เนื่องจากผมได้ศึกษามาทางสายการแพทย์
วันนี้ จึงจะขอนำเสนอ บทความ เรื่อง
"Trade หุ้น" ให้เหมือนกับ "การจ่ายยารักษาโรค"
การที่เราจะจ่ายยารักษาโรคได้นั้น
เราก็ต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ป่วยที่มาหาเราเป็นโรคอะไร?
และการวินิจฉัย เราจำเป็นต้องมี Criteria ในการวินิจฉัย
เช่น คนไข้มาด้วยอาการปวด หลังถูกกระแทกอย่างรุนแรง
ก่อนที่เราจะให้รักษาก็อาจจะต้องทำการ X-ray ก่อนว่า
มีอาการกระดูกร้าว กระดูกแตก หรือไม่?
หรือเป็นแค่เส้นเอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อบาดเจ็บธรรมดา....
เมื่อวินิจฉัยถูกแล้ว จึงจะสามารถจ่ายยารักษาโรคได้ถูกต้อง....
ดังนั้นการจ่ายยา นั้นจึงเป็นผลจากการวินิจฉัย....
เราวินิจฉัยว่าเป็นโรค ก.
(Uptrend) จึงจ่ายยา A
(Open long)
เราวินิจฉัยว่าเป็นโรค ข.
(Downtrend) จึงจ่ายยา B
(Open short)
แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับยาแล้ว
1.มีอาการผิดปกติ
(ราคาเป็นไปในอีกทิศทางหนึ่ง) ก็ควรหยุดการให้ยานั้นทันที
(Stop loss)
แล้วรอดูอาการอีกที ว่าเป็นอย่างไร
(Wait and See)
2.เมื่อรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
(Sideway) ก็ควรทบทวนการวินิจฉัยอีกครั้งว่าถูกต้องไหม?
และเมื่อทราบแน่ชัดแล้ว
จึงให้การวินิจฉัย และจ่ายยาที่เป็นไปตามโรคนั้นๆอีกครั้งหนึ่ง
(เปิด Position ตาม Trend)
แต่หากยังไม่แน่ชัดในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคใดแล้ว
(Sideway)
ควรรอดูอาการ หรือส่งตรวจเพิ่มเติม จนกว่าจะรู้ว่าเป็นโรคใดถึงจะให้การรักษา
ไม่ควรจ่ายยามั่วๆจากการเดาว่า "น่าจะเป็นโรคนี้นะ" เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงตามมาได้
(ขาดทุนหนัก หรือติดดอย)
สรุปว่า
การจ่ายยาตัวใดตัวหนึ่ง
(Open Position ใด Position หนึ่ง)
ก็ต้องมีเหตุผลรองรับในการจ่ายยาตัวนั้นๆ
(มีเหตุผลทาง Fundamental or Technical รองรับ)
เมื่อมีอาการแย่ลง
(ซื้อมาแล้วราคาเกิด New low หรือหลุด Trendline) ก็ควรหยุดการให้ยานั้นทันที
(Stop loss)
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไร
(ไม่รู้ว่าราคาจะไปทิศทางไหน) ควรรอดูอาการ และส่งตรวจเพิ่มจนชัดเจน
(Wait and See)
ไม่ควรจ่ายยา
(Open position) ตามการเดาว่า "น่าจะเป็นอย่างนี้"
หวังว่ากระทู้นี้จะได้ประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ
ติดตามชมเพจผม และบทวิเคราะห์หุ้นต่างๆได้ที่
www.facebook.com/Talkwithphukijj
หรือติดตามชมเรื่องราวอื่นได้ที่
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่1 "อนิจจัง" กับการเทรดหุ้น)
http://ppantip.com/topic/34368530
"Trade หุ้น" ให้เหมือนกับ "การจ่ายยารักษาโรค"
เนื่องจากผมได้ศึกษามาทางสายการแพทย์
วันนี้ จึงจะขอนำเสนอ บทความ เรื่อง
"Trade หุ้น" ให้เหมือนกับ "การจ่ายยารักษาโรค"
การที่เราจะจ่ายยารักษาโรคได้นั้น
เราก็ต้องวินิจฉัยก่อนว่าผู้ป่วยที่มาหาเราเป็นโรคอะไร?
และการวินิจฉัย เราจำเป็นต้องมี Criteria ในการวินิจฉัย
เช่น คนไข้มาด้วยอาการปวด หลังถูกกระแทกอย่างรุนแรง
ก่อนที่เราจะให้รักษาก็อาจจะต้องทำการ X-ray ก่อนว่า
มีอาการกระดูกร้าว กระดูกแตก หรือไม่?
หรือเป็นแค่เส้นเอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อบาดเจ็บธรรมดา....
เมื่อวินิจฉัยถูกแล้ว จึงจะสามารถจ่ายยารักษาโรคได้ถูกต้อง....
ดังนั้นการจ่ายยา นั้นจึงเป็นผลจากการวินิจฉัย....
เราวินิจฉัยว่าเป็นโรค ก. (Uptrend) จึงจ่ายยา A (Open long)
เราวินิจฉัยว่าเป็นโรค ข. (Downtrend) จึงจ่ายยา B (Open short)
แต่ถ้าผู้ป่วยได้รับยาแล้ว
1.มีอาการผิดปกติ (ราคาเป็นไปในอีกทิศทางหนึ่ง) ก็ควรหยุดการให้ยานั้นทันที (Stop loss)
แล้วรอดูอาการอีกที ว่าเป็นอย่างไร (Wait and See)
2.เมื่อรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้น (Sideway) ก็ควรทบทวนการวินิจฉัยอีกครั้งว่าถูกต้องไหม?
และเมื่อทราบแน่ชัดแล้ว
จึงให้การวินิจฉัย และจ่ายยาที่เป็นไปตามโรคนั้นๆอีกครั้งหนึ่ง (เปิด Position ตาม Trend)
แต่หากยังไม่แน่ชัดในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคใดแล้ว (Sideway)
ควรรอดูอาการ หรือส่งตรวจเพิ่มเติม จนกว่าจะรู้ว่าเป็นโรคใดถึงจะให้การรักษา
ไม่ควรจ่ายยามั่วๆจากการเดาว่า "น่าจะเป็นโรคนี้นะ" เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงตามมาได้ (ขาดทุนหนัก หรือติดดอย)
สรุปว่า
การจ่ายยาตัวใดตัวหนึ่ง (Open Position ใด Position หนึ่ง)
ก็ต้องมีเหตุผลรองรับในการจ่ายยาตัวนั้นๆ (มีเหตุผลทาง Fundamental or Technical รองรับ)
เมื่อมีอาการแย่ลง (ซื้อมาแล้วราคาเกิด New low หรือหลุด Trendline) ก็ควรหยุดการให้ยานั้นทันที (Stop loss)
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไร (ไม่รู้ว่าราคาจะไปทิศทางไหน) ควรรอดูอาการ และส่งตรวจเพิ่มจนชัดเจน (Wait and See)
ไม่ควรจ่ายยา (Open position) ตามการเดาว่า "น่าจะเป็นอย่างนี้"
หวังว่ากระทู้นี้จะได้ประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ
ติดตามชมเพจผม และบทวิเคราะห์หุ้นต่างๆได้ที่
www.facebook.com/Talkwithphukijj
หรือติดตามชมเรื่องราวอื่นได้ที่
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่1 "อนิจจัง" กับการเทรดหุ้น)
http://ppantip.com/topic/34368530