เกาหลีใต้จากประเทศที่แทบจะไม่เหลืออะไรตั้งแต่โดนจีนยึดครองเป็นเมืองขึ้นไปจนถึงการกลายเป็นประเทศแนวหน้าที่เปรียบเสมือน"ไม้กันหมา"ในการเผชิญหน้ากับเหล่าประเทศคอมมิวนิสไม่ว่าจะจีน เกาหลีเหนือไปจนถึงโซเวียต ประวัติศาสตร์ของชาติผ่านส่งครามมาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและหยดเลือดตลอดมา ทำให้ประเทศจำต้องฮึดเพื่อมี่จะไม่ให้มากล้ำกลายอธิปไตยของตนเอง การพัฒนาตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสู่ความเป็นผู้นำแห่งเอเชียของประเทศนี้เช่นกัน วันนี้เราจะมาดูผลพวงของความสำเร็จอย่างปืนไรเฟิล ที่เสมือนเป็นก้าวเล็กๆไปสู่ก้าวที่ใหญ่กว่า
ทหารเกาหลีใต้กับปืนไรเฟิล k2
การพัฒนา
หลังจากที่ปืนไรเฟิลของเกาหลีอย่าง k1ซึ่งเป็นปืนไรเฟิลกระบอกแรก"ที่พัฒนาโดยคนเกาหลีเอง" โดยที่เป็นปืนไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติของเกาหลี การพัฒนาปืนไรเฟิลโดยตัวเองก็ตามมาติดๆ นายกรัฐมนตรีของเกาหลีในตอนนั้นอย่าง ปาร์ค ชุง ฮี ได้มีแนวคิดให้ต่อยอดความสำเร็จจากปืนไรเฟิล k1 ของตน ท่านมีแนวคิดที่จะให้เกาหลีพึ่งพาตนเองอย่างจริงจัง โปรเจค xb rifle ที่ต่อยอดมาจากปืนไรเฟิล k1 ของตนได้เริ่มขึ้นในช่วงทศวรรศที่ 1970 การพัฒนาเป็นไปอย่างเชื่องช้า เดิมทีในโปรเจค xb rifle เกาหลีได้นำเจ้า m16 ที่ตนเองทำการซื้อลิขสิทธ์มาผลิตเองมาใช้เป็นรากฐานในการพัฒนา โดยตอนแรกได้ก็อบเจ้า m16 มาทั้งดุ้นแต่มันไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากติดทางลิขสิทธิ์จาก colt บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาอาวุธของสหรัฐ โครงการถูกทิ้งร้างและดูเหมือนจะเป็นแค่ 1 ในหน้าประวัติศาสตร์ของเกาหลีเองที่ประสบความล้มเหลวในปืนไรเฟิลของตตน
daewoo k1 ปืนไรเฟิลแบบแรกที่พัฒนาโดยคนเกาหลีเอง
จนในช่วงทศวรรศที่ 1980 การมาของกระสุนชนิดใหม่ของสหรัฐอย่างกระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 ที่ประสิทธิภาพเหนือกว่ากระสุนแบบ 5.56 x 45mm m193 ที่ใช้ใน m16a1 ของเดิมได้ถูกแทนที่โดยกระสุนแบบ m855 เป็นมาตรฐานใหม่แทน โปรเจค xb ไรเฟิลได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
โดยในการพัฒนาครั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่เคยโดนมาแล้วในช่วงการพัฒนาตอนแรกๆ เกาหลีได้นำปืนแบบต่างทั่วโลกมาเป็นต้นแบบแทน m16 ของตนเพื่อหลีกเลี่ยงลิขสิทธิ์ ปืนต้นแบบทั้ง 6 กระบอกถูกผลิตออกมาจากโรงงานเพื่อเลือกแบบที่ดีที่สุดในการพัฒนาปืนไรเฟิลของตน ในท้ายที่สุดเกาหลีได้เลือกปืน fn fnc มาพัฒนาสำหรับปืนไรเฟิลของตนในชื่อ xb 6 project และพัฒนาต่อเป็น xb7 ตามด้วย xb 7c ตามลำดับ และในท้ายที่สุดในชื่อ xk 2 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า Daewoo Precision Industries K2 หรือเรียกสั้นๆว่า k2 rifle ตัวปืน k2 ออกจากโรงงานครั้งแรกในปี 1984 และกอทัพเกาหลีใต้ได้ประกาศให้ k2 เป็นปืนไรเฟิลหลักของตนแทน m16a1 ในปี 1987
daewoo k2 rifle(บน) วิวัฒนาการของปืนไรเฟิลของโปรเจค xb rifle ตั้งแต่เริ่มโครงการไปจนกลายเป็น k2 rifle
รายละเอียด
ตัวพานท้ายปืน ด้ามจับ และกระโจมมือปืนทำจากโพลีเมอร์คุณภาพสูง พานท้ายที่พับเก็บได้โดยพับไปทางขวาของตัวปืนสำหรับใช้ดัดแปลงเป็นปืนกลมือและสู้รบในสถานที่ที่แคบและต้องใช้ความคล่องตัวในการสู้รบ ตัวปืนทำจากอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่เบาแต่มีความแข็งแกร่ง ตัวโครงล่างของตัวปืนบางส่วนมีความคล้ายคลึงกับ m16 ทางด้านโครงบนปืนจะมีมีช่องสำหรับการถอดแยกตัวปืน ทางระบบชุดลั่นไกและตัว bolt หรือลูกเลื่อนของปืนนั้นตัวปืนได้ถอดแบบมาจากเจ้า m16 มันเหมือนกันขนาดที่ว่าตัวชุดระบบของ bolt และตัว bolt สามารถถอดแลกเปลี่ยนใช้กับ m16 ได้เมื่อกระสุนหมดตัว bolt จะเปิดค้างเองอัตโนมัติเพื่อเป็นการบอกผู้ใช้ว่ากระสุนหมดเหมือนกับทางด้านตัวปืน m16 ทางด้านระบบปฏิบัติการอย่าง gas operate with long strokeได้ถอดแบบมาจาก ak 47 โดยตัวท่อแก๊สและลูกสูบจะอยู่เหนือลำกล้อง ตัวคานเหวี่ยงจะมีหมุดล็อค 7 ตัวโดยติดอยู่กับภายในลำกล้อง คันรั้งตัวปืนที่อยู่ทางด้านขวาและติดล็อคกับตัว bolt ของปืนคันรั้งจะวิ่งถอยหลังไปพร้อมกับ bolt ปืนเมื่อทำการลั่นกระสุน เมื่อเทียบกับระบบ direct impingement ระบบ long stroke จะให้ความเสถียรและคราบเขม่าในตัวลำกล้องและท่อแก๊สน้อยกว่าระบบแบบ direct impingement มากเพราะจะระบายแก๊สตั้งแต่ไปดันตัวลูกสูบทันที ทำให้แก๊สไม่เหลือตกค้างในตัวปืนเพราะระบายออกไปทันที ไม่เหมือนกับ direct impingement ของ m16 ที่ใช้แก๊สไปดัน bolt โดยตรงทำให้มีคราบเขม่าติดอยู่ในท่อแก๊สจำนวนมาก
เจ้า k2 ยังสามารถใช้แม็กกาซีนแบบ stanag มาตรฐานนาโต้ได้ ลำกล้องแบบ 1:7 หมุนเวียนขวาครบรอบที่ 305 mm ถูกนำมาใช้เพื่อรองรับกับกระสุนแบบ 5.56x45 mm m855 ตัวลำกล้องและท่อแก๊สจะถูกล็อคไว้โดยกระโจมมืออีกที k2 มีโหมดการยิง 4 โหมดให้เลือกใช้คือ safe-semi-3 round burst-full auto ปุ่มปรับการยิงของตัวปืนจะอยู่เหนือด้ามจับและอยู่ข้างซ้ายของตัวปืน แต่ตัวปืนจะแหวกแนวกว่าชาวบ้สนเขาหน่อยนึงตรงที่เมื่อขณะทำการยิงในโหมด 3 round burst ถ้าถอดแม็กกาซีนออกก่อนที่กระสุนจะหมดและใส่แม็กกาซีนเข้าไปใหม่ ตัวปืนจะไม่รีเซ็ตโหมดการยิงแบบ semi-auto ให้เองอัติโนมัติ ถึงแม้จะดึงคันรั่งใหม่อีกรอบแล้วก็ตาม ผู้ใช้ต้องปรับเอง ศูนย์หน้าตัวปืนเป็นแบบศูนย์รู โดยศูนย์หน้าของตัวปืนติดตั้งอยู่บน gas block ของตัวปืน ศูนย์หลังของปืนก็เป็นศูนย์รูเช่นกัน ศูนย์หลังมี 2 รูให้ปรับ โดยจะมีศูนย์อยู่ 2 แบบคือศูนย์รูเล็กสำหรับในสภาวะที่แสงปกติ และศูนย์รูใหญ่สำหรับเล็งยิงในสภาวะแสงน้อย ศูนย์หลังจะมีปุ่มหมุนให้ปรับซึ่งสามารถปรับได้สูงสุดคือ 600 เมตร
ศูนย์ของปืน k2 เมื่อมองจากด้านหน้า
ทางด้านเรื่องความสามารถในการติดอุปกรณ์เสริม k2 สามารถติดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 mm แบบ dpi k201 ซึ่งเป็น m203 เวอร์ชั่นที่เกาหลีซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเองโดยตัวเครื่องยิงลูกระเบิดมีระยะยิง 300-400 เมตร k2 ยังสามารถติดขาตั้งและกล้องเล็งกำลังขยาย 4x เพื่อดัดแปลงเป็นปืนกลประจำหมู่และปืนไรเฟิลสำหรับพลแม่นปืนได้อีกด้วย ตัวปืนยังสามารถดัดแปลงให้ติดตั้งรางติดตั้งอุปกรณ์เสริมทั้งแถบเพื่อสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย
k2 กับเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 mm k201
เมื่อเทียบกับ k1
เมื่อเทียบกับเจ้าปืน k1 เจ้า k2 แตกต่าจากเจ้า k1 ดังนี้
1.k1 นั้นออกแบบมาเพื่อใช้เป็นปืนกลมือเน้นการรบในพื้นที่แคบๆ ในขณะที่ k2 นั้นออกแบบมาใช้สำหรับเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมเน้นการรบในทุกสถานการณ์
2.k2 นั้นมีความเสถียรกว่า k1 เพระใช้ระบบ long stroke piston ซึ่งให้ความเสถียรที่เหนือกว่า direct impingment ที่ใช้ใน k1
3.ทั้งคู่ใช้กระสุนขนาดเท่ากันแต่คนละแบบกัน กระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากระสุนแบบ 5.56x45 mm m193 แบบเก่า ที่ใช้ใน k1
4.ทั้งคู่ใช้ลำกล้องเกลียวที่ไม่เหมือนกันโดย k1 จะใช้เกลียวแบบ 1:12 เวียนขวาครบรอบที่ 305 mm ในขณะที่ k2 จะใช้เกลียวลำกล้องแบบ 1:7 เวียนขวาครบรอบที่ 305 mm
5.ทั้งคู่มีลำกล้องยาวไม่เท่ากันเนื่องจากออกแบบมาใช้งานคนละแบบ
6.k2 สวยกว่า k1(เยอะ)
รุ่นต่างๆ
1.k 2a
k2 รุ่นมาตรฐานที่ถูกออกแบบใหม่โดยโครงปืนด้านบนถูกแทนที่รางติดตั้งอุปกรณ์เสริมทั้งหมด และพานท้ายสามารถพับและถอดออกได้
k 2a
2.k 2c
เหมือน k 2a ทุกอย่างแต่พานท้ายและกระโจมมือถูกเปลี่ยนใหม่โดยกระโจมมือแบบเก่าถูกถอดออกไปโดยเป็นกระโจมมือแบบมีรางติดอุปกรณ์ทั้ง 4 ด้าน พานท้ายแบบใหม่ที่คล้ายพานท้ายของ m4 และลำกล้องถูกตัดให้สั้นลงเหลือ 13 นิ้ว ออกแบบมาสำหรับหน่วยรบพิเศษที่ต้องการความสะดวกในการเข้าออกในพื้นที่แคบๆ
k 2c
รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: เกาหลีใต้
อัตราการยิง: 600-750 นัด/นาที
ความยาวลำกล้อง: 18.3 นิ้ว(k2a), 13 นิ้ว(k2c)
น้ำหนัก: 3.2 kg
ระยะหวังผล: 600 เมตร
ขนาดกระสุน: 5.56x45 mm m855
อ้างอิง
http://www.militaryfactory.com/smallarms/detail.asp?smallarms_id=260
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Daewoo_Precision_Industries_K2
https://librewiki.net/wiki/K2_돌격소총
http://world.guns.ru/assault/skor/daewoo-k1-and-k2-e.html
ปล.โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
บทความเก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34381402
http://ppantip.com/topic/34370300?
http://ppantip.com/topic/34358716?
http://ppantip.com/topic/34353645?
http://ppantip.com/topic/34347026?
http://ppantip.com/topic/34342502?
http://ppantip.com/topic/34333351?
http://ppantip.com/topic/34322071?
Daewoo k2 ปืนไรเฟิลเพื่อคนเกาหลี
ทหารเกาหลีใต้กับปืนไรเฟิล k2
การพัฒนา
หลังจากที่ปืนไรเฟิลของเกาหลีอย่าง k1ซึ่งเป็นปืนไรเฟิลกระบอกแรก"ที่พัฒนาโดยคนเกาหลีเอง" โดยที่เป็นปืนไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติของเกาหลี การพัฒนาปืนไรเฟิลโดยตัวเองก็ตามมาติดๆ นายกรัฐมนตรีของเกาหลีในตอนนั้นอย่าง ปาร์ค ชุง ฮี ได้มีแนวคิดให้ต่อยอดความสำเร็จจากปืนไรเฟิล k1 ของตน ท่านมีแนวคิดที่จะให้เกาหลีพึ่งพาตนเองอย่างจริงจัง โปรเจค xb rifle ที่ต่อยอดมาจากปืนไรเฟิล k1 ของตนได้เริ่มขึ้นในช่วงทศวรรศที่ 1970 การพัฒนาเป็นไปอย่างเชื่องช้า เดิมทีในโปรเจค xb rifle เกาหลีได้นำเจ้า m16 ที่ตนเองทำการซื้อลิขสิทธ์มาผลิตเองมาใช้เป็นรากฐานในการพัฒนา โดยตอนแรกได้ก็อบเจ้า m16 มาทั้งดุ้นแต่มันไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากติดทางลิขสิทธิ์จาก colt บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาอาวุธของสหรัฐ โครงการถูกทิ้งร้างและดูเหมือนจะเป็นแค่ 1 ในหน้าประวัติศาสตร์ของเกาหลีเองที่ประสบความล้มเหลวในปืนไรเฟิลของตตน
daewoo k1 ปืนไรเฟิลแบบแรกที่พัฒนาโดยคนเกาหลีเอง
จนในช่วงทศวรรศที่ 1980 การมาของกระสุนชนิดใหม่ของสหรัฐอย่างกระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 ที่ประสิทธิภาพเหนือกว่ากระสุนแบบ 5.56 x 45mm m193 ที่ใช้ใน m16a1 ของเดิมได้ถูกแทนที่โดยกระสุนแบบ m855 เป็นมาตรฐานใหม่แทน โปรเจค xb ไรเฟิลได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
โดยในการพัฒนาครั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ที่เคยโดนมาแล้วในช่วงการพัฒนาตอนแรกๆ เกาหลีได้นำปืนแบบต่างทั่วโลกมาเป็นต้นแบบแทน m16 ของตนเพื่อหลีกเลี่ยงลิขสิทธิ์ ปืนต้นแบบทั้ง 6 กระบอกถูกผลิตออกมาจากโรงงานเพื่อเลือกแบบที่ดีที่สุดในการพัฒนาปืนไรเฟิลของตน ในท้ายที่สุดเกาหลีได้เลือกปืน fn fnc มาพัฒนาสำหรับปืนไรเฟิลของตนในชื่อ xb 6 project และพัฒนาต่อเป็น xb7 ตามด้วย xb 7c ตามลำดับ และในท้ายที่สุดในชื่อ xk 2 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า Daewoo Precision Industries K2 หรือเรียกสั้นๆว่า k2 rifle ตัวปืน k2 ออกจากโรงงานครั้งแรกในปี 1984 และกอทัพเกาหลีใต้ได้ประกาศให้ k2 เป็นปืนไรเฟิลหลักของตนแทน m16a1 ในปี 1987
daewoo k2 rifle(บน) วิวัฒนาการของปืนไรเฟิลของโปรเจค xb rifle ตั้งแต่เริ่มโครงการไปจนกลายเป็น k2 rifle
รายละเอียด
ตัวพานท้ายปืน ด้ามจับ และกระโจมมือปืนทำจากโพลีเมอร์คุณภาพสูง พานท้ายที่พับเก็บได้โดยพับไปทางขวาของตัวปืนสำหรับใช้ดัดแปลงเป็นปืนกลมือและสู้รบในสถานที่ที่แคบและต้องใช้ความคล่องตัวในการสู้รบ ตัวปืนทำจากอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่เบาแต่มีความแข็งแกร่ง ตัวโครงล่างของตัวปืนบางส่วนมีความคล้ายคลึงกับ m16 ทางด้านโครงบนปืนจะมีมีช่องสำหรับการถอดแยกตัวปืน ทางระบบชุดลั่นไกและตัว bolt หรือลูกเลื่อนของปืนนั้นตัวปืนได้ถอดแบบมาจากเจ้า m16 มันเหมือนกันขนาดที่ว่าตัวชุดระบบของ bolt และตัว bolt สามารถถอดแลกเปลี่ยนใช้กับ m16 ได้เมื่อกระสุนหมดตัว bolt จะเปิดค้างเองอัตโนมัติเพื่อเป็นการบอกผู้ใช้ว่ากระสุนหมดเหมือนกับทางด้านตัวปืน m16 ทางด้านระบบปฏิบัติการอย่าง gas operate with long strokeได้ถอดแบบมาจาก ak 47 โดยตัวท่อแก๊สและลูกสูบจะอยู่เหนือลำกล้อง ตัวคานเหวี่ยงจะมีหมุดล็อค 7 ตัวโดยติดอยู่กับภายในลำกล้อง คันรั้งตัวปืนที่อยู่ทางด้านขวาและติดล็อคกับตัว bolt ของปืนคันรั้งจะวิ่งถอยหลังไปพร้อมกับ bolt ปืนเมื่อทำการลั่นกระสุน เมื่อเทียบกับระบบ direct impingement ระบบ long stroke จะให้ความเสถียรและคราบเขม่าในตัวลำกล้องและท่อแก๊สน้อยกว่าระบบแบบ direct impingement มากเพราะจะระบายแก๊สตั้งแต่ไปดันตัวลูกสูบทันที ทำให้แก๊สไม่เหลือตกค้างในตัวปืนเพราะระบายออกไปทันที ไม่เหมือนกับ direct impingement ของ m16 ที่ใช้แก๊สไปดัน bolt โดยตรงทำให้มีคราบเขม่าติดอยู่ในท่อแก๊สจำนวนมาก
เจ้า k2 ยังสามารถใช้แม็กกาซีนแบบ stanag มาตรฐานนาโต้ได้ ลำกล้องแบบ 1:7 หมุนเวียนขวาครบรอบที่ 305 mm ถูกนำมาใช้เพื่อรองรับกับกระสุนแบบ 5.56x45 mm m855 ตัวลำกล้องและท่อแก๊สจะถูกล็อคไว้โดยกระโจมมืออีกที k2 มีโหมดการยิง 4 โหมดให้เลือกใช้คือ safe-semi-3 round burst-full auto ปุ่มปรับการยิงของตัวปืนจะอยู่เหนือด้ามจับและอยู่ข้างซ้ายของตัวปืน แต่ตัวปืนจะแหวกแนวกว่าชาวบ้สนเขาหน่อยนึงตรงที่เมื่อขณะทำการยิงในโหมด 3 round burst ถ้าถอดแม็กกาซีนออกก่อนที่กระสุนจะหมดและใส่แม็กกาซีนเข้าไปใหม่ ตัวปืนจะไม่รีเซ็ตโหมดการยิงแบบ semi-auto ให้เองอัติโนมัติ ถึงแม้จะดึงคันรั่งใหม่อีกรอบแล้วก็ตาม ผู้ใช้ต้องปรับเอง ศูนย์หน้าตัวปืนเป็นแบบศูนย์รู โดยศูนย์หน้าของตัวปืนติดตั้งอยู่บน gas block ของตัวปืน ศูนย์หลังของปืนก็เป็นศูนย์รูเช่นกัน ศูนย์หลังมี 2 รูให้ปรับ โดยจะมีศูนย์อยู่ 2 แบบคือศูนย์รูเล็กสำหรับในสภาวะที่แสงปกติ และศูนย์รูใหญ่สำหรับเล็งยิงในสภาวะแสงน้อย ศูนย์หลังจะมีปุ่มหมุนให้ปรับซึ่งสามารถปรับได้สูงสุดคือ 600 เมตร
ศูนย์ของปืน k2 เมื่อมองจากด้านหน้า
ทางด้านเรื่องความสามารถในการติดอุปกรณ์เสริม k2 สามารถติดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 mm แบบ dpi k201 ซึ่งเป็น m203 เวอร์ชั่นที่เกาหลีซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเองโดยตัวเครื่องยิงลูกระเบิดมีระยะยิง 300-400 เมตร k2 ยังสามารถติดขาตั้งและกล้องเล็งกำลังขยาย 4x เพื่อดัดแปลงเป็นปืนกลประจำหมู่และปืนไรเฟิลสำหรับพลแม่นปืนได้อีกด้วย ตัวปืนยังสามารถดัดแปลงให้ติดตั้งรางติดตั้งอุปกรณ์เสริมทั้งแถบเพื่อสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย
k2 กับเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 mm k201
เมื่อเทียบกับ k1
เมื่อเทียบกับเจ้าปืน k1 เจ้า k2 แตกต่าจากเจ้า k1 ดังนี้
1.k1 นั้นออกแบบมาเพื่อใช้เป็นปืนกลมือเน้นการรบในพื้นที่แคบๆ ในขณะที่ k2 นั้นออกแบบมาใช้สำหรับเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมเน้นการรบในทุกสถานการณ์
2.k2 นั้นมีความเสถียรกว่า k1 เพระใช้ระบบ long stroke piston ซึ่งให้ความเสถียรที่เหนือกว่า direct impingment ที่ใช้ใน k1
3.ทั้งคู่ใช้กระสุนขนาดเท่ากันแต่คนละแบบกัน กระสุนขนาด 5.56x45 mm m855 จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากระสุนแบบ 5.56x45 mm m193 แบบเก่า ที่ใช้ใน k1
4.ทั้งคู่ใช้ลำกล้องเกลียวที่ไม่เหมือนกันโดย k1 จะใช้เกลียวแบบ 1:12 เวียนขวาครบรอบที่ 305 mm ในขณะที่ k2 จะใช้เกลียวลำกล้องแบบ 1:7 เวียนขวาครบรอบที่ 305 mm
5.ทั้งคู่มีลำกล้องยาวไม่เท่ากันเนื่องจากออกแบบมาใช้งานคนละแบบ
6.k2 สวยกว่า k1(เยอะ)
รุ่นต่างๆ
1.k 2a
k2 รุ่นมาตรฐานที่ถูกออกแบบใหม่โดยโครงปืนด้านบนถูกแทนที่รางติดตั้งอุปกรณ์เสริมทั้งหมด และพานท้ายสามารถพับและถอดออกได้
k 2a
2.k 2c
เหมือน k 2a ทุกอย่างแต่พานท้ายและกระโจมมือถูกเปลี่ยนใหม่โดยกระโจมมือแบบเก่าถูกถอดออกไปโดยเป็นกระโจมมือแบบมีรางติดอุปกรณ์ทั้ง 4 ด้าน พานท้ายแบบใหม่ที่คล้ายพานท้ายของ m4 และลำกล้องถูกตัดให้สั้นลงเหลือ 13 นิ้ว ออกแบบมาสำหรับหน่วยรบพิเศษที่ต้องการความสะดวกในการเข้าออกในพื้นที่แคบๆ
k 2c
รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: เกาหลีใต้
อัตราการยิง: 600-750 นัด/นาที
ความยาวลำกล้อง: 18.3 นิ้ว(k2a), 13 นิ้ว(k2c)
น้ำหนัก: 3.2 kg
ระยะหวังผล: 600 เมตร
ขนาดกระสุน: 5.56x45 mm m855
อ้างอิง
http://www.militaryfactory.com/smallarms/detail.asp?smallarms_id=260
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Daewoo_Precision_Industries_K2
https://librewiki.net/wiki/K2_돌격소총
http://world.guns.ru/assault/skor/daewoo-k1-and-k2-e.html
ปล.โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
บทความเก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้