จากมติชนออนไลน์

(28 ต.ค.58) หลังจากนักท่องเที่ยวแห่ขึ้นภูทับเบิกเมื่อช่วงวันหยุด 3 วันที่ผ่านมา จนเกิดภาวะรถติดหนักและยังทิ้งขยะกองโตไว้บนภูทับเบิก ล่าสุดแม้ว่าระยะเวลาจะผ่านพ้นเลยช่วงวันหยุดยาวไปถึง 3 วันแล้วก็ตาม แต่บรรดารีสอร์ตต่างๆบนภูทับเบิก ปัจจุบันก็ยังเคลียร์เรื่องขยะที่เกิดจากนักท่องเที่ยวทิ้งไว้ตามรีสอร์ตและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆไม่หมด ส่วนวิธีกำจัดของรีสอร์ตเหล่านี้ จะมีการขนในรถไปทยอยทิ้งที่บ่อขยะท้ายหมู่บ้านทับเบิก บริเวณหมู่ 14 บ้านทับเบิกกันอย่างต่อเนื่อง และผลจากการที่รีสอร์ตเหล่านี้กองขยะทิ้งไว้ที่บริเวณขอบบ่อแทนที่จะทิ้งลงไปในบ่อ ส่งผลให้กลายเป็นขยะกองพะเนิน นอกจากนี้ยังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

ขณะเดียวกันก็มีราษฎรชาวไทยภูเขาจำนวนหลายรายมาคุ้ยเขี่ยเพื่อคัดแยกขยะรีไซเคิล อาทิขวดน้ำพลาสติก กระดาษ กระป๋องเครื่องดื่มและน้ำอัดลม ขวดสุรา ขวดเบียร์ ฯลฯ โดยจะเก็บรวบรวมไว้และนำไปขายทำให้ช่วงนี้มีรายได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่พ่อค้าของเก่าบางรายก็นำรถขึ้นมารับซื้อขยะรีไซเคิลเหล่านี้ถึงบริเวณบ่อทิ้งขยะหมู่บ้านอีกด้วย

นายอาทิตย์ ชุ่มมา พ่อค้ารับซื้อของเก่ากล่าวว่า หลังวันหยุดยาวแบบนี้ปริมาณขยะจะค่อนข้างเยอะ และขยะที่นี่ค่อนข้างมีคุณภาพเพราะเป็นขยะรีไซเคิลที่สามารถนำไปขายได้ เท่าที่สังเกตนอกจากขยะประเภทขวดน้ำพลาสติกแล้วยังมีขยะประเภทกระป๋องหรือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่อนข้างเยอะอาจเป็นเพราะภูทับเบิกไม่ได้เป็นเขตพื้นที่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวตามอุทยานต่างๆ

“วันปกติจะขึ้นมารับซื้อแบบวันเว้นวัน แต่ช่วงที่มีวันหยุดยาวหรือหยุดช่วงเทศกาลแบบที่ผ่านมานี้ผมกับภรรยาก็จะนำรถขึ้นมารับซื้อถึง 2คันและก็จะมาซื้อถึงที่บ่อทิ้งขยะ เพราะจะมีชาวบ้านที่นี่คัดแยกรวบรวมไว้ให้แล้ว ช่วงนี้บางคนมีรายได้จากการเก็บขยะขายถึงคนละ 600-1,200 บาทซึ่งถือว่าสูงมาก” นายอาทิตย์กล่าวและว่า สำหรับขยะกองพะเนินนี้พอถึงช่วงหนึ่งทางรีสอร์ตก็จะจ้างรถไถมาดันลงไปในบ่อจากนั้นก็จะใช้วิธีเผาเพื่อกำจัด ส่วนขยะที่รับซื้อจะขนกลับไปขายให้กับร้านค้าของเก่าที่เมืองเพชรบูรณ์อีกทอดหนึ่งและนอกจากตนแล้วยังมีพ่อค้าของเก่าอีกหลายรายที่วิ่งรถรับซื้อไม่ว่าจะเป็นตามรีสอร์ตหรือในหมู่บ้าน

ขณะที่รายงานข่าวระบุว่า ระหว่างนายไกรสร กองฉลาดรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์นำคณะตรวจสอบอาคารจามรีสอร์ตเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้สังเกตเห็นขยะที่รีสอร์ตจัดเก็บใส่ถุงดำกองไว้ จึงสอบถามทางผู้ประกอบการก็ได้รับแจ้งว่า เป็นขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้โดยแต่ละรีสอร์ตต้องจัดเก็บรวบรวมและจะนำไปทิ้งที่บ่อขยะหลังหมู่บ้าน จากนั้นก็จะใช้วิธีกำจัดโดยการเผาไม่เช่นนั้นขยะคงเหลือตกค้าง โดยผู้ประกอบการแจ้งว่า ลำพังรถเก็บขยะของอบต.เก็บลงไปไม่หมด ทำให้นายไกรสรถึงกับอึ้ง

นายไกรสร กล่าวว่า ปัญหาขยะตกค้างบนภูทับเบิกเองก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทางจังหวัดได้มองเห็นปัญหาและขณะนี้พยายามแก้ไข บอกตามตรงว่า ขณะนี้ชาวบ้านก็ใช้วิธีเผาเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าแต่ยังไงก็ยังส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนท้องถิ่นเวลานี้ยอมรับว่าปริมาณขยะขนาดเกินกว่าศักยภาพของอบต.วังบาล จะรับมือขยะที่ตกค้างไหว แต่ต้องเข้าใจว่าเรื่องขยะเป็นปัญหาแทบทุกท้องถิ่นโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆไม่ใช่แค่ภูทับเบิก

“เท่าที่สังเกตขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่ไปจากข้างล่างทั้งนั้นโดยนักท่องเที่ยวขนขึ้นไปและลงมาตัวเปล่าโดยทิ้งขยะไว้ เบื้องต้นยังไงจังหวัดก็ต้องเร่งรัดให้มีการขนลงมาและสัปดาห์หน้าคงจะมีการประชุมหารือถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ เพราะในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงปีใหม่จะมีวันหยุดยาวอีก ปัญหาคือจะต้องเตรียมมาตรการรับมือปัญหาขยะเหลือตกค้าง ซึ่งเวลานี้ทางผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ก็ห่วงใยและพยายามเร่งรัดที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้” นายไกรสร กล่าว

ส่วนนายสมบูรณ์ ศรีธรรม นายก อบต.วังบาล กล่าวว่า ยอมรับว่าปัญหาขยะภูทับเบิก ได้เกินขีดความสามารถของทาง อบต. ตอนนี้นักท่องเที่ยวกลับไปหมดแล้วแต่ขยะยังจัดเก็บกันไม่หมด รถเก็บขยะ อบต.มี 2 คันต้องดูแลทั้ง 16 หมู่บ้าน สำหรับภูทับเบิกจัดให้รถเก็บขยะขึ้นไปขนไปจัดเก็บในวันจันทร์และวันพฤหัสวันละ 2 รอบ โดยรอบแรกจะเก็บไปทิ้งที่บ่อขยะของหมู่บ้านและรอบสองก็จะนำมาทิ้งที่บ่อขยะ อบต.ด้านล่าง โดยรถจะวิ่งไปเก็บเฉพาะขยะในชุมชนหมู่บ้าน แต่รีสอร์ตส่วนใหญ่ก็จะขนขยะมาฝากทิ้ง

“ส่วนรีสอร์ตที่ขนไปทิ้งที่บ่อขยะเองก็จะขนไปทิ้งกองอยู่บริเวณริมบ่อ เมื่อเริ่มเต็มพื้นที่ก็จะให้รถไถไปดันลงบ่อกันเองซึ่งในช่วงวันหยุดยาวมีนักท่องเที่ยวแห่กันมามาก ปริมาณขยะจะมากขึ้นเป็นทวีคูณจนน่ากังวลว่าคงไม่นานบ่อขยะบริเวณนี้ก็คงจะเต็มแน่นอน และไม่มีพื้นที่อื่นที่พอจะขุดบ่อทิ้งขยะใหม่อีก เพราะเป็นพื้นที่ต้นน้ำและข้ามไปอีกฝั่งก็อยู่ในเขต จ.เลย” นายสมบูรณ์กล่าวและว่า ยังกลัวว่าช่วงวันหยุดยาวในเดือนธันวาคมและเทศกาลปีใหม่ หากบ่อทิ้งขยะเต็มก็จะมีการนำขยะไปทิ้งตามป่าข้างทางหรือตามร่องน้ำสาธารณะ