กับข่าวร้ายสำหรับบริษัท SAMART ที่ทำให้โดนติดลบไป สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เราลองมาดูกันดีกว่าว่า SAMART มีผลกระทบด้านพื้นฐานอะไรบ้าง ไม่ขอวิเคราะห์ในประเด็นข่าวนะครับ ก็คงต้องดูกันต่อไป
กับ P/E ที่หล่นลงไปเหลือ 16.45 กับ อัตราปันผล yield ที่ขึ้นมาเป็น 4.27% (ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2558)
กับราคาย้อนหลังจะเห็นว่ามีการเหวี่ยงขึ้นลงช่วงสั้นๆ บ้าง พอวันที่ข่าวกระทบเท่านั้นแหละร่วงลงไป 9.05% ในวันเดียว
บริษัทออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นสามารถไปตามอ่านได้ใน link นี้ครับ
http://www.settrade.com/simsImg/news/2015/15078887.pdf
เอาละครับ เรามาดูบริษัทนี้กันคร่าวๆ ดีกว่าว่าทำอะไรบ้าง แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นแค่ชั่วคราว หรือถาวร แล้วถ้าชั่วคราวแล้วพื้นฐานของบริษัทน่าสนใจหรือไม่
เรามาเริ่มกันที่บริษัทนี้ทำอะไรกันก่อนดีกว่าครับ จากเว็บ settrade เอง
ดำเนินธุรกิจ 5 สายหลัก คือสายธุรกิจ ICT Solutions and Services สายธุรกิจ Mobile Multimedia สายธุรกิจ Call Center สายธุรกิจ Utilities and Transportations และสายธุรกิจ Technology Related Services
งงเหมือนผมไหมครับ อ่านรอบแรกรู้สึกบริษัททำเยอะไปหมด เนื่องจากบริษัทได้ขยายตัวขึ้น โดยกลายเป็นลักษณะ holding company ไปละ คือพูดง่าย ๆ มีบริษัทลูกๆ คอยทำเงินป้อนให้บริษัทแม่เป็นจำนวนมาก มาดูสิ่งที่น่าสนใจกันดีกว่าครับ
ธุรกิจหลัก ๆ แบ่งเป็น 5 สายโดย
สายธุรกิจ ICT Solutions and Services รับเหมาทำระบบ IT รัฐและเอกชนมีสัดส่วนรายได้ 27.3%
สายธุรกิจ Mobile Multimedia หลัก ๆ คือ imobile ที่เราๆ ท่านๆ เห็นตามท้องตลาดนั่นเอง มีสัดส่วนรายได้ 51.7%
สายธุรกิจ Call Center รับทำ Call Center ให้กับบริษัทต่างๆ มีสัดส่วนรายได้ 2.8%
สายธุรกิจ Utilities and Transportations เกี่ยวกับการขนส่ง และพลังงาน ส่วนนี้บริษัทมีการลงทุนในพลังงานสะอาดค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวเรามาดูกัน มีสัดส่วนรายได้ 10.2%
สายธุรกิจ Technology Related Services หรืออื่นๆ นอกจากด้านบน สัดส่วน 8%
เอาละครับพอมามองอย่างนี้แล้วตัว รายได้หลัก ๆ เอง คือ imobile มีสุขภาพเป็นไงบ้าง พอไปดูรายงาน Q2 ของ imobile (SIM) เองพบว่า
สายธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่: รายได้จากสายธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสที่ 1/58 อยูที่ 2,065 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% ของรายได้รวมลดลง30.3%เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 25.1% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสท่ีผ่านมา โดยเป็นผลมาจากการลดลงของจํานวน เครื่องที่จําหน่ายในไตรมาสท่ี 1/58 ตามการแข่งขันใน ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะเศษฐกิจท่ี ชะลอตัวลง
พูดง่ายๆ คือ รายได้ลดลงอย่างน่าใจหาย สาเหตุก็น่าจะมีเครื่องจีนคุณภาพสูงราคาถูกมาตีตลาดที่ imobile ยึดครองอยู่ และค่ายใหญ่หลายค่าย ๆ ก็ลงมาเล่นในตลาดที่ imobile จับอยู่ คือ smartphone ราคาต่ำกว่าหมื่นบาท คาดว่าจะคงแข่งขันสูงต่อไป และถ้า imobile ยังไม่มีอะไรออกมาโต้ตอบการรุกตลาด มีสิทธิ์ที่จะโดนรุกตลาด รายได้ลดลงไปได้ง่าย ๆ ประกอบกับ imobile เอง หนี้สินระยะสั้นพวกเงินเบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากปี 55-57 จาก 1,813 ล้านบาท เป็น 5,625 ล้านบาท แถมจำนวนลูกหนี้การค้าก็มีอัตราสูงมาก 5,941 ล้านบาท
แปลไทยเป็นไทย: imobile กู้เงินมาทำธุรกิจ แต่ลูกค้าก็ดันซื้อด้วยเงินเชื่อ ยังไม่จ่ายอีก ดังนั้น ถ้าเกิดเงินหมุนไม่คล่องขึ้นมา อาจจะต้องกู้หนี้มาโปะหนี้เพิ่ม หรือลูกค้าเกิดไม่จ่ายขึ้นมา หนี้สูญ เงินจะหายไปค่อนข้างเยอะ
เอาละครับนั่นคือ imobile ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของ SAMART
ลองมาดูประเด็นข่าวกันว่า กระทบกับพื้นฐานมากน้อยแค่ไหนกันดีกว่าครับ
ราย่ได้จากกลุ่ม ICT จากงบการเงินปี 57 มีเป็นจำนวน 6,598 ล้านบาท ใน ไตรมาส 2 ปี 2558 จัเก็บรายได้จากการขายและงานตามสัญญาได้ 2,941 ล้านบาท (ลดลง) เนื่องจากเหตุการณืความไม่สงบต่าง ๆ ทำให้หน่วยงานราชการซึ่งเป็นลูกค้าหลักเบิกงบประมาณได้ล่าช้านั่นเอง สำหรับงานนี้หากโดนค่าปรับจริงๆ (กรณีเลวร้ายที่สุด) ต้องดูว่าวงเงินเยอะแค่ไหน แต่ไม่น่าที่จะเยอะจนกระทบ น่าเป็นห่วงพื้นฐานเรื่องการเก็บเงินล่าช้า และ i-Mobile ที่รายได้ลดหดหายมากกว่าอีก
แต่นะครับแต่.. อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ เชื่อไม่เชื่อขอให้ไตร่ตรอง บริษัท ICT ที่ทำงานในลักษณะนี้จะเก็บเป็น backlog อยู่แล้วคืออาจจะชนะสัญญาเป็นมูลค่าเท่านี้ๆ แต่การรับรู้รายได้ค่อนข้างช้ากว่าตอนที่ชนะประมูลงานค่อนข้างมาก ทำให้ผลประกอบการของบริษัทประเภทนี้เหวี่ยงพอสมควร ซึ่งบริษัทเองก็ได้ทำการ book ไว้เป็นจำนวนเยอะพอสมควรคือ ณ ส้ินปี 2557 เป็นมูลค่า 6,907 ล้านบาท ซึ่งช่วงนี้อาจจะเป็น downturn หรือขาลงของบริษัท แต่! อย่าพึ่งรีบกดไปช้อนนะครับ หากว่ามันยังขาลงไม่สุดล่ะ อาจจะมีเจ็บหนักนะครับ ขอเตือนไว้ก่อน และนอกจากนั้นหากบริษัท i-Mobile ยังไม่สามารถหยุดเลือด (รายได้ลด) ก็อาจจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทแม่ในอนาคต ซึ่งจากด้านบนจะเห็นว่าส่งผล 50% ของรายได้บริษัท SAMART เลยทีเดียว
แถมส่งท้าย บริษัท i-Mobile (SIM) นั้นในช่วงปีทีแล้วถือว่ายอดขาย Hot ค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทชูธง Smart Phone ต่ำกว่าหมื่นบาท และน่าจะเป็นเจ้าแรกที่ส่ง Smart Phone ที่สามารถดู Digital TV ได้ ลงสู่ตลาดตอบรับประมูล Digital TV ทำให้โกยยอดขายได้อย่างถล่มทลาย แต่มาปีนี้ยอดขายกับตกลง น่าจะเป็นเพราะการที่เจ้าตลาด True AIS DTAC ก็ส่ง Smart Phone ราคาถูกพร้อม package เย้ายวนใจมาตีชิงพื้นที่กลับคืน รวมทั้งการไหลเข้ามาของ Xiao Mi จากจีน ทำให้ Competitive Advantage ของ i-Mobile อาจจะหายไป ซึ่งเมื่อเจ้าใหญ่ลงมาเล่นด้วยทุนที่หนากว่ามาก (มากๆ ย้ำ) และจุดเด่นหายไป อาจจะทำให้ i-Mobile ไม่สามารถต้านทานได้ ยกเว้นว่ามีกลยุทธ์ที่มาตอบโต้ ให้ช่วยดึงยอดขายกลับมา
ซึ่งราคาหุ้นก็ได้รับรู้ตรงจุดนี้โดยตกไปถึงเกือบ 50% จากตอนต้นปีหลังงบการเงินออก แถมยังมีข่าวล่าสุดมาฉุดให้ราคาหุ้นตกไปเกือบ 10% ในวันเดียวอีก ผมคิดว่าราคาหุ้นอาจจะดีดตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ นี้ (ผมไม่เป็นเทคนิคนะ) ด้วยสาเหตุที่ว่ามันไม่กระทบงบมาก คาดว่าจะมีคนโดดเข้ามาช้อนในข่วงสั้นๆ และอาจจะมีคนคิดว่าหุ้นจะ turn around ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นไปได้ไหม
Not Recommend
ดูจากพื้นฐานแล้ว ฐานะการเงินจริงๆ แล้วยังถือว่าค่อนข้างดีพอสมควร หนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่อันตราย แต่การเพิ่มของลูกหนี้ (หรือเก็บเงินไม่ได้) และการโดนรุกตลาดโดย เครื่องยนต์หลักเริ่มทำงานลดลง (i-Mobile) ประกอบกับบริษัทลงทุนในพลังงานทางเลือก ซึ่งยังไม่รู้จะลูกผีลูกคนมากน้อยแค่ไหน (ถึงสัดส่วนอาจจะน้อยจนไม่กระดิกผลกำไรก็ตาม) ถือว่าไม่แนะนำครับสำหรับนักลงทุนสไตล์ defensive (แบบผม) เพราะ down side ยังมีอยู่ margin of safety ยังไม่เยอะพอนั่นเอง
อ้างอิง
http://www.finmoment.com/เจาะลึก-samart-the-fallen-angels-or-devil/
ไปอ่านบทวิเคราะห์อื่นๆ ได้ที่
http://www.finmoment.com
เจาะลึก หุ้น SAMART The Fallen Angels (or Devil)?
กับ P/E ที่หล่นลงไปเหลือ 16.45 กับ อัตราปันผล yield ที่ขึ้นมาเป็น 4.27% (ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2558)
กับราคาย้อนหลังจะเห็นว่ามีการเหวี่ยงขึ้นลงช่วงสั้นๆ บ้าง พอวันที่ข่าวกระทบเท่านั้นแหละร่วงลงไป 9.05% ในวันเดียว
บริษัทออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นสามารถไปตามอ่านได้ใน link นี้ครับ
http://www.settrade.com/simsImg/news/2015/15078887.pdf
เอาละครับ เรามาดูบริษัทนี้กันคร่าวๆ ดีกว่าว่าทำอะไรบ้าง แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นแค่ชั่วคราว หรือถาวร แล้วถ้าชั่วคราวแล้วพื้นฐานของบริษัทน่าสนใจหรือไม่
เรามาเริ่มกันที่บริษัทนี้ทำอะไรกันก่อนดีกว่าครับ จากเว็บ settrade เอง
ดำเนินธุรกิจ 5 สายหลัก คือสายธุรกิจ ICT Solutions and Services สายธุรกิจ Mobile Multimedia สายธุรกิจ Call Center สายธุรกิจ Utilities and Transportations และสายธุรกิจ Technology Related Services
งงเหมือนผมไหมครับ อ่านรอบแรกรู้สึกบริษัททำเยอะไปหมด เนื่องจากบริษัทได้ขยายตัวขึ้น โดยกลายเป็นลักษณะ holding company ไปละ คือพูดง่าย ๆ มีบริษัทลูกๆ คอยทำเงินป้อนให้บริษัทแม่เป็นจำนวนมาก มาดูสิ่งที่น่าสนใจกันดีกว่าครับ
ธุรกิจหลัก ๆ แบ่งเป็น 5 สายโดย
สายธุรกิจ ICT Solutions and Services รับเหมาทำระบบ IT รัฐและเอกชนมีสัดส่วนรายได้ 27.3%
สายธุรกิจ Mobile Multimedia หลัก ๆ คือ imobile ที่เราๆ ท่านๆ เห็นตามท้องตลาดนั่นเอง มีสัดส่วนรายได้ 51.7%
สายธุรกิจ Call Center รับทำ Call Center ให้กับบริษัทต่างๆ มีสัดส่วนรายได้ 2.8%
สายธุรกิจ Utilities and Transportations เกี่ยวกับการขนส่ง และพลังงาน ส่วนนี้บริษัทมีการลงทุนในพลังงานสะอาดค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวเรามาดูกัน มีสัดส่วนรายได้ 10.2%
สายธุรกิจ Technology Related Services หรืออื่นๆ นอกจากด้านบน สัดส่วน 8%
เอาละครับพอมามองอย่างนี้แล้วตัว รายได้หลัก ๆ เอง คือ imobile มีสุขภาพเป็นไงบ้าง พอไปดูรายงาน Q2 ของ imobile (SIM) เองพบว่า
สายธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่: รายได้จากสายธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสที่ 1/58 อยูที่ 2,065 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 88% ของรายได้รวมลดลง30.3%เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 25.1% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสท่ีผ่านมา โดยเป็นผลมาจากการลดลงของจํานวน เครื่องที่จําหน่ายในไตรมาสท่ี 1/58 ตามการแข่งขันใน ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะเศษฐกิจท่ี ชะลอตัวลง
พูดง่ายๆ คือ รายได้ลดลงอย่างน่าใจหาย สาเหตุก็น่าจะมีเครื่องจีนคุณภาพสูงราคาถูกมาตีตลาดที่ imobile ยึดครองอยู่ และค่ายใหญ่หลายค่าย ๆ ก็ลงมาเล่นในตลาดที่ imobile จับอยู่ คือ smartphone ราคาต่ำกว่าหมื่นบาท คาดว่าจะคงแข่งขันสูงต่อไป และถ้า imobile ยังไม่มีอะไรออกมาโต้ตอบการรุกตลาด มีสิทธิ์ที่จะโดนรุกตลาด รายได้ลดลงไปได้ง่าย ๆ ประกอบกับ imobile เอง หนี้สินระยะสั้นพวกเงินเบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จากปี 55-57 จาก 1,813 ล้านบาท เป็น 5,625 ล้านบาท แถมจำนวนลูกหนี้การค้าก็มีอัตราสูงมาก 5,941 ล้านบาท
แปลไทยเป็นไทย: imobile กู้เงินมาทำธุรกิจ แต่ลูกค้าก็ดันซื้อด้วยเงินเชื่อ ยังไม่จ่ายอีก ดังนั้น ถ้าเกิดเงินหมุนไม่คล่องขึ้นมา อาจจะต้องกู้หนี้มาโปะหนี้เพิ่ม หรือลูกค้าเกิดไม่จ่ายขึ้นมา หนี้สูญ เงินจะหายไปค่อนข้างเยอะ
เอาละครับนั่นคือ imobile ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของ SAMART
ลองมาดูประเด็นข่าวกันว่า กระทบกับพื้นฐานมากน้อยแค่ไหนกันดีกว่าครับ
ราย่ได้จากกลุ่ม ICT จากงบการเงินปี 57 มีเป็นจำนวน 6,598 ล้านบาท ใน ไตรมาส 2 ปี 2558 จัเก็บรายได้จากการขายและงานตามสัญญาได้ 2,941 ล้านบาท (ลดลง) เนื่องจากเหตุการณืความไม่สงบต่าง ๆ ทำให้หน่วยงานราชการซึ่งเป็นลูกค้าหลักเบิกงบประมาณได้ล่าช้านั่นเอง สำหรับงานนี้หากโดนค่าปรับจริงๆ (กรณีเลวร้ายที่สุด) ต้องดูว่าวงเงินเยอะแค่ไหน แต่ไม่น่าที่จะเยอะจนกระทบ น่าเป็นห่วงพื้นฐานเรื่องการเก็บเงินล่าช้า และ i-Mobile ที่รายได้ลดหดหายมากกว่าอีก
แต่นะครับแต่.. อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ เชื่อไม่เชื่อขอให้ไตร่ตรอง บริษัท ICT ที่ทำงานในลักษณะนี้จะเก็บเป็น backlog อยู่แล้วคืออาจจะชนะสัญญาเป็นมูลค่าเท่านี้ๆ แต่การรับรู้รายได้ค่อนข้างช้ากว่าตอนที่ชนะประมูลงานค่อนข้างมาก ทำให้ผลประกอบการของบริษัทประเภทนี้เหวี่ยงพอสมควร ซึ่งบริษัทเองก็ได้ทำการ book ไว้เป็นจำนวนเยอะพอสมควรคือ ณ ส้ินปี 2557 เป็นมูลค่า 6,907 ล้านบาท ซึ่งช่วงนี้อาจจะเป็น downturn หรือขาลงของบริษัท แต่! อย่าพึ่งรีบกดไปช้อนนะครับ หากว่ามันยังขาลงไม่สุดล่ะ อาจจะมีเจ็บหนักนะครับ ขอเตือนไว้ก่อน และนอกจากนั้นหากบริษัท i-Mobile ยังไม่สามารถหยุดเลือด (รายได้ลด) ก็อาจจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทแม่ในอนาคต ซึ่งจากด้านบนจะเห็นว่าส่งผล 50% ของรายได้บริษัท SAMART เลยทีเดียว
แถมส่งท้าย บริษัท i-Mobile (SIM) นั้นในช่วงปีทีแล้วถือว่ายอดขาย Hot ค่อนข้างมาก ซึ่งบริษัทชูธง Smart Phone ต่ำกว่าหมื่นบาท และน่าจะเป็นเจ้าแรกที่ส่ง Smart Phone ที่สามารถดู Digital TV ได้ ลงสู่ตลาดตอบรับประมูล Digital TV ทำให้โกยยอดขายได้อย่างถล่มทลาย แต่มาปีนี้ยอดขายกับตกลง น่าจะเป็นเพราะการที่เจ้าตลาด True AIS DTAC ก็ส่ง Smart Phone ราคาถูกพร้อม package เย้ายวนใจมาตีชิงพื้นที่กลับคืน รวมทั้งการไหลเข้ามาของ Xiao Mi จากจีน ทำให้ Competitive Advantage ของ i-Mobile อาจจะหายไป ซึ่งเมื่อเจ้าใหญ่ลงมาเล่นด้วยทุนที่หนากว่ามาก (มากๆ ย้ำ) และจุดเด่นหายไป อาจจะทำให้ i-Mobile ไม่สามารถต้านทานได้ ยกเว้นว่ามีกลยุทธ์ที่มาตอบโต้ ให้ช่วยดึงยอดขายกลับมา
ซึ่งราคาหุ้นก็ได้รับรู้ตรงจุดนี้โดยตกไปถึงเกือบ 50% จากตอนต้นปีหลังงบการเงินออก แถมยังมีข่าวล่าสุดมาฉุดให้ราคาหุ้นตกไปเกือบ 10% ในวันเดียวอีก ผมคิดว่าราคาหุ้นอาจจะดีดตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ นี้ (ผมไม่เป็นเทคนิคนะ) ด้วยสาเหตุที่ว่ามันไม่กระทบงบมาก คาดว่าจะมีคนโดดเข้ามาช้อนในข่วงสั้นๆ และอาจจะมีคนคิดว่าหุ้นจะ turn around ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นไปได้ไหม
Not Recommend
ดูจากพื้นฐานแล้ว ฐานะการเงินจริงๆ แล้วยังถือว่าค่อนข้างดีพอสมควร หนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่อันตราย แต่การเพิ่มของลูกหนี้ (หรือเก็บเงินไม่ได้) และการโดนรุกตลาดโดย เครื่องยนต์หลักเริ่มทำงานลดลง (i-Mobile) ประกอบกับบริษัทลงทุนในพลังงานทางเลือก ซึ่งยังไม่รู้จะลูกผีลูกคนมากน้อยแค่ไหน (ถึงสัดส่วนอาจจะน้อยจนไม่กระดิกผลกำไรก็ตาม) ถือว่าไม่แนะนำครับสำหรับนักลงทุนสไตล์ defensive (แบบผม) เพราะ down side ยังมีอยู่ margin of safety ยังไม่เยอะพอนั่นเอง
อ้างอิง
http://www.finmoment.com/เจาะลึก-samart-the-fallen-angels-or-devil/
ไปอ่านบทวิเคราะห์อื่นๆ ได้ที่
http://www.finmoment.com