายเถอะ แม่เรียกชื่อเต็มฉัน แล้วใช้เสียงอย่างกับโอเปร่าไล่หลังฉันมา
…ใช่ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน
[หัดแต่ง] I N S I D E : กระจกวิเศษบอกข้าเถิด...
ฉันเป็นคนธรรมดา เกิดมาในครอบครัวธรรมดา หน้าตาธรรมดา การเรียนธรรมดา อยู่ในโรงเรียนธรรมดา แล้วก็โลกที่โคตรจะธรรมดา
แฟนเหรอ ?
โอ้ ให้ตายเถอะ ฉันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะ
เพื่อน…? ก็มีบ้าง แต่ก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนฉันนี่แหละ อย่าไปเรียกหาความพิเศษจาก “แมรี่ กับดอม”เลย พระเจ้า! ขนาดชื่อพวกเขายังเป็นชื่อที่ฉันมั่นใจว่ามีคนใช้เกินสิบล้านคนบนโลก
ฉันผมสีเข้ม ตาสีเทาเข้มธรรมดา ชีวิตฉัน”ธรรมดา”อย่างสมบูรณ์แบบเชียวล่ะ ฉันมีความสุขไหมน่ะเหรอ? ถ้าการมีความสุขคือการไม่มีเรื่องเดือนร้อน ไม่ลืมทำการบ้าน มีค่าขนมที่พ่อแม่มีตัด ฉันว่าฉันก็มีความสุขอยู่แล้วน่ะนะ
ฉันข้ามขั้นตอนการแนะนำชื่อตัวเองไปได้ยังไงกัน “เนเฟอร์มีร่า” คือชื่อที่ปู่ทวดของฉันตั้งให้ ท่านหวังว่าจะได้เหลนสาวคนสวย แต่ก็ได้ฉันมานี่ล่ะนะ ท่านเสียไปก่อนฉันจะเกิด ซึ่งก็ดี ท่านจะได้ไม่ต้องมาผิดหวังที่ฉันต่างจากหลานสาวในฝันท่านสุดๆ ฉันพอใจให้เรียกว่า เนฟ มากกว่า อย่างน้อยมันก็ไม่ดูลิเกจนน่าขนลุก (นิยาม ชื่อเหมือนลิเกจนน่าขนลุก ดอมให้ฉันมาตอนเกรด2 แล้วฉันก็รู้สึกว่ามันจริงจนฉันขยาดที่จะใช้ชื่อเต็ม) นอกจากในบัตรประชาชนก็ไม่มีใครเรียกฉันว่า เนเฟอร์มิร่า อีกแล้วละ
พ่อฉันเป็นนักดาราศาสตร์ ใช่ พวกเธอคงจะคิดว่าเป็นสิ่งที่เริ่มน่าสนใจในเรื่องนี้แล้วใช่ไหมล่ะ เปล่าหรอก พ่อฉันก็เป็นคนธรรมดา นิสัยก็…ต๊องๆ นิดหน่อยล่ะนะ พ่อไปทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งทุกเช้า แวะไปส่งฉันกับไนล์ที่โรงเรียน แล้วก็ขับรถต่อไปที่”ศูนย์ดาราศาสตร์ไทก้า” ขลุกอยู่ที่นั่นทั้งวัน และเลิกงานห้าโมงเย็น พ่อเป็นคนประเภทที่คิดว่า มุก1+1=1 เพราะขนาดทรายสองกองมารวมกันยังเป็นกองเดียว เป็นเรื่องตลก งี่เง่าชะมัด แต่ฉันก็ดูออกว่าพ่อฉันน่ะเคยหน้าตาดีมากๆมาก่อน ถึงตอนนี้พ่อจะเริ่มมีพุงเพราะกินสเต๊กของแม่ทุกวันก็เถอะ
แม่ฉันเหรอ ? เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกใบนี้ของฉันเลย แม่เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร (แต่แม่ก็เก่งในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูเหนื่อยทุกวัน) อาหารของแม่อร่อยสุดๆ(นี่แหละ เรื่องพิเศษในบ้านฉัน) แม่ชอบช้อปปิ้งและมีความสามารถในการสรรหาชุดประหลาดๆมาให้ฉันตลอด แม่มองว่า เสื้อยืดกางเกงยีนส์เป็นยุคแห่งความผิดพลาดของวงการแฟชั่น ในตู้เสื้อผ้าของฉันเลยเต็มไปด้วยชุดที่ชีวิตนี้ฉันไม่คิดจะใส่ (แต่ฉันก็โดนบังคับแบบเลี่ยงไม่ได้บ่อยๆ แหงละ พลังของแม่ใครจะไปเทียบได้)
อีกคนในครอบครัว ฉันว่า ไนล์ น้องชายฉัน เป็นคนที่ห่างไกลจากคำว่าธรรมดาที่สุดในบ้านแล้วหละ ยิ่งความแสบ กะล่อน ต้องยกให้มันเลย ฉันไม่พูดถึงมันดีกว่า เดี๋ยววันนี้จะเป็นวันซวยในชีวิต
แมร์รีเจน ลาห์สัน และ โดมินิค ลาห์สัน เพื่อนสนิทสองคนในชีวิตฉันเป็นแฝดกัน พวกนั้นย้ายมาอยู่บ้านตรงข้ามฉันตอนเกรด2 (แถมวันแรกที่รู้จักกัน ดอมก็วิจารณ์ชื่อฉันซะอัปยศไปทั้งชีวิตเลย) ก็เป็นการบังคับให้สนิทกันไปโดยปริยาย สองคนนี้เป็นแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน มันก็สยองพิลึกนะ ที่เห็นคนหน้าเหมือนกันตลอดเวลา ต่างกันแค่ทรงผมที่สั้นเกรียน(แบบที่แม่ของฉันเรียกว่าไร้ยศนิยมสุดๆและพยายามจับดอมมาตัดผมใหม่ตลอด) และผมบ๊อบสั้นสุดชิค(แมร์รี่นิยามทรงผมให้ตัวเองแบบนี้) แน่นอนว่าคนออกแบบทรงผมนี่ก็แม่ฉันนี่แหละ
พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน “Saint Peter Hightschool” ตอนนี้กำลังจะขึ้นเกรด 11 ด้วยกัน
อื้อหือ… 9 ปีแล้วสิเนี่ย
ฉันว่าเรื่องของฉันมันธรรมดาอย่างที่ไปบอกไปนั่นแหละ แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดหรอก หลังจากนี้มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว…ฉันรับรอง
วันนี้เป็นวันธรรมดา ฉันตื่นเพราะเสียงเคาะกระทะกับกลิ่นไหม้ของออมเลตนิดๆของแม่ เสียงพ่อพยายามพังประตูเข้าไปปลุกไนล์ในห้อง แล้วเสียงโวยวายของไนล์ก็ดังขึ้นตามมาติดๆ ฉันหันไปมองนาฬิกาที่เป็นรูปพระจันทร์ยิ้ม มันบอกฉันว่าเป็นเวลาที่ฉันควรรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนที่พ่อจะพังประตูเข้าห้องฉันมาอีกคน(คราวก่อนที่พ่อทำ ฉันหัวเสียไปหลายอาทิตย์เลย) ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่ฉันเห็นสะท้อนกลับมาจากกระจกความสูงเท่าตัวฉันคือชุดนอนสีชมพูลายจุดสีแดงเข้ม มีขนฟูๆปิดบริเวณฝีด้าย ปลายแขน และคอชุด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครซื้อชุดนี้มา ฉันมีแต่ชุดนอนแบบนี้แหละ
เห้อ เปิดเทอมวันแรก ฉันเกลียดความยุ่งยาก ขอให้โลกสงบสุขเถอะ
“ไนล์ เลิกแอบเอาผักใส่จานพ่อเดี๋ยวนี้ คุณคะ วางหนังสือพิมพ์ เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่มีมันบนโต๊ะอาหาร” เสียงแม่ที่เดินไปปิ้งขนมปังเพิ่ม เพราะไนล์ซัดส่วนของฉันและพ่อไปซะเกลี้ยง ไนล์ทำหน้าย่นเมื่อพ่อจับได้เรื่องผักที่เขาแอบเขี่ย ถ้าแม่พูดพ่อคงไม่มีวันรู้
“อะฮ้า เจ้าตัวแสบ ป๊ะป๋าว่าแล้วว่าทำไมผักป๋ามันเหมือนงอกได้ในจาน” พ่อตอบ โดยที่ยังมีผักชีติดอยู่ที่ปลายหนวดของพ่อ ดุ๊กดิ๊กๆคล้ายกับมีชีวิต
“พ่อ ผมอยู่เกรด7แล้วนะ ผมโตแล้ว ไม่ใช้ป๊ะป๋าแล้วนะ” ไนล์พยายามประท้วง ใช่ ฉันเห็นด้วยกับไนล์ คำว่าป๊ะป๋าเป็นคำที่พ่อชอบใช้แทนตัวเอง ฉันว่ามันน่าขนลุก
“ไม่เอาน่าไนลี่ของป๊ะป๋า ตัวแค่นี้ ไนล์ต้องเรียกป๊ะป๋าไปจนกว่าจะเกรด9นะ”
“ปีก่อนป๋าบอกผมว่าจนถึงปีนี้นี่ฮะ” ไนล์ลุกขึ้นเถียงพร้อมกับฟาดส้อมลงบนผ้าปูโต๊ะสีครีมลายสเมิร์ฟแสนรักของแม่
“ไนล์! นั่งลงเดี๋ยวนี้ เอาส้อมนั่นไว้ในที่ที่มันควรอยู่ด้วย” แม่ตะโกนดุมา ทำให้ไนล์จิ๊ปาก และนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าไนลี่ไม่อยากเรียกป๋าก็ไม่เป็นไร วันเกิดไนล์เดือนหน้า เราก็ข้ามเรื่องของขวัญไปแล้วกันนะ” พ่อพูดแล้วหัวเราะอย่างผู้ชนะ “ไหน เรียกป๊ะป๋าให้ป๋าชื่นใจหน่อยสิ”
“ครับ ป๊ะป๋า” แน่นอน เสียงหัวเราะของพ่อดังขึ้นเป็นสามเท่า ฉันเริ่มจะทนไม่ไหวกันการสนทนาที่เสียงดังเกินจำเป็นของครอบครัวฉันแล้วนะ
“พ่อคะ หนูเลยเกรด9มาสองปีแล้วนะ ทำไมหนูยังต้องเรียกป๋าด้วยล่ะ” ฉันถามตามความคิด ป๋าฉันยังยืนกรานให้ฉันเรียกท่านแบบนั้นจนถึงทุกวันนี้
“เรามีกันสองพี่น้อง ไนล์เลิกเรียกเมื่อไหร่ เนฟก็ค่อยเลิกเรียกเมื่อนั้นแหละ”
เฮ้อ นี่แหละ พ่อฉันละ ไนล์ยื่นหน้ามากระซิบกับฉัน “มีหวังเราได้เรียกป๋าไปทั้งชีวิตแหงๆ ไนล์คอนเฟิร์ม” ฉันผลักเขาออก แต่ไนล์ไม่ได้สนใจฉันแล้วหันไปหยิบขนมปังจากถาดของแม่ที่เพิ่งเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ไนล์ หยุดกินได้แล้ว นั่นมันส่วนของพี่เค้า” แม่ดุทันทีที่ไนล์แตะขนมปังนั่นเช่นกัน
“ช่างเถอะค่ะแม่ หนูอิ่มแล้ว เราจะไปกันรึยังคะ” ประโยคหลังฉันหันไปถามพ่อหลังจากหันไปมองนาฬิการูปสุริยุปราคา (บ้านฉันมีแต่ของตกแต่งแบบนี้แหละ พ่อบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต” บอกว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงสิบห้า
“โอ้ ไปสิลูก ไป ไอ้หนู” พ่อพับหนังสือพิมพ์เก็บ และลากตัวไนล์ออกจากเก้าอี้(และพรากเขาจากขนมปังปิ้งทาเนยสุดที่รักของเขาด้วย) ฉันหันไปรับกระเป๋าเอกสารของพ่อ กระเป๋าสะพายของฉันและของไนล์จากแม่ และเดินตามการต่อสู้แย่งชิงอิสระของไนล์จากพ่อออกไป
“เย็นนี้ อย่าลืมชวนครอบครัวลาห์สันมาด้วยนะ แม่จะอบเครปเค้กไว้รอหนูนะ”
“ค่ะ แม่ เจอกันตอนเย็น” ฉันพูดก่อนจะดึงประตูปิดเบาๆ แต่เสียงแม่ก็ลอดออกมาอยากมีความสุขสุดๆ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ เนเฟอร์มีร่า” ให้ตายเถอะ แม่เรียกชื่อเต็มฉัน แล้วใช้เสียงอย่างกับโอเปร่าไล่หลังฉันมา
…ใช่ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน