ใครๆก็อยากจะหยุดงานเพื่อไปเที่ยววันธรรมดาใช่ไหมล่ะ เที่ยววันธรรมดานี่สิคนก็ไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน ชิลๆๆ ^_____^
เราก็ดูวันหยุดของตัวเอง เผอิญต้นเดือนตุลาคม เอ๊ะ! เรามีวันหยุดนิวันธรรมดาด้วย บอกกับเพื่อนเมท รออะไรละ หาเลยค่ะเที่ยวไหนดี ที่เค้าฮิตๆไปกัน หาไปหามา เห้ยแกเต็มว่ะ ((ขนาดวันธรรมดานะเว้ย)) แพงจัง เกินงบ 5555555555 จนสุดท้ายเราได้ที่ ไทรโยควิวราล์ฟ อื้อหือออ จองเลยสิค่ะ รออะไรล่ะ ฮ่าๆๆ ได้ในราคา 1,200 บาทต่อคน รวมค่าที่พัก ค่าบุฟเฟต์เช้า-เย็น ล่องแพ พายเรือคยัค(อันนี้พลาดอ่ะ แต่ทำไมเดี๋ยวบอกต่อทีหลังนะ) โอเคที่พัก ที่กินพร้อม เฮ้!!!
รูปในนี้เราใช้โทรศัพท์ถ่ายทั้งหมดเลยอาจจะไม่สวยโดนใจ มีแต่งบ้างไม่แต่งบ้าง แล้วแต่เนอะๆ ไม่ว่ากันนะ
เราไปวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ซื้อตั๋วไปกาญจนบุรีตรงฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต มันสะดวกกว่า หลังจากนั้นเราก็รับบัตรคิวแล้วนั่งรอรถกันเกือบๆครึ่งชั่วโมง
10 โมงรถมารับพร้อมมุ่งสู่กาญจนบุรีละจ้าาาา เราไปเส้นทางกำแพงแสนใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง เราลงตรง บขส.กาญจนบุรี ก็ตอนเที่ยงพอดีเลยหาข้าวทานแถวๆนั้นก่อน แล้วรีบหารถที่ไปอำเภอสังขละบุรี เพราะว่ารีสอร์ทที่จะพักอยู่ในอำเภอไทรโยค ซึ่งรถที่ไปนี่ก็จะผ่านอยู่แล้ว
ระหว่างรอรถออกแต่ละคนทั้งอิ่ม ทั้งบ้าบอสุดๆ และพร้อมสุดๆในทริปนี้
รถออกเกือบบ่ายโมง ระหว่างนั่งรถพวกเราชิลกันมาก แทบจะไม่ได้คุยกันเลย เพราะบรรยากาศมันชวนให้น่าซึมซับมากกว่า ฝนตกปรอยๆ ลมก็พัดอ่อนๆ มันใช่อะ
ไม่ได้ถ่ายรูปเลยเพราะมัวแต่เพลินกับสองข้างทาง เกือบๆสองชั่วโมงในการนั่งรถ เรารู้สึกเห้ย! ถึงแล้วหรอ ไวจังยังซึมซับไม่หมด 5555
....คนที่จะมาเส้นทางนี้อย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วยนะ ก่อนถึงไทรโยคใหญ่เค้าจะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาไปและขากลับ ถ้าไม่มีอาจโดนลงจากรถได้นะคะ...
เราบอกให้พนักงานขายตั๋วบนรถว่าลงตรงที่ปากทางบ้านแก่งจอ ซึ่งจะอยู่เลยน้ำตกไทรโยคใหญ่ประมาณ 7 กิโลเมตร รีสอร์ทจะต้องเข้าไปอีกติดแม่น้ำแควน้อย ลงรถก็โทรหารีสอร์ทจะมีรถมารับ ระหว่างรอรถมารับเราก็เดินเพลินๆ และที่สำคัญถ่ายรูปสิคะ ตามประสาผู้หญิงเนาะ ><
เนื่องจากเพื่อนไม่มั่นใจกับหน้าตาที่ผ่านการโต้ลมมาหรือเพราะเรามั่นเกินก็ไม่ทราบ ><
ขอเดี่ยวบ้าง
จนรถมารับ แบบเห็นแล้วน่ารักมากสีชมพู นึกถึงตามชนบท ท้องไร่ท้องนา ใจจริงอยากจะถ่ายกับรถในมุมสวยๆแต่ก็เกรงใจพี่ขับรถ ><"
แต่เพื่อนก็ยังไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าจริงๆ
พอมาถึงรีสอร์ทเราก็งงว่าเช็คอินได้ตรงไหน เพราะเจอเค้ากำลังก่อสร้างเพิ่มเติม พี่พนักงานรีสอร์ทบอกว่าลงไปข้างล่างเลยน้อง ล๊อบบี้อยู่บนแพริมน้ำค่ะ เราก็เดินดุ่มๆๆลงไป เช็คอินเรียบร้อย พี่พนักงานบอกว่าเมื่อคืนฝนตกหนัก วันนี้น้ำอาจจะขุ่นน้ำตาล ซึ่งปกติน้ำจะเขียวใส แต่ก็สามารถลงเล่นน้ำได้อยู่แต่พายเรือวันนี้รีสอร์ทเค้างดจ้าาาา
ระหว่างหาล๊อบบี้ เราสองคนก็เดินดุ่มๆๆเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว 5555
หลังจากได้กุญแจแล้วก็เดินหาห้อง ห้องเราอยู่ไกลมาก แต่ก็ดีเงียบๆหน่อย ระหว่างทางเดินห้อง ต้องระวังนะคะ อะไรตกลงไปนี่พลาดเลย อ้อ!เกือบลืมบอกห้องพักที่นี่ทุกห้องติดแม่น้ำค่ะ
เจอแล้วห้องที่เราจะพักคืนนี้ เราไม่ได้ถ่ายภายในห้องนะ พอถึงปุ๊บพวกเราก็เอาของวางกระจายเลย เลยมาถ่ายด้านหลังห้องฝั่งที่ติดแม่น้ำ แบบสวยมาก มีที่นั่งชิลกว้างขวาง รีสอร์ทที่นี่เค้าอนุญาตสามารถนำเครื่องดื่ม ขนม จากข้างนอกเข้ามาทานได้นะคะ
วิวจากหลังห้องสวยมากค่ะ ตอนนั้นประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆยอดเขายังมีหมอกลางๆอยู่เลย
บริเวณหลังห้องที่ติดริมแม่น้ำค่ะ พื้นที่กว้างขวางมากซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องอื่นๆด้วยนะคะ ห้องเราอยู่ขวาสุดเลย
ใกล้ 4โมงเย็นเราก็เตรียมตัวไปล่องแพค่ะ ที่นี่เค้ามีบริการสองรอบนะคะ อีกรอบคือ 5 โมงเย็น เรากับเพื่อนก็จัดไปเลยสองรอบ เพราะรอบแรกเรายังไม่ได้ลงน้ำ อีกรอบขอลงหน่อยนะไหนๆก็มาแล้วเนอะ ล่องแพเค้าจะพาไปบริเวณเหนือของรีสอร์ทแล้วปล่อยให้เราลงและลอยมากับน้ำ ซึ่งแพจะมารอรับตรงทางใต้ของรีสอร์ทคะ บอกเลยว่าฟินสุดๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปขณะล่องแพเพราะฝากมือถือไว้กับล๊อบบี้ ถ้ามากันเป็นแก๊งน่าสนุกดีนะคะ
ทุกคนเตรียมพร้อมมาก แพใกล้จะออกแล้ว
ก่อนล่องแพเพื่อนอยากได้เดี่ยวบ้างประมาณนางอยากถ่ายเอมวี เราก็ให้ได้เท่านี้อะนะ 555555555555
แล้วที่นี่เค้ามีสระน้ำจากุซซี่ด้วยนะ สามารถลงเล่นได้โดยไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ
หลังจากนั้นก็กลับห้องพักอาบน้ำเตรียมรออาหารเย็น อาหารเย็นอร่อยมากค่ะ มี 4-5 เมนู แต่ก็จำไม่ค่อยได้ละแหละ อิอิ แต่เป็นอาหารไทยนะคะ อันนี้เป็นบรรยากาศรับประทานอาหารเย็น นั่งทานบนแพริมแม่น้ำกันเลย คนเยอะมากค่ะวันที่ไป ไม่ได้ถ่ายอาหารเลยมัวแต่กิน 555
ตอนเช้าเราตั้งปลุกประมาณ 6 โมงเช้ากะจะดูหมอกตอนเช้า พอตื่นมาเปิดประตู สวยมากค่ะ ถึงแม้หมอกจะไม่หนาเท่าที่คิด แต่บริเวณภูเขานั้นเต็มไปด้วยหมอก แทบไม่เห็นภูเขาเลยค่ะ อากาศสดชื่นมาก เงียบสงบจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็อบน้ำแต่งตัวไปทานอาหารเช้าค่ะ อาหารก็เหมือนทั่วๆไปมีทั้งไทย อเมริกัน ทานจนอื่ม เรานั่งทานหันหน้าเข้าแม่น้ำเลยค่ะ บอกเลยว่าฟินเว่อออออออ
หลังจากอิ่มจากมื้อเช้า ถึงเวลาเช็คเอ้าท์ค่ะ เราก็บอกทางพนักงานค่ะว่าจะขอรถไปส่งที่ปากทางบ้านแก่งจอ ทางรีสอร์ทบริการฟรีรับส่งนะคะ แล้วเราก็รอรถสังขละบุรีเจ้าเดิมเพื่อกลับเข้าเมืองค่ะ
สิ้นสุดทริปวันหยุดของพวกเราแล้วค่ะ ใครอยากจะไปเที่ยวไหนแนะนำหาวันหยุดเตรียมตัวออกเดินทางเลยนะคะ แล้วจะรู้ว่าธรรมชาติข้างทาง นั่นสวยงามมากแค่ไหน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวเราจนจบนะคะ
[CR] หยุดพัก หยุดคิด พาใจลอยน้ำไปกับ SaiYok View Raft @กาญจนบุรี
เราก็ดูวันหยุดของตัวเอง เผอิญต้นเดือนตุลาคม เอ๊ะ! เรามีวันหยุดนิวันธรรมดาด้วย บอกกับเพื่อนเมท รออะไรละ หาเลยค่ะเที่ยวไหนดี ที่เค้าฮิตๆไปกัน หาไปหามา เห้ยแกเต็มว่ะ ((ขนาดวันธรรมดานะเว้ย)) แพงจัง เกินงบ 5555555555 จนสุดท้ายเราได้ที่ ไทรโยควิวราล์ฟ อื้อหือออ จองเลยสิค่ะ รออะไรล่ะ ฮ่าๆๆ ได้ในราคา 1,200 บาทต่อคน รวมค่าที่พัก ค่าบุฟเฟต์เช้า-เย็น ล่องแพ พายเรือคยัค(อันนี้พลาดอ่ะ แต่ทำไมเดี๋ยวบอกต่อทีหลังนะ) โอเคที่พัก ที่กินพร้อม เฮ้!!!
รูปในนี้เราใช้โทรศัพท์ถ่ายทั้งหมดเลยอาจจะไม่สวยโดนใจ มีแต่งบ้างไม่แต่งบ้าง แล้วแต่เนอะๆ ไม่ว่ากันนะ
เราไปวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ซื้อตั๋วไปกาญจนบุรีตรงฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต มันสะดวกกว่า หลังจากนั้นเราก็รับบัตรคิวแล้วนั่งรอรถกันเกือบๆครึ่งชั่วโมง
10 โมงรถมารับพร้อมมุ่งสู่กาญจนบุรีละจ้าาาา เราไปเส้นทางกำแพงแสนใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง เราลงตรง บขส.กาญจนบุรี ก็ตอนเที่ยงพอดีเลยหาข้าวทานแถวๆนั้นก่อน แล้วรีบหารถที่ไปอำเภอสังขละบุรี เพราะว่ารีสอร์ทที่จะพักอยู่ในอำเภอไทรโยค ซึ่งรถที่ไปนี่ก็จะผ่านอยู่แล้ว
ระหว่างรอรถออกแต่ละคนทั้งอิ่ม ทั้งบ้าบอสุดๆ และพร้อมสุดๆในทริปนี้
รถออกเกือบบ่ายโมง ระหว่างนั่งรถพวกเราชิลกันมาก แทบจะไม่ได้คุยกันเลย เพราะบรรยากาศมันชวนให้น่าซึมซับมากกว่า ฝนตกปรอยๆ ลมก็พัดอ่อนๆ มันใช่อะ ไม่ได้ถ่ายรูปเลยเพราะมัวแต่เพลินกับสองข้างทาง เกือบๆสองชั่วโมงในการนั่งรถ เรารู้สึกเห้ย! ถึงแล้วหรอ ไวจังยังซึมซับไม่หมด 5555
....คนที่จะมาเส้นทางนี้อย่าลืมพกบัตรประชาชนมาด้วยนะ ก่อนถึงไทรโยคใหญ่เค้าจะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาไปและขากลับ ถ้าไม่มีอาจโดนลงจากรถได้นะคะ...
เราบอกให้พนักงานขายตั๋วบนรถว่าลงตรงที่ปากทางบ้านแก่งจอ ซึ่งจะอยู่เลยน้ำตกไทรโยคใหญ่ประมาณ 7 กิโลเมตร รีสอร์ทจะต้องเข้าไปอีกติดแม่น้ำแควน้อย ลงรถก็โทรหารีสอร์ทจะมีรถมารับ ระหว่างรอรถมารับเราก็เดินเพลินๆ และที่สำคัญถ่ายรูปสิคะ ตามประสาผู้หญิงเนาะ ><
เนื่องจากเพื่อนไม่มั่นใจกับหน้าตาที่ผ่านการโต้ลมมาหรือเพราะเรามั่นเกินก็ไม่ทราบ ><
ขอเดี่ยวบ้าง
จนรถมารับ แบบเห็นแล้วน่ารักมากสีชมพู นึกถึงตามชนบท ท้องไร่ท้องนา ใจจริงอยากจะถ่ายกับรถในมุมสวยๆแต่ก็เกรงใจพี่ขับรถ ><"
แต่เพื่อนก็ยังไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าจริงๆ
พอมาถึงรีสอร์ทเราก็งงว่าเช็คอินได้ตรงไหน เพราะเจอเค้ากำลังก่อสร้างเพิ่มเติม พี่พนักงานรีสอร์ทบอกว่าลงไปข้างล่างเลยน้อง ล๊อบบี้อยู่บนแพริมน้ำค่ะ เราก็เดินดุ่มๆๆลงไป เช็คอินเรียบร้อย พี่พนักงานบอกว่าเมื่อคืนฝนตกหนัก วันนี้น้ำอาจจะขุ่นน้ำตาล ซึ่งปกติน้ำจะเขียวใส แต่ก็สามารถลงเล่นน้ำได้อยู่แต่พายเรือวันนี้รีสอร์ทเค้างดจ้าาาา
ระหว่างหาล๊อบบี้ เราสองคนก็เดินดุ่มๆๆเข้าไปแบบไม่เกรงกลัว 5555
หลังจากได้กุญแจแล้วก็เดินหาห้อง ห้องเราอยู่ไกลมาก แต่ก็ดีเงียบๆหน่อย ระหว่างทางเดินห้อง ต้องระวังนะคะ อะไรตกลงไปนี่พลาดเลย อ้อ!เกือบลืมบอกห้องพักที่นี่ทุกห้องติดแม่น้ำค่ะ
เจอแล้วห้องที่เราจะพักคืนนี้ เราไม่ได้ถ่ายภายในห้องนะ พอถึงปุ๊บพวกเราก็เอาของวางกระจายเลย เลยมาถ่ายด้านหลังห้องฝั่งที่ติดแม่น้ำ แบบสวยมาก มีที่นั่งชิลกว้างขวาง รีสอร์ทที่นี่เค้าอนุญาตสามารถนำเครื่องดื่ม ขนม จากข้างนอกเข้ามาทานได้นะคะ
วิวจากหลังห้องสวยมากค่ะ ตอนนั้นประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆยอดเขายังมีหมอกลางๆอยู่เลย
บริเวณหลังห้องที่ติดริมแม่น้ำค่ะ พื้นที่กว้างขวางมากซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องอื่นๆด้วยนะคะ ห้องเราอยู่ขวาสุดเลย
ใกล้ 4โมงเย็นเราก็เตรียมตัวไปล่องแพค่ะ ที่นี่เค้ามีบริการสองรอบนะคะ อีกรอบคือ 5 โมงเย็น เรากับเพื่อนก็จัดไปเลยสองรอบ เพราะรอบแรกเรายังไม่ได้ลงน้ำ อีกรอบขอลงหน่อยนะไหนๆก็มาแล้วเนอะ ล่องแพเค้าจะพาไปบริเวณเหนือของรีสอร์ทแล้วปล่อยให้เราลงและลอยมากับน้ำ ซึ่งแพจะมารอรับตรงทางใต้ของรีสอร์ทคะ บอกเลยว่าฟินสุดๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปขณะล่องแพเพราะฝากมือถือไว้กับล๊อบบี้ ถ้ามากันเป็นแก๊งน่าสนุกดีนะคะ
ทุกคนเตรียมพร้อมมาก แพใกล้จะออกแล้ว
ก่อนล่องแพเพื่อนอยากได้เดี่ยวบ้างประมาณนางอยากถ่ายเอมวี เราก็ให้ได้เท่านี้อะนะ 555555555555
แล้วที่นี่เค้ามีสระน้ำจากุซซี่ด้วยนะ สามารถลงเล่นได้โดยไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ
หลังจากนั้นก็กลับห้องพักอาบน้ำเตรียมรออาหารเย็น อาหารเย็นอร่อยมากค่ะ มี 4-5 เมนู แต่ก็จำไม่ค่อยได้ละแหละ อิอิ แต่เป็นอาหารไทยนะคะ อันนี้เป็นบรรยากาศรับประทานอาหารเย็น นั่งทานบนแพริมแม่น้ำกันเลย คนเยอะมากค่ะวันที่ไป ไม่ได้ถ่ายอาหารเลยมัวแต่กิน 555
ตอนเช้าเราตั้งปลุกประมาณ 6 โมงเช้ากะจะดูหมอกตอนเช้า พอตื่นมาเปิดประตู สวยมากค่ะ ถึงแม้หมอกจะไม่หนาเท่าที่คิด แต่บริเวณภูเขานั้นเต็มไปด้วยหมอก แทบไม่เห็นภูเขาเลยค่ะ อากาศสดชื่นมาก เงียบสงบจริงๆ
หลังจากนั้นเราก็อบน้ำแต่งตัวไปทานอาหารเช้าค่ะ อาหารก็เหมือนทั่วๆไปมีทั้งไทย อเมริกัน ทานจนอื่ม เรานั่งทานหันหน้าเข้าแม่น้ำเลยค่ะ บอกเลยว่าฟินเว่อออออออ
หลังจากอิ่มจากมื้อเช้า ถึงเวลาเช็คเอ้าท์ค่ะ เราก็บอกทางพนักงานค่ะว่าจะขอรถไปส่งที่ปากทางบ้านแก่งจอ ทางรีสอร์ทบริการฟรีรับส่งนะคะ แล้วเราก็รอรถสังขละบุรีเจ้าเดิมเพื่อกลับเข้าเมืองค่ะ
สิ้นสุดทริปวันหยุดของพวกเราแล้วค่ะ ใครอยากจะไปเที่ยวไหนแนะนำหาวันหยุดเตรียมตัวออกเดินทางเลยนะคะ แล้วจะรู้ว่าธรรมชาติข้างทาง นั่นสวยงามมากแค่ไหน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวเราจนจบนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น