สายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม และ ลุฟต์ฮันซา ประกาศว่าจะไม่บินผ่านคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ หลังเครื่องบินโดยสารของรัสเซียประสบอุบัติเหตุตก คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ 224 ศพ“
„สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่1พ.ย.ว่าสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มและ สายการบินลุฟต์ฮันซาประกาศว่าจะไม่บินผ่านคาบสมุทรไซนายของอียิปต์หลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของรัสเซีย“เมโทรเจ็ท” บริหารงานโดยบริษัทโคกาลีมาเวียประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่ของคาบสมุทรไซนายของอียิปต์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังผลให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม224ศพโดยสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มแจ้งว่า เป็นมาตรการป้องกันจนกว่าจะทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินรัสเซียตก
ทั้งนี้สืบเนื่องจากกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสในประเทศอียิปต์ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ทำให้เครื่องบินรัสเซียตกแต่ไม่ได้บอกว่าด้วยวิธีการใดขณะที่รัฐมนตรีคมนาคมของรัสเซียกล่าวว่าข้อกล่าวอ้างนี้ยังไม่ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ถูกต้องซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของอียิปต์ได้พบกล่องดำหรือ เครื่องบันทึกข้อมูลการบินแล้วบอกว่าสาเหตุของเครื่องบินตกไม่ได้เกิดจากการโจมตีอย่างแน่นอน
โฆษกสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มแถลงว่า จะไม่บินผ่านคาบสมุทรไซนายเพื่อเป็นการป้องกันและจนกว่าจะทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่เครื่องบินรัสเซียตกส่วนสายการบินลุฟต์ฮันซาของเยอรมันก็แถลงว่า ใช้มาตรการเดียวกันด้วยเหตุผลเดียวกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเปิดเผยด้วยว่ากลุ่มไอเอสในไซนายไม่มีอาวุธที่จะสามารถยิงเครื่องบินในระดับความสูง30,000ฟุตซึ่งเป็นระดับความสูงเดียวกับที่เครื่องบินรัสเซียขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินแต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ตัดประเด็นเรื่องการวางระเบิดบนเครื่องบินหรือความเป็นไปได้ที่เครื่องบินจะถูกยิงด้วยจรวดเมื่อลดระดับความสูงลงมาเพราะเหตุขัดข้องด้านเทคนิค
เจ้าหน้าที่อาวุโสของหอบังคับการบินอียิปต์เปิดเผยว่า นักบินของเครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัสเอ321ของเมโทรเจ็ทแจ้งในการติดต่อครั้งสุดท้ายว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวิทยุสื่อสาร
เที่ยวบินของเมโทรเจ็ทมีผู้โดยสารเป็นชาวรัสเซีย214คน และยูเครน3คน ส่วนที่เหลืออีก7คนเป็นลูกเรือบินออกจากสนามบินที่เมืองชาร์มเอล-ชีคเมืองท่าตากอากาศริมฝั่งทะเลแดงทางใต้ของคาบสมุทรไซนายจะเดินไปยังเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย
เจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติภัยทางอากาศ2คน จากฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแอร์บัสผู้ผลิตเครื่องบินเดินทางไปอียิปต์แล้วพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญอีก6คนจากแอร์บัสเดินทางไปร่วมสอบสวน“
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/foreign/357987
สายการบินไม่ยอมบินผ่านไซนาย
„สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่1พ.ย.ว่าสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มและ สายการบินลุฟต์ฮันซาประกาศว่าจะไม่บินผ่านคาบสมุทรไซนายของอียิปต์หลังเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของรัสเซีย“เมโทรเจ็ท” บริหารงานโดยบริษัทโคกาลีมาเวียประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่ของคาบสมุทรไซนายของอียิปต์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังผลให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม224ศพโดยสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มแจ้งว่า เป็นมาตรการป้องกันจนกว่าจะทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินรัสเซียตก
ทั้งนี้สืบเนื่องจากกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสในประเทศอียิปต์ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ทำให้เครื่องบินรัสเซียตกแต่ไม่ได้บอกว่าด้วยวิธีการใดขณะที่รัฐมนตรีคมนาคมของรัสเซียกล่าวว่าข้อกล่าวอ้างนี้ยังไม่ถือว่าเป็นข้ออ้างที่ถูกต้องซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของอียิปต์ได้พบกล่องดำหรือ เครื่องบันทึกข้อมูลการบินแล้วบอกว่าสาเหตุของเครื่องบินตกไม่ได้เกิดจากการโจมตีอย่างแน่นอน
โฆษกสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มแถลงว่า จะไม่บินผ่านคาบสมุทรไซนายเพื่อเป็นการป้องกันและจนกว่าจะทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่เครื่องบินรัสเซียตกส่วนสายการบินลุฟต์ฮันซาของเยอรมันก็แถลงว่า ใช้มาตรการเดียวกันด้วยเหตุผลเดียวกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเปิดเผยด้วยว่ากลุ่มไอเอสในไซนายไม่มีอาวุธที่จะสามารถยิงเครื่องบินในระดับความสูง30,000ฟุตซึ่งเป็นระดับความสูงเดียวกับที่เครื่องบินรัสเซียขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินแต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ตัดประเด็นเรื่องการวางระเบิดบนเครื่องบินหรือความเป็นไปได้ที่เครื่องบินจะถูกยิงด้วยจรวดเมื่อลดระดับความสูงลงมาเพราะเหตุขัดข้องด้านเทคนิค
เจ้าหน้าที่อาวุโสของหอบังคับการบินอียิปต์เปิดเผยว่า นักบินของเครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัสเอ321ของเมโทรเจ็ทแจ้งในการติดต่อครั้งสุดท้ายว่ามีปัญหาเกี่ยวกับวิทยุสื่อสาร
เที่ยวบินของเมโทรเจ็ทมีผู้โดยสารเป็นชาวรัสเซีย214คน และยูเครน3คน ส่วนที่เหลืออีก7คนเป็นลูกเรือบินออกจากสนามบินที่เมืองชาร์มเอล-ชีคเมืองท่าตากอากาศริมฝั่งทะเลแดงทางใต้ของคาบสมุทรไซนายจะเดินไปยังเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย
เจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติภัยทางอากาศ2คน จากฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแอร์บัสผู้ผลิตเครื่องบินเดินทางไปอียิปต์แล้วพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญอีก6คนจากแอร์บัสเดินทางไปร่วมสอบสวน“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/357987