ภาพยนตร์เรื่อง Regression (2015) ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Alejandro Amenábar มานั่งแท่นกำกับและเขียนบทเองซะด้วย ซึ่งคอหนังผีหักมุมคงจะรู้จักผลงานของอเลฮานโดรได้ดีจากภาพยนตร์เรื่อง The Others (2001)

ความคาดหวังของผู้ชมคอหนังผีสั่นประสาทจึงมีค่อนข้างจะสูงในหนังเรื่อง Regression กันพอสมควร แต่ตัวผมผู้เขียนรีวิวนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะเอาไปเทียบกับ The Others หรือหนังแนวๆเดียวกันเรื่องอื่นๆแต่อย่างใด มันคนละยุคคนละสมัย ความสดใหม่ และเนื้อเรื่องคนละอย่าง มันจึงเทียบกันไม่ได้ ผมหวังให้หนังเรื่องนี้ชนะตัวของมันเอง ไม่ต้องไปเทียบกับหนังแนวๆเดียวกันเรื่องอื่นๆ ซึ่งถ้าทำออกมาแล้วสนุก นั่นหมายความว่า หนังทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆนั่นเอง

เมื่อเปิดสมองรับรู้ให้โล่ง นั่งพิงเก้าอี้ พร้อมกับแอร์ในโรงหนังเย็นๆ ก็พร้อมรับสารที่หนังส่งมาแล้วครับ และแน่นอนว่า ผมจะไม่สปอยล์เนื้อเรื่องที่มีส่วนสำคัญนะครับ แค่บรรยายบรรยากาศรวมๆเท่านั้น

หนังจัดหนักชวนเครียดเหมือนชื่อหัวรีวิวตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง แต่เครียดในแบบที่ดีนะครับ เรื่องราวในหนังเกิดช่วงปีค.ศ. 1990 เริ่มมาด้วยเรื่องราวของ Angela Gray รับบทโดย Emma Watson ซึ่งฟ้องร้องพ่อตนเองในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเธอ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ Angela Gray จำเรื่องราวส่วนนั้นไม่ได้ เหมือนมีใครมาทำลายความจำส่วนนั้นของเธอไป นั่นจึงเป็นหน้าที่ของนักสืบ Bruce Kenner รับบทโดย Ethan Hawke ที่จะต้องเข้ามาไขปมปริศนาสืบเรื่องราว และประกอบจิ๊กซอร์ต่างๆให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อจะได้เห็นภาพรวมที่ถูกต้องชัดเจนว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?



Bruce Kenner เริ่มก้าวเข้าไปสู่เรื่องราวของโลกอีกโลกหนึ่ง ทั้งเรื่องราวอำนาจลึกลับ ปีศาจ ซาตาน การบูชายัญ จากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ Bruce Kenner ก็ค่อยๆไซโคตัวเองจากการสะสมความเครียดในทุกๆวัน ให้ตัวเองเริ่มหวาดกลัวและเชื่อในลัทธิซาตาน ซึ่งทำให้เขาถลำลึกลงไปในเรื่องราวหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆจนยากจะถอนตัว!!

บทของ Bruce Kenner ที่รับบทโดย Ethan Hawke นั้น เฮียอีธานแกเครียดจัดตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องยันจบเรื่องเลยละครับ คือเครียดเหมือนทั้งชีวิตนี้เฮียไม่เคยยิ้มเลย555+ ซึ่งเป็นบทที่พยุงหนังทั้งเรื่องไว้เลยทีเดียว อีธานนั้นผมถือว่าเป็นดารามากความสามารถคนหนึ่งในฮอลลีวูดละ ผมยกให้เฮียเลย หลายต่อหลายเรื่องที่อีธานนั้นขับเคลื่อนหนังทั้งเรื่องได้ด้วยตนเอง ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน ผมให้10กระโหลกไปเลยครับสำหรับอีธาน



บทของ Angela Gray รับบทโดย Emma Watson นั้นก็ใช่ย่อยเช่นกันครับ บอกตรงๆว่าผมลืมภาพเฮอไมโอนี่ไปนานแล้วสำหรับนักแสดงสาวท่านนี้ ออร่าคาริสม่านี่มาเต็มเปี่ยมในหนังทุกๆเรื่องที่เธอร่วมแสดง ไม่จำเป็นต้องเกาะบุญเก่าหากิน แต่บทเรื่องนี้มันยังไม่สุดสำหรับเอ็มม่านะผมว่า ครึ่งแรกมาดี ครึ่งหลังเดาทางง่ายไปหน่อย บทของเอ็มม่าจึงมาแผ่วในตอนท้ายเรื่อง  ถ้าเขียนบทให้เอ็มม่ามีอะไรเล่นมากกว่านี้ช่วงท้าย เอ็มม่ามีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์เลยนะ (แลดูว่าจะเชียร์ออกนอกหน้าไปนะผมเนี่ย 555+)



อันนี้ผมละไว้ในฐานที่ผมดูหนังแนวสืบสวนทริลเลอร์หักมุมมาเยอะนะครับ จึงพอจะเดาทางได้ ความรู้สึกตื่นเต้นจึงดรอปลงไป แต่.. ถ้าคนที่ไม่ใช่คอหนังแนวนี้แบบจ๋าๆ คงจะดูสนุกมากๆแน่นอนครับ อันนี้ผมคอนเฟิร์ม เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ผมก็ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีและสนุกครับ



สรุป ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ผมถือว่าหนังเรื่องนี้สอบผ่านในตัวมันเอง เพราะหนังเปิดเรื่องมาให้คนดูรับทราบตั้งแต่ต้นเรื่องเลยว่า หนังเรื่องนี้มาแนวเครียดๆนะเฟร้ย ท่านผู้ชมทั้งหลายจงปวดหัวและคิดตามหนังไปเรื่อยๆ อย่างที่ผู้กำกับต้องการให้เป็นซะ และเหล่าคนดูจะโดนเรื่องราวในหนังหลอกล่อไปๆมาๆ พอเริ่มคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น ดั๊นนนน.. ออกมาเป็นอย่างนี้ซะได้ บันเทิงมากๆสำหรับผม หักมุมก็ใช้ได้ ไม่น่าเกลียดอย่างที่หลายๆเว็บหลายๆเพจว่าไว้



7/10