เนื่องจากช่วงนี้เห็นกระทู้ถามเรื่องนี้บ่อยมาก เนื่องจากเราเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้างเลยอยากจะมาเล่าให้ฟัง เผื่อใครที่กำลังเจอกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ หรือกำลังตัดสินใจจะดูไว้ว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือเปล่า
ตัว จขกท เองเคยมีแฟนแค่สองคนในชีวิต ส่วนช่วงที่ไม่มีแฟนก็ใช้ชีวิตโสดอย่างเต็มที่ด้วยการออกไปเจอคนใหม่ๆ ขอเรียกว่าคู่เดทแล้วกัน
มีคนเข้ามาคุยด้วยเรื่อยๆ ก็คุยได้ทุกคนเพราะเราโสดไง มีนัดไปทานข้าว ไปดูหนัง ไปเดินเล่น ก็เป็นกิจกรรมการออกเดทปรกติ คนใหนที่เข้ามาแล้วดูไม่โอเคก็คัดทิ้ง ส่วนมากเจอกันครั้งเดียวก็ตัดออกเลย ส่วนคนที่คุยด้วยแล้วรู้สึกดีก็เก็บไว้ ว่างๆ ก็ไปทานข้าวด้วยกัน ( สานแดรกต้องมา ฮ่าๆๆ
) เราเรียกช่วงนี้ว่าช่วงเลือก เราจะสบายๆ กับตัวเองมากๆ รอเจอคนที่คิดว่าใช่ที่สุดแล้วค่อยจริงจัง เลือกได้ เราต้องมั่นหน้า ( อย่าหมั่นใส้นะ
)
ช่วงที่เลิกกับแฟนก็เฮิร์ทมากๆ ออกเดทเป็นงานอดิเรก แล้วไปเจอผู้ชายคนนึง อายุเยอะกว่าเราเกินรอบ แต่คุยกันแล้วถูกคอ หน้าที่การงานก็ดี แถมมีคอนโดอยู่เมืองไทยแค่ต้องไปทำงานต่างประเทศเดือนละ 1-2 อาทิตย์ ตัวเค้าเองเพิ่งเลิกกับแฟน เค้าเองก็กำลังหาแฟนอยู่ ขอย้ำว่าตอนที่คุยกันคือฮีบอกว่า อยากหาแฟน!!! อยากมีครอบครัวเพราะแก่แล้ว พอไปเจอตัวจริงเรารู้สึกโอเคกับคนนี้ แล้วตอนนั้นอารมณ์สาวโสดมันหายไป แบบอยากมีคนมาดูแล อยากมีคนให้บอกรักไรงี้ หึๆๆๆ
ตอนแรกๆ ก็คุยกันเหมือนแฟนเลย พาไปกินข้าว ดูหนัง พูดเรื่องอนาคต บลาๆ แฮปปี้ แต่พอหลังจากนั้นไม่นานเริ่มมีบ่นเรื่องเงิน ไม่รู้วันนั้นนางเมนมาหรืออะไร ไปกินข้าวร้าน at 9 café ด้วยกันแล้วพูดว่า
“ ยูไม่คิดจะจ่ายเงินบ้างเลยหรอ อย่างน้อยๆ จ่ายภาษีกับเซอร์ก็ยังดี “
เรานี่หน้าชาสิ ไม่ใช่อายมันนะ กุอายเด็กเช็คบิลยืนหัวโด่อยู่นี่!
จ่ายเงินเสร็จเราเดินออกมาหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น นางเดินมาจะจับมือแล้วก็ชวนคุยเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... หน้ามึนมากย่ะ วันนั้นเราแทบไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะให้นางมาโดนตัวเราเลย แต่ก็เก็บความโกรธไว้ในใจจนกลับมาบ้าน เราคุยเรื่องนี้เลย นางทำงานำได้เงินเดือนสูงลิ่ว อยู่คอนโดค่าเช่าเดือนละหลายหมื่น แค่ค่าน้ำ ค่าไฟก็เกือบเท่าเงินเดือนเราแล้ว ไปกินข้าวทีมื้อนึงอย่างต่ำสุดก็ 1500 + เราทำงานกินเงินเดือนปริญญาตรีกับค่าคอมอีกนิดหน่อย เจอกันแทบทุกอาทิตย์จะให้หารค่าข้าวเนี่ยนะ ไม่ใหวมั้ง
นางก็รับฟังค่ะ บรรยากาศเย็นมาก เงียบยังกับป่าช้า สุดท้ายก็เอ่ยปากขอโทษและบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ เค้าชวนมาเค้าจะจ่ายเอง ปิดประเด็นไป
“ ผู้ชายที่รักเราเค้าจะไม่งก กับเราค่ะ ต่อให้ไม่มีเงินเค้าก็จะพยายามดูแลเรา ถ้ารวยขนาดนี้แล้วงกก็เตรียมตัวลา “
คบกันมาเรื่อยๆ จนวันนึงเราเผลอไปเรียกนางว่าแฟน ( จริงๆ นี่คิดว่าเป็นแฟนแล้วนะ ทุกอย่างมันชัดมาก ) จนกลับมาถึงบ้านไลน์คุยกัน นางบอกว่าเราเด็กเกินไปที่จะเป็นแฟนนาง เดี๋ยวนะ!! ตากูเสียเปล่าวะ! คือนางพูดได้แบบมึนมาก เพราะนางก็รู้ว่าเราอายุเท่าใหร่ตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน แล้วมาพูดว่า กุเด็กเกินไปเนี่ยนะ ฟรั๊คคคคค
เทรนด์สุดฮิตของยุคนี้ “ คบกันแบบไม่มีสถานะ “ ( ตอนเดียวจบ )
ตัว จขกท เองเคยมีแฟนแค่สองคนในชีวิต ส่วนช่วงที่ไม่มีแฟนก็ใช้ชีวิตโสดอย่างเต็มที่ด้วยการออกไปเจอคนใหม่ๆ ขอเรียกว่าคู่เดทแล้วกัน มีคนเข้ามาคุยด้วยเรื่อยๆ ก็คุยได้ทุกคนเพราะเราโสดไง มีนัดไปทานข้าว ไปดูหนัง ไปเดินเล่น ก็เป็นกิจกรรมการออกเดทปรกติ คนใหนที่เข้ามาแล้วดูไม่โอเคก็คัดทิ้ง ส่วนมากเจอกันครั้งเดียวก็ตัดออกเลย ส่วนคนที่คุยด้วยแล้วรู้สึกดีก็เก็บไว้ ว่างๆ ก็ไปทานข้าวด้วยกัน ( สานแดรกต้องมา ฮ่าๆๆ ) เราเรียกช่วงนี้ว่าช่วงเลือก เราจะสบายๆ กับตัวเองมากๆ รอเจอคนที่คิดว่าใช่ที่สุดแล้วค่อยจริงจัง เลือกได้ เราต้องมั่นหน้า ( อย่าหมั่นใส้นะ )
ช่วงที่เลิกกับแฟนก็เฮิร์ทมากๆ ออกเดทเป็นงานอดิเรก แล้วไปเจอผู้ชายคนนึง อายุเยอะกว่าเราเกินรอบ แต่คุยกันแล้วถูกคอ หน้าที่การงานก็ดี แถมมีคอนโดอยู่เมืองไทยแค่ต้องไปทำงานต่างประเทศเดือนละ 1-2 อาทิตย์ ตัวเค้าเองเพิ่งเลิกกับแฟน เค้าเองก็กำลังหาแฟนอยู่ ขอย้ำว่าตอนที่คุยกันคือฮีบอกว่า อยากหาแฟน!!! อยากมีครอบครัวเพราะแก่แล้ว พอไปเจอตัวจริงเรารู้สึกโอเคกับคนนี้ แล้วตอนนั้นอารมณ์สาวโสดมันหายไป แบบอยากมีคนมาดูแล อยากมีคนให้บอกรักไรงี้ หึๆๆๆ
ตอนแรกๆ ก็คุยกันเหมือนแฟนเลย พาไปกินข้าว ดูหนัง พูดเรื่องอนาคต บลาๆ แฮปปี้ แต่พอหลังจากนั้นไม่นานเริ่มมีบ่นเรื่องเงิน ไม่รู้วันนั้นนางเมนมาหรืออะไร ไปกินข้าวร้าน at 9 café ด้วยกันแล้วพูดว่า
“ ยูไม่คิดจะจ่ายเงินบ้างเลยหรอ อย่างน้อยๆ จ่ายภาษีกับเซอร์ก็ยังดี “
เรานี่หน้าชาสิ ไม่ใช่อายมันนะ กุอายเด็กเช็คบิลยืนหัวโด่อยู่นี่!
จ่ายเงินเสร็จเราเดินออกมาหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น นางเดินมาจะจับมือแล้วก็ชวนคุยเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... หน้ามึนมากย่ะ วันนั้นเราแทบไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะให้นางมาโดนตัวเราเลย แต่ก็เก็บความโกรธไว้ในใจจนกลับมาบ้าน เราคุยเรื่องนี้เลย นางทำงานำได้เงินเดือนสูงลิ่ว อยู่คอนโดค่าเช่าเดือนละหลายหมื่น แค่ค่าน้ำ ค่าไฟก็เกือบเท่าเงินเดือนเราแล้ว ไปกินข้าวทีมื้อนึงอย่างต่ำสุดก็ 1500 + เราทำงานกินเงินเดือนปริญญาตรีกับค่าคอมอีกนิดหน่อย เจอกันแทบทุกอาทิตย์จะให้หารค่าข้าวเนี่ยนะ ไม่ใหวมั้ง
นางก็รับฟังค่ะ บรรยากาศเย็นมาก เงียบยังกับป่าช้า สุดท้ายก็เอ่ยปากขอโทษและบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะ เค้าชวนมาเค้าจะจ่ายเอง ปิดประเด็นไป
“ ผู้ชายที่รักเราเค้าจะไม่งก กับเราค่ะ ต่อให้ไม่มีเงินเค้าก็จะพยายามดูแลเรา ถ้ารวยขนาดนี้แล้วงกก็เตรียมตัวลา “
คบกันมาเรื่อยๆ จนวันนึงเราเผลอไปเรียกนางว่าแฟน ( จริงๆ นี่คิดว่าเป็นแฟนแล้วนะ ทุกอย่างมันชัดมาก ) จนกลับมาถึงบ้านไลน์คุยกัน นางบอกว่าเราเด็กเกินไปที่จะเป็นแฟนนาง เดี๋ยวนะ!! ตากูเสียเปล่าวะ! คือนางพูดได้แบบมึนมาก เพราะนางก็รู้ว่าเราอายุเท่าใหร่ตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน แล้วมาพูดว่า กุเด็กเกินไปเนี่ยนะ ฟรั๊คคคคค