Assassin's Creed : แปลกฎของภาคีมือสังหาร(Assassin)และอัศวินกางเขน(Templar)มาให้อ่านกันครับ

กระทู้สนทนา

ยังอารมณ์เสียจากภาค Syndicate ไม่หาย(หลังเล่นเนื้อเรื่องหลักจบก็ลองทำไซด์เควสไปส่วนหนึ่ง พบว่าเนื้อเรื่องเสริมก็ไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่เลย สำหรับซีรี่ย์เกี่ยวกับองค์การลับและการจารกรรม...ภาคนี้ Ubisoft เล่น Moral area ระดับนิทานลูกหมูสามตัวกันเลยทีเดียว ไร้ซึ่งชั้นเชิงและความลึกซึ้ง)

เพื่อไม่ให้ความรักในซีรี่ย์ของตัวเองลดลงไปมากกว่านี้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เลยขอเอา Quote เครื่องหมายการค้าของเกมส์นี้มาแปลให้ถกกันซะหน่อย ถึงแฟนๆเดนตายหลายคนน่าจะคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่เผื่อแฟนๆขาจรจะได้อรรถรสจากการเสพซีรี่ย์นี้มากขึ้น

-----------

Assassin

กฎ 3 ข้อของมือสังหาร

Stay your blade from the flesh of an innocent. จงยั้งดาบจากเลือดเนื้อผู้บริสุทธิ์
"ข้าจักไม่คร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์"

เป้าหมายของ Assassin คือสันติภาพ แม้ Assassin จะเชื่อว่าการสังหารเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองหรือการฆ่าทรราชผู้ใช้อำนาจในทางที่ผิดนั้นจะนำความสงบสุขมาสู่ผู้คน การสังหารคนบริสุทธิ์และประชาชนทั่วไปอย่างไม่มีสาเหตุนั้นมีแต่จะขยายความรุนแรงและความบาดหมาง อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อภาคี

Hide in plain sight. จงซ่อนกายในที่แจ้ง
"ให้ผู้คนเป็นเครื่องพรางกายของเจ้า จงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับฝูงชน"

การไม่เป็นที่สังเกตจะทำให้มือสังหารเข้าใกล้เป้าหมายโดยเหยื่อไม่รู้ตัว และหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าในสมัยโบราณ มือสังหารมักจะเลือกใช้การฆ่าอย่างโจ่งแจ้งในที่สาธารณะด้วยเทคนิคตระการตา เป็นการข่มขวัญเจ้านายหรือพรรคพวกของเป้าหมาย

กลพรางตาทำให้ดูเหมือนว่ามือสังหารปรากฏตัวออกมาจากอากาศธาตุ สังหารข้าราชการกังฉิน และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากมือสังหารถูกพบเห็นระหว่างสะกดรอยตามเป้าหมายก็จะทำให้กลพรางตาเหล่านี้หมดความขลัง และอาจจะทำให้เข้าใกล้เป้าหมายยากขึ้นด้วย

Never compromise the Brotherhood. จงอย่านำความเสื่อมเสียมาสู่ภาคี
"การกระทำของเจ้าจะต้องไม่นำภัยมาสู่ภาคีมือสังหาร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม"

การกระทำของมือสังหารจะต้องไม่นำภัยมาสู่พวกพ้อง หากมือสังหารล้มเหลวในภารกิจ ถูกจับ หรือถูกตามล่า เขาหรือเธอจะต้องไม่พูดหรือทำอะไรที่จะเป็นการซัดทอดมาสู่ภาคีหรือเป็นภัยต่อสมาชิกคนอื่นๆ

3 ความลักลั่นย้อนแย้ง

"เราควรละเมิดกฎเพื่อเห็นแก่ส่วนรวมหรือไม่? หากเราละเมิด...แล้วเราจะตัดสินตัวเองอย่างไร?"

