เนื่องจากชอบหมาแมวมาก ตอนเด็กๆที่บ้านก็เลี้ยงหมา
แต่ตั้งแต่แต่งงานออกมาอยู่บ้านแฟน ทำงานกงสีค่อยข้างเครียด
ครอบครัวทางสามีค่อนข้างจับผิดนั่นนี่ตลอด สามีเคยถามว่า
อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ให้ทำไปเถอะ เราจึงบอกแฟนว่า
อยากมีสัตว์เลี้ยงสักตัว และช่วงนั้นแฟนทำผิดกับเราเรื่องใหญ่
จึงยอมให้เราเลี้ยงสัตว์ แต่ไม่เอาพวกที่ส่งเสียงรบกวน
เราจึงเลือกแมว ซึ่งเลือกพันธ์ุที่ไม่ค่อยส่งเสียงให้รำคาญใคร
หลังจากเลี้ยงมา แม่สามีก็จะว่าลับหลังบ้าง ต่อหน้าบ้าง
ซึ่งเราไม่เคยต่อปากต่อคำ เราเลี้ยงอย่างดี ทำความสะอาดอย่างดี
เวลาเราคุยกับแฟนเรื่องเหม็น (เรื่องตดเราเอง เราไม่ถ่ายหลายวัน)
เค้าเดินมาพอได้ยินเหม็น ก็ว่าทันทีใช่แมวเธอเหม็นมาก
เรากับแฟนก็เอ๋อไปเกี่ยวอะไรกับแมวอ่ะ พออธิบายว่าเราคุยอะไร
เค้าก็ไม่สนใจ เดินหนีไปเลย ซึ่งเรื่องเหม็นการันตีได้เลย
ว่าแมวเราหอมจริงๆเพื่อนทุกคนมาเล่นกับมันก็ชมว่า
แมวเราตัวหอม เราเช็ดตัวทุกวัน เช็ดหูอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
อาบน้ำทุก 2 อาทิตย์ อึฉี่เก็บทิ้งใส่ถุงพลาสติกมัดปากอย่างดี
หวีขนทุกวัน ดูดฝุ่นทุก 2 วัน เช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกสัปดาห์
แต่แม่สามีก็ไม่พอใจบอกว่าแมวสกปรก ไม่เห็นมีอะไรดี
ซึ่งเราก็อดทน เพราะเราเอาเค้ามาเลี้ยงจะให้ทิ้งหรือยกให้ใคร
เราไม่ทำเด็ดขาด ก็พยายามไม่สร้างปัญหาให้ใคร
แต่แม่แฟนเค้าก็พยายามมากๆในการจะหาเรื่องแมวให้ได้
ซึ่งตอนนี้ก็ถึงกับอ้างว่า มีคนตายเพราะแมว
1. ขนแมวเข้าปอด มีรู้จัก(ซึ่งแม่สามีอ้างถึง) บอกว่าญาติเค้าตายเพราะแมว
หมอฝ่าปอดพบว่ามีขนแมวเต็มปอด เราก็อธิบายว่า ยากมากๆ
จนเกือบจะเป็นไปไม่ได้
2. คนงานพม่า ที่แม่สามีรู้จักบอกว่า พึ่สะใภ้ตอนมาทำงานที่ไทย
แล้วเจ้านายเลี้ยงหมาเยอะ ตอนนี้ป่วยกลับรักษาตัวอยู่พม่า
บอกว่าหมอที่พม่าบอกพี่สะใภ้ใกล้จะตาย หมอบอกว่าในกระเพาะ
มีแต่ขนหมาเต็มกระเพาะไปหมด
ตอนแรกเราจะให้เลี้ยงข้างล่าง แต่ที่บ้านของแม่สามีสมบัติเยอะมาก
แล้วจะเก็บจะหยิบอะไรก็จะบ่นจะว่า จนสามีสั่งห้ามไม่ให้เราไปยุ่งของๆเค้า
มันจะรกต้องปล่อยไว้แบบนั้นเพื่อตัดปัญหา เค้าก็เสนอให้เลี้ยงข้างล่าง
เราก็บอกเค้าว่าแมวมันกำลังซน จะทำข้างของเสียหายไหม เพราะบ้านของเยอะ
เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร ปรากฏแมวซน ปีนทุกอย่างที่ทำได้ตามประสาแมว
เค้าก็มาบ่นว่า ปีนเจ้าที่ไปเล่นของไหว้ วันต่อมามันก็ปีนไปหาเจ้าแม่กวนอิม
วันต่อมาเค้าก็ตีมัน เค้าไม่บอกเราแต่บอกแฟนเรา แล้วก็ขังมันทั้งวันในกรงผ้าใบ
เค้าบอกว่ามันปันมุ้งลวด ซึ่งมุ้งลวดราคาแพง (มุ้งลวดแบบเลื่อนเปิดปิดได้)
เราเลยบอกแฟนว่าเราจะเอามันมาเลี้ยงในห้อง แต่เราทำความสะอาดอย่างดี
ซึ่งไม่มีเรื่องกลิ่นแน่นอน ยกเว้นตอนให้กินขนมแมวจะมีกลิ่นปลา แต่เราก็ไม่ปล่อยค้าง
กินเสร็จเก็บล้างทันที
เราจะอธิบายยังไงกับแม่สามีดี เราพยายามลดการหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหา
แต่แม่สามีพยายามวกทุกเรื่องให้เกี่ยวกับแมวให้ได้ทุกเรื่อง
ซึ่งบางเรื่องไม่เกี่ยวกับแมวเลย จะเอาให้เกี่ยวให้ได้เรื่องพวกนั้นทนได้
แต่เรื่องตายเพราะขนแมวเข้าปอด หรือตายเพราะขนแมวเต็มกระเพาะเราไม่ไหว
ล่าสุดเราไปหาหมอเรื่องแท้งสามีก็ถามหมอว่าการเลี้ยงแมวทำให้แท้งไหม
แล้วการเลี้ยงแมวทำให้ลูกในครรภ์เป็นโรคไหม อันตรายต่อเด็กในครรภ์ไหม
ซึ่งคุณหมอก็อธิบายให้ฟัง สามีดูจะเข้าใจดีว่าไม่เกี่ยว ก็จบไป
ล่าสุดเราไปหาหมอเรื่องไส้ติ่ง แม่สามีก็จะให้สามีไปถามหมออีก พอสามีอธิบาย
แม่สามีบอกว่าคนนั้นไม่เก่งหมอคนนี้เก่งกว่า ซึ่งหมอก็บอกเหมือนเดิม
ทำยังไงดีหรือมีเอกสารอะไรเอามาให้เค้าอ่านบ้างได้ไหมค่ะ
เราต้องฟังเรื่องคนตายจากแมวทุกครั้งที่เจอหน้า เรารู้สึกว่า
เค้าอคติกับแมวเราไปไหม
จะอธิบายยังไงกับคนที่มีอคติกับสัตว์เลี้ยง
แต่ตั้งแต่แต่งงานออกมาอยู่บ้านแฟน ทำงานกงสีค่อยข้างเครียด
ครอบครัวทางสามีค่อนข้างจับผิดนั่นนี่ตลอด สามีเคยถามว่า
อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ให้ทำไปเถอะ เราจึงบอกแฟนว่า
อยากมีสัตว์เลี้ยงสักตัว และช่วงนั้นแฟนทำผิดกับเราเรื่องใหญ่
จึงยอมให้เราเลี้ยงสัตว์ แต่ไม่เอาพวกที่ส่งเสียงรบกวน
เราจึงเลือกแมว ซึ่งเลือกพันธ์ุที่ไม่ค่อยส่งเสียงให้รำคาญใคร
หลังจากเลี้ยงมา แม่สามีก็จะว่าลับหลังบ้าง ต่อหน้าบ้าง
ซึ่งเราไม่เคยต่อปากต่อคำ เราเลี้ยงอย่างดี ทำความสะอาดอย่างดี
เวลาเราคุยกับแฟนเรื่องเหม็น (เรื่องตดเราเอง เราไม่ถ่ายหลายวัน)
เค้าเดินมาพอได้ยินเหม็น ก็ว่าทันทีใช่แมวเธอเหม็นมาก
เรากับแฟนก็เอ๋อไปเกี่ยวอะไรกับแมวอ่ะ พออธิบายว่าเราคุยอะไร
เค้าก็ไม่สนใจ เดินหนีไปเลย ซึ่งเรื่องเหม็นการันตีได้เลย
ว่าแมวเราหอมจริงๆเพื่อนทุกคนมาเล่นกับมันก็ชมว่า
แมวเราตัวหอม เราเช็ดตัวทุกวัน เช็ดหูอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
อาบน้ำทุก 2 อาทิตย์ อึฉี่เก็บทิ้งใส่ถุงพลาสติกมัดปากอย่างดี
หวีขนทุกวัน ดูดฝุ่นทุก 2 วัน เช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกสัปดาห์
