[CR] ไป "สอง"...ได้มากกว่า..."สอง"

นั่งรถไฟสายเหนือไปเที่ยวกันเถอะ...ครั้งนี้จะชวนไปแอ่วเมืองแพร่..ที่อำเภอ “สอง”...เอ????..แล้วอำเภอ “หนึ่ง” มีรึเปล่า ถ้าใครทราบบอกด้วยนะ...
เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ด้วยขบวนรถเร็วที่ 107 กรุงเทพ-เด่นชัย โดยรถไฟออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง เวลา 20.10 น. ตามกำหนดการตารางเดินรถไฟจะถึงสถานีรถไฟเด่นชัยในเวลาประมาณ 06.15 น. เราเลือกที่นั่งแบบรถนอนปรับอากาศชั้น 2 เบาะนุ่ม ๆ เครื่องปรับอากาศเย็น ๆ ออกพ้นสถานีหัวลำโพงไปได้ไม่เท่าไหร่พนักงานประจำรถไฟก็จะมาเตรียมปรับที่นั่งเป็นที่นอน เป็นชั้นบนกับชั้นล่าง ให้เอกเขนกกันไปจนถึงเช้า หลับ ๆ ตื่น ๆ ฟังเสียงฉึกฉักเป็นเสียงเพลงกล่อมนอน...สำหรับคนที่ชอบท่องโลกโซเชียลไม่ต้องกลัวแบตโทรศัพท์จะหมด ที่ขบวนรถมีปลั๊กเสียบชาร์ตไฟได้ด้วย..ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องห่วง พอตกดึกประมาณ 4 ทุ่ม เจ้าหน้าที่ก็จะปิดตู้เพื่อความปลอดภัยไม่ให้ผ่านเข้าออก..
    ฟ้าเริ่มสางแสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า เราก็มาถึงสถานีรถไฟเด่นชัย จังหวัดแพร่ การเดินทางบนรถไฟเดี๋ยวนี้สะดวกสบายขึ้นเยอะ ไม่ต้องนั่งเมื่อยตั้งแต่กรุงเทพ ฯ มาถึงเมืองแพร่ มาถึงสถานีรถไฟรถตู้ที่เรานัดไว้ก็มารับเพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอสอง...ซึ่งสถานีรถไฟเด่นชัยจะอยู่ห่างจากตัวจังหวัดแพร่ประมาณ 20 กิโลเมตร เราเดินทางด้วยรถตู้จนถึงอำเภอเมืองแพร่ ก่อนออกเดินทางต่อไปยังอำเภอสอง เราแวะเที่ยวชม บ้านวงศ์บุรี วัดพระนอน และวัดพงษ์สุนันท์ กันก่อนจะได้ไม่ต้องแวะในวันกลับ 3 แห่งนี้อยู่ใกล้ ๆ กันเดินถึงกันสบาย ๆ เพื่อใช้เวลาอยู่ในอำเภอสองได้เต็มที่



         จากนั้นใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 สายแพร่-น่าน เดินทางต่อไปประมาณ 20 กิโลเมตร ก็จะถึงแยกร้องกวาง ก็เลี้ยวซ้ายเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 103 ร้องกวาง-งาว อีกประมาณ 26 กิโลเมตร ก็ถึงตัวอำเภอเมืองสอง แวะทานข้าวที่เมืองสอง จากนั้นเปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1154 ขับไปประมาณ 20 กิโลเมตร จะเลี้ยวขวาเข้าสายทางหลวงชนบท ที่ สาย พร. 4012 มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแม่ยม ไม่นานนักก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยม หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามแก่งเสือเต้น รวมระยะทางจากตัวอำเภอเมืองจังหวัดแพร่ ถึง อุทยานแห่งชาติแม่ยม ประมาณ 70 กิโลเมตร คืนนี้เราจะไปพักค้างกันที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม ที่นี่มีบ้านพักจำนวน 2 หลังเท่านั้น พักได้หลังละ 6 คน และ 8 คน ต้องจองผ่านระบบจองที่พักและบริการอุทยานแห่งชาติผ่านระบบออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับคนมาพักที่นี่สัญญาณโทรศัพท์อาจไม่ค่อยมีนะคะ ส่วนไฟฟ้าถ้าจะชาร์ตอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ไปขอเจ้าหน้าที่ชาร์ตที่ ที่ทำการอุทยานค่ะ ที่นั่นมีร้านอาหารไว้บริการด้วย ฝากท้องได้สบาย ๆ หลังเก็บสัมภาระและพักผ่อนจนหายเหนื่อย วันแรกนี้เราตั้งใจว่าจะยังไม่เที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติแม่ยม ขอไปเก็บบรรยากาศยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินที่ฝายแม่ยมก่อน...

ฝายแม่ยม อยู่ในเขตบ้านหนุนเหนือ ตำบลบ้านหนุน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นฝายคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย กั้นแม่น้ำยม มีสันฝายยาว 350 เมตร บรรยากาศยามเย็นที่นี่สุดโรแมนติกเลยนะ...เต็มอิ่มกับความงามจนฟ้ามืดมิด


        เสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับไปนอนพักเอาแรงที่บ้านพักของอุทยานแห่งชาติแม่ยมเพื่อที่จะตื่นไปชมทะเลหมอกกันแต่เช้า อากาศที่นี่เย็นสบายไม่ต้องมีเครื่องปรับอากาศ ห้องพักมีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้บริการด้วย...ราตรีสวัสดิ์นะแม่ยม

       เราตื่นเช้าเพื่อออกเดินทางไปยังจุดชมทะเลหมอก โดยต้องย้อนออกมาจากที่ทำการอุทยานไปตามเส้นทางไปอำเภองาว ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ก็จะมีทางแยกไปยังจุดชมวิว ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร เส้นทางดีไม่ต้องสมบุกสมบัน มีป้ายบอกทางชัดเจน จะมีลานสำหรับจอดรถ แล้วเดินเท้าขึ้นสู่จุดชมวิว จุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อน รวมระยะทางห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ  แม่ยม ประมาณ 13 กิโลเมตร ที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่แบไรต์เก่า ที่เคยสัมปทานทำเหมืองก่อนที่จะจัดตั้งอุทยานแห่งชาติแม่ยม โดยหยุดสัมปทานไปตั้งแต่ พ.ศ.2529 สภาพเหมืองยังคงให้เห็นอยู่โดยจะเป็นพื้นกรวดสีแดงอยู่ทั่วบริเวณ มีศาลาให้นั่งพัก ที่นี่สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

หุบด้านล่างจะเป็นป่าไม้สักทองผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นป่าสักธรรมชาติเนื้อที่มากกว่า 20,000 ไร่ เราถ่ายภาพชมทะเลหมอกกันจมอิ่มเอมใจ

       ก่อนอำลาสายหมอก ลงไปชมความงามของสถานที่ต่อไปในอุทยาน คือ หล่มด้ง และ ดงตะแบก
      
       หล่มด้งเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 100 เมตร ลึกประมาณ 2.50 เมตร ปรากฏอยู่บนยอดเขาสูง มีน้ำขังตลอดปี สันนิษฐานว่า แหล่งน้ำนี้เกิดจากการยุบตัวของดินในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่และมีน้ำขังอยู่ ที่นี่แปลกตรงที่ ไม่มีต้นกำเนิดของแหล่งน้ำ และน้ำในบึงก็ไม่เคยเพิ่ม หรือลดลง เจ้าหน้าที่บอกว่าน่าจะเกิดจากการสะสมของน้ำฝน หรือน้ำซับ อยู่เลยจากจุดชมวิวไปประมาณ 800 เมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยมประมาณ 14 กิโลเมตร เราไปถึงแสงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมาในบริเวณหล่มด้ง ไม่รอช้ารีบเก็บภาพประทับใจกันไว้อย่างรวดเร็ว ที่นี่ร่มรื่นอากาศเย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องผ่านม่านใบสักเกิดเป็นภาพที่งดงาม

       เราหยุดชมความงามตรงหน้าได้สักพักก็ต้องเดินเท้าจากหล่มด้งไปชมดงตะแบก ซึ่งมีเส้นทางเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร เป็นดงต้นตะแบกที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ

     เรากลับมาที่อุทยานอีกครั้ง เพื่อไปชมรอยเท้าเสือที่แก่งเสือเต้น แต่แล้วเราก็ต้องผิดหวัง วันที่เราไปน้ำเยอะ ทำได้แค่ชมวิวแก่งเสือเต้น ไม่สามารถข้ามไปชมรอยเท้าเสือได้


จากนั้นเราก็กลับไปเก็บของ ที่บ้านพัก ก่อนอำลาอุทยานแห่งชาติแม่ยม ไปซึมซับเรื่องราวแห่งตำนานเมืองสอง “พระลอ-พระเพื่อน-พระแพง”ภายในตัวอำเภอเมืองสอง
“เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใด พี่เฮย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหลลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้าอย่าได้ถามเผือ”
โคลงบทหนึ่งในลิลิตพระลอ ที่ท่องได้ขึ้นใจตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ

     ที่นี่เป็นที่มาแห่งตำนาน “ลิลิตพระลอ” ซึ่งเป็นโศกนาฎกรรมแห่งความรัก เราเริ่มต้นกันที่อุทยานลิลิตพระลอ จากถนนใหญ่บริเวณเทศบาลเมืองสอง เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนในหมู่บ้านคุ้มครองธรรมประมาณ 1 กิโลเมตร ที่อุทยานจะร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์  มีอนุสรณ์สถานพระลอ พระเพื่อน พระแพง ตั้งเด่นเป็นสง่า ในท่วงท่าการจบชีวิตของทั้ง 3 คน

       วรรณคดีลิลิตพระลอ จัดได้ว่าเป็นยอดของลิลิต เพราะมีอรรถรสครบทุกด้าน ทั้งความบันเทิง และปรัชญาที่สะท้อนวิถีชีวิต ความมีอำนาจ ความมีฤทธิ์เดช ความกตัญญู ความรัก ความหลง ความจงรักภักดี ความผูกอาฆาตพยาบาท ความเศร้าโศก และความตาย เป็นโศกนาฎกรรมแห่งความรักที่ลือเลื่อง
แล้วทำไมลิลิตพระลอถึงได้เกี่ยวพันกับเมืองสอง ซึ่งจากข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์    นรุกติศาสตร์ และวรรณคดี พบว่าเมืองสอง กับเมืองสรวง ในลิลิตพระลอ มีความเชื่อมโยงกันจนทำให้มีบุคคลสำคัญหลายคนมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นเมืองของพระเพื่อน พระแพง ตามตำนานพงศาสดารโยนก
เรื่องราวเกิดขึ้นจาก เจ้าเมืองแมนสรวงมีลูกชายชื่อ “พระลอ หรือ พระลอดิลกราช” ซึ่งมีรูปโฉมงดงาม ขณะที่เมืองสรองเจ้าเมืองมีลูกสาว 2 คน ชื่อ “พระเพื่อน” และ “พระแพง” แต่สองเมืองนี้มีความแค้นเคืองต่อกัน โดยบิดาของพระเพื่อน พระแพง ได้สังหารบิดาของพระลอ แต่ด้วยเสียงเล่าลือถึงความหล่อเหลาของพระลอ พี่เลี้ยงของพระเพื่อนและพระแพงคือนางรื่น และนางโรยสังเกตเห็นความปราถนาของนายหญิงของตนก็เข้าใจในพระประสงค์ สองพี่เลี้ยงจึงอาสาจะจัดการให้นายของตนนั้นได้พบกับพระลอ โดยการส่งคนไปขับซอในนครแมนสรวง และในขณะที่ขับซอนั้นจะไห้นักดนตรีพร่ำพรรณนาถึงความงามของเจ้าหญิงทั้งสอง และได้ให้ปู่เจ้าสมิงพรายทำเสน่ห์หลายวิธี จนทำให้พระลอต้องมนต์อยากที่จะได้ยลพระเพื่อนและพระแพง จนออกมาประพาสป่าเพื่อตามหา ต่อมาปู่เจ้าสมิงพรายได้เนรมิตไก่งาม หลอกล่อให้พระลอตามจนกระทั่งทั้งสามได้พบกัน ก่อเกิดเป็นความรักและแอบอยู่ด้วยกันที่เมืองสรองอย่างลับ ๆ ต่อมาพระบิดาของพระเพื่อนและพระแพงทราบจึงให้ทั้ง 3 พระองค์แต่งงานกัน แต่พระเจ้าย่า(ย่าเลี้ยง) ของพระเพื่อนและพระแพง ซึ่งพระสวามีถูกพระบิดาของพระลอประหารในการทำสงครามกับเมืองแมนสรวง ทราบเรื่องก็โกรธและให้ทหารมาล้อมตำหนักของทั้งสามคน และระดมยิงธนูใส่พระลอกับทหาร และเพื่อที่ปกป้องชีวิตของชายคนรักพระเพื่อนกับพระแพงจึงเข้าขวางโดยใช้ตัวเองเป็นโล่กำบังให้พระลอเป็นเหตุให้พระเพื่อน พระแพง และพระลอ ทั้งสามยืนอิงพิงกันตาย..

