ถ้าแค่ต้องการออกกำลังกาย จักรยานราคาไม่แพงมากก็สามารถพาท่านท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับเผาผลาญแคลอรี่ได้เหมือนกัน
ผมเห็นกระแสการออกมาปั่นจักรยานตอนนี้มาแรงมาก ร้านจักรยานแถวบ้านขายดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ ที่คนพร้อมใจมาปั่นจักรยานออกกำลังกายกัน ผมว่ามันก็ได้อะไรหลายอย่างเหมือนกันจากการปั่นจักรยาน
แต่ผมดันมาพลาดตรงที่ ซื้อรถมาปั่น แล้วดันเป็นโรค "งอก" เริ่มจากซื้อเสือภูเขามาปั่นก่อน ด้วยความที่อยากปั่นแบบลุยๆ
จักรยานมันควรจะพาเราไปได้ทุกที่ มันเลยควรจะเป็นเสือภูเขาสิ ซื้อแบบอื่นมันจะลุยได้ยังไง คิดแบบนี้เลยจัดภูเขามาตัวนึงครับ
ปั่นภูเขาครั้งแรก แค่ 5 โลก็แทบไส้แตกแล้วครับ ทำไมมันเหนื่อยจัง เห็นคนอื่นเค้าปั่นชิวๆ ไปได้เรื่อยๆ เลยฝึกๆๆ ทุกวัน
จากปั่น 5-10 โลต่อวัน มาเป็น 20-30 โลต่อวัน ปั่นไปเรื่อยจนเริ่มจะเข้าที่ ในหัวก็เริ่มมีโครงการที่จะอยากไปปั่นกับคนอื่นบ้าง
ปั่นภูเขาตัวแรกได้ 1 เดือน เริ่มคิดเกินไปกว่าแค่การปั่นออกกำลังกาย เลยไปสมัครการปั่นจักรยานการกุศลเล็กๆระดับตำบล
ปั่นไม่ไกลประมาณ 50 กิโล งานแรกไปปั่นไม่ค่อยทันคนอื่นที่เค้าปั่นหมอบกัน เลยมาศึกษาเรื่องจักรยานเพิ่ม เห็นว่าหมอบก็ลุยได้เหมือนกันนี่หว่า
ความคิดเริ่มเปลี่ยนครับ ไม่เอาแล้วภูเขา ไปหมอบดีกว่า ไหนๆก็ชอบงานปั่นอยู่แล้ว "งอก" หมอบซักคัน จะได้ปั่นทันชาวบ้านเค้า
จัดหมอบเลยครับ ไม่อยากพลาด ทำการบ้านหาจักรยานอย่างดี ทรงแอโร่ ท๊อปอลู ชุดเกียร์อย่างดี กะว่าจัดครั้งเดียวจบ
พอมาหมอบแล้วอุปกรณ์เยอะครับ บันได ไฟหน้า ไฟท้าย ถุงมือ หมวก ไมล์ รองเท้าคลีท ชุดนักปั่น อุปกรณ์ซ่อมแซมเบื้องต้น น้ำมันหยอดโซ่
ทุกอย่างมันพรั่งพรูเข้ามาว่ามันต้องซื้อ ไม่งั้นปั่นไม่สนุก หมดไปหลายครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเสียเงินไปกับอุปกรณ์พวกนี้
มีรถ มีอุปกรณ์ พร้อม ทุกอย่างน่าจะจบ แต่มันไม่จบครับ มันจะมีเรื่องให้เราอยากเสียเงินตลอดเวลา ถ้าปั่นแล้วเมื่อย ก็ต้องหาวิธีเซตรถ
การจะเซตรถให้เข้ากับตัวเราเรียกว่าการ fitting ครับ เป็นการปรับพวกความสูงของอาน สเตม แฮนด์ ให้เหมาะกับการปั่นของเรา
พวกนี้ถ้าหาร้านทำดีๆ ก็จ่ายเยอะอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่ามันคุ้มค่า ช่วยทำให้เราใช้ประโยชน์จากรถของเราได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งมันก็ช่วยจริงๆครับ ลดอาการปวดเวลาปั่นนานๆ ทำให้เราปั่นเร็วขึ้นด้วย เพราะเราส่งแรงไปถึงรถได้เต็มๆ
มีรถ มีอุปกรณ์ เซตรถให้เข้ากับตัวเองแล้ว คราวนี้ก็ปั่นสนุกเลยครับ ทุกอย่างดูโอเคดี แต่มันจะมีบางจังหวะคิดว่า
ถ้าเราอัปรถให้ดีขึ้น เราจะปั่นได้ดีกว่าเดิมมั้ย มันจะเริ่มงอกอีกครับ เปลี่ยนเบาะ เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนชุดขับ หนักหน่อยก็อยากเปลี่ยนเฟรมเลย
ถ้าไม่เปลี่ยนมันจะเกิดอาการที่เรียกว่า คาใจ ครับ หลับหรือตื่นมันก็ชอบคิดถึงชิ้นส่วนที่เราอยากอัปเกรด
เล่ามายาว เด่วผมจะบอกความเปลี่ยนแปลงบ้างครับ ว่าก่อนปั่นยานกับหลังปั่นยานเป็นยังไง
ก่อนปั่น ซอยแถวบ้านเดินยังหลง หลังปั่น รู้จักทุกซอกซอย ลามไปถึงพื้นที่ข้างๆและจังหวัดใกล้เคียง
ก่อนปั่น เดินไปไหนก็ไม่มีใครรู้จัก หลังปั่น มีเพื่อนตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ลามไปจังหวัดใกล้เคียง
ก่อนปั่น กินไม่ห่วงน้ำหนัก หลังปั่น พยายามกินน้อยลง เพราะกลัวว่าน้ำหนักเยอะจะปั่นช้า ลดน้ำหนักคนถูกกว่าลดน้ำหนักยาน
ก่อนปั่น เช้าๆอากาศดีๆ อยากนอนนานๆ หลังปั่น อยากพายานไปสูดอากาศดีๆ กลัวฝนตกแล้วไม่ได้ออก
คติของการเสียเงินไปให้ยานคือ เสียตังให้ยานแล้วสุขภาพดี ดีกว่าเสียตังให้หมอ
ถ้าอยากออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน อย่าซื้อจักรยานแพงๆ ระวังเกิดอาการ งอก
ผมเห็นกระแสการออกมาปั่นจักรยานตอนนี้มาแรงมาก ร้านจักรยานแถวบ้านขายดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ ที่คนพร้อมใจมาปั่นจักรยานออกกำลังกายกัน ผมว่ามันก็ได้อะไรหลายอย่างเหมือนกันจากการปั่นจักรยาน
แต่ผมดันมาพลาดตรงที่ ซื้อรถมาปั่น แล้วดันเป็นโรค "งอก" เริ่มจากซื้อเสือภูเขามาปั่นก่อน ด้วยความที่อยากปั่นแบบลุยๆ
จักรยานมันควรจะพาเราไปได้ทุกที่ มันเลยควรจะเป็นเสือภูเขาสิ ซื้อแบบอื่นมันจะลุยได้ยังไง คิดแบบนี้เลยจัดภูเขามาตัวนึงครับ
ปั่นภูเขาครั้งแรก แค่ 5 โลก็แทบไส้แตกแล้วครับ ทำไมมันเหนื่อยจัง เห็นคนอื่นเค้าปั่นชิวๆ ไปได้เรื่อยๆ เลยฝึกๆๆ ทุกวัน
จากปั่น 5-10 โลต่อวัน มาเป็น 20-30 โลต่อวัน ปั่นไปเรื่อยจนเริ่มจะเข้าที่ ในหัวก็เริ่มมีโครงการที่จะอยากไปปั่นกับคนอื่นบ้าง
ปั่นภูเขาตัวแรกได้ 1 เดือน เริ่มคิดเกินไปกว่าแค่การปั่นออกกำลังกาย เลยไปสมัครการปั่นจักรยานการกุศลเล็กๆระดับตำบล
ปั่นไม่ไกลประมาณ 50 กิโล งานแรกไปปั่นไม่ค่อยทันคนอื่นที่เค้าปั่นหมอบกัน เลยมาศึกษาเรื่องจักรยานเพิ่ม เห็นว่าหมอบก็ลุยได้เหมือนกันนี่หว่า
ความคิดเริ่มเปลี่ยนครับ ไม่เอาแล้วภูเขา ไปหมอบดีกว่า ไหนๆก็ชอบงานปั่นอยู่แล้ว "งอก" หมอบซักคัน จะได้ปั่นทันชาวบ้านเค้า
จัดหมอบเลยครับ ไม่อยากพลาด ทำการบ้านหาจักรยานอย่างดี ทรงแอโร่ ท๊อปอลู ชุดเกียร์อย่างดี กะว่าจัดครั้งเดียวจบ
พอมาหมอบแล้วอุปกรณ์เยอะครับ บันได ไฟหน้า ไฟท้าย ถุงมือ หมวก ไมล์ รองเท้าคลีท ชุดนักปั่น อุปกรณ์ซ่อมแซมเบื้องต้น น้ำมันหยอดโซ่
ทุกอย่างมันพรั่งพรูเข้ามาว่ามันต้องซื้อ ไม่งั้นปั่นไม่สนุก หมดไปหลายครับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเสียเงินไปกับอุปกรณ์พวกนี้
มีรถ มีอุปกรณ์ พร้อม ทุกอย่างน่าจะจบ แต่มันไม่จบครับ มันจะมีเรื่องให้เราอยากเสียเงินตลอดเวลา ถ้าปั่นแล้วเมื่อย ก็ต้องหาวิธีเซตรถ
การจะเซตรถให้เข้ากับตัวเราเรียกว่าการ fitting ครับ เป็นการปรับพวกความสูงของอาน สเตม แฮนด์ ให้เหมาะกับการปั่นของเรา
พวกนี้ถ้าหาร้านทำดีๆ ก็จ่ายเยอะอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่ามันคุ้มค่า ช่วยทำให้เราใช้ประโยชน์จากรถของเราได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งมันก็ช่วยจริงๆครับ ลดอาการปวดเวลาปั่นนานๆ ทำให้เราปั่นเร็วขึ้นด้วย เพราะเราส่งแรงไปถึงรถได้เต็มๆ
มีรถ มีอุปกรณ์ เซตรถให้เข้ากับตัวเองแล้ว คราวนี้ก็ปั่นสนุกเลยครับ ทุกอย่างดูโอเคดี แต่มันจะมีบางจังหวะคิดว่า
ถ้าเราอัปรถให้ดีขึ้น เราจะปั่นได้ดีกว่าเดิมมั้ย มันจะเริ่มงอกอีกครับ เปลี่ยนเบาะ เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนชุดขับ หนักหน่อยก็อยากเปลี่ยนเฟรมเลย
ถ้าไม่เปลี่ยนมันจะเกิดอาการที่เรียกว่า คาใจ ครับ หลับหรือตื่นมันก็ชอบคิดถึงชิ้นส่วนที่เราอยากอัปเกรด
เล่ามายาว เด่วผมจะบอกความเปลี่ยนแปลงบ้างครับ ว่าก่อนปั่นยานกับหลังปั่นยานเป็นยังไง
ก่อนปั่น ซอยแถวบ้านเดินยังหลง หลังปั่น รู้จักทุกซอกซอย ลามไปถึงพื้นที่ข้างๆและจังหวัดใกล้เคียง
ก่อนปั่น เดินไปไหนก็ไม่มีใครรู้จัก หลังปั่น มีเพื่อนตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ลามไปจังหวัดใกล้เคียง
ก่อนปั่น กินไม่ห่วงน้ำหนัก หลังปั่น พยายามกินน้อยลง เพราะกลัวว่าน้ำหนักเยอะจะปั่นช้า ลดน้ำหนักคนถูกกว่าลดน้ำหนักยาน
ก่อนปั่น เช้าๆอากาศดีๆ อยากนอนนานๆ หลังปั่น อยากพายานไปสูดอากาศดีๆ กลัวฝนตกแล้วไม่ได้ออก
คติของการเสียเงินไปให้ยานคือ เสียตังให้ยานแล้วสุขภาพดี ดีกว่าเสียตังให้หมอ