[CR] [CR] อยากดูหมอก ที่นี่เลยไม่ไกลแค่ปลายจมูก @ ดิ โอโซน รีสอร์ท สวนผึ้ง

กระทู้รีวิว
รีวิวครั้งแรกในชีวิต ยังไงก็แนะนำด้วยค่ะ(แท็กถูกป่าวก็ไม่รู้ อิอิ) ทริปนี้ไปมาตั้งแต่วันปิยมหาราช แต่เพิ่งได้มารีวิวค่ะ ไม่ได้มารีวิวแค่ที่พักอย่างเดียว แถมที่เที่ยวหลากหลายให้ด้วย จุดเริ่มต้นทริปนี้คือ เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานชีวิตวุ่นวายพอสมควร อยากจะหาที่พักผ่อนสมองใกล้ๆ ไม่ต้องเดินทางไกลขี้เกียจนั่งรถนานๆ สรุปได้ที่สวนผึ้งนี่แหละค่ะ อันที่จริงเคยไปมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยไปนอนค้างอ้างแรมที่สวนผึ้งเลย จึงจัดซะหน่อย ทริปนี้สั้นๆใกล้ๆ ไม่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดแต่อย่างใด เพราะเราออกเดินทางจาก อ.โพธาราม จ.ราชบุรีเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่วางแผนจะไปก็มี บ้านการ์ตูน Chado Gallery , ตลาดน้ำเวเนโต้ , น้ำตกเก้าโจน , แก่งส้มแมว และพิพิธภัณฑ์ภโวทัย ส่วน รีสอร์ทที่ไปพักวันนี้เป็นรีสอร์ทเล็กๆอยู่บนเขา ไม่ค่อยมีคนมารีวิวสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่รีสอร์ทมีชื่อเสียง ไม่ได้ออกแบบหรูหรา ไม่มีมุมถ่ายรูปชิคๆ แต่บอกเลยค่ะว่าวิวสวยเกินราคามาก
   แต่ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปดูที่พักกัน เราแวะเที่ยวกันสักนิดนึง แพลนไว้ว่าที่แรกจะแวะ บ้านการ์ตูน Chado Gallery แล้วไปต่อที่ ตลาดน้ำเวเนโต้ แต่พอไปถึงบ้านการ์ตูน ปิดซะงั้น เซงเลย แต่ไม่เป็นไรไปที่หมายถัดไปก็ได้ ไม่ง้อหรอก ชิ!! ขับไปถึงตัวอำเภอสวนผึ้งก็เที่ยงพอดีเริ่มหิวค่ะ แวะทานมื้อเที่ยงก่อน แต่....ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด มีเรื่องสยองขวัญมาก เจ้าคิกคักนั่นคือ...เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านนึง (ขอไม่บอกชื่อและที่ตั้งร้านนะคะ) ก็สั่งเล็กต้มยำกะสามีคนละชาม พอมาเสิร์ฟ เราก็กำลังจะแกะตะเกียบสายตาพลันเหลือบไปเห็น อะไรในชามเป็นเส้นๆอยู่ตรงพริกเผาที่ร้านใส่มา พริกเผามันก็ไม่น่าจะใส่อะไรที่เป็นเส้นๆยาวๆนี่นา ทายซิอะไรเอ่ย??? แมลงสาบ!!! อ๊ากกก กรี๊ดดดด มาเป็นตัวเลยจ้า รีบชี้ให้สามีดูเลยบอกเอาไปเปลี่ยนบัดเดี๋ยวนี้ แต่ชามของสามีไม่มีนะ ทางร้านก็รีบเปลี่ยนให้ใหม่ค่ะ เราก็เลยเดินไปบอกว่าเอาเป็นเส้นเล็กลูกชิ้นหมูน้ำใสแทนนะคะ(คือหลอนพริกเผา) แต่พอเอามาเสิร์ฟก็เป็น ต้มยำ!! อะไรเนี่ย แต่เอาเถอะขี้เกียจเปลี่ยนแล้ว ก็สำรวจให้ดีก่อน แต่ว่าไม่คนพริกเผารวมกะน้ำนะ กองไว้ตรงนั้นแหละ กินแบบพยายามไม่คิดถึงภาพสยองนั่น บรึ๋ยยย แต่ก็เข้าใจนะว่าทางร้านคงไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นเช่นนี้หรอก มันเป็นเหตุสุดวิสัยก็ให้อภัยไม่อยากมีเรื่องมีราวเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก (แต่ทำไมต้องมาเป็นที่ช้านนนน ร้องไห้ )
  เอาล่ะ ผ่านเรื่องสยองหลายบรรทัดกันมาแล้ว ไปเที่ยวกันเถอะ อยากเที่ยวแล้วเนี่ย อ้อออ ลืมบอกไป ตรงอำเภอเขามีจุดบริการข้อมูลท่องเที่ยวด้วยนะ เข้าไปถามมาเขาก็ให้แผนที่ให้ข้อมูลมานิดหน่อย เพราะสามีเราเป็นคนราชบุรีอยู่แล้ว ได้ข้อมูลเพิ่มนิดหน่อยก็โอเค ที่หมายแรก ตลาดน้ำเวเนโต้ ค่าเข้าคนละ 50 บาทค่ะ เราว่าไม่แพงนะ แล้วที่นี่มี 4D Art Gallery ด้วย บวกเพิ่มอีกคนละ 50 บาท ถ้าใครจะไม่เข้าไปดูภาพ 4มิติก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ตั๋วแยกใบกันค่ะ ภาพข้างในก็ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เหมือนกำลังทำเพิ่มอีกแต่ 50 บาทก็ถือว่าไม่แพง ภาพสวยดี เขามีจุดให้ยืนถ่ายรูปด้วยว่าต้องยืนมุมนี้นะรูปจะได้ออกมาสวย





*รูปสุดท้ายนี้copyมาจากเฟสบุคของเวเนโต้ค่ะ*
   บรรยากาศภายในตลาดน้ำ คนน้อยจริงๆค่ะ ก็เล่นมาวันที่เขายังไม่หยุดกันนี่เนอะ แถมอากาศร้อนด้วย ถ้ามาหน้าหนาวคงจะดีไม่น้อย มีบ้านปลาคาร์ฟด้วยล่ะ ปลาเยอะมาก ถ้าตกน้ำไปมีหวังโดนตอดแน่

อาหารปลามีขายกระปุกละ 30 บาทปลา

ปล.รูปอาจไม่สุภาพสักนิดนะคะ ขออภัยอมยิ้ม17

วันนี้ร้านค้าเปิดไม่ค่อยเยอะค่ะ หรือปกติมีเท่านี้ก็ไม่รู้นะ ตอนเดินออกมาจาก 4D Art Gallery เห็นมีร้านประเภทปาโป่ง ปากระป๋อง ใครอยากทดสอบความแม่นยำเชิญได้ค่ะ แล้วก็มีร้านขายของฝาก ร้านเครื่องดื่ม ร้านไอศกรีม อีกประปราย

ที่เห็นหลังคาสีน้ำตาลในน้ำนั่น คือบ้านปลาคาร์ฟ
เดินกันสักพักก็คิดว่าเข้าที่พักดีกว่า ร้อนเหลือเกิน เดี๋ยวเย็นๆค่อยออกไปเที่ยวน้ำตกกันต่อ


มาถึงที่พักแล้ว ที่พักของเราคือ ดิ โอนโซนรีสอร์ท(The Ozone) เป็นบ้านพักสไตล์โมร็อคโคสีสันสดใส การเดินทางมาทางเดียวกับไร่อุษาวดี เลยไร่ไปไม่ไกลค่ะ ก่อนถึงรีสอร์ทจะมีสำนักสงฆ์(จำชื่อมิได้) เราเดินทางกันวันที่ 22 ตุลาคม 2558 เนื่องจากไม่อยากไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวช่วงวันหยุดยาว เลยไปก่อนชาวบ้านเขาวันนึง ซึ่งก็สมใจเลยค่ะ ไปถึงรีสอร์ทตอนบ่าย 3 กว่าๆ  กำลังงงว่าจอดรถตรงไหนก็ไปเจอป้าคนนึงเดินอยู่หน้ารีสอร์ทน่าจะเป็นชาวเขารึป่าวไม่แน่ใจเพราะแกพูดไม่ชัด ถามป้าก็บอกว่าให้เลี้ยวขึ้นไปเลยมีที่จอดรถ สามีเราก็ขับขึ้นไป ซึ่งทางชันนิดนึงขึ้นปุ๊บเลี้ยวซ้ายเลย ถ้าเป็นเราขับเองรถคงจะไหลอ่ะ ฮ่าๆ พอลงจากรถแกก็ถามว่าจองห้องสีม่วงไว้ใช่มั้ย เราก็บอกว่า ใช่ค่ะ ต้องติดต่อตรงไหนคะ ป้าบอกติดต่อป้านี่แหละ เดินขึ้นไปเลยกุญแจอยู่ที่ประตูแล้ว คือไม่มีพิธีรีตรองใดๆทั้งสิ้น ง่ายๆเลยค่ะ ซึ่งจากการสำรวจที่จอดรถ(น่าจะจอดได้ประมาณ 4 คันถ้วน) มีรถเราคันเดียวถ้วนๆเช่นกันค่ะ คืนนั้นมีห้องเราพักห้องเดียว บรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัว สมใจเลยมาก่อนคนอื่นเค้าก็นอนมันห้องเดียวนี่แหละ


บรรยากาศภายในรีสอร์ทร่มรื่นดีค่ะ ต้นไม้เยอะ และด้วยความที่รีสอร์ทเป็นบ้านบนเนินเขา ก็เลยต้องเดินขึ้นเขาต้านแรงโน้มถ่วงโลกให้เมื่อยกันอีกนิด หอบเลย


เพื่อนบ้านฝั่งซ้ายมือเป็นหลังสีครีมกับสีชมพูค่ะ สีชมพูดูจะซีดแล้วนะ ส่วนอีกหลังสีขาวอยู่ทางขวาไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

มองลงไปด้านล่าง มีลานกว้างๆ กับโต๊ะม้าหิน ถ้ามากับเพื่อนๆหรือครอบครัวใหญ่ จะมีปาร์ตี้เล็กๆกันตรงนี้ก็ดีนะคะ

มีสัตว์โลกน่ารักมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยล่ะ เข้าถึงธรรมชาติจริงๆเลยเรา

ห้องพักเราป้าทำความสะอาดไว้รอแล้ว ภายในห้องพักก็มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น เตียงนอน ไม่มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ แนะนำให้พกตู้ไปเองค่ะเค้าล้อเล่น





ไปสำรวจห้องน้ำสักหน่อย ห้องน้ำกว้างมากนอนได้อีก3คนเลย ผนังเป็นปูนขัดมัน มีที่ให้วางของ เราก็เลยเอาสารพัดเครื่องใช้ส่วนตัว ซึ่งผู้หญิงอย่างเราก็รู้ๆอยู่นะคะ เยอะค่ะ มาวางไว้ตรงนี้แทน ก็ไม่มีโต๊ะให้นี่นา ในห้องน้ำมีครีมอาบน้ำให้ 3ขวดเล็กๆ นอกนั้นไม่มีอะไรเลยค่ะ หมวกอาบน้ำก็ไม่มี แอบงอนก็ตรงนี้แหละ สิ่งอำนวยความสะดวกมีน้อยไปนิด แต่ก็ให้อภัยค่ะ เพราะไม่แพง (เราไปวันธรรมดาคืนละ 1,200 ถ้าเสาร์-อาทิตย์ 1,500) ชักโครกดูเก่าๆ น้ำที่นี่น่าจะมาจากถังเก็บน้ำของรีสอร์ทเองนะคะ เพราะด้านนอกได้ยินเหมือนเสียงเครื่องสูบน้ำ และตอนอาบน้ำล้างสบู่รู้สึกมันลื่นๆอ่ะ


ด้านหน้าห้องพัก มีโต๊ะกับเก้าอี้ให้นั่งชมวิวชิลๆด้วยค่ะ สังเกตสีที่ทาผนังนะคะ เหมือนเอามาป้ายๆแบบไม่ตั้งใจทาอ่ะ คงเป็นตามสไตล์เค้าล่ะมั้ง

บรรยากาศประหนึ่งบ้านพักส่วนตัว (แหงล่ะ ก็มีห้องเดียวนี่) ป้าบอกว่าตอนเช้าจะเอาข้าวต้มมาเสิร์ฟให้ที่ห้อง (เป็นไง เอ๊กซ์คลูซีฟม่ะประหลาดใจ ) เก็บข้าวของให้เรียบร้อย พักสักครู่จะออกไปเที่ยวน้ำตกแล้วก็หามื้อเย็นทานด้วย แต่ฝนดันตกซะงั้น ชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียว แต่ก็ดีนะเพราะเช้าๆจะได้มีหมอก รอฝนซาก็เดินทางค่ะ ขับออกไปได้หน่อยเดียว ถนนแห้งสนิท อ้าววว นี่ตกแค่บนเขาที่เราพักหรอ สามีบ่นจะตกทำไมคนเพิ่งล้างรถ (ไม่รู้ล่ะสิฝนมันชอบตกตอนเพิ่งล้างรถเสร็จนั่นแหละ) สามีพาขับรถเที่ยวชมเส้นทางธรรมชาติไปที่น้ำตกเก้าโจนค่ะ มีเส้นทางจักรยานด้วย น่าจะเพิ่งตีเส้นนะดูยังใหม่อยู่เลย

ไปถึงคนเขาเดินกลับกันหมดแล้วแต่เราเดินเข้าอมยิ้ม07 นั่งเล่นเดินเล่นแปบเดียวก็ใกล้มืดแล้ว กลับกันเถอะหามื้อเย็นทานแล้วก็กลับที่พักดีกว่า ไม่มีร้านอาหารอร่อยแนะนำนะคะ ทานง่ายๆอาหารตามสั่งค่ะ

ยามค่ำคืนที่รีสอร์ทเงียบสงบ(ไม่ใช่เงียบสงัดนะ)เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างยิ่ง อากาศเย็นสบาย ตื่นเช้ามาตอน 6โมงกว่าๆ แหวกม่านดูหน่อย ว้าวๆๆๆ มีหมอกแล้วจ้า รีบออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์สมกับชื่อโอโซนรีสอร์ทจริงๆ


ห้องที่เราพักเป็นบ้านบนเนินเขามีอยู่ 4 หลัง ที่เหลือก็ลดหลั่นกันลงไป มุมห้องพักเราโอเคเลยค่ะเห็นวิวสวยดี ตอนแรกที่โทรจองพี่เจ้าของเขาถามว่าเอาหลังสีชมพูมั้ย แต่เราบอกว่าเอาสีม่วงค่ะ แจ่มดี ซึ่งก็เลือกถูกเลยค่ะ เพราะลองเดินขึ้นไปหลังสีชมพู โถ่ๆ ต้นไม้บังวิวหมดเลย ดีนะเนี่ยที่เลือกหลังสีม่วง




อันนี้เค้าเรียกมอสรึป่าวคะ แสดงให้เห็นถึงความชุ่มชื้นของที่นี่

ชมวิวชมหมอกจนจุใจก็กลับเข้าห้องดีกว่า นอนต่ออีกนิดละกัน สโลว์ไลฟ์กันไปค่ะ ไม่รีบๆ ตื่นมาอีกที ออกมาดูหน้าห้องพัก ขุ่นพระ!!อาหารเช้ามาแบบจัดเต็มเลยค่ะ ไหนป้าบอกว่าแค่ข้าวต้มไง

มาทั้งข้าวต้มเห็ดหมูสับ กาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ เสิร์ฟกันถึงหน้าห้อง หนูนี่อยากจะกราบป้างามๆเสียจริงเชียว(ตอนโทรจองทราบว่าวันธรรมดาจะไม่มีอาหารเช้าแบบ ABF เราก็เลยซื้อขนมปังมาตุนไว้แล้ว ไม่คิดว่าป้าจะจัดให้ขนาดนี้)


*ข้อความเต็มซะละ ไปต่อข้างล่างก็ได้*
ชื่อสินค้า:   The Ozone Resort
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่