3 ความลักลั่นย้อนแย้ง คือข้อสังเกต 3 ประการที่อัลทาเอียร์ได้บันทึกไว้ ว่าด้วยความขัดแย้งระหว่างคำสอนกับข้อปฏิบัติของภาคีมือสังหาร อันได้แก่

Assassins สนับสนุนสันติภาพ แต่กลับกระทำการฆาตกรรมเป็นชีวิตจิตใจ

Assassins อยากให้ผู้คนเปิดใจกว้าง แต่ตัวเองกลับต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด

Assassins สั่งสอนเกี่ยวกับภัยของการศรัทธาและความงมงาย แต่ในภาคีกลับบังคับให้ศิษย์เชื่อฟังอาจารย์อย่างไร้ข้อกังขา

แม้ข้อสังเกตเหล่านี้จะทำให้กฎ 3 ข้อหมดความน่าเชื่อถือลงไปบ้าง แต่ความลักลั่นย้อนแย้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายอุดมการณ์ของภาคี กลับกัน นี่คือสิ่งที่แสดงแนวทางในการรับมือกับความขัดแย้งในการดำเนินชีวิตของมือสังหาร "บุคคลหนึ่งต้องมี 2 ด้านในตัวตน แตกต่างอย่างสิ้นเชิง สร้างสมดุลในตัวเองอยู่เสมอ"

ปรัชญาประจำภาคี

"Nothing is true; everything is permitted. ไม่มีสิ่งใดเป็นสัจธรรม สรรสิ่งล้วนกระทำได้"

คำอธิบายจาก เอซซิโอ้ อาดิทอรี่ : "ที่กล่าวว่า "ไม่มีสิ่งใดเป็นสัจธรรม" คือการรับรู้ว่าโครงสร้างของอารยธรรมนั้นเปราะบาง และคนเราต้องสร้างหลักยึดมั่นให้ตัวเอง ที่กล่าวว่า "สรรสิ่งล้วนกระทำได้" คือการเข้าใจว่าตัวเราเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำของเรา และเราต้องยอมรับผลที่ตามมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย"

===

Templar

***[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทสาบานตนของเทมพลาร์ มี 2 เวอร์ชั่นเท่าที่พบเห็นในตัวเกมส์หลัก

Uphold the principles of our order and all that for which we stand. จงยึดมั่นในหลักการของภาคี และทุกสิ่งที่เรายืนหยัดสู้
Never share our secrets nor divulge the true nature of our work. จงอย่าแพร่งพรายความลับ หรือเผยธาตุแท้ในพันธกิจของเรา
Do so now, until death - whatever the cost. จงปฏิบัตินับแต่บัดนี้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ อย่างไร้ข้อกังขา

และ

To guide all wayward souls 'til they reach a quiet road. จงนำทางเหล่าวิญญาณผู้หลงหาย สู่เส้นทางอันสุขสงบ
To guide all wayward desire 'til impassioned hearts are cooled. จงนำทางกิเลศอันแข็งกร้าว สู่หัวใจที่ร่มเย็น
To guide all wayward minds to safe and sober thought. จงนำทางจิตที่ผันแปร สู่สติที่ไร้ภัยพาล
.
.
.

May the father of understanding guide us. ขอพระบิดาแห่งความรู้แจ้งนำทางเรา

เป็นวลีที่เทมพลาร์ใช้กล่าวทักทาย บอกลา อวยพร หรือบางครั้งก็ใช้เป็นรหัสลับ ในหมู่ผู้สนับสนุนภาคีมือสังหารนั้นมีการคาดการว่า "พระบิดาแห่งความรู้แจ้ง" นั้น อาจหมายถึง "ซาตาน" หรือ "อารยชนผู้มาก่อน" อย่างไรก็ตาม การสันนิษฐานนี้ดูจะเต็มไปด้วยอคติและความพยามที่จะใส่ร้ายฝ่ายอัศวินกางเขน อีกทั้งหากพิจรณาถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม แนวคิด และความเชื่อของสมาชิกเทมพลาร์โดยทั่วไปแล้ว ตัวตนของพระบิดาแห่งความรู้แจ้งนี้อาจะเป็นเพียงบุคลาธิษฐานที่เทมพลาร์ใช้เปรียบเปรยถึงปัญญาและเหตุผลเท่านั้น (บริบทของคำอวยพรในหมู่สมาชิกที่ไม่เชื่อในพระเจ้าหรือเทพยาดาจึงอาจจะหมายถึง "ขอให้ท่านมีสติในการทำงาน/ดำเนินชีวิต")
.
.
.

Templars kill for efficiency, not petty emotion. เทมพลาร์สังหารเพื่อแผนงาน ไม่ใช่สังหารด้วยอารมณ์

โดยอุดมคติ เทมพลาร์จะทำการคร่าชีวิตก็ต่อเมื่อเล็งเห็นแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อภารกิจหรืองานใหญ่เท่านั้น ไม่ใช่เพราะอารมณ์หรือความแค้นส่วนตัว ทัศนคตินี้เทมพลาร์บางคนก็ปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าตัวเองแตกต่างจากพวก Assassin ที่ฆ่าเพราะตัดสินว่าคนอื่น "ดี" หรือ "เลว" อันเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมจากความเห็นส่วนบุคคล ในขณะที่เทมพลาร์นั้นพิจารณาจากการปฏิบัติจริงว่าการตายของคนผู้หนึ่งจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อภารกิจของภาคีหรือไม่
.
.
.
We shared a dream, that of making the world a better place. Mere survival is not enough. Full bellies and warm clothing...Freedom from want is the greatest freedom of all.
เรามีความฝันร่วมกัน ที่จะทำให้โลกนี้รุ่งเรืองขึ้น แค่ปัจจัยประทังชีวิตนั้นยังไม่เพียงพอ ผู้คนต้องการท้องที่อิ่ม และเสื้อผ้าที่อบอุ่น การได้เป็นอิสระจากความอดอยาก...นั่นต่างหากคืออิสระที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
.
.
.
Freedom, free-will, faith, love, one had to own those, in order to very least to be considered human. But instead of using that independence to force it upon others and remove restraints, one could use them to bring order and peace.
อิสระ เสรีภาพทางความคิด ศรัทธา ความรัก คนเราจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้จึงจะเรียกได้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์ แต่แทนที่จะใช้เสรีภาพในการยัดเยียดสิ่งเหล่านี้ให้ผู้อื่น เราสามารถใช้มันเพื่อสร้างระเบียบและความสงบสุขได้
.
.
.
Society did not need to be governed. That only wasted time and resources. Misery was a risk, as well. Instead, one could bring discipline and direction. That way, people could learn how to do things for themselves, but in a way that it could bring the greater good. Absolute control to gain dominance and power and wealth gained nothing. Assisting the populace did better.
สังคมไม่จำเป็นต้องถูกปกครอง นั่นเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรโดยใช่เหตุ และยังอาจนำมาซึ่งความทุกยากขัดสน กลับกัน...ภาคีควรนำมาซึ่งวินัยและจุดมุ่งหมาย เป็นการสอนให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง แต่ในรูปแบบที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ของส่วนรวม การปกครองแบบเบ็ดเสร็จเพื่ออำนาจและความมั่งคั่งนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ การสนับสนุนเกื้อกูลประชาชนให้ผลที่ดีกว่า
.
.
.
Although freedom was a noble goal, it was a fire. Left unintended, it would spread and become destructive. It was the Templars' duty to regulate this dangerous flame. Meanwhile the Assassins only believed to fuel it, but too much fuel, and it would burn violently
แม้ว่าเสรีภาพจะเป็นอุดมการณ์ที่สูงส่ง แต่เสรีภาพก็เป็นดั่งไฟ หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลก็จะลุกลามและนำมาซึ่งความพินาศ เทมพลาร์มีหน้าที่ควบคุมเปลวไฟเหล่านี้ ในขณะที่พวกมือสังหารคิดแต่จะเติมเชื้อให้มัน และถูกไฟนั้นเผาจนวอดวาย
.
.
.
การแก้ต่างต่อกฎของภาคี
ภาคีมือสังหารตั้งข้อสังเกตในความขัดแย้งของกฎ 3 ข้อ แต่พวกเทมพลาร์มีข้อโต้แย้งต่อกฎและปรัชญาของมือสังหารอย่างชัดเจน

Stay your blade from the flesh of an innocent. No one was innocent. Everyone had committed a sin or owned a skeleton in some way or another.
จงยั้งดาบจากเลือดเนื้อผู้บริสุทธิ์ แต่ใครเล่าคือผู้บริสุทธิ์ มนุษย์ทุกคนล้วนเคยทำบาป...หรือมีความผิดปกปิดไว้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

Hide in plain sight. It was better to not reveal yourself at all than to take the risks.
จงซ่อนกายในที่แจ้ง แต่การปกปิดธาตุแท้ย่อมดีกว่าการเสี่ยง

Never compromise the Assassin Brotherhood. But at what cost?
จงอย่านำความเสื่อมเสียมาสู่ภาคี แต่ต้องแลกมาด้วยอะไร?

If nothing is true, then what can be trusted? หากไม่มีสิ่งใดเป็นสัจธรรม แล้วเราจะเชื่อในสิ่งใด?
If everything is permitted, then no one is safe. หากสรรสิ่งล้วนกระทำได้ ทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย