ทริปนี้พวกเราวางแผนกันมาเกือบครึ่งปี
เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ใหญ่ที่สุดของปีเลยก็ว่าได้
พวกเราจะไปสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าใหญ่แห่งลาวใต้
ที่นี่ครับ
"ที่ราบสูงบอลาเวน"
สำหรับการจองครั้งนี้
เราจองผ่านบริษัททัวร์ในประเทศไทย
ซึ่งจะมีบริษัทเดียวเท่านั้นที่ทำ
หรือจะจองผ่านทัวร์ของลาวโดยตรงก็ได้
สำนักงานจะอยู่ที่ปากเซครับ
พวกเราออกเดินทางกันดึกหน่อย เพื่อที่จะได้ไปถึงเช้าของอีกวัน
เริ่มกันที่ศูนย์นครชัยแอร์ กรุงเทพฯ
จุดหมายปลายทางอยู่ที่จ.อุบลราชธานี
ระหว่างทางก่อนถึงอุบลข้างทางนาข้าวเขียวชะอุ่มครับ
เมื่อพระอาทิดย์ขึ้นไม่นานพวกเราก็เดินทางถึงศูนย์นครชัยแอร์วาริน
ซึ่งเราติดต่อประสานกับบริษัททัวร์ไว้แล้ว
สักพักเจ้าหน้าที่ก็มารับไปทานอาหารเช้า
เตรียมตัวเข้าด่านช่องเม็กทำหนังสือผ่านแดนเพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศ สปป.ลาว
นั่งรถจากด่านไปประมาณ 45 นาที เราจะถึงปากเซจุดนี้เราต้องเปลี่ยนรถอีกคัน
เพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนที่เราต้องเจอกันครับ
ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านหนองหลวงราว ๆ หนึ่งชั่วโมง
ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านถนนค่อนข้างขรุขระหลุมเยอะไปหมด
ใครทานข้าวมาอิ่ม ๆ ระวังอ้วกได้เลยครับ
ถึงแล้วครับหมู่บ้านหนองหลวง
เจ้าหน้าที่เตรียมจัดข้าวกลางวันไว้ให้แล้ว
เพื่อจะได้มีแรงลุยเข้าไปยังที่ปล่อยตัวซิปไลน์กันครับ
กินข้าวเสร็จแล้วได้เวลาแต่งตัวเตรียมเข้าป่า
สำหรับป่าที่นี่ถ้าฝนตกทากจะเยอะ
แต่ถ้าฝนไม่ตกก็ไม่ต้องใส่ถุงกันทากก็ได้ครับ
นี่เป็นชุดประจำตัวที่เราจะต้องใส่ตลอดสามวันครับ
ทริปนี้ได้เพื่อนใหม่มาเพิ่ม 3 คนครับ
จากหมู่บ้านหนองหลวงถึงจุดปล่อยตัวซิปไลน์จะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4.5 กิโลเมตร
ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมง ทางราบบ้างทางชันบ้างสลับกันไปครับ
เริ่มเดินครับหน้าตาสดใสกันเลยทีเดียว
เดินไปสักพักเราจะเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดงหัวสาว
ระหว่างทางเราจะพบความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่นี่
เขียวสดใสไปตลอดทาง
จุดแรกที่เราต้องผ่านคือการเดินทรงตัวบนเชือก
จุดนี้ใช้กำลังแขนพอสมควรครับ
เดินไปไม่นานเราก็มาถึงสะพานแขวน
ทางเดินนี้วิวข้างซ้ายจะเป็นน้ำตกตาดเสือ
สะพานค่อนข้างลื่นต้องเดินระวังกันนิดนึงครับ
ถึงแล้วครับจุดปล่อยตัวซิปไลน์เส้นแรก
ความรู้สึกแรกที่ถูกปล่อยตัวออกไป
หวิวๆ นิดหน่อยครับ
พออยู่กลางอากาศบรรยากาศเกินคุ้มครับ
เดินไปสักหน่อยจะถึงจุดโรยตัวลงไปยังฐานด้านล่าง
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ซึ่งวันแรกพวกเราต้องโหนซิปไลน์ทั้งหมด 8 เส้นด้วยกัน
เส้นไฮไลท์ของวันแรกเส้นนี้เลยครับ
พวกเราต้องโหนกันผ่านน้ำตกตาดขมึด
วิวสวยงามจับใจครับ
หลังจากนั้นพวกเราเดินเท้าต่อไปนิดหน่อย
ถึงแล้วครับบ้านต้นไม้
ที่พวกเราต้องนอนกันในค่ำคืนนี้
อาหารเย็นสุดอบอุ่นครับ
ตบท้ายด้วยเบียร์ลาวสักหน่อย
ดื่มด่ำบรรยากาศพูดคุยกันยามค่ำคืนครับ
ได้เวลานอนเราต้องโหนซิปไลน์เข้าบ้านต้นไม้กันแล้วครับ
นี่เป็นวิวห้องน้ำของบ้านต้นไม้ครับ
เรามองเห็นทุกคนที่เดินผ่านมาแต่ทุกคนมองไม่เห็นเราสบายใจได้ครับ
ตื่นเช้าวันที่สองมาด้วยวิวดี ๆ กับน้ำตกตาดขมึด
จิบชาร้อน ๆ นั่งมองวิว
แค่นี้ก็สุขสุดยอดแล้วครับ
วิวดี ๆ แบบนี้เพื่อนเราเลยอดไม่ได้
ที่จะโชว์โยคะให้ดูกันซักหน่อย
อาหารเช้ามาแล้ว
ได้เวลาลุยกันต่อครับ
วันนี้เราได้เพื่อนมาเพิ่มครับ
มากันเป็นครอบครัวลุยกันทั้งพ่อแม่ลูก
เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อบอุ่นดีครับ
วันที่สองนี้พวกเราต้องโหนซิปไลน์กันทั้งหมด 14 เส้น
เส้นที่ยาวที่สุดของวันนี้ 450 เมตร สูง 100 เมตร
โดยโหนจากภูเขาอีกลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่ง
นี่เป็นวีดีโอที่เราทำขึ้นมา
รวมๆ กันหลายๆ เส้นลองดูกันนะครับ
วีดีโอนี้ดูผ่านมือถือไม่ได้นะครับเพราะเราใส่เพลงเข้าไปมันติดลิขสิทธิ์
ดูผ่านคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้นครับ
จากนั้นได้เวลาลุยต่อไปยังน้ำตกตาดตะเก็ด
เส้นทางนี้เดินเท้าเข้าไป
ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เดินประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ
น้ำตกที่นี่สวยงามไม่แพ้น้ำตกตาดขมึดเลยครับ
เป็นม่านน้ำใหญ่สะดุดตา
ได้เวลาทานอาหารกลางวันกลางป่าครับ
กินกันท่ามกลางน้ำตกตาดหินแดง
อาหารรองด้วยใบตอง
เป็นมิตรกับธรรมชาติสุด ๆ ครับ
ที่นี่ได้ชื่อว่าน้ำตกตาดหินแดง
ก็เพราะหินมันเป็นสีแดงนี่แหละครับ
เมื่อทานข้าวเสร็จมีกาแฟร้อน ๆ
เสริฟพร้อมกระบอกไม้ไผ่
มันทำให้กาแฟลาวของที่นี่อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกครับ
เล่นน้ำตกกันอีกสักหน่อยก่อนจะไปลุยกันต่อครับ
เราต้องเจอกันอีกหลายสะพาน
สะพานนี้เบา ๆ ครับ
สะพานสุดหินของวันนี้
ใช้กำลังแขนกำลังขาสุด ๆ
ข้ามมาได้แล้วยิ้มสู้กล้องน่าดูครับ
คืนที่สองของการนอนที่บ้านต้นไม้
กับแสงยามเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
สลับกับบรรยากาศยามเช้าเมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมา
ตลอดสองวันที่ผ่านมาเรารู้สึกดีมากที่ได้เจอพี่ ๆ สตาฟที่ดูแลเรามาอย่างดี
มันทำให้เราประทับใจนิสัยใจคอคนลาวมากขึ้นไปอีก
คนนี้ชื่อ พี่บุญ หัวหน้าทริปในครั้งนี้
ขอบคุณพี่ที่ดูแลพวกเราทุกคนเป็นอย่างดีครับ
ในเรื่องของการดูแลเรื่องเส้นสลิงในการโหนซิปไลน์
เราได้คุยกับพี่บุญไว้ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจเช็คทุก ๆ 3 เดือน
หากชำรุดจะเปลี่ยนให้เสร็จภายในวันนั้นเลย
เรื่องความปลอดภัยสำหรับการโหนซิปไลน์ที่นี่
เราถือว่าเซฟตี้ในระดับที่ดีเลยครับ การดูแลแทบจะหนึ่งต่อหนึ่ง
ใครตัดสินใจจะมาหายห่วงได้เลย สนุกแน่นอนครับ
วันสุดท้ายนี้พวกเราต้องเดินเท้ากลับหมู่บ้านหนองหลวงกัน 5 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมงครับ
ไฮไลท์สำคัญวันนี้คือการปีนหน้าผาชัน ความสูง 35 เมตร
เสียวและท้าทายไม่เบาครับ
จุดชมวิวแวะถ่ายรูปก่อนเดินทางเข้าหมู่บ้าน
วิวด้านล่างคือที่ที่พวกเราใช้ชีวิตกันตลอดสองวันที่ผ่านมาครับ
เดินเท้าต่อกันอีกหน่อยครับ
ถึงแล้วครับทางเข้าหมู่บ้านหนองหลวง
ภารกิจตลอดสามวันที่ผ่านมา
สมบูรณ์แบบครับ อาจจะเหนื่อยล้าไปบ้าง แต่ใบหน้าทุกคนยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและรอยยิ้ม
" ถ้าเรามัวแต่กลัวที่จะออกไปเจออะไรใหม่ ๆ
เราก็คงจะหยุดอยู่ตรงที่เดิม
การได้ออกมาเจอประสบการณ์ที่แตกต่าง
ช่วยเปิดมุมมองเราให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เปิดตา เปิดใจ แล้วก้าวขาออกมาจากสิ่งเดิม ๆ
สิ่งใหม่ ๆ รอต้อนรับเราอยู่เสมอ "
นี่เป็นวีดีโอที่เพื่อนเรารวบรวมการเดินทางมาทั้งหมดตลอดสามวันสองคืนที่ลาวใต้นี้ครับ
Credit : Piyavirom Phunsawat
*ออกเดินทาง วันที่ 23-25 ตุลาคม 2558
*รายละเอียดค่าใช้จ่าย
จองผ่านบริษัททัวร์ในไทย ทั้งหมด 4 คน
ค่าใช้จ่ายคนละ 11,900 บาท อาหาร 8 มื้อ ที่พักนอนบ้านต้นไม้ 2 คืน
รวมค่ารถรับส่งไปกลับจากขนส่งจ.อุบลราชธานี
ราคาอาจจะปรับเปลี่ยนตลอดเวลาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนด้วยนะครับ
ขอบคุณภาพบางส่วนจากพี่บุญ พี่นุ พี่กอล์ฟ พี่เบ้นซ์ เพื่อนไอ เพื่อนจิ๊บ
รีวิวการเดินทางครั้งที่สองของเรา
ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดอะไรขอโทษมาด้วยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย
ขอบคุณมากครับ
FB : Bean Skullflied
[CR] เสพความท้าทายบนที่ราบสูงบอลาเวน (ลาวใต้) : โบนัสของชีวิตที่เราควรไปสัมผัสกันสักครั้ง
เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ใหญ่ที่สุดของปีเลยก็ว่าได้
พวกเราจะไปสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าใหญ่แห่งลาวใต้
ที่นี่ครับ "ที่ราบสูงบอลาเวน"
สำหรับการจองครั้งนี้
เราจองผ่านบริษัททัวร์ในประเทศไทย
ซึ่งจะมีบริษัทเดียวเท่านั้นที่ทำ
หรือจะจองผ่านทัวร์ของลาวโดยตรงก็ได้
สำนักงานจะอยู่ที่ปากเซครับ
พวกเราออกเดินทางกันดึกหน่อย เพื่อที่จะได้ไปถึงเช้าของอีกวัน
เริ่มกันที่ศูนย์นครชัยแอร์ กรุงเทพฯ
จุดหมายปลายทางอยู่ที่จ.อุบลราชธานี
ระหว่างทางก่อนถึงอุบลข้างทางนาข้าวเขียวชะอุ่มครับ
เมื่อพระอาทิดย์ขึ้นไม่นานพวกเราก็เดินทางถึงศูนย์นครชัยแอร์วาริน
ซึ่งเราติดต่อประสานกับบริษัททัวร์ไว้แล้ว
สักพักเจ้าหน้าที่ก็มารับไปทานอาหารเช้า
เตรียมตัวเข้าด่านช่องเม็กทำหนังสือผ่านแดนเพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศ สปป.ลาว
นั่งรถจากด่านไปประมาณ 45 นาที เราจะถึงปากเซจุดนี้เราต้องเปลี่ยนรถอีกคัน
เพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนที่เราต้องเจอกันครับ
ใช้เวลาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านหนองหลวงราว ๆ หนึ่งชั่วโมง
ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านถนนค่อนข้างขรุขระหลุมเยอะไปหมด
ใครทานข้าวมาอิ่ม ๆ ระวังอ้วกได้เลยครับ
ถึงแล้วครับหมู่บ้านหนองหลวง
เจ้าหน้าที่เตรียมจัดข้าวกลางวันไว้ให้แล้ว
เพื่อจะได้มีแรงลุยเข้าไปยังที่ปล่อยตัวซิปไลน์กันครับ
กินข้าวเสร็จแล้วได้เวลาแต่งตัวเตรียมเข้าป่า
สำหรับป่าที่นี่ถ้าฝนตกทากจะเยอะ
แต่ถ้าฝนไม่ตกก็ไม่ต้องใส่ถุงกันทากก็ได้ครับ
นี่เป็นชุดประจำตัวที่เราจะต้องใส่ตลอดสามวันครับ
ทริปนี้ได้เพื่อนใหม่มาเพิ่ม 3 คนครับ
จากหมู่บ้านหนองหลวงถึงจุดปล่อยตัวซิปไลน์จะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4.5 กิโลเมตร
ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมง ทางราบบ้างทางชันบ้างสลับกันไปครับ
เริ่มเดินครับหน้าตาสดใสกันเลยทีเดียว
เดินไปสักพักเราจะเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดงหัวสาว
ระหว่างทางเราจะพบความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่นี่
เขียวสดใสไปตลอดทาง
จุดแรกที่เราต้องผ่านคือการเดินทรงตัวบนเชือก
จุดนี้ใช้กำลังแขนพอสมควรครับ
เดินไปไม่นานเราก็มาถึงสะพานแขวน
ทางเดินนี้วิวข้างซ้ายจะเป็นน้ำตกตาดเสือ
สะพานค่อนข้างลื่นต้องเดินระวังกันนิดนึงครับ
ถึงแล้วครับจุดปล่อยตัวซิปไลน์เส้นแรก
ความรู้สึกแรกที่ถูกปล่อยตัวออกไป
หวิวๆ นิดหน่อยครับ
พออยู่กลางอากาศบรรยากาศเกินคุ้มครับ
เดินไปสักหน่อยจะถึงจุดโรยตัวลงไปยังฐานด้านล่าง
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ
ซึ่งวันแรกพวกเราต้องโหนซิปไลน์ทั้งหมด 8 เส้นด้วยกัน
เส้นไฮไลท์ของวันแรกเส้นนี้เลยครับ
พวกเราต้องโหนกันผ่านน้ำตกตาดขมึด
วิวสวยงามจับใจครับ
หลังจากนั้นพวกเราเดินเท้าต่อไปนิดหน่อย
ถึงแล้วครับบ้านต้นไม้
ที่พวกเราต้องนอนกันในค่ำคืนนี้
อาหารเย็นสุดอบอุ่นครับ
ตบท้ายด้วยเบียร์ลาวสักหน่อย
ดื่มด่ำบรรยากาศพูดคุยกันยามค่ำคืนครับ
ได้เวลานอนเราต้องโหนซิปไลน์เข้าบ้านต้นไม้กันแล้วครับ
นี่เป็นวิวห้องน้ำของบ้านต้นไม้ครับ
เรามองเห็นทุกคนที่เดินผ่านมาแต่ทุกคนมองไม่เห็นเราสบายใจได้ครับ
ตื่นเช้าวันที่สองมาด้วยวิวดี ๆ กับน้ำตกตาดขมึด
จิบชาร้อน ๆ นั่งมองวิว
แค่นี้ก็สุขสุดยอดแล้วครับ
วิวดี ๆ แบบนี้เพื่อนเราเลยอดไม่ได้
ที่จะโชว์โยคะให้ดูกันซักหน่อย
อาหารเช้ามาแล้ว
ได้เวลาลุยกันต่อครับ
วันนี้เราได้เพื่อนมาเพิ่มครับ
มากันเป็นครอบครัวลุยกันทั้งพ่อแม่ลูก
เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อบอุ่นดีครับ
วันที่สองนี้พวกเราต้องโหนซิปไลน์กันทั้งหมด 14 เส้น
เส้นที่ยาวที่สุดของวันนี้ 450 เมตร สูง 100 เมตร
โดยโหนจากภูเขาอีกลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่ง
นี่เป็นวีดีโอที่เราทำขึ้นมา
รวมๆ กันหลายๆ เส้นลองดูกันนะครับ
วีดีโอนี้ดูผ่านมือถือไม่ได้นะครับเพราะเราใส่เพลงเข้าไปมันติดลิขสิทธิ์
ดูผ่านคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้นครับ
จากนั้นได้เวลาลุยต่อไปยังน้ำตกตาดตะเก็ด
เส้นทางนี้เดินเท้าเข้าไป
ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร เดินประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ
น้ำตกที่นี่สวยงามไม่แพ้น้ำตกตาดขมึดเลยครับ
เป็นม่านน้ำใหญ่สะดุดตา
ได้เวลาทานอาหารกลางวันกลางป่าครับ
กินกันท่ามกลางน้ำตกตาดหินแดง
อาหารรองด้วยใบตอง
เป็นมิตรกับธรรมชาติสุด ๆ ครับ
ที่นี่ได้ชื่อว่าน้ำตกตาดหินแดง
ก็เพราะหินมันเป็นสีแดงนี่แหละครับ
เมื่อทานข้าวเสร็จมีกาแฟร้อน ๆ
เสริฟพร้อมกระบอกไม้ไผ่
มันทำให้กาแฟลาวของที่นี่อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกครับ
เล่นน้ำตกกันอีกสักหน่อยก่อนจะไปลุยกันต่อครับ
เราต้องเจอกันอีกหลายสะพาน
สะพานนี้เบา ๆ ครับ
สะพานสุดหินของวันนี้
ใช้กำลังแขนกำลังขาสุด ๆ
ข้ามมาได้แล้วยิ้มสู้กล้องน่าดูครับ
คืนที่สองของการนอนที่บ้านต้นไม้
กับแสงยามเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
สลับกับบรรยากาศยามเช้าเมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นมา
ตลอดสองวันที่ผ่านมาเรารู้สึกดีมากที่ได้เจอพี่ ๆ สตาฟที่ดูแลเรามาอย่างดี
มันทำให้เราประทับใจนิสัยใจคอคนลาวมากขึ้นไปอีก
คนนี้ชื่อ พี่บุญ หัวหน้าทริปในครั้งนี้
ขอบคุณพี่ที่ดูแลพวกเราทุกคนเป็นอย่างดีครับ
ในเรื่องของการดูแลเรื่องเส้นสลิงในการโหนซิปไลน์
เราได้คุยกับพี่บุญไว้ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจเช็คทุก ๆ 3 เดือน
หากชำรุดจะเปลี่ยนให้เสร็จภายในวันนั้นเลย
เรื่องความปลอดภัยสำหรับการโหนซิปไลน์ที่นี่
เราถือว่าเซฟตี้ในระดับที่ดีเลยครับ การดูแลแทบจะหนึ่งต่อหนึ่ง
ใครตัดสินใจจะมาหายห่วงได้เลย สนุกแน่นอนครับ
วันสุดท้ายนี้พวกเราต้องเดินเท้ากลับหมู่บ้านหนองหลวงกัน 5 กิโลเมตร ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมงครับ
ไฮไลท์สำคัญวันนี้คือการปีนหน้าผาชัน ความสูง 35 เมตร
เสียวและท้าทายไม่เบาครับ
จุดชมวิวแวะถ่ายรูปก่อนเดินทางเข้าหมู่บ้าน
วิวด้านล่างคือที่ที่พวกเราใช้ชีวิตกันตลอดสองวันที่ผ่านมาครับ
เดินเท้าต่อกันอีกหน่อยครับ
ถึงแล้วครับทางเข้าหมู่บ้านหนองหลวง
ภารกิจตลอดสามวันที่ผ่านมา
สมบูรณ์แบบครับ อาจจะเหนื่อยล้าไปบ้าง แต่ใบหน้าทุกคนยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและรอยยิ้ม
" ถ้าเรามัวแต่กลัวที่จะออกไปเจออะไรใหม่ ๆ
เราก็คงจะหยุดอยู่ตรงที่เดิม
การได้ออกมาเจอประสบการณ์ที่แตกต่าง
ช่วยเปิดมุมมองเราให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เปิดตา เปิดใจ แล้วก้าวขาออกมาจากสิ่งเดิม ๆ
สิ่งใหม่ ๆ รอต้อนรับเราอยู่เสมอ "
นี่เป็นวีดีโอที่เพื่อนเรารวบรวมการเดินทางมาทั้งหมดตลอดสามวันสองคืนที่ลาวใต้นี้ครับ
Credit : Piyavirom Phunsawat
*ออกเดินทาง วันที่ 23-25 ตุลาคม 2558
*รายละเอียดค่าใช้จ่าย
จองผ่านบริษัททัวร์ในไทย ทั้งหมด 4 คน
ค่าใช้จ่ายคนละ 11,900 บาท อาหาร 8 มื้อ ที่พักนอนบ้านต้นไม้ 2 คืน
รวมค่ารถรับส่งไปกลับจากขนส่งจ.อุบลราชธานี
ราคาอาจจะปรับเปลี่ยนตลอดเวลาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนด้วยนะครับ
ขอบคุณภาพบางส่วนจากพี่บุญ พี่นุ พี่กอล์ฟ พี่เบ้นซ์ เพื่อนไอ เพื่อนจิ๊บ
รีวิวการเดินทางครั้งที่สองของเรา
ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดอะไรขอโทษมาด้วยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย
ขอบคุณมากครับ
FB : Bean Skullflied