      ภายในนอกจากอนุสรณ์สถานของทั้ง 3 พระองค์แล้ว ยังมีการจำลองถ้ำปู่เจ้าสมิงพราย ภายในน้ำจัดแสดงภาพประติมากรรมฝาผนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีลิลิตพระลอ

      ด้านนอกมีอาคารจัดแสดงประวัติและวัตถุโบราณที่ขุดพบ นอกจากนี้ยังมีการปลูกพืชพรรณไม้นานพันธุ์ และที่ขาดไม่ได้คือต้นไก่ฟ้าพญาลอ ไว้ที่บริเวณอุทยานด้วย

      ใกล้ ๆ กับอุทยานยังมีวัดพระธาตุพระลอ ซึ่งมีพระธาตุที่เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บพระอัฐิของพระลอ พระเพื่อน และพระแพง โดยมีการสร้างอนุสาวรีย์ในท่าทางเดียวกับที่อุทยานลิลิตพระลอ ด้วย


      หลังจากชื่นชมความงามของภายในวัดแล้ว ก็เดินทางกลับไปรอขึ้นรถไปกลับกรุงเทพฯ ที่สถานีรถไฟเด่นชัย เที่ยวกลับเรานั่งรถเร็วขบวนที่ 108 เด่นชัย-กรุงเทพ โดยรถไฟจะออกจากสถานีเด่นชัยเวลาประมาณ 19.05 น.ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีรถไหหัวลำโพง เวลาประมาณ 05.10 น. รวมระยะเวลาเดินทาง 2 วัน 3 คืน (2 คืนนอนบนรถไฟ และ 1 คืน นอนที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม)
การเดินทางไปอำเภอสอง ครั้งนี้ นอกจากได้ท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม ชื่นชมสถานที่งดงามทั้งวัดวาอาราม และบ้านเรือนโบราณของชาวเมืองแพร่ เรายังได้เรียนรู้วรรณคดีไทยที่มีค่ายิ่งอย่างลิลิตพระลอ บนสถานที่จริงแห่งตำนาน...ไป “สอง” แต่ได้กลับมามากกว่า “สอง”...
ชื่อสินค้า:   อำเภอสอง จังหวัดแพร่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่