ถ้าผมบอกว่า เฮีย G กับ เฮียด้าย เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ใครจะเชื่อผมบ้าง? ผมเชื่อว่า แท้จริงคนคู่นี้มีแนวคิดที่เหมือนกันมาก แต่แตกต่างกันตรงที่การตอบสนองต่อสิ่งเร้า
เฮีย จี มีแนวคิดคล้ายกันกับแนวคิดทฤษฎีผลประโยชน์ของคุณพิชัย กล่าวคือ เฮียจีเชื่อว่าในตลาดหุ้นนั้นมีเจ้ามือรายใหญ่ ที่สามารถ control การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ ซึ่งเมื่อก่อน เฮียจีเป็นสายกราฟ แต่เขาได้สิ้นศรัทธาและหันหลังให้กับเทคนิคคอล เนื่องจากมีเหตุการณ์หลายอย่างที่บ่งชี้ ว่าเจ้ามือหักกราฟ
ดังนั้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเฮียจีก็คือการยอมรับในเจ้ามือ การสมัครเป็นพวก การทำตัวเป็นเหาฉลาม โดยเมื่อเขาเห็นราคาหุ้นตกลงอย่างมาก เมื่อได้เห็นเม่า cut loss เขาจึงพยายามหาจังหวะเข้าซื้อหุ้น ให้ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุด เพราะคนส่วนใหญ่ขาย แสดงว่ามีต้องมีเจ้ามือรายใหญ่ซื้อ ดังนั้นหุ้นที่เขาซื้อจึงมีราคาที่ใกล้เคียงกับเจ้ามือ และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับเจ้ามือ
ในส่วนเฮียด้ายนั้น ทำการวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศแล้ว พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นบริษัทต่างๆ ก็มีผลประกอบการไม่ค่อยดี เมื่อผลกำไรไม่ดี ก็ส่งผลต่อการปันผล ในที่สุดก็ย้อนกับไปที่ราคาหุ้น แต่ในโลกความเป็นจริงหุ้นไม่ได้ตก แต่กำลังขึ้น เขาจึงคิดว่าเจ้ามือกำลังลากหุ้น พาแมงเม่าไปเฝ้าดอย
ดังนั้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเฮียด้ายก็คือการต่อต้านเจ้ามือ การไม่ไว้ใจ มองเจ้ามือเป็นเหมือนภูตผีปีศาจ เขาจึงใช้วิธี S ที่แนวต้าน เพื่อหาจุดกลับตัว โดยมีความเชื่อว่าสักวัน เจ้ามือต้องเปิดเผยธาตุแท้ (สันดาน) ออกมา ด้วยการทุบหุ้น เพื่อยัดของใส่มือเม่า แล้วหอบเอาเงินไปเที่ยว และเมื่อวันนั้นมาถึง เขาก็จะได้เป็นตำนานบทใหม่ของชาวสินธรต่อจากเฮียจี
สรุป พวกเขาเชื่อว่าเจ้ามือปั่นหุ้นขึ้นมาเหมือนกัน แต่การเลือกใช้เทคนิคที่ต่างกัน ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากัน เปรียบได้กับฝาแฝดที่พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้เขาต้องลาจากกันไป และมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง G (แม่ทัพขาเชียร์) กับ GFTS (แม่ทัพขาแช่ง)
เฮีย จี มีแนวคิดคล้ายกันกับแนวคิดทฤษฎีผลประโยชน์ของคุณพิชัย กล่าวคือ เฮียจีเชื่อว่าในตลาดหุ้นนั้นมีเจ้ามือรายใหญ่ ที่สามารถ control การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ ซึ่งเมื่อก่อน เฮียจีเป็นสายกราฟ แต่เขาได้สิ้นศรัทธาและหันหลังให้กับเทคนิคคอล เนื่องจากมีเหตุการณ์หลายอย่างที่บ่งชี้ ว่าเจ้ามือหักกราฟ
ดังนั้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเฮียจีก็คือการยอมรับในเจ้ามือ การสมัครเป็นพวก การทำตัวเป็นเหาฉลาม โดยเมื่อเขาเห็นราคาหุ้นตกลงอย่างมาก เมื่อได้เห็นเม่า cut loss เขาจึงพยายามหาจังหวะเข้าซื้อหุ้น ให้ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุด เพราะคนส่วนใหญ่ขาย แสดงว่ามีต้องมีเจ้ามือรายใหญ่ซื้อ ดังนั้นหุ้นที่เขาซื้อจึงมีราคาที่ใกล้เคียงกับเจ้ามือ และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับเจ้ามือ
ในส่วนเฮียด้ายนั้น ทำการวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศแล้ว พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นบริษัทต่างๆ ก็มีผลประกอบการไม่ค่อยดี เมื่อผลกำไรไม่ดี ก็ส่งผลต่อการปันผล ในที่สุดก็ย้อนกับไปที่ราคาหุ้น แต่ในโลกความเป็นจริงหุ้นไม่ได้ตก แต่กำลังขึ้น เขาจึงคิดว่าเจ้ามือกำลังลากหุ้น พาแมงเม่าไปเฝ้าดอย
ดังนั้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเฮียด้ายก็คือการต่อต้านเจ้ามือ การไม่ไว้ใจ มองเจ้ามือเป็นเหมือนภูตผีปีศาจ เขาจึงใช้วิธี S ที่แนวต้าน เพื่อหาจุดกลับตัว โดยมีความเชื่อว่าสักวัน เจ้ามือต้องเปิดเผยธาตุแท้ (สันดาน) ออกมา ด้วยการทุบหุ้น เพื่อยัดของใส่มือเม่า แล้วหอบเอาเงินไปเที่ยว และเมื่อวันนั้นมาถึง เขาก็จะได้เป็นตำนานบทใหม่ของชาวสินธรต่อจากเฮียจี
สรุป พวกเขาเชื่อว่าเจ้ามือปั่นหุ้นขึ้นมาเหมือนกัน แต่การเลือกใช้เทคนิคที่ต่างกัน ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากัน เปรียบได้กับฝาแฝดที่พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้เขาต้องลาจากกันไป และมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง