[CR] ในความคิดเรา ภูทับเบิก ยังคงสวยงาม

อมยิ้ม02สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพอมยิ้ม01
เรานั้นได้แอบแฝงเก็บข้อมูลเรื่องเที่ยวในนี้มานาน และแล้วมันก็สมควรแก่เวลาแร๊น ทาด๊าาาา กระทู้แรกจร้าาา
ปล.เราเป็นแค่คนที่ถ่ายรูปได้ แต่ไม่ใช่คนถ่ายรูปเป็น รูปของเราอาจกากบ้างไรบ้าง ด่าได้ แต่อย่าแรงน๊า
ไม่เอามาม่านะค๊ะ น้องขอ จุ๊บๆ



ปีนี้สถานที่เที่ยวที่บูมบู้มบูมสุดๆ ถ้าจะไม่พูดถึงภูทับเบิก ก็คงจะไม่ได้
ความจริงเราตั้งใจที่จะไปภูทับเบิกตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน(ยังไม่บูมมาก)แต่เพื่อนเราดันวางแผนไปเที่ยวกาญกันซะก่อน
เราเลยต้องเลื่อนทริปนี้ออกไป และสุดท้าย เราก็ได้ไปภูทับเบิกในช่วงที่บูมสุดๆ คือเดือนตุลาคมนั่นเอง เมื่อเวลาพร้อม
คนที่จะไปด้วยพร้อม ข้อมูลแน่น เราก็ได้ออกเดินทาง
26.10.58 หลังจากเลิกงาน 16.30 เรากับเพื่อนๆก็ได้รีบนั่งรถจากบ้านที่สุพรรณบุรีเมืองยุทธหัถถีมุ่งสู่กรุงเทพพระมหานคร
อมรรัตนโกสินทร์เพื่อไปขึ้นรถที่หมอชิต เราได้จองของเพรชประเสริฐทัวร์ เที่ยว 23.30 ลงตลาดหล่มสัก ประมาณ 5.00
ของวันที่ 27.10.58(ช่องขายตั๋วอยู่ชั้นล่างด้านในนะ ถ้าหันหน้าเข้าอยู่ขวามือ ถัดจาก 7-11ทางที่จะไปโรงอาหารที่มี KFC
เราได้ทำการหลงมาเรียบร้อย 555 ) เมื่อได้ตั๋วแล้วเราก็ นั่งรอร๊อรอ เดินเล่นบ้าง ยกกล้องคู่ใจ Fuji XA2 ขึ้นมาถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
แล้วก็มีพี่เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่า น้องครัช เค้าห้ามถ่ายรูปนะ อมยิ้ม20 ไอ้เราก็ไม่รู้เนอะ
เลยเก็บกล้องแล้วก็เดินออกไปด้านหลัง แอบถ่ายรูป อิอิ

ยิ่งดึกคนยิ่งน้อย

รถออกพวกเราสี่คนก็หลับ แต่เราไม่ค่อยหลับอ่ะ นั่งไปปวดขาไปเรื่อยๆ ก็ถึงตลาดหล่มสัก ตอนแรกเราจะลงที่บขส.หล่มสัก
แต่พี่คนขับรถประสานเสียงก็บผู้โดยสารบอกว่า น้องลงที่ตลาดหล่มสักเถอะ เราก็เลยยอม อิอิ 27.10.58 เวลา 5.30 น. เงียบมากกก
มองไปทางซ้าย...
มองไปทางขวา...

คุณลุงสองคน เป็นคนขับรถรับจ้างค่ะ เหมาขึ้นไปภูทับเบิกได้ ราคาต่อรองเอาเอง แต่เราเจอลุงอีกท่านหนึ่ง คิดเรา เหมาๆ 1200 เราต่อได้เหลือ 1000 แล้วเราก็ยังโชคดี เจอน้องคนหนึ่งแบกเป้มาคนเดียว มาขอแชร์ค่ารถกับเราด้วย เลยรวมเป็น 5 คน ตกคนละ 200
ให้พี่เค้าเหอะ ขับขึ้นลำบากจริงๆ

เราขึ้นไปถึงก็หกโมงกว่า คนไม่ค่อยมีนะ อาจเพราะเป็นวันธรรมดา
สิ่งแรกที่ทำคือเดินขึ้นไปจุดวัดอุณหภูมิ เพื่อหา ทะเลหมอก แต่สิ่งที่เจอคือ.... หมอกจางๆและเตนท์อมยิ้ม20



แต่อากาศดีมากนะ เราไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเจอทะเลหมอก เราเลยไม่ค่อยผิดหวังเท่าไหร่
เสร็จแล้วเราก็ลงมาเดินเล่นตรงวิสาหกิจชุมชน รอเวลาเข้าที่พัก(ที่พักของเราคือทับเบิกรีสอร์ทไม่ไกลจากจุดชมวิว
นอนได้สี่คน มีน้ำอุ่น ซึ่งอุ่นมาก เศร้ากลอกตาบน แบะปาก โดยรวมก็ถือว่าพอใช้ได้ ห้องราคา 3000)











รูปสุดท้ายเป็นแพนเค้นชาวเขา อร่อยอ่ะ กรอบๆ หอมเนย แต่ราคาก็ประมาณหนึ่ง
ร้านค้าเกือบทุกร้านเป็นชาวม้ง น่ารักมาก คุยเล่นได้ ถ่ายรูปได้ และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือเด็กม้งsigantureเลยนะเนี่ย




หิวๆก็ต้องกินอะไรร้อนๆ ข้าวต้มถ้วยละ 40 ขุนพระ!!


ได้เวลาเราก็เอาของเข้าไปเก็บที่พัก แล้วก็ออกตามหากะหล่ำปลี เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เราว่าให้ๆพี่ม้งเค้าเหอะ
เค้าขายกะหล่ำได้โลละไม่กี่บาท ไหนจะค่าปุ๊ยค่ายาค่าขนส่ง การที่มีคนไปเที่ยวก็ทำให้เค้าได้มีรายได้อีกทาง
แต่ก็ระวังๆอย่าไปเหยียบกะหล่ำพี่เค้านะ





ถ่ายรูปกันจนร้อน พวกเราก็กลับที่พัก เนื่องจากไม่มีรถไปไหน พวกเราเลยนอนกันจนถึง 16.00 น. พอตื่นก็นึกได้ว่าอีกสถานที่ฮิตคือ ไร่ริมผา ไปกันเต๊อะ






เดินเล่นกันสักพักรู้สึกหนาวๆ พวกเราเลยเดินไปที่จุดวัดอุณหภูมิ
ปรากฎว่ามีทั้งหมอกทั้งลมอากาศดี๊ดี เวลา 16.40 น. อุณหภูมิ 20 องศา





ถ่ายรูปจนหนำใจ ท้องมันก็ร้องอยากกินๆๆๆๆ มาภูทับเบิกทั้งทีไม่รุทำไมต้องกินหมูกระทะ555
ชุดเล็ก 300 ชุดใหญ่ 500 พวกเราซึ่งเป็นชะนีสาย-เลยจัดชุดใหญ่มา หมูเยอะมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที


ระหว่างกินก็ห้าโมงกว่า ฝนก็ค่อยๆตกลงมากแล้วก็ตกหนักมาก แอบสงสารคนที่นอนเต้น คงเปียกอ่ะ
พอฝนหายตกพวกเราก็รีบเดินกลับที่พัก หมอกหนามากจนมองทางแทบไม่เห็น
หมดไปละหนึ่งวัน กลับห้องไปอาบน้ำรีบนอนพรุ่งนี้ตื่นมาดูหมอกอีกที
เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตีสี่ครึ่ง ล้างหน้าแปรงฟัน ออกมากันตอนตีห้ากว่าๆ เดินขึ้นมาจุดวัดอุณหภูมิ
ไม่มีคนเลย มีแต่หมอก พวกเราเลยเดินลงมาหาไรกินรองท้อง


โอวัลติน แก้วละ 20 ไข่ปิ้ง สามฟอง 25 เอิ่ม.... ให้พี่ม้งเค้าเหอะ ไหนจะค่าขนส่งร้องไห้
กินเสร็จก็ขึ้นไปนั่งรอ ร๊ออออ รอ  หมอกอ่ะมีนะแต่ไม่ถึงกับเป็นทะเล เราก็คิดว่างั้นรอดูพระอาทิตย์ขึ้นละกัน
เคยอ่านเจอมาว่า การนั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก มันก็มีความสุขพอๆกับการที่ได้เป็นคนแรก หรือคนสุดท้ายของใครบางคน
อืม....
แต่ระหว่างรอ เราหนาวววววหัวเราะ กว่าคุณพระอาทิตย์จะมาก็เกือบเจ็ดโมง แล้วฟูจิลูกรักเราก็ได้ทำการฌาปนกิจตัวเอง เพราะแบตหมด
รูปต่อไปนี้จึงมาจากไอโฟนห้า ที่อยู่กับเรามานานแสนนาน


พอเจอคุณพระอาทิตย์แล้ว พวกเราก็กลับมาเก็บของเตรียมตัวกลับ เพราะต้องขึ้นรถเที่ยว 10.30 ที่ตลาดหล่มสัก
โชคดีเป็นของพวกเรา พี่ที่ไปด้วยกัน เล่นเฟสบุคเจอเพื่อนมาอยู่ใกล้ๆภูทับเบิก แล้วเค้าก็จะขึ้นมาดูหมอกเช้านี้
พวกเราเลยได้อานิสงติดรถพี่เค้าลงไปด้วย ขอบคุณนะครัช อิอิ จำชื่อพี่เค้าไม่ได้




ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ เราขอฝากอะไรสักหน่อย หลายคนบอกว่า เมื่อก่อนภูทับเบิกสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้
จะไปทำไมตอนนี้ไม่สวยแล้ว เละเทะ คือหมายความว่า เราไม่ต้องเที่ยวภูทับเบิกหรอ??
เราไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อก่อนภูทับเบิกนั้นจะสวยงามมากขนาดไหน ธรรมชาติสุดๆขนานไหน ก็พอเห็นมาบ้างจากในรูป
แต่เมื่อเราไปภูทับเบิกยุคนี้ ยุคที่การท่องเที่ยวบูมแบบสุด รีสอร์ทขึ้นเป็นดอกเห็ด
ความสุขของทริปนี้ไม่ได้อยู่ที่ธรรมชาติที่ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ไม่ได้อยู่ที่หมอก แต่เรากลับมีความสุขที่ได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ
เพื่อนใหม่ มิตรภาพใหม่ อัธยาศัยของชาวม้ง วิถีชีวิตของชาวม้ง ต้นไม้แปลกๆที่เราไม่เคยเห็น อากาศที่ยังดียังบริสุทธิอยู่
คือโดยรวม เราว่าภูทับเบิกยังคงสวยงามอยู่ เราเป็นแค่นักท่องเที่ยวตัวเล็กๆ คงไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้มาก
แต่สิ่งที่เราทำได้ คือเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ไม่ทำลายธรรมาชาติไปมากกว่านี้ ไม่ทิ้งขยะ กระจายรายได้สู่ชาวม้ง
คือแค่นี้เราก็มีความสุขแล้วเยี่ยม

ปิดท้ายด้วยรูปของพวกเราสี่คน
แล้วซ้ายสุด น้องหญิง สาวใต้ใจกล้า backpack คนเดียว ที่มาร่วมหารค่ารถกับเรา แล้วก็เดินเที่ยวไปด้วยกัน


ทริปนี้หมดเงินไปไม่น่าจะเกิน 2500 นะ คิดรวมๆก็ประมาณนี้ เพราะพวกเรากินกันตลอดทาง ปากไม่ได้ว่างเลย 555
see you next trip naka อมยิ้ม17

ตามมาดูรูปกากๆได้นะค๊ะใน IG : ning_nutcharee
ชื่อสินค้า:   เพราะการท่องเที่ยว คือส่วนหนึ่งของชีวิต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่