จากมติชนออนไลน์
วันที่ 27 ต.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. นำกำลังสืบสวนติดตามตัวนางจุรี จันทร์งาม อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 427 หมู่ 2 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า น.ส.ริ้วแพร โชติการ เภสัชกร รพ.ควนเนียง ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แล้วหนีคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยการปลอมเอกสารใบมรณบัตรทำทีเป็นเสียชีวิต กระทั่งพนักงานอัยการสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังมีชีวิตอยู่

ทังนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30น. วันที่ 13 ธ.ค. 50 ได้มีมือปืนบุกฆ่าโหดเภสัชกรสาว พร้อมผู้ช่วยแพทย์ดับสยอง 2 ศพ ที่คลินิกเวชกรรม นายแพทย์รังสรรค์ ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลควนเนียง ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 28 ปี เป็นเภสัชกร ประจำโรงพยาบาลควนเนียง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณหน้าอก หน้าท้อง และที่บริเวณชายโครงด้านขวาทะลุซ้ายแห่งละ 1 นัด นายอาดิษฐ์ ประทีปทัศน์ อายุ 33 ปี เป็นผู้ช่วยแพทย์ของรังสรรค์ คลินิก
โดยขณะนั้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุการฆาตกรรมนั้นอาจมาจากปมขัดแย้งในเรื่องการแต่งงานของ น.ส.ริ้วแพร กับนายวิกรม จันทร์งาม ซึ่งเป็นพนักงานธนาคาร ที่มีกำหนดวันแต่งงานในวันที่ 29 ธ.ค. 50 โดยงานเลี้ยงจัดขึ้นที่โรงแรมไดอิชิหาดใหญ่ ซึ่งเจ้าภาพได้แจกการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และทราบว่าผู้ใหญ่ของนายวิกรม กีดกันมาโดยตลอด โดยไม่ยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน
ต่อมา พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.สงขลา ในขณะนั้น จับกุมนายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี จับได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ พื้นที่ หมู่ 7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และนายจำนงค์ คงสุวรรณ อายุ 40 ปี ที่บ้านเช่าเลขที่ 255 หมู่ 4 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ทีมสังหารเภสัชกรสาว ก่อนขยายผลจับนางจุรี จันทร์งาม มารดาว่าที่เจ้าบ่าวข้อหาจ้างวานฆ่า
ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องตามข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้องนายจำนงค์ คงสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง เช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน อย่างไรก็ตาม นางจุรี วางหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทขอประกันตัว มีเพียงนายนรินทร์ มือปืนถูกขังอยู่ในเรือนจำ
กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.57 น.ส.รัศมี จันทร์งาม นายประกันยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลาว่า นางจุรี จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 24 ก.พ.57 ที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และได้เผาศพที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.57 พร้อมยื่นใบมรณบัตรเป็นหลักฐานการตาย ขอให้ศาลคืนเงินประกัน
ต่อมา ศาลฎีกาจังหวัดสงขลาจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนการตาย โดยมี น.ส.รัศมี จันทร์งาม เป็นพยานเบิกความว่า ตนกับพี่สาว และผู้ตายกลับจากการร่วมชุมนุม กปปส. ที่กรุงเทพฯ แล้วแวะที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปรากฏว่านางจุรี เป็นลมเสียชีวิต เมื่อเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว เลยไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รุ่งขึ้นฝากศพไว้กับเพื่อนก่อนไปพบผู้ใหญ่บ้านแจ้งการตาย ขอให้ออกหนังสือรับรองนำเป็นหลักฐานแจ้งอำเภอ
อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้คัดค้าน ได้นำพยานเข้าสืบ 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อวัดมณีสพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาส รวมถึง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ยืนยันว่าไม่มีการจัดงานศพและเผาศพนางจุรีแต่อย่างใด และไม่มีพยานคนใดเห็นศพนางจุรี ส่วนสาเหตุที่ออกใบมรณบัตร ทางอำเภออ้างเหตุผลว่า เพราะมีใบรับรองการตายจากผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นพนักงานตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องของ น.ส.รัศมี นายประกัน และพยานหลักฐานของพนักงานอัยการ จังหวัดสงขลา ผู้คัดค้านแล้วมีความเห็นว่า นางจุรี จันทร์งาม จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้ถึงแก่ความตาย ตามที่นายประกันกล่าวอ้าง และเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาฎีกา ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้อง แต่นายวิกรม จันทร์งาม บุตรชาย ให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวน เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดา จึงลงโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษายืนประหารชีวิต
ฟื้นคดี! ล่าว่าที่เเม่ผัววัย73 สั่งฆ่าเภสัชสาว"ว่าที่ลูกสะใภ้"ปี50-ปลอมมรณบัตรหนี
วันที่ 27 ต.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. นำกำลังสืบสวนติดตามตัวนางจุรี จันทร์งาม อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 427 หมู่ 2 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า น.ส.ริ้วแพร โชติการ เภสัชกร รพ.ควนเนียง ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แล้วหนีคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยการปลอมเอกสารใบมรณบัตรทำทีเป็นเสียชีวิต กระทั่งพนักงานอัยการสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังมีชีวิตอยู่
ทังนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30น. วันที่ 13 ธ.ค. 50 ได้มีมือปืนบุกฆ่าโหดเภสัชกรสาว พร้อมผู้ช่วยแพทย์ดับสยอง 2 ศพ ที่คลินิกเวชกรรม นายแพทย์รังสรรค์ ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลควนเนียง ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 28 ปี เป็นเภสัชกร ประจำโรงพยาบาลควนเนียง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณหน้าอก หน้าท้อง และที่บริเวณชายโครงด้านขวาทะลุซ้ายแห่งละ 1 นัด นายอาดิษฐ์ ประทีปทัศน์ อายุ 33 ปี เป็นผู้ช่วยแพทย์ของรังสรรค์ คลินิก
โดยขณะนั้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุการฆาตกรรมนั้นอาจมาจากปมขัดแย้งในเรื่องการแต่งงานของ น.ส.ริ้วแพร กับนายวิกรม จันทร์งาม ซึ่งเป็นพนักงานธนาคาร ที่มีกำหนดวันแต่งงานในวันที่ 29 ธ.ค. 50 โดยงานเลี้ยงจัดขึ้นที่โรงแรมไดอิชิหาดใหญ่ ซึ่งเจ้าภาพได้แจกการ์ดแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว และทราบว่าผู้ใหญ่ของนายวิกรม กีดกันมาโดยตลอด โดยไม่ยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน
ต่อมา พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.สงขลา ในขณะนั้น จับกุมนายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี จับได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ พื้นที่ หมู่ 7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และนายจำนงค์ คงสุวรรณ อายุ 40 ปี ที่บ้านเช่าเลขที่ 255 หมู่ 4 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง ทีมสังหารเภสัชกรสาว ก่อนขยายผลจับนางจุรี จันทร์งาม มารดาว่าที่เจ้าบ่าวข้อหาจ้างวานฆ่า
ผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องตามข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้องนายจำนงค์ คงสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 2 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง เช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน อย่างไรก็ตาม นางจุรี วางหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทขอประกันตัว มีเพียงนายนรินทร์ มือปืนถูกขังอยู่ในเรือนจำ
กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.57 น.ส.รัศมี จันทร์งาม นายประกันยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลาว่า นางจุรี จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 24 ก.พ.57 ที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และได้เผาศพที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.57 พร้อมยื่นใบมรณบัตรเป็นหลักฐานการตาย ขอให้ศาลคืนเงินประกัน
ต่อมา ศาลฎีกาจังหวัดสงขลาจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนการตาย โดยมี น.ส.รัศมี จันทร์งาม เป็นพยานเบิกความว่า ตนกับพี่สาว และผู้ตายกลับจากการร่วมชุมนุม กปปส. ที่กรุงเทพฯ แล้วแวะที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปรากฏว่านางจุรี เป็นลมเสียชีวิต เมื่อเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว เลยไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รุ่งขึ้นฝากศพไว้กับเพื่อนก่อนไปพบผู้ใหญ่บ้านแจ้งการตาย ขอให้ออกหนังสือรับรองนำเป็นหลักฐานแจ้งอำเภอ
อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้คัดค้าน ได้นำพยานเข้าสืบ 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อวัดมณีสพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาส รวมถึง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ยืนยันว่าไม่มีการจัดงานศพและเผาศพนางจุรีแต่อย่างใด และไม่มีพยานคนใดเห็นศพนางจุรี ส่วนสาเหตุที่ออกใบมรณบัตร ทางอำเภออ้างเหตุผลว่า เพราะมีใบรับรองการตายจากผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นพนักงานตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องของ น.ส.รัศมี นายประกัน และพยานหลักฐานของพนักงานอัยการ จังหวัดสงขลา ผู้คัดค้านแล้วมีความเห็นว่า นางจุรี จันทร์งาม จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้ถึงแก่ความตาย ตามที่นายประกันกล่าวอ้าง และเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาฎีกา ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้อง แต่นายวิกรม จันทร์งาม บุตรชาย ให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวน เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดา จึงลงโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษายืนประหารชีวิต