สวัสดีค่าาาาาเพื่อนๆ ต้องขอบอกก่อนเลยน้าาาว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกของเรา ถ้าเขียนผิดพลาดหรือยังไงต้องขออภัยด้วยเน้อออ
วันนี้เราก็จะนำประสบการณ์ของเรามาเเชร์ให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดู
เริ่มเรื่องเลยละกันเพื่อนๆทุกคนคงรู้จักการประกวดกันอยู่เเล้ว เเต่เราจะมาบอกเล่าว่าก่อนการได้ตำเเหน่งหรือก่อนการขึ้นเวทีประกวดเราต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าที่จะได้ขึ้นเวได้ 55555555555 เราคุ้นเคยกับการประกวดตั้งเเต่เด็กด้วยพื้นฐานตั้งเเต่รุ่นยาย ยายเราคลุกคลีกับเวทีประกวดมาเช่นกันเลยเป็นผลต่อเนื่องให้เราต้องเดินสายประกวด ตั้งเเต่จำความได้นี่ตั้งเเต่อนุบาล3 ก็ได้เป็นตัวเเทนกิจกรรมประเพณีลอยกระทงของโรงเรียน ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เเย่สุดต้องตื่นเเต่เช้าไปแต่งหน้าทำผมต้องเจ็บหัวช่างทำผมหวีผมตีกระบัง ต้องใส่ชุดไทยที่สุดจะเเสนคัน ต้องนุ่งจุงกระเเบน ด้วยความที่เราไม่โอเคหน่ะ จัดร้องไห้ชุดใหญ่เลยจ้าาาาาาาา เเล้วยังไงเเม่เราก็หยิกต้นเเขนสิจ้ะ ไม้ตายเเม่เลยเราโดนประจำโคตรเจ็บ พอหยิกปุ้บหยุดร้องเหลือไว้เเค่เสียงสะอื้น คอนเซ็บเลยจ้ะปาดน้ำตาละปัดมาสคร่าเพิ่ม
จากนั้นพอเริ่มโตสักอายุประมาณ13-14ปี ก็เริ่มขึ้นประกวดนางสงกรานต์เป็นการประกวดที่ไม่เคยนึกว่าเห่ยยยยย นี่เราต้องมาทำอะไรเเบบนี้หรอ อยากจะบอกว่าเริ่มเดินประกวดขึ้นเวทีรอบเเรกตอน1ทุ่ม เเต่คือพี่ช่างเเต่งหน้าทำผมนัดตั้งเเต่7โมงเช้า ไม่ให้งงได้ไงละเเหม่ะนัดไรเร็วป่านนั้น
ละด้วยความที่ไม่เคยคิดอยากจะประกวดอยู่ละต้องนั่งนิ่งๆเเต่งหน้าทำผมทั้งวันไหนจะต้องใส่ชุดไทยอีก ด้วยความที่ไม่อยากประกวดก็เชิ่ดดดดดเลยจ้าไม่สนใจไม่ไปตามนัด สุดท้ายมีพี่ที่เดินสายประกวดอยู่สังกัดเดียวกันก็เดินมาตามถึงบ้านเดินมาจิกเรียกกันเลยทีเดียว เราเกรงใจเลยต้องไป พอไปถึงบ้านที่ประกวดก็ต้องทำผมเเต่งหน้า ทำผมนี่หวีเเล้วหวีอีกกระบังลมจัดเต็มมาก เเค่ผมนี่ทำเกือบ2ชั่วโมง ทำผมเสร็จต่อไปนั่งเเต่งหน้าจ้าาาา
จุดพีคเลยด้วยความที่เป็นคนไม่คอยชอบนั่งเฉยๆเป็นเวลานานๆอยู่ละ นี่ต้องมานั่งเเต่งหน้าอ่ะเดี๋ยวหลับตานะค่ะ เดี๋ยวลืมตาเดี๋ยวมองล่างเดี๋ยวมองบน หึหึ เเล้วที่เกลียดที่สุดคือการติดขนตาปลอมเพราะเราเป็นคนที่ชอบมีปัญหากับดวงตาจะใส่คอนเเทคเลนส์ไม่ได้ติดขนตาปลอมไม่ค่อยได้น้ำตาจะไหลตลอด เเล้วยังไงก็ต้องอดทนสิ เเหม่ะะะเกิดมาต้องมานั่งอดทนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่เราก็ต้องพยายามเพราะเราเกรงใจพี่ที่เเต่งหน้าทำผมให้เราเค้าด้วยความตั้งใจมากเเละเราก็พึ่งประกวดครั้งเเรกเลยไม่อยากจะเรื่องมากไปมากกว่านี้เลย พอเเต่งหน้าทำผมเสร็จต่อไปคือการพอกตัว พอกด้วยเเป้งเมเยอร์จะเป็นเเป้งตลับสีเนื้อละเราก็ต้องเอาไปขูดใส่ขันผสมน้ำ จากนั้นก็เอามาระเรงทั้งเเขนทั้งขาให้ทั่ว พอทาทั่วก็ต้องไปยืนตากพัดลมให้เเป้งที่พอกเเห้งติดเเขนติดขา พอเเห้งก็ต้องให้พี่เลี้ยงมาถูๆเเขนกับขาให้เนียนๆ บอกเลยว่า "กว่าจะมาเป็นนางงามขึ้นเวทีประกวดได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ" พอพอกตัวเรียบร้อยเราก็ไปใส่ชุดเรื่องชุดนี่ก็เรื่องใหญ่ทั้งร้อนทั้งคันทั้งอึดอัดไหนจะพอใส่กระโปรงละก้าวได้ทีละนิดๆ ไหนจะรองเท้าส้นตึกที่สูงสุด
เป็นธรรมดาเลยที่จะให้คนเราปกติมาใส่ส้นสูงที่โคตรสูงขนาดนี้เดินมันก็ไม่ได้ง่ายอ่ะ
เพราะในชีวิตจริงปกติทั่วไปก็คงไม่มีใครบ้าถึงต้องใส่ส้นสูงขนาดนี้ไปทำงานไปเที่ยวอยู่เเล้วอ่ะ ก็ต้องอดทนจำได้เลยเวทีเเรกของเราคือประกวดตอนสงกรานต์ตอนประกวดก็ให้โชว์ความสามารถพิเศษเเละด้วยเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความสามารถพิเสษอะไร รำหรอจ้ะนี่ก็ไม่ชอบ จะให้ร้องเพลงก็ตบมือยังคร่อมจังหวะ เเต่การร้องเพลงก็น่าจะเป็นอะไรที่เบสิคสุดละ พวกพี่ๆก็เลยเลือกให้เราร้องเพลงคุณลำไย พอขึ้นเวทีประกวดครั้งเเรกก็ไม่เคยคิดว่ามันจะวุ่นวายหรือยากอะไรขนาดนี้ "การประกวดนี่ต้องมาพร้อมรอยยิ้มเสมอ" พอก้าวขึ้นเวทีปุ้บยังไม่ทันเริ่มเดินก็ต้องฉีกยิ้มเกือบถึงหูอ่ะ ยิ้มไปเถอะปากจะสั่นกลามจะค้างก็ต้องยิ้มสู้น่ะจ่ะ ระหว่างเดินก็ไม่ได้ง่ายไหนจะต้องเดินก้าวให้ช้าเเลดูเป็นกุลสตรีไหนจะต้องฉีกยิ้มไหนจะเเสงไฟที่สาดส่องมา ต้องไปหยุดยืนโชว์รอยยิ้มขาเเข็งอยู่กลางเวทีเกือบครึ่งชั่วโมงในเเต่ละรอบ พอเดินรอบที่สองก็เป็นรอบของการโชว์ความสามารถพิเศษ คนอื่นเค้านี่รำอ่อนช้อย ร้องเพลงไพเราะเต้มกันเอนเตอร์เทนสนุกสนานสุดฤทธิ์ พอมาถึงรอบที่เราต้องโชว์ความสามารถพิเศษก็ทำให้เเบบไม่อยาอกจะประกวดละตอนเเรกก็ไม่มีความมั่นใจอยู่ละเห็นคนอื่นโชว์ทีนี่ยิ่งหดหู่เเละด้วยเป็นเวทีเเรกก็เลยไม่เคยมีใจสู้เพราะไม่ได้จะอยากประกวดตั้งเเต่เเรกอยู่ละง่ะ เเต่ทำไงได้ละมาถึงขนาดนี้ละจะไม่ขึ้นก็คงไม่ทันก็เลยต้องเดินขึ้นไปโชว์ความสามารถพิเศษร้องเพลงคุณลำไยเเบบมึนๆงงๆทั้งคร่อมจังหวะทั้งเต้นผิดคีย์ ก็รู้นะว่าทำได้ห่วยเเตกมากไม่ได้คิดอยากจะได้ตำเเหน่งหรือรางวัลไรเเต่ก็ดันเเบบเห่ยฟลุ๊คอ่ะติด1ใน5 ได้รางวัลเฉย ชั่วโมงนั้นเเทบอยากจะถอดชุดออกละเดินกลับบ้านละ รู้สึกเข็ดมากละคิดว่าจะไม่ขึ้นเวทีประกวดอะไรอีกทุกอย่างทั้งสิ้น
พอกลับบ้านมาก็บอกเเม่ว่าไม่ขอขึ้นประกวดไรอีกทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งเมื้อยพอเสร็จจากการประกวดก็ต้องมานั่งสางผมลบเครื่องสำอางที่หนาสุดพลัง เเล้วจากนั้นเราก็หายไปจากการประกวด จนมาถึงตอนที่เราอายุ18 ด้วยความที่พี่ทุกคนก็คงคิดเราเริ่มโตเป็นสาวก็อยากจะปั้นให้เรากลับมาประกวดอีกครั้งเเต่เราก็ยังรู้สึกเข็ดอยู่เเต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธด้วยคำพูดยังไงก็เลยตกลงยอมไปประกวดให้เวทีที่เราขึ้นเป็นเวทีประกวดหนุ่มสาวรับบัว คืองานประเพณีรับบัวอยู่ที่บางพลี งานรับบัวเป็นงานที่ต้องประกวดคู่หญิงชาย
อันนี้เป็นการประกวดงานรับบัวปี 2554 ดูจากสภาพรูปนี่ทั้งสีทั้งความคมชัดห่วยเเตกถ่ายไว้ตอนสมัยโทรศัพท์ยุคBB ตอนนั้นก็ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ4คือที่ 5 นั่นเอง
ต่อมาในปีเดียวกันเราก็ได้ขึ้นประกวดงานพระเจดีย์ทรายที่บางหญ้าเเพรก
ขึ้นประกวดในวันที่20 ตุลาคม 2554 ทำไมถึงจำวันเดือนปีได้ก็เพราะว่าเราได้อัพโหลดรูปภาพในเฟสบุ๊คเลยได้ไปขุดรูปมา 555555555 เวทีนี้เป็นเวทีที่เราตกรอบ10คนสุดท้าย
ก็ไม่ได้ทั้งรางวัลหรือตำเเหน่งได้เเต่ความเหนื่อยเพลียเเละประสบการณ์เราก็ไม่ได้เครียดอะไรมากมายเพราะรู้เเละทำใจอยู่เเล้วอ่ะว่าการประกวดก็ต้องมีได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เเต่พอเวลาที่เราประกวดเราตกรอบเราจะรู้สึกสงสารพี่เลี้ยงเราที่พยายามนั่งเเต่งหน้าทำผมให้เราเหมือนกับว่าเรารู้สึกว่าเราทำให้พี่เลี้ยงของเราต้องรู้สึกเฟล เเต่พอเราลงเวทีมาไม่เคยมีคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกเเย่จากพี่เลี้ยงเลยมีเเต่คำพูดปลอบใจเเละบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคราวหน้าสู้ใหม่ จากนั้นเราก็เว้นจากการประกวดไปสักระยะหนึ่งจนได้มาขึ้นการประกวดนางสงกานต์ปี 2556 ที่วัดเเหลมฟ้าผ่า
ไม่ต้องตกใจในความขาวเเละหน้าวอกหน้าเเน่นจัดเต็มขนาดนี้ของเราเพราะกว่าที่เราจะต้องขึ้นเวทีประกวดได้นี่เราต้องนั่งเเต่งหน้าทำผมนานกว่า7-8 ชั่วโมง ตัวขาวนี่ก็ต้องพอกตัวหนาๆเพราะเดี๋ยวขึ้นเวทีพอไฟสาดมาเราต็ต้องผ่อง รองเท้ายังคงความสูงอีกเช่นเคยประกวดในเเต่ละครั้งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจมันต้องอาศัยความอดทนในหลายๆอย่าง ระหว่างที่ประกวดก็ต้องยิ้มตลอดเวลาย้ำว่า ฟ้ามหยุดยิ้มเลยเด็ดขาดเพราะเราไม่รู้ว่ากรรมการจะกวาดสายตามามองเราในตอนไหน เวทีประกวดครั้งนี้เป็นครั้งเเรกในชีวิตของเราที่เราได้ตำเเหน่งนางสงกรานต์ก็คือเราชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากเหมือนว่าเราประสบความสำเร็จครั้งเเรกในการประกวด
วันรุ่งขึ้นก็ได้ขึ้นประกวดอีกครั้งกับประเพณีสงกรานต์ รู้สึกเหนื่อยเเละเพลียมากเเต่ก็ไหวอยู่พอได้ตำเเหน่งละหึกเหิมมากเริ่มมีกำลังใจในการประกวดมากขึ้นก็มีเเรงทำให้สู้ต่อ อิอิ
การประกวดเวทีนี้เราตกรอบ10 คนสุดท้าย
ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นเริ่มปลงกับการประกวดมีได้ก็ต้องมีไม่ได้บ้างก็เริ่มชิวไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย จากนั้นเราก็ได้ขึ้นประกวดอีกทีวันที่ 2 เมษายน 2558 เป็นการประกวดสาวงามนครเขื่อนขันธ์ 2558
เวทีนี้เราได้รับตำเเหน่งขวัญใจนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งเป็นตำเเหน่งที่เฉพาะคนที่อยู่ในเขตหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่นั้นก็จะมีสิทธิ์ได้รับตำเเหน่ง
เเละเวทีล่าสุดของเราคือเราได้ขึ้นประกวดหนุ่มสาวรับบัวอีกครั้ง ที่บางพลีในวันที่ 25 ตุลาคม 2558 จะเป็นการประกวดคู่หญิงชาย ในช่วงบ่ายจะมีการพายเรือ
ละจะเริ่มเดินประกวดในรอบเเรกตอน 16.00น.
มีคนเข้าร่วมการประกวดทั้งหมด 26 คู่ พอเดินรอบเเรกปุ้บรอบที่สองก็จะคัดเลือเหลือ 10 คู่ เราก็ตื่นเต้นมากนะเพราะว่ามีเเต่คู่คนสวยๆทั้งนั้นเลยมีเเต่คนหน้าเป๊ะเว่อร์ เเต่ผลปรากฏว่าเราถูกคัดเข้ารอบ10 คู่สุดท้ายเมื่อเข้ารอบเสร็จต้องมีการตอบคำถามการจะได้รับตำเเหน่งมันไม่ใช่เเค่สวยหรือหล่ออย่างเดียวเเต่เราต้องมีไหวพริบในการตอบคำถามต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประเพณรับบัวนี้ เเต่โชคดีมากเลยที่พี่ผู้ชายที่ประกวดคู่เราเค้าเก่งในการตอบคำถามมาก ก็เลยทำให้เราไม่รู้สึกกังวลเท่าไหร่ เเล้วสุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดีเราได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ2 คือได้ที่ 3 นั่นเอง
สุดท้ายละสิ่งที่เราอยากจะบอกคือการประกวดมันไม่ได้ง่ายเราต้องใช้ความอดทนในการนั่งเเต่งหน้าทำผม 7-8 ชั่วโมง เราต้องอดทนกับการใส่ชุดไทยเป็นเวลานานๆทั้งคันทั้งอึดอัดทั้งร้อน เราต้องอดทนกับการใส่รองเท้าส้นสูง5-10 นิ้วเป็นเวลานานๆ เราต้องยิ้มกว้างสู้เเสงไฟที่สว่างมากทำให้ทั้งเเสบตาทั้งปากสั่นต้องทั้งเหนื่อยทั้งเมื้อย เราต้องมีความรู้รอบด้านพื้นฐานเกี่ยวกับประเพณีที่เราขึ้นประกวดไม่ได้สวยอย่างเดียวนะต้องดูดีมีสมองด้วยเอาจริง 555555555 เเต่เมื่อเวลาที่เราได้ตำเเหน่งมันจะเป็นประสบการณ์เเละความภาคภูมิใจของเรามาก
ปล.ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยเน้ออออออ พอดีเรามือใหม่หัดเขียน อิอิ
[CR] ประสบการณ์เดินสายประกวดนางงามเวทีต่างๆ กว่าจะสวยงามบนเวทีเบื้องหลังเป็นอย่างไรมาดูกัน
วันนี้เราก็จะนำประสบการณ์ของเรามาเเชร์ให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดู เริ่มเรื่องเลยละกันเพื่อนๆทุกคนคงรู้จักการประกวดกันอยู่เเล้ว เเต่เราจะมาบอกเล่าว่าก่อนการได้ตำเเหน่งหรือก่อนการขึ้นเวทีประกวดเราต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าที่จะได้ขึ้นเวได้ 55555555555 เราคุ้นเคยกับการประกวดตั้งเเต่เด็กด้วยพื้นฐานตั้งเเต่รุ่นยาย ยายเราคลุกคลีกับเวทีประกวดมาเช่นกันเลยเป็นผลต่อเนื่องให้เราต้องเดินสายประกวด ตั้งเเต่จำความได้นี่ตั้งเเต่อนุบาล3 ก็ได้เป็นตัวเเทนกิจกรรมประเพณีลอยกระทงของโรงเรียน ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นอะไรที่เเย่สุดต้องตื่นเเต่เช้าไปแต่งหน้าทำผมต้องเจ็บหัวช่างทำผมหวีผมตีกระบัง ต้องใส่ชุดไทยที่สุดจะเเสนคัน ต้องนุ่งจุงกระเเบน ด้วยความที่เราไม่โอเคหน่ะ จัดร้องไห้ชุดใหญ่เลยจ้าาาาาาาา เเล้วยังไงเเม่เราก็หยิกต้นเเขนสิจ้ะ ไม้ตายเเม่เลยเราโดนประจำโคตรเจ็บ พอหยิกปุ้บหยุดร้องเหลือไว้เเค่เสียงสะอื้น คอนเซ็บเลยจ้ะปาดน้ำตาละปัดมาสคร่าเพิ่ม
จากนั้นพอเริ่มโตสักอายุประมาณ13-14ปี ก็เริ่มขึ้นประกวดนางสงกรานต์เป็นการประกวดที่ไม่เคยนึกว่าเห่ยยยยย นี่เราต้องมาทำอะไรเเบบนี้หรอ อยากจะบอกว่าเริ่มเดินประกวดขึ้นเวทีรอบเเรกตอน1ทุ่ม เเต่คือพี่ช่างเเต่งหน้าทำผมนัดตั้งเเต่7โมงเช้า ไม่ให้งงได้ไงละเเหม่ะนัดไรเร็วป่านนั้น ละด้วยความที่ไม่เคยคิดอยากจะประกวดอยู่ละต้องนั่งนิ่งๆเเต่งหน้าทำผมทั้งวันไหนจะต้องใส่ชุดไทยอีก ด้วยความที่ไม่อยากประกวดก็เชิ่ดดดดดเลยจ้าไม่สนใจไม่ไปตามนัด สุดท้ายมีพี่ที่เดินสายประกวดอยู่สังกัดเดียวกันก็เดินมาตามถึงบ้านเดินมาจิกเรียกกันเลยทีเดียว เราเกรงใจเลยต้องไป พอไปถึงบ้านที่ประกวดก็ต้องทำผมเเต่งหน้า ทำผมนี่หวีเเล้วหวีอีกกระบังลมจัดเต็มมาก เเค่ผมนี่ทำเกือบ2ชั่วโมง ทำผมเสร็จต่อไปนั่งเเต่งหน้าจ้าาาา จุดพีคเลยด้วยความที่เป็นคนไม่คอยชอบนั่งเฉยๆเป็นเวลานานๆอยู่ละ นี่ต้องมานั่งเเต่งหน้าอ่ะเดี๋ยวหลับตานะค่ะ เดี๋ยวลืมตาเดี๋ยวมองล่างเดี๋ยวมองบน หึหึ เเล้วที่เกลียดที่สุดคือการติดขนตาปลอมเพราะเราเป็นคนที่ชอบมีปัญหากับดวงตาจะใส่คอนเเทคเลนส์ไม่ได้ติดขนตาปลอมไม่ค่อยได้น้ำตาจะไหลตลอด เเล้วยังไงก็ต้องอดทนสิ เเหม่ะะะเกิดมาต้องมานั่งอดทนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่เราก็ต้องพยายามเพราะเราเกรงใจพี่ที่เเต่งหน้าทำผมให้เราเค้าด้วยความตั้งใจมากเเละเราก็พึ่งประกวดครั้งเเรกเลยไม่อยากจะเรื่องมากไปมากกว่านี้เลย พอเเต่งหน้าทำผมเสร็จต่อไปคือการพอกตัว พอกด้วยเเป้งเมเยอร์จะเป็นเเป้งตลับสีเนื้อละเราก็ต้องเอาไปขูดใส่ขันผสมน้ำ จากนั้นก็เอามาระเรงทั้งเเขนทั้งขาให้ทั่ว พอทาทั่วก็ต้องไปยืนตากพัดลมให้เเป้งที่พอกเเห้งติดเเขนติดขา พอเเห้งก็ต้องให้พี่เลี้ยงมาถูๆเเขนกับขาให้เนียนๆ บอกเลยว่า "กว่าจะมาเป็นนางงามขึ้นเวทีประกวดได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ" พอพอกตัวเรียบร้อยเราก็ไปใส่ชุดเรื่องชุดนี่ก็เรื่องใหญ่ทั้งร้อนทั้งคันทั้งอึดอัดไหนจะพอใส่กระโปรงละก้าวได้ทีละนิดๆ ไหนจะรองเท้าส้นตึกที่สูงสุด
เป็นธรรมดาเลยที่จะให้คนเราปกติมาใส่ส้นสูงที่โคตรสูงขนาดนี้เดินมันก็ไม่ได้ง่ายอ่ะ เพราะในชีวิตจริงปกติทั่วไปก็คงไม่มีใครบ้าถึงต้องใส่ส้นสูงขนาดนี้ไปทำงานไปเที่ยวอยู่เเล้วอ่ะ ก็ต้องอดทนจำได้เลยเวทีเเรกของเราคือประกวดตอนสงกรานต์ตอนประกวดก็ให้โชว์ความสามารถพิเศษเเละด้วยเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความสามารถพิเสษอะไร รำหรอจ้ะนี่ก็ไม่ชอบ จะให้ร้องเพลงก็ตบมือยังคร่อมจังหวะ เเต่การร้องเพลงก็น่าจะเป็นอะไรที่เบสิคสุดละ พวกพี่ๆก็เลยเลือกให้เราร้องเพลงคุณลำไย พอขึ้นเวทีประกวดครั้งเเรกก็ไม่เคยคิดว่ามันจะวุ่นวายหรือยากอะไรขนาดนี้ "การประกวดนี่ต้องมาพร้อมรอยยิ้มเสมอ" พอก้าวขึ้นเวทีปุ้บยังไม่ทันเริ่มเดินก็ต้องฉีกยิ้มเกือบถึงหูอ่ะ ยิ้มไปเถอะปากจะสั่นกลามจะค้างก็ต้องยิ้มสู้น่ะจ่ะ ระหว่างเดินก็ไม่ได้ง่ายไหนจะต้องเดินก้าวให้ช้าเเลดูเป็นกุลสตรีไหนจะต้องฉีกยิ้มไหนจะเเสงไฟที่สาดส่องมา ต้องไปหยุดยืนโชว์รอยยิ้มขาเเข็งอยู่กลางเวทีเกือบครึ่งชั่วโมงในเเต่ละรอบ พอเดินรอบที่สองก็เป็นรอบของการโชว์ความสามารถพิเศษ คนอื่นเค้านี่รำอ่อนช้อย ร้องเพลงไพเราะเต้มกันเอนเตอร์เทนสนุกสนานสุดฤทธิ์ พอมาถึงรอบที่เราต้องโชว์ความสามารถพิเศษก็ทำให้เเบบไม่อยาอกจะประกวดละตอนเเรกก็ไม่มีความมั่นใจอยู่ละเห็นคนอื่นโชว์ทีนี่ยิ่งหดหู่เเละด้วยเป็นเวทีเเรกก็เลยไม่เคยมีใจสู้เพราะไม่ได้จะอยากประกวดตั้งเเต่เเรกอยู่ละง่ะ เเต่ทำไงได้ละมาถึงขนาดนี้ละจะไม่ขึ้นก็คงไม่ทันก็เลยต้องเดินขึ้นไปโชว์ความสามารถพิเศษร้องเพลงคุณลำไยเเบบมึนๆงงๆทั้งคร่อมจังหวะทั้งเต้นผิดคีย์ ก็รู้นะว่าทำได้ห่วยเเตกมากไม่ได้คิดอยากจะได้ตำเเหน่งหรือรางวัลไรเเต่ก็ดันเเบบเห่ยฟลุ๊คอ่ะติด1ใน5 ได้รางวัลเฉย ชั่วโมงนั้นเเทบอยากจะถอดชุดออกละเดินกลับบ้านละ รู้สึกเข็ดมากละคิดว่าจะไม่ขึ้นเวทีประกวดอะไรอีกทุกอย่างทั้งสิ้น พอกลับบ้านมาก็บอกเเม่ว่าไม่ขอขึ้นประกวดไรอีกทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งเมื้อยพอเสร็จจากการประกวดก็ต้องมานั่งสางผมลบเครื่องสำอางที่หนาสุดพลัง เเล้วจากนั้นเราก็หายไปจากการประกวด จนมาถึงตอนที่เราอายุ18 ด้วยความที่พี่ทุกคนก็คงคิดเราเริ่มโตเป็นสาวก็อยากจะปั้นให้เรากลับมาประกวดอีกครั้งเเต่เราก็ยังรู้สึกเข็ดอยู่เเต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธด้วยคำพูดยังไงก็เลยตกลงยอมไปประกวดให้เวทีที่เราขึ้นเป็นเวทีประกวดหนุ่มสาวรับบัว คืองานประเพณีรับบัวอยู่ที่บางพลี งานรับบัวเป็นงานที่ต้องประกวดคู่หญิงชาย
อันนี้เป็นการประกวดงานรับบัวปี 2554 ดูจากสภาพรูปนี่ทั้งสีทั้งความคมชัดห่วยเเตกถ่ายไว้ตอนสมัยโทรศัพท์ยุคBB ตอนนั้นก็ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ4คือที่ 5 นั่นเอง
ต่อมาในปีเดียวกันเราก็ได้ขึ้นประกวดงานพระเจดีย์ทรายที่บางหญ้าเเพรก
ขึ้นประกวดในวันที่20 ตุลาคม 2554 ทำไมถึงจำวันเดือนปีได้ก็เพราะว่าเราได้อัพโหลดรูปภาพในเฟสบุ๊คเลยได้ไปขุดรูปมา 555555555 เวทีนี้เป็นเวทีที่เราตกรอบ10คนสุดท้าย ก็ไม่ได้ทั้งรางวัลหรือตำเเหน่งได้เเต่ความเหนื่อยเพลียเเละประสบการณ์เราก็ไม่ได้เครียดอะไรมากมายเพราะรู้เเละทำใจอยู่เเล้วอ่ะว่าการประกวดก็ต้องมีได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เเต่พอเวลาที่เราประกวดเราตกรอบเราจะรู้สึกสงสารพี่เลี้ยงเราที่พยายามนั่งเเต่งหน้าทำผมให้เราเหมือนกับว่าเรารู้สึกว่าเราทำให้พี่เลี้ยงของเราต้องรู้สึกเฟล เเต่พอเราลงเวทีมาไม่เคยมีคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกเเย่จากพี่เลี้ยงเลยมีเเต่คำพูดปลอบใจเเละบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคราวหน้าสู้ใหม่ จากนั้นเราก็เว้นจากการประกวดไปสักระยะหนึ่งจนได้มาขึ้นการประกวดนางสงกานต์ปี 2556 ที่วัดเเหลมฟ้าผ่า
ไม่ต้องตกใจในความขาวเเละหน้าวอกหน้าเเน่นจัดเต็มขนาดนี้ของเราเพราะกว่าที่เราจะต้องขึ้นเวทีประกวดได้นี่เราต้องนั่งเเต่งหน้าทำผมนานกว่า7-8 ชั่วโมง ตัวขาวนี่ก็ต้องพอกตัวหนาๆเพราะเดี๋ยวขึ้นเวทีพอไฟสาดมาเราต็ต้องผ่อง รองเท้ายังคงความสูงอีกเช่นเคยประกวดในเเต่ละครั้งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจมันต้องอาศัยความอดทนในหลายๆอย่าง ระหว่างที่ประกวดก็ต้องยิ้มตลอดเวลาย้ำว่า ฟ้ามหยุดยิ้มเลยเด็ดขาดเพราะเราไม่รู้ว่ากรรมการจะกวาดสายตามามองเราในตอนไหน เวทีประกวดครั้งนี้เป็นครั้งเเรกในชีวิตของเราที่เราได้ตำเเหน่งนางสงกรานต์ก็คือเราชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากเหมือนว่าเราประสบความสำเร็จครั้งเเรกในการประกวด
วันรุ่งขึ้นก็ได้ขึ้นประกวดอีกครั้งกับประเพณีสงกรานต์ รู้สึกเหนื่อยเเละเพลียมากเเต่ก็ไหวอยู่พอได้ตำเเหน่งละหึกเหิมมากเริ่มมีกำลังใจในการประกวดมากขึ้นก็มีเเรงทำให้สู้ต่อ อิอิ
การประกวดเวทีนี้เราตกรอบ10 คนสุดท้าย ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นเริ่มปลงกับการประกวดมีได้ก็ต้องมีไม่ได้บ้างก็เริ่มชิวไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย จากนั้นเราก็ได้ขึ้นประกวดอีกทีวันที่ 2 เมษายน 2558 เป็นการประกวดสาวงามนครเขื่อนขันธ์ 2558
เวทีนี้เราได้รับตำเเหน่งขวัญใจนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งเป็นตำเเหน่งที่เฉพาะคนที่อยู่ในเขตหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่นั้นก็จะมีสิทธิ์ได้รับตำเเหน่ง
เเละเวทีล่าสุดของเราคือเราได้ขึ้นประกวดหนุ่มสาวรับบัวอีกครั้ง ที่บางพลีในวันที่ 25 ตุลาคม 2558 จะเป็นการประกวดคู่หญิงชาย ในช่วงบ่ายจะมีการพายเรือ
ละจะเริ่มเดินประกวดในรอบเเรกตอน 16.00น.
มีคนเข้าร่วมการประกวดทั้งหมด 26 คู่ พอเดินรอบเเรกปุ้บรอบที่สองก็จะคัดเลือเหลือ 10 คู่ เราก็ตื่นเต้นมากนะเพราะว่ามีเเต่คู่คนสวยๆทั้งนั้นเลยมีเเต่คนหน้าเป๊ะเว่อร์ เเต่ผลปรากฏว่าเราถูกคัดเข้ารอบ10 คู่สุดท้ายเมื่อเข้ารอบเสร็จต้องมีการตอบคำถามการจะได้รับตำเเหน่งมันไม่ใช่เเค่สวยหรือหล่ออย่างเดียวเเต่เราต้องมีไหวพริบในการตอบคำถามต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประเพณรับบัวนี้ เเต่โชคดีมากเลยที่พี่ผู้ชายที่ประกวดคู่เราเค้าเก่งในการตอบคำถามมาก ก็เลยทำให้เราไม่รู้สึกกังวลเท่าไหร่ เเล้วสุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดีเราได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ2 คือได้ที่ 3 นั่นเอง
สุดท้ายละสิ่งที่เราอยากจะบอกคือการประกวดมันไม่ได้ง่ายเราต้องใช้ความอดทนในการนั่งเเต่งหน้าทำผม 7-8 ชั่วโมง เราต้องอดทนกับการใส่ชุดไทยเป็นเวลานานๆทั้งคันทั้งอึดอัดทั้งร้อน เราต้องอดทนกับการใส่รองเท้าส้นสูง5-10 นิ้วเป็นเวลานานๆ เราต้องยิ้มกว้างสู้เเสงไฟที่สว่างมากทำให้ทั้งเเสบตาทั้งปากสั่นต้องทั้งเหนื่อยทั้งเมื้อย เราต้องมีความรู้รอบด้านพื้นฐานเกี่ยวกับประเพณีที่เราขึ้นประกวดไม่ได้สวยอย่างเดียวนะต้องดูดีมีสมองด้วยเอาจริง 555555555 เเต่เมื่อเวลาที่เราได้ตำเเหน่งมันจะเป็นประสบการณ์เเละความภาคภูมิใจของเรามาก
ปล.ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยเน้ออออออ พอดีเรามือใหม่หัดเขียน อิอิ