Must Be There: ล่องแก่งน้ำว้า กับ สายน้ำระดับ 5+



Must Be There: ล่องแก่งน้ำว้า กับ สายน้ำระดับ 5+ เท่าที่รู้

จังหวัดน่าน คือ จังหวัดในประเทศไทยที่ผมอยากไปเที่ยวมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ไปสักที่ จนวันหนึ่งมีพี่คนหนึ่งโทรมาหาผม แล้วบอกผมว่า ไปล่องแก่งน้ำว้า ที่น่าน ความคิดแรกผมคิดขึ้นมาทันที่ว่า ต้องไป แม้ไม่เคยล่องแก่งเลยในชีวิตนี้ และผมก็ได้ถามพี่เขากลับไปว่า ล่องแก่งน้ำว้าเป็นอย่างไรครับ พี่เขาอธิบายให้ฟังว่า การล่องแก่งนั้น มันจะมีระดับความยากง่าย ของแก่งแบ่งออกเป็นระดับสากลที่ใช้กันทั่วโลกอยู่ 1-6 ระดับ และที่น้ำว้า มี1-5+ เลยนะมันยาวและใหญ่ที่สุดในไทย ความรู้สึกแรกที่ได้ฟังคือมันต้องสนุกแน่เลย แม้ผมจะยังไม่เคยล่องแก่งเลยในชีวิต แต่ก็ตอบตกลงไป



ผมบินมาถึงน่านโดยที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยเพราะไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไร พี่เขาบอกว่าเตรียมแค่ ถุงมือ กับไฟฉายมาก็พอ เพราะอุปกรณืทั้งหมดนั้น ทีมงานเขาเตรียมไว้ให้แล้ว จากนั้นเราก็เริ่มขับรถออกจากอำเภอเมืองน่าน ไปประมาณ เกือบ 100 กม. ขึ้นเข้า เข้าป่าไปใช้เวลากว่า 4 ชัวโมงเราก็ถึงหมู่บ้านบ่อเกลือบนเขา จากนั้นทางทีมงาน ก้ให้เราเก็บของที่ไม่จำเป็นหรือของที่เปียกน้ำไม่ได้ไว้ ผมจึงเหลือ แค่ เสื้อผ้าไว้ค้างคืน และกล้อง Gopro Hero4 หนึ่งอันพร้อม power bank ไว้ ชาร์ตแบต Gopro ดังนั้นภาพถูกถ่ายโดย Gopro ครับ



ตามแผนที่วางไว้เราจะล่องทั้งหมด 90 กม จากน้ำว้าตอนบน ไปยังน้ำว้าตอนล่าง โดยใช้เวลา 2 วัน 1 คือ โดยวันแรกแก่งใหย่ๆจะยังไม่เยอะเท่าไหร่เราจึงจะล่องช้าเราจะล่องประมาณ 40 กม .แล้วกางเต้นค้างคืน ก่อนวันที่ 2 จะมีแก่งใหญ่เยอะมากๆเราจะล่องทั้งหมด 50 กม.



แม้ผมจะยังไม่เคยล่องแก่งเลยในชีวิต แต่การล่องแก่งที่นี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มาก เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ลองลงไปล่องดูก่อนแล้วก็จะเข้าใจ เพราะถ้าพูดให้ฟังก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ซึ่ง การล่องแก่งนั้นสำคัญคือ ด้านหน้า และด้านท้าย เพราะทั้งสองเอาไว้เปลี่ยนทิสทางเรือไม่ให้ชนหิน

เราก็เริ่มล่องแก่งกันไป น้ำว้านี้ น้ำเย็นมากๆ ทำให้แดดที่โดนตัวเรานี้ไม่รู้สึกร้อนเลยแต่ถ้าไม่ทาครีมกันแดดแล้วละก็ดำแน่นอน ช่วงเช้าทั้งวันเราล่องจะเจอระดับ 1-3 ซะส่วนใหญ่ ก็ตื่นเต้นดีสำหรับมือใหม่อย่างผม แต่เมื่อผ่านไปได้ หลาย 10 แก่งก็อยากเจอระดับ 4-5 ดูบางว่าจะโหด ขนาดไหน จริงอย่างที่เขาว่า ต้องลองล่องดุแล้วก็จะเป็นเองไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย เรา ล่องไปเลื่อยๆ พอถึงเที่ยงเราก็พักทานข้าวที่เตรียมกันมา เรียกได้ว่า อุทยานแห่งชาติแม่จริมนี้ อุดมสมบูรณ์มากๆ เพราะเต็มไปด้วยป่าดงดิบ และน้ำตกน้อยๆ หลายสิบน้ำตกให้เราดูระหว่างทางมากมาย อากาศก็เย็น สบาย



พอตกช่วงบ่ายเราก็เจอแก่งระดับ 5+ ซึ่งก่อนที่จะถึงนั้นน้ำจะนิ่งมากๆ พี่คนเป็นหางเสือเรือบอกว่าทุกครั้งก่อนจะถึงแก่งใหญ่ จะเจอน้ำนิ่งๆ มาก และเมื่อเข้าใกล้จะได้ยินเสียงน้ำดังมาก เมื่อเราถึงแก่งระดับ 5 แล้ว เราจะต้อง lock ขาตัวเองให้แน่น แล้วเร่งไม้พายเราให้สุดกำลังพายให้เรือพุงทยานไปข้างหน้า เพราะถ้าเรือเราไปช้ามันจะตกลงน้ำและอาจโดนน้ำในแก่งดูดและเรือคว่ำได้ แค่ฟังก้หวาดเสียวแล้วแต่มันก้หยุดไม่ได้ พอเรื่อไปถึงบอกได้นั่งหน้านี้สนุกสุดมองเห็นชัดสุด ระดับ 5 นี้สนุดและตื่นเต้นจริงๆ





ช่วงค่ำเราพักแรมกันด้วยการกางเต้น ล้างหน้าล้างตัวด้วยน้ำตก  เสียงนก เสียงแมลงหลากหลายชนิดร้องเต็มป่าไปหมด ประกอบกับเสียงน้ำตกที่ไหลข้างๆเต้น ทำให้บรรยากาศสุดดิบและธรรมชาติมากๆ เห้นดาวเต็มฟ้า สวยมาก จากนั้นก็มีหมอกลง ดาวก็หายไป อากาศก้เริ่มเย็นเราจึงนอนพักผ่อนกัน







ตื่นเช้ามาเราก็เริ่มเตรียมพร้อมและกินข้าว จากนั้นเก็บของพร้อมล่องแก่งซึ่งจะระดับ 4-5 มากมายหลาย 10 แก่ง ในระยะทางกว่า 50 กม. และเมื่อพร้อมแล้วเราก็เริ่มลุย กัน วันนี้แก่งเยอะกว่าวันแรกมาก สนุกมากๆ เป็นความประทับใจที่หาที่ไหนไม่ได้เลย กับระยะเวลา 2 วัน 1 คืน กับประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งใครที่ไม่เคยลองควรลองกันนะครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามเรื่องราวการเดินทางรอบโลกได้ที่
https://www.facebook.com/1mustbethere
Instagram ID: mustbethere
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่