แต่แม่สามีก็ไม่พอใจบอกว่าแมวสกปรก ไม่เห็นมีอะไรดี
ซึ่งเราก็อดทน เพราะเราเอาเค้ามาเลี้ยงจะให้ทิ้งหรือยกให้ใคร
เราไม่ทำเด็ดขาด ก็พยายามไม่สร้างปัญหาให้ใคร
แต่แม่แฟนเค้าก็พยายามมากๆในการจะหาเรื่องแมวให้ได้
ซึ่งตอนนี้ก็ถึงกับอ้างว่า มีคนตายเพราะแมว
1. ขนแมวเข้าปอด มีรู้จัก(ซึ่งแม่สามีอ้างถึง) บอกว่าญาติเค้าตายเพราะแมว
หมอฝ่าปอดพบว่ามีขนแมวเต็มปอด เราก็อธิบายว่า ยากมากๆ
จนเกือบจะเป็นไปไม่ได้
2. คนงานพม่า ที่แม่สามีรู้จักบอกว่า พึ่สะใภ้ตอนมาทำงานที่ไทย
แล้วเจ้านายเลี้ยงหมาเยอะ ตอนนี้ป่วยกลับรักษาตัวอยู่พม่า
บอกว่าหมอที่พม่าบอกพี่สะใภ้ใกล้จะตาย หมอบอกว่าในกระเพาะ
มีแต่ขนหมาเต็มกระเพาะไปหมด
ตอนแรกเราจะให้เลี้ยงข้างล่าง แต่ที่บ้านของแม่สามีสมบัติเยอะมาก
แล้วจะเก็บจะหยิบอะไรก็จะบ่นจะว่า จนสามีสั่งห้ามไม่ให้เราไปยุ่งของๆเค้า
มันจะรกต้องปล่อยไว้แบบนั้นเพื่อตัดปัญหา เค้าก็เสนอให้เลี้ยงข้างล่าง
เราก็บอกเค้าว่าแมวมันกำลังซน จะทำข้างของเสียหายไหม เพราะบ้านของเยอะ
เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร ปรากฏแมวซน ปีนทุกอย่างที่ทำได้ตามประสาแมว
เค้าก็มาบ่นว่า ปีนเจ้าที่ไปเล่นของไหว้ วันต่อมามันก็ปีนไปหาเจ้าแม่กวนอิม
วันต่อมาเค้าก็ตีมัน เค้าไม่บอกเราแต่บอกแฟนเรา แล้วก็ขังมันทั้งวันในกรงผ้าใบ
เค้าบอกว่ามันปันมุ้งลวด ซึ่งมุ้งลวดราคาแพง (มุ้งลวดแบบเลื่อนเปิดปิดได้)
เราเลยบอกแฟนว่าเราจะเอามันมาเลี้ยงในห้อง แต่เราทำความสะอาดอย่างดี
ซึ่งไม่มีเรื่องกลิ่นแน่นอน ยกเว้นตอนให้กินขนมแมวจะมีกลิ่นปลา แต่เราก็ไม่ปล่อยค้าง
กินเสร็จเก็บล้างทันที
เราจะอธิบายยังไงกับแม่สามีดี เราพยายามลดการหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหา
แต่แม่สามีพยายามวกทุกเรื่องให้เกี่ยวกับแมวให้ได้ทุกเรื่อง
ซึ่งบางเรื่องไม่เกี่ยวกับแมวเลย จะเอาให้เกี่ยวให้ได้เรื่องพวกนั้นทนได้
แต่เรื่องตายเพราะขนแมวเข้าปอด หรือตายเพราะขนแมวเต็มกระเพาะเราไม่ไหว
ล่าสุดเราไปหาหมอเรื่องแท้งสามีก็ถามหมอว่าการเลี้ยงแมวทำให้แท้งไหม
แล้วการเลี้ยงแมวทำให้ลูกในครรภ์เป็นโรคไหม อันตรายต่อเด็กในครรภ์ไหม
ซึ่งคุณหมอก็อธิบายให้ฟัง สามีดูจะเข้าใจดีว่าไม่เกี่ยว ก็จบไป
ล่าสุดเราไปหาหมอเรื่องไส้ติ่ง แม่สามีก็จะให้สามีไปถามหมออีก พอสามีอธิบาย
แม่สามีบอกว่าคนนั้นไม่เก่งหมอคนนี้เก่งกว่า ซึ่งหมอก็บอกเหมือนเดิม
ทำยังไงดีหรือมีเอกสารอะไรเอามาให้เค้าอ่านบ้างได้ไหมค่ะ
เราต้องฟังเรื่องคนตายจากแมวทุกครั้งที่เจอหน้า เรารู้สึกว่า
เค้าอคติกับแมวเราไปไหม