ทริปนี้ไม่ใช่ทริปโคตรถูก
แต่มีทริกเล็กๆน้อยๆ มาแบ่งปันกัน
ยิ่งถ้าคุณต้องการแรงบันดาลใจในการเป็น backpacker โดยเฉพาะ ถ้าคุณกำลังคิดว่า การมีเจ้าตัวเล็กๆอยู่ด้วย เราจะ backpack ได้หรือ ลองอ่านดูครับ
และแม้ว่าคุณจะเป็นโสด ทริปถึกๆ ไปทีเดียวคุ้มแบบนี้ อาจจะทำให้คุณวางแผนการเดินทางได้มันขึ้น
….
เมื่อ 4 ปีก่อน บนรถตู้คันหนึ่งที่ Gold Coast, Australian
คนขับทักทายเราด้วยภาษาญี่ปุ่น เพราะนึกว่าเป็นคนชาติเดียวกัน
เราตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่าเราเป็นคนไทย
จากนั้นบทสนทนาภาษาอังกฤษระหว่างเราก็เริ่มต้น
คำถามและคำตอบหนึ่งที่ฝังในความทรงจำคือ
ผมถามว่า “ทำไมมาทำงานที่นี่ ทำไมไม่อยู่ญี่ปุ่น”
เขาตอบผมว่า “ญี่ปุ่นเป็นที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ไม่เหมะสำหรับใช้ชีวิต”
ผมเคยไปญี่ปุ่นมาก่อนที่จะได้คุญกับชาวญี่ปุ่นท่านนั้น
ผมคงไม่ตอบว่าผมคิดอย่างไร
แต่มันเป็นคำพูดที่สอนอะไร ผมมากจริงๆ
…..
กลับมาที่ทริป สิบเอ็ดวันสิบเอ็ดฟ้า อีกที
ตอนเจ้าปูนปั้นอายุ 1 ขวบ เราพาเขาไปใกล้ๆแค่ สิงคโปร์
พอเจ้าปูนปั้นขวบครึ่งเราไปเป็น backpacker กันที่ รัสเซีย
(หนังสือ ‘ได้เวลาเที่ยวรัสเซีย’ หรือ link นี้ครับ
http://2g.ppantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12603232/E12603232.html )
และปีนี้ในวัยเกือบ 2 ขวบเราไป backpacker ที่ ญี่ปุ่น 11 วัน
คงไม่น่าสนใจหาก ไม่ใช่ 11 วัน 11 ฟ้า จากฮิโรชิมาถึงโตเกียว
(หากสนใจรอยยิ้มที่มีแจกไม่อั้น วันละหลายยิ้ม แวะที่
https://www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon)
…
ถ้าอ่าน highlight แล้วไม่ใช่ ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปอ่านต่อก็ได้ครับ
1) ทริป 11 วัน 11 เมือง โดยมี Hiroshima / shirakawa-go / Nikko อยู่ใน ทริปเดียวกัน
(นอกจากนั้นก็ Osaka, Himeji, Kobe, Kyoto, Nara, Tokyo, Kamakura and Kawakujiko-Fuji)
2) นอนค้างคืนใน หมู่บ้านมรดกโลก Shirakawa-go ไม่ใช่ day trip
3) Nikko แม้จะเป็น day trip แต่เราไปถึง Suzenji Lake และจุดอื่นๆที่มากกว่า สะพานชินเคียวและวัดโทโชคุ
4) เล็กๆน้อยๆ สำหรับเด็กๆ คือ Anpanman Museum และ อ้อ .. เรามีเกร็ดเล็กๆ สำหรับ ผู้ที่อยากนั่ง รถไฟThomas and Friend สักครั้ง
5) ทริปนี้ backpacker 100% ไม่มี สปอนเซอร์ ดังนั้น จะมีรายละเอียดในการจัดการต่างๆเองทั้งหมด ตั้งแต่
- การซื้อตั๋ว JR-Pass จากไทย ไปรับตั๋วยังไง, จองตั๋วเดินทางอย่างไร
