7.40 ถึง Narita international airport terminal 2
เมื่อมาถึง อย่างเหนื่อย นอนไม่เต็มอิ่ม เพราะเสียงร้องของลูกคุณแม่ฝรั่งมหาภัย
เมื่อได้กระเป๋า ก็ทำการรวบกระเป๋าเอากระเป๋าเล็กใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบที่หอบมา เพราะต้องฝากกระเป๋าที่เขาคิดค่าฝากตามจำนวนกระเป๋า
จากนั้นก็เดินไปหาเคาเตอร์รับฝากกระเป๋าซึ่งจะอยู่ติดกับเคาเตอร์ ที่รับส่งสัมภาระ แมวดำนั้นเองคะ
เขาก็ถามว่ามารับกระเป๋ากี่โมง ก็บอกไปว่าจะมารับกระเป๋าบ่ายสองโมง จากค่าฝากใบละแปดร้อยกว่าเยนเหลือ 520yen ไม่เอาเปรียบดี
จากนั้นก็ออกเดินทางไป narita temple โดยรถไฟของ Keisei ไปลงที่สถานี Keiseinatita ค่าตั๋ว คนละ 260 yen
อันนี้ มี pass 1 วันจาก airport ไป narita sta. ถ้าใช้ไปและกลับก็จะประหยัดไม่กี่สิบเยน แต่ประเด็นคือ เราไป aeon mall ต่อ แล้วกลับมาที่สนามบินด้วยรถบัส จึงไม่เหมาะที่จะใช้ pass อันนี้
ถึงหน้าสถานีจะมีท่ารถบัสของสีชมพูที่มีตัวหนังสือ Aeon อยู่ทางขวามือ เป็นรถบัสที่จะไป aeon mall
พวกเราก็เลียวขวาเดินข้ามถนน แล้วตรงมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอก ว่าเดินตรงไป อากาศเช้าวนนี้ มีฝนตกปรอยๆ เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุด
ผ่านร้านจำหน่ายสินค้างานฝีมือดั้งเดิม ร้านอาหาร และร้านของที่ระลึก เป็นถนนช้อปปิ้งโอโมเตะซังโดะ(Omotesando street) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จาสถานีรถไฟ ร้านค้าต่างๆ ที่ดูเก่าๆ มีร้านขายเซมเบ้ }เครื่องจักสาร ก็มีด้วยนะ
….หน้าร้านค้าตามถนนจะมีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ และ มีม้านั่งด้วย
เอ....จำได้ว่าละครเรื่องรอยรักหักเหลี่ยมตะวันของช่อง3 มีฉากตลาดนี้
แต่ที่เด็ดสุด คือมีร้านขายปลาไหล ที่หน้าร้านมีการทำการแล่ปลาไหลให้เห็นจ๊ะๆ แบบ สดๆเลย
จากนั้นก็จะเดินถึงวัดนาริตะซัง(Naritasan Temple) อยู่บนเขาเล็ก เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแถบคันโต สร้างขึ้นในปี 940 ทางเข้าวัดเป็น ซุ้มประตูใหญ่ อีกฝั่งของวัดเป็นลานกว้างสำหรับจอดรถ
เราเข้าไปกันเลยค่ะ..
ผ่านซุ้มประตูใหญ่ที่ตกแต่งงดงาม ก็จะเป็นลาน โดยมีเสาโคมไฟหินรูปแบบต่างๆกันยืนเรียงรายทั้งสองข้างของทางเดิน ก่อนจะขึ้นบันไดสูง ก็แวะทางขวามือมีที่ล้างมือ ล้างปากก่อนเข้าวัด
จากนั้นก็เดินขึ้นบันได ผ่านประตูชั้นในนี้มีโคมไฟสีแดงใหญ่และเด่นแขวนประดับอยู่ตรงกลาง ด้านข่างมีรองเท้าสานยักษ์ แต่เล็กว่าที่วัดอาซากุซะ แล้วก็มีรองเท้าขนาดของคนห้อยเต็มไปหมด ..เดาว่าเป็นการแก้บนซะละมั้ง....
ใครรู้ช่วยบอกทีว่ารองเท้าสานยักษ์ และพระพุทธรูป ที่มีผาสีแดงคาดเหมือนผากันน้ำลายเด็ก มีความหมายว่าอะไร
เมื่อผ่านซุ้มประตูโคมไฟสีแดงใหญ่ มาก็จะเห็นบันไดสูงชันขึ้นไปอีก โดยจะมีบ่อเต่าอยู่ทางขวามือ แล้วมีเต่าหินอยู่กลางบ่อ
คนญี่ปุ่นเขาถือว่าเต่าเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มีอายุยืน...
เดินขึ้นบันไดต่อไปอีก ก็จะเจอลานโล่ง มีอาคารที่หลากหลายตั้งอยู่..... ขอบอกว่าลมแรงมาก....
มีกระถางธูปใหญ่ตั้งอยู่ เป็นความเชื่อของคนที่นี่เขาจุดธูปไหว้แล้วเอามือพัดควันธูปให้มาโดนหน้า เพื่อความสิริมงคล…มีฉากนี้ในละครด้วยนะ..เป็นฉากตอนที่พระเอกพานางเอกไปเที่ยว แล้วแวะไปไหว้พระ
หลังกระถางธูปก็จะมีศาลาใหญ่เด่นอยู่ตรงหน้า ด้านซ้ายก็มีอาคารเก่าๆ ส่วนด้านขวามีเจดีย์ 3 ชั้นสีแดง สไตล์ Tahoto มีชื่อว่า Great Pagoda of Peace
พวกเราก็เดินเที่ยว…. ไปอาคารต่างๆ
ยกเว้นบริเวณที่ต้องขึ้นบันไดไปอีก กำแพงข้างบนได สลักเป็นป้ายต่างๆ ไม่รู้ว่าคืออะไร .. กว่าจะไม่ขึ้นไป เพราะเห็นอาคารมีผ้าคลุม เหมือนมีการปรับปรุง พวกเราก็เหนื่อย ตากล้องก็เหนื่อย เลยไม่มีใครเดินขึ้นไปดูว่าจะเป็นอะไร …. ซาโยนาระ narita temple
clip narita temple
https://www.youtube.com/watch?v=Dvd9PIwTKRs&feature=youtu.be
[CR] สามเฒ่าพาเที่ยว Hokkaido แวะ shop ที่Tokyo 13 วัน คนละ 46,000 ตอนที่ 3 : Narita temple, Aeon Mall
เมื่อมาถึง อย่างเหนื่อย นอนไม่เต็มอิ่ม เพราะเสียงร้องของลูกคุณแม่ฝรั่งมหาภัย
เมื่อได้กระเป๋า ก็ทำการรวบกระเป๋าเอากระเป๋าเล็กใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบที่หอบมา เพราะต้องฝากกระเป๋าที่เขาคิดค่าฝากตามจำนวนกระเป๋า
จากนั้นก็เดินไปหาเคาเตอร์รับฝากกระเป๋าซึ่งจะอยู่ติดกับเคาเตอร์ ที่รับส่งสัมภาระ แมวดำนั้นเองคะ
เขาก็ถามว่ามารับกระเป๋ากี่โมง ก็บอกไปว่าจะมารับกระเป๋าบ่ายสองโมง จากค่าฝากใบละแปดร้อยกว่าเยนเหลือ 520yen ไม่เอาเปรียบดี
จากนั้นก็ออกเดินทางไป narita temple โดยรถไฟของ Keisei ไปลงที่สถานี Keiseinatita ค่าตั๋ว คนละ 260 yen
อันนี้ มี pass 1 วันจาก airport ไป narita sta. ถ้าใช้ไปและกลับก็จะประหยัดไม่กี่สิบเยน แต่ประเด็นคือ เราไป aeon mall ต่อ แล้วกลับมาที่สนามบินด้วยรถบัส จึงไม่เหมาะที่จะใช้ pass อันนี้
ถึงหน้าสถานีจะมีท่ารถบัสของสีชมพูที่มีตัวหนังสือ Aeon อยู่ทางขวามือ เป็นรถบัสที่จะไป aeon mall
พวกเราก็เลียวขวาเดินข้ามถนน แล้วตรงมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอก ว่าเดินตรงไป อากาศเช้าวนนี้ มีฝนตกปรอยๆ เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุด
ผ่านร้านจำหน่ายสินค้างานฝีมือดั้งเดิม ร้านอาหาร และร้านของที่ระลึก เป็นถนนช้อปปิ้งโอโมเตะซังโดะ(Omotesando street) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จาสถานีรถไฟ ร้านค้าต่างๆ ที่ดูเก่าๆ มีร้านขายเซมเบ้ }เครื่องจักสาร ก็มีด้วยนะ
….หน้าร้านค้าตามถนนจะมีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ และ มีม้านั่งด้วย
เอ....จำได้ว่าละครเรื่องรอยรักหักเหลี่ยมตะวันของช่อง3 มีฉากตลาดนี้
แต่ที่เด็ดสุด คือมีร้านขายปลาไหล ที่หน้าร้านมีการทำการแล่ปลาไหลให้เห็นจ๊ะๆ แบบ สดๆเลย
จากนั้นก็จะเดินถึงวัดนาริตะซัง(Naritasan Temple) อยู่บนเขาเล็ก เป็นวัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในแถบคันโต สร้างขึ้นในปี 940 ทางเข้าวัดเป็น ซุ้มประตูใหญ่ อีกฝั่งของวัดเป็นลานกว้างสำหรับจอดรถ
เราเข้าไปกันเลยค่ะ..
ผ่านซุ้มประตูใหญ่ที่ตกแต่งงดงาม ก็จะเป็นลาน โดยมีเสาโคมไฟหินรูปแบบต่างๆกันยืนเรียงรายทั้งสองข้างของทางเดิน ก่อนจะขึ้นบันไดสูง ก็แวะทางขวามือมีที่ล้างมือ ล้างปากก่อนเข้าวัด
จากนั้นก็เดินขึ้นบันได ผ่านประตูชั้นในนี้มีโคมไฟสีแดงใหญ่และเด่นแขวนประดับอยู่ตรงกลาง ด้านข่างมีรองเท้าสานยักษ์ แต่เล็กว่าที่วัดอาซากุซะ แล้วก็มีรองเท้าขนาดของคนห้อยเต็มไปหมด ..เดาว่าเป็นการแก้บนซะละมั้ง....
ใครรู้ช่วยบอกทีว่ารองเท้าสานยักษ์ และพระพุทธรูป ที่มีผาสีแดงคาดเหมือนผากันน้ำลายเด็ก มีความหมายว่าอะไร
เมื่อผ่านซุ้มประตูโคมไฟสีแดงใหญ่ มาก็จะเห็นบันไดสูงชันขึ้นไปอีก โดยจะมีบ่อเต่าอยู่ทางขวามือ แล้วมีเต่าหินอยู่กลางบ่อ
คนญี่ปุ่นเขาถือว่าเต่าเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มีอายุยืน...
เดินขึ้นบันไดต่อไปอีก ก็จะเจอลานโล่ง มีอาคารที่หลากหลายตั้งอยู่..... ขอบอกว่าลมแรงมาก....
มีกระถางธูปใหญ่ตั้งอยู่ เป็นความเชื่อของคนที่นี่เขาจุดธูปไหว้แล้วเอามือพัดควันธูปให้มาโดนหน้า เพื่อความสิริมงคล…มีฉากนี้ในละครด้วยนะ..เป็นฉากตอนที่พระเอกพานางเอกไปเที่ยว แล้วแวะไปไหว้พระ
หลังกระถางธูปก็จะมีศาลาใหญ่เด่นอยู่ตรงหน้า ด้านซ้ายก็มีอาคารเก่าๆ ส่วนด้านขวามีเจดีย์ 3 ชั้นสีแดง สไตล์ Tahoto มีชื่อว่า Great Pagoda of Peace
พวกเราก็เดินเที่ยว…. ไปอาคารต่างๆ
ยกเว้นบริเวณที่ต้องขึ้นบันไดไปอีก กำแพงข้างบนได สลักเป็นป้ายต่างๆ ไม่รู้ว่าคืออะไร .. กว่าจะไม่ขึ้นไป เพราะเห็นอาคารมีผ้าคลุม เหมือนมีการปรับปรุง พวกเราก็เหนื่อย ตากล้องก็เหนื่อย เลยไม่มีใครเดินขึ้นไปดูว่าจะเป็นอะไร …. ซาโยนาระ narita temple
clip narita temple
https://www.youtube.com/watch?v=Dvd9PIwTKRs&feature=youtu.be