"ห้องหุ่น" บทประพันธ์ของคุณ ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก ถูกทำเป็นละครมาแล้วหลายเวอร์ขั่น 2519 ,2532,2546,2558
ถ้าถามว่าเวอร์ชั่นไหนประสบความสำเร็จที่สุด เรทติ้งดีที่สุด
ผมว่าบริบท สภาพแวดล้อม มันต่างกันนะ ทั้งเครือข่ายสถานี โซเชี่ยลมีเดีย จำนวนประชากร และอื่น ๆ ทำให้เปรียบเทียบกันลำบาก เป็นอันว่าทุกเวอร์ชั่นดังหมดก็แล้วกัน เป็นละครที่เรทติ้งดีที่สุดในช่วงเวลานั้นนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะยุคนั้นถ้ามีละครห้องหุ่นแล้วล่ะก็ รับรองเรทติ้งดีกว