- การใช้ตั๋ว JR-Kanto ต้องไปซื้อที่โน่นเท่านั้น อย่างไร ใช้งานอย่างไร ไปเที่ยวไหน
- การใช้บริการแมวดำ ในการลดภาระการเดินทาง ที่ง่ายและคุ้มราคา
- ขึ้น Shinkansen ผิด ในขบวนที่ไม่ครอบคลุม แต่แก้ไขได้
- การหาคูปองส่วนลด
- อย่าลืมโหลด program ตารางรถไฟ ‘JAPAN Trains’ เยี่ยมและมีประโยชน์มาก
- pocket wi-fi คุ้มยิ่ง
- พยากรณ์อากาศที่ญี่ปุ่นต่างกับไทยยังไง
- และอื่นๆ สามารถสอบถามมาได้ฮะ
6) ถ้านับสถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่เราได้แวะ คงมีเกือบ 20 ที่
ทริปนี้ เดิมตั้งใจจะพาเจ้าปูนปั้นไปดูหิมะ (ตอนไปรัสเซีย ได้เจอแค่ครึ่งวัน)
ทีแรกจองไว้ ธันวาคม แต่มีเหตุให้ต้องเลื่อนขึ้นมาเป็นเดือนกันยายน
ออกจากไทย ดึกๆ ของวันที่ 18 กันยายน กลับมาถึง ตี 2 วันที่ 29 กันยายน
ถ้านับเฉพาะท่องเที่ยวก็ 11 วันเต็ม
เริ่มกันเลยดีกว่า
อ้อ ถ้าขี้เกียจอ่าน อยากดูรูปแบบชุ่มฉ่ำ ขึ้น bass-pass ไปที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.954454564595860.1073741924.520901494617838&type=3
19 Sep (Bangkok-Narita-Tokyo-Osaka)
เดินทางถึงนาริตะปุ๊บ ก็ต้องเปลี่ยนแผนทันที เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว Silver week
อันนี้พลาดอย่างแรง ไม่ได้ check มา เน้นแต่ตารางการลางานเราเองเป็นหลัก
มาถึงตอนเช้า แต่ถ้าจะจองที่นั่ง Shinakansen ดิ่งไป Osaka จาก Narita เร็วสุดอยู่ที่บ่าย 2
(อ้อ ทริปนี้ เราเน้นนั่ง Shinakansen ในฝันของเจ้าปูนปั้น จึงมีเส้นทางยาวไม่น้อย)
เราเปลี่ยนแผน เสี่ยงเข้า โตเกียว ไปหา Shinkansen ตู้ non-reserve เอา
เพราะตู้ reserve ทุกสถานี ต้องรอบ่าย
และที่เลือกไปลุ้น non-reserve ที่ โตเกียว แทนที่ นาริตะ เพราะมีให้เลือกขบวนลุ้นมากกว่า
มาถึง โตเกียว ดิ่งเข้า office JR-EAST เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปลุ้นเข้าแถวเลย เที่ยว 10 โมงนิดๆ
ไม่ผิดหวัง non-reserve ขบวนแรก เราได้นั่งเลย เพราะเตี๊ยมกันแล้วก่อนรถไฟมาว่า ถ้าเจอที่นั่ง ไม่ต้องเลือกให้นั่งเลย
Shinkansen แรกของปูนปั้นคือขบวน Hikaru
เจ้าตัวยุ่งมีความสุขมาก พูดคุยไม่หยุด มีเสียงตื่นเต้น ไม่ยอมหลับทั้งๆที่เดินทางกลางคืนมา กว่าจะหลับก็ใกล้ถึง Osaka แล้ว
มาถึง Shin-Osaka รีบเดินเข้าโรงแรมเพราะอยู่ใกล้มาก
เรานอนที่ New Osaka Hotel มองเห็นจากสถานีเลย
ไม่แพงมาก เหมาะกับการมีเจ้าตัวเล็ก
จากนั้นอาบน้ำเร็วจี๋ จับ JR สายรอบเมือง Osaka ไป Osaka Castle
(ปิด 4 โมง แต่หาก 3.45 ยังไม่มีตั๋วในมือก็อดเข้าครับ)
เดินเล่นสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) รอบๆปราสาทเล็กน้อย
บรรยากาศดีนะฮะ มีขนม มีไอติมอึอร่อยๆ อย่าพลาดดที่จะนั่งอ้อยอิ่งสักครู่
จากนั้นก็จับ JR ไปต่อ Subway ไปที่ Shinsaibashi ถนน shopping ชื่อดัง
หม่ำข้าวที่ Fujiya กับตัวการ์ตูนคุ้นตา
แล้วก็ออกมาเดินไปสุด Shinsaibashi
ก็จะถึง Dotombori เพื่อ check-in กับมนุษย์กูลิโกะ ปูยักษ์ และเจ้า Meiji
ขากลับก็กลับด้วย sub-way มา Shin-Osaka ถึงห้องประมาณ 3 ทุ่ม
แบตมี๊ก็หมด แบตป่วนก็หมด
20 Sep (Osaka-Himeji-Kobe-Osaka)
ตารางเดิม วันแรกเราจะไป Hiroshima แต่เนื่องจาก Silver Week
ตอนที่เราจอง Shinkansen มา Osaka เมื่อวาน
เราก็ check ตาราง Hiroshima ปรากฏว่า
วันที่ 20 ถ้าจะจองตู้ reserve ไป Hiroshima ก็บ่ายโน่นเลย
ผมจึงให้ check ว่า ถ้าไป Himeji มีขบวนเช้าว่างมั้ย
โป๊ะเช๊ะ … เลยจอง Shinkansen Sakura 547 เวลา 8.04 มุ่งหน้า Himeji
ประมาณ 30 นาที จาก Osaka ก็ถึงสถานี Himeji
(เราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าไปได้ 2-3 วัน ถ้า คนรอคิวไม่เยอะ เจ้าหน้าที่ยินดีทำให้เลย)
ถนนหนทางดูโล่งโจ้ง เราเดินเรื่อยเปื่อยถ่ายรูปไปเรื่อย
แต่พอไปถึง มีอึ้ง ขบวนยาวเอาเรื่อง
พอขบวนยาว ปูนปั้นก็เบื่อให้ปะป๊าอุ้ม โอ้ววว การแบกข้าวสารกระสอบเป็นชั่วโมงๆ เอาเรื่องนะฮะ
แต่ก็ดีใจที่หม่ามีถูกใจมาก เพราะนี่ top 3 ปราสาทของญี่ปุ่นเลย
ส่วนเจ้าตัวยุ่งก็สนุกสนานในปราสาทซะจน
ปะป๊าหม่ามี๊เริ่มจะหงุดหงิดเพราะเกรงใจที่ไปป่วนคนอื่นในประสาท
กว่าจะออกมาก็เกือบเที่ยงช้ากว่าที่คิดไปพอควร
พอออกมาเห็นแถวที่ต่อกันยาวกว่าตอนเรามาหลายเท่าและแดดก็ร้อน รู้สึกโชคดีที่ตื่นเช้า
เราเลือกที่จะ ไม่เข้าสวน CoCoEn เพราะคนเยอะ
(จริงๆปะป๊าเคยแวะมาหลายปีก่อน สวยฮะ ถ้าเวลาพอก็น่าแวะ)
ขากลับรีบจ้ำอ้าวเพื่อมาขึ้น Shinkansen ขบวนเร็วสุด
check จาก program ‘Japan Train’ มีให้เลือกสารพัด option ว่าจะเอาเร็วช้า ต่อมาก น้อย
(ขณะที่จ้ำๆ ก็มีคนไทยครอบครัวหนึ่งหันมาทัก ‘ไม่รู้ทันมั้ยเนอะพี่’ 555 วิ่งจู้ดมาเหมือนกัน)
มุ่งหน้า Shin-Kobe ถึง Kobe ไปสอบถาม tourist information
เดิมวางแผนจะใช้ city loop bus จะได้แวะทุกที่ที่อยากแวะ
แต่ไม่ work ซะแล้ว เพราะถ้าแบบตั๋วเหมา จะต้องรอตอนเย็น
ช่วงบ่ายๆ จ่ายตั๋วขึ้นลงแต่ละครั้ง ท่าทางไม่ work
เลยปรับแผน เลือกเป็นจุดๆ จะไปไหนก่อน
เลือกขึ้น cable car ไป herb garden 'Nunobiki' ก่อนเลย เพราะเดินไปจากสถานี Shin-Kobe ได้
ปูนปั้นอยากขึ้น cable car มาก เพราะเราติดไว้ตั้งแต่พาไปหากใหญ่เมื่อช่วง กค. แล้ว cable car ที่นั่นเสีย
พอขึ้นแล้วมีกังวล+คึกคักสลับเป็นระยะ แต่ก็ปากกล้าขาสั่น บอกชอบมาก
Cable car ตรงนี้ วิวสวย และ มี รถเยอะ ให้นั่งแบบโล่งๆ ชมวิวกันสบายๆ
พอถึงข้างบนเป็น herb garden วิวสวย มีของกินให้นั่งสบายๆ ชมวิวหาอะไรหม่ำ
จากนั้นก็นั่งกระเช้าลงมา แล้วหา bus เพื่อไป พิพิธภัณฑ์ อังปังแมน
ขึ้นรถปุ๊บหลับป๊บ พอมาถึงป้ายลง ก็เลยใส่รถเข็น มาถึงพิพิธภัณฑ์
เมื่อได้เจออังปังแมนก็สดชื่น ตั๋วแพงใช่เล่น จบจากอังปังแมน
ก็ออกมาตอนเย็นมาเดินเล่นที่อ่าวโกเบ
(Kobe port, Habourland, Kobe Maritime Museum and more)
[img]http://f.ptcdn.info/839/036/000/nwwzon1b51D0e6Vu9sX-o.jpg
[/img]
โต๋เต๋เรื่อยเปื่อยจนมาถึงป้ายรถ ถึงรู้ว่าบัสหมด
ต้องถามชาวบ้านที่ผ่านไปมา 4-5 คน ถึงจะเริ่มหาทิศไป subway ได้ถูก
และระหว่างทางมา subway ยังถามอีก 4-5 คน คือมันเป็นสถานีที่ถูกลืมมมม
ระหว่างทางเดินมา subway เจ้าตัวป่วนคึกคัก ไม่ยอมนั่งรถเข็น
พูดเล่น ร้องเพลง มาตลอดทาง จนปะป๊า หม่ามี๊ ถามว่าเหนื่อยมั้ย
ปูนปั้นบอกเหนื่อย
ถามว่า happy มั้ย ปูนปั้นบอก happy
เราสองคนเลยต้องบอกปูนปั้นว่า
"เป็นลูกปะป๊า หม่ามี๊ต้องอดทนน้า"
ต่อ subway 2 ต่อ + Shinkansen อีก 1 ต่อ กลับมาถึง Osaka ประมาณ 3 ทุ่ม
(แอบเดินเข้า ออฟฟิศ JR อีกที ขอปรับตั๋วไป Hiroshima พรุ่งนี้ให้เช้าขึ้น เพราะอยากเที่ยวเย๊อะๆๆๆๆ)
.....
[CR] สิบเอ็ดวัน สิบเอ็ดฟ้า จากฮิโรชิมาถึงโตเกียว
แต่มีทริกเล็กๆน้อยๆ มาแบ่งปันกัน
ยิ่งถ้าคุณต้องการแรงบันดาลใจในการเป็น backpacker โดยเฉพาะ ถ้าคุณกำลังคิดว่า การมีเจ้าตัวเล็กๆอยู่ด้วย เราจะ backpack ได้หรือ ลองอ่านดูครับ
และแม้ว่าคุณจะเป็นโสด ทริปถึกๆ ไปทีเดียวคุ้มแบบนี้ อาจจะทำให้คุณวางแผนการเดินทางได้มันขึ้น
….
เมื่อ 4 ปีก่อน บนรถตู้คันหนึ่งที่ Gold Coast, Australian
คนขับทักทายเราด้วยภาษาญี่ปุ่น เพราะนึกว่าเป็นคนชาติเดียวกัน
เราตอบไปเป็นภาษาอังกฤษว่าเราเป็นคนไทย
จากนั้นบทสนทนาภาษาอังกฤษระหว่างเราก็เริ่มต้น
คำถามและคำตอบหนึ่งที่ฝังในความทรงจำคือ
ผมถามว่า “ทำไมมาทำงานที่นี่ ทำไมไม่อยู่ญี่ปุ่น”
เขาตอบผมว่า “ญี่ปุ่นเป็นที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ไม่เหมะสำหรับใช้ชีวิต”
ผมเคยไปญี่ปุ่นมาก่อนที่จะได้คุญกับชาวญี่ปุ่นท่านนั้น
ผมคงไม่ตอบว่าผมคิดอย่างไร
แต่มันเป็นคำพูดที่สอนอะไร ผมมากจริงๆ
…..
กลับมาที่ทริป สิบเอ็ดวันสิบเอ็ดฟ้า อีกที
ตอนเจ้าปูนปั้นอายุ 1 ขวบ เราพาเขาไปใกล้ๆแค่ สิงคโปร์
พอเจ้าปูนปั้นขวบครึ่งเราไปเป็น backpacker กันที่ รัสเซีย
(หนังสือ ‘ได้เวลาเที่ยวรัสเซีย’ หรือ link นี้ครับ http://2g.ppantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12603232/E12603232.html )
และปีนี้ในวัยเกือบ 2 ขวบเราไป backpacker ที่ ญี่ปุ่น 11 วัน
คงไม่น่าสนใจหาก ไม่ใช่ 11 วัน 11 ฟ้า จากฮิโรชิมาถึงโตเกียว
(หากสนใจรอยยิ้มที่มีแจกไม่อั้น วันละหลายยิ้ม แวะที่ https://www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon)
…
ถ้าอ่าน highlight แล้วไม่ใช่ ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปอ่านต่อก็ได้ครับ
1) ทริป 11 วัน 11 เมือง โดยมี Hiroshima / shirakawa-go / Nikko อยู่ใน ทริปเดียวกัน
(นอกจากนั้นก็ Osaka, Himeji, Kobe, Kyoto, Nara, Tokyo, Kamakura and Kawakujiko-Fuji)
2) นอนค้างคืนใน หมู่บ้านมรดกโลก Shirakawa-go ไม่ใช่ day trip
3) Nikko แม้จะเป็น day trip แต่เราไปถึง Suzenji Lake และจุดอื่นๆที่มากกว่า สะพานชินเคียวและวัดโทโชคุ
4) เล็กๆน้อยๆ สำหรับเด็กๆ คือ Anpanman Museum และ อ้อ .. เรามีเกร็ดเล็กๆ สำหรับ ผู้ที่อยากนั่ง รถไฟThomas and Friend สักครั้ง
5) ทริปนี้ backpacker 100% ไม่มี สปอนเซอร์ ดังนั้น จะมีรายละเอียดในการจัดการต่างๆเองทั้งหมด ตั้งแต่
- การซื้อตั๋ว JR-Pass จากไทย ไปรับตั๋วยังไง, จองตั๋วเดินทางอย่างไร
- การใช้ตั๋ว JR-Kanto ต้องไปซื้อที่โน่นเท่านั้น อย่างไร ใช้งานอย่างไร ไปเที่ยวไหน
- การใช้บริการแมวดำ ในการลดภาระการเดินทาง ที่ง่ายและคุ้มราคา
- ขึ้น Shinkansen ผิด ในขบวนที่ไม่ครอบคลุม แต่แก้ไขได้
- การหาคูปองส่วนลด
- อย่าลืมโหลด program ตารางรถไฟ ‘JAPAN Trains’ เยี่ยมและมีประโยชน์มาก
- pocket wi-fi คุ้มยิ่ง
- พยากรณ์อากาศที่ญี่ปุ่นต่างกับไทยยังไง
- และอื่นๆ สามารถสอบถามมาได้ฮะ
6) ถ้านับสถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่เราได้แวะ คงมีเกือบ 20 ที่
ทริปนี้ เดิมตั้งใจจะพาเจ้าปูนปั้นไปดูหิมะ (ตอนไปรัสเซีย ได้เจอแค่ครึ่งวัน)
ทีแรกจองไว้ ธันวาคม แต่มีเหตุให้ต้องเลื่อนขึ้นมาเป็นเดือนกันยายน
ออกจากไทย ดึกๆ ของวันที่ 18 กันยายน กลับมาถึง ตี 2 วันที่ 29 กันยายน
ถ้านับเฉพาะท่องเที่ยวก็ 11 วันเต็ม
เริ่มกันเลยดีกว่า
อ้อ ถ้าขี้เกียจอ่าน อยากดูรูปแบบชุ่มฉ่ำ ขึ้น bass-pass ไปที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.954454564595860.1073741924.520901494617838&type=3
19 Sep (Bangkok-Narita-Tokyo-Osaka)
เดินทางถึงนาริตะปุ๊บ ก็ต้องเปลี่ยนแผนทันที เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว Silver week
อันนี้พลาดอย่างแรง ไม่ได้ check มา เน้นแต่ตารางการลางานเราเองเป็นหลัก
มาถึงตอนเช้า แต่ถ้าจะจองที่นั่ง Shinakansen ดิ่งไป Osaka จาก Narita เร็วสุดอยู่ที่บ่าย 2
(อ้อ ทริปนี้ เราเน้นนั่ง Shinakansen ในฝันของเจ้าปูนปั้น จึงมีเส้นทางยาวไม่น้อย)
เราเปลี่ยนแผน เสี่ยงเข้า โตเกียว ไปหา Shinkansen ตู้ non-reserve เอา
เพราะตู้ reserve ทุกสถานี ต้องรอบ่าย
และที่เลือกไปลุ้น non-reserve ที่ โตเกียว แทนที่ นาริตะ เพราะมีให้เลือกขบวนลุ้นมากกว่า
มาถึง โตเกียว ดิ่งเข้า office JR-EAST เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปลุ้นเข้าแถวเลย เที่ยว 10 โมงนิดๆ
ไม่ผิดหวัง non-reserve ขบวนแรก เราได้นั่งเลย เพราะเตี๊ยมกันแล้วก่อนรถไฟมาว่า ถ้าเจอที่นั่ง ไม่ต้องเลือกให้นั่งเลย
Shinkansen แรกของปูนปั้นคือขบวน Hikaru
เจ้าตัวยุ่งมีความสุขมาก พูดคุยไม่หยุด มีเสียงตื่นเต้น ไม่ยอมหลับทั้งๆที่เดินทางกลางคืนมา กว่าจะหลับก็ใกล้ถึง Osaka แล้ว
มาถึง Shin-Osaka รีบเดินเข้าโรงแรมเพราะอยู่ใกล้มาก
เรานอนที่ New Osaka Hotel มองเห็นจากสถานีเลย
ไม่แพงมาก เหมาะกับการมีเจ้าตัวเล็ก
จากนั้นอาบน้ำเร็วจี๋ จับ JR สายรอบเมือง Osaka ไป Osaka Castle
(ปิด 4 โมง แต่หาก 3.45 ยังไม่มีตั๋วในมือก็อดเข้าครับ)
เดินเล่นสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) รอบๆปราสาทเล็กน้อย
บรรยากาศดีนะฮะ มีขนม มีไอติมอึอร่อยๆ อย่าพลาดดที่จะนั่งอ้อยอิ่งสักครู่
จากนั้นก็จับ JR ไปต่อ Subway ไปที่ Shinsaibashi ถนน shopping ชื่อดัง
หม่ำข้าวที่ Fujiya กับตัวการ์ตูนคุ้นตา
แล้วก็ออกมาเดินไปสุด Shinsaibashi
ก็จะถึง Dotombori เพื่อ check-in กับมนุษย์กูลิโกะ ปูยักษ์ และเจ้า Meiji
ขากลับก็กลับด้วย sub-way มา Shin-Osaka ถึงห้องประมาณ 3 ทุ่ม
แบตมี๊ก็หมด แบตป่วนก็หมด
20 Sep (Osaka-Himeji-Kobe-Osaka)
ตารางเดิม วันแรกเราจะไป Hiroshima แต่เนื่องจาก Silver Week
ตอนที่เราจอง Shinkansen มา Osaka เมื่อวาน
เราก็ check ตาราง Hiroshima ปรากฏว่า
วันที่ 20 ถ้าจะจองตู้ reserve ไป Hiroshima ก็บ่ายโน่นเลย
ผมจึงให้ check ว่า ถ้าไป Himeji มีขบวนเช้าว่างมั้ย
โป๊ะเช๊ะ … เลยจอง Shinkansen Sakura 547 เวลา 8.04 มุ่งหน้า Himeji
ประมาณ 30 นาที จาก Osaka ก็ถึงสถานี Himeji
(เราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าไปได้ 2-3 วัน ถ้า คนรอคิวไม่เยอะ เจ้าหน้าที่ยินดีทำให้เลย)
ถนนหนทางดูโล่งโจ้ง เราเดินเรื่อยเปื่อยถ่ายรูปไปเรื่อย
แต่พอไปถึง มีอึ้ง ขบวนยาวเอาเรื่อง
พอขบวนยาว ปูนปั้นก็เบื่อให้ปะป๊าอุ้ม โอ้ววว การแบกข้าวสารกระสอบเป็นชั่วโมงๆ เอาเรื่องนะฮะ
แต่ก็ดีใจที่หม่ามีถูกใจมาก เพราะนี่ top 3 ปราสาทของญี่ปุ่นเลย
ส่วนเจ้าตัวยุ่งก็สนุกสนานในปราสาทซะจน
ปะป๊าหม่ามี๊เริ่มจะหงุดหงิดเพราะเกรงใจที่ไปป่วนคนอื่นในประสาท
กว่าจะออกมาก็เกือบเที่ยงช้ากว่าที่คิดไปพอควร
พอออกมาเห็นแถวที่ต่อกันยาวกว่าตอนเรามาหลายเท่าและแดดก็ร้อน รู้สึกโชคดีที่ตื่นเช้า
เราเลือกที่จะ ไม่เข้าสวน CoCoEn เพราะคนเยอะ
(จริงๆปะป๊าเคยแวะมาหลายปีก่อน สวยฮะ ถ้าเวลาพอก็น่าแวะ)
ขากลับรีบจ้ำอ้าวเพื่อมาขึ้น Shinkansen ขบวนเร็วสุด
check จาก program ‘Japan Train’ มีให้เลือกสารพัด option ว่าจะเอาเร็วช้า ต่อมาก น้อย
(ขณะที่จ้ำๆ ก็มีคนไทยครอบครัวหนึ่งหันมาทัก ‘ไม่รู้ทันมั้ยเนอะพี่’ 555 วิ่งจู้ดมาเหมือนกัน)
มุ่งหน้า Shin-Kobe ถึง Kobe ไปสอบถาม tourist information
เดิมวางแผนจะใช้ city loop bus จะได้แวะทุกที่ที่อยากแวะ
แต่ไม่ work ซะแล้ว เพราะถ้าแบบตั๋วเหมา จะต้องรอตอนเย็น
ช่วงบ่ายๆ จ่ายตั๋วขึ้นลงแต่ละครั้ง ท่าทางไม่ work
เลยปรับแผน เลือกเป็นจุดๆ จะไปไหนก่อน
เลือกขึ้น cable car ไป herb garden 'Nunobiki' ก่อนเลย เพราะเดินไปจากสถานี Shin-Kobe ได้
ปูนปั้นอยากขึ้น cable car มาก เพราะเราติดไว้ตั้งแต่พาไปหากใหญ่เมื่อช่วง กค. แล้ว cable car ที่นั่นเสีย
พอขึ้นแล้วมีกังวล+คึกคักสลับเป็นระยะ แต่ก็ปากกล้าขาสั่น บอกชอบมาก
Cable car ตรงนี้ วิวสวย และ มี รถเยอะ ให้นั่งแบบโล่งๆ ชมวิวกันสบายๆ
พอถึงข้างบนเป็น herb garden วิวสวย มีของกินให้นั่งสบายๆ ชมวิวหาอะไรหม่ำ
จากนั้นก็นั่งกระเช้าลงมา แล้วหา bus เพื่อไป พิพิธภัณฑ์ อังปังแมน
ขึ้นรถปุ๊บหลับป๊บ พอมาถึงป้ายลง ก็เลยใส่รถเข็น มาถึงพิพิธภัณฑ์
เมื่อได้เจออังปังแมนก็สดชื่น ตั๋วแพงใช่เล่น จบจากอังปังแมน
ก็ออกมาตอนเย็นมาเดินเล่นที่อ่าวโกเบ
(Kobe port, Habourland, Kobe Maritime Museum and more)
[img]http://f.ptcdn.info/839/036/000/nwwzon1b51D0e6Vu9sX-o.jpg
[/img]
โต๋เต๋เรื่อยเปื่อยจนมาถึงป้ายรถ ถึงรู้ว่าบัสหมด
ต้องถามชาวบ้านที่ผ่านไปมา 4-5 คน ถึงจะเริ่มหาทิศไป subway ได้ถูก
และระหว่างทางมา subway ยังถามอีก 4-5 คน คือมันเป็นสถานีที่ถูกลืมมมม
ระหว่างทางเดินมา subway เจ้าตัวป่วนคึกคัก ไม่ยอมนั่งรถเข็น
พูดเล่น ร้องเพลง มาตลอดทาง จนปะป๊า หม่ามี๊ ถามว่าเหนื่อยมั้ย
ปูนปั้นบอกเหนื่อย
ถามว่า happy มั้ย ปูนปั้นบอก happy
เราสองคนเลยต้องบอกปูนปั้นว่า
"เป็นลูกปะป๊า หม่ามี๊ต้องอดทนน้า"
ต่อ subway 2 ต่อ + Shinkansen อีก 1 ต่อ กลับมาถึง Osaka ประมาณ 3 ทุ่ม
(แอบเดินเข้า ออฟฟิศ JR อีกที ขอปรับตั๋วไป Hiroshima พรุ่งนี้ให้เช้าขึ้น เพราะอยากเที่ยวเย๊อะๆๆๆๆ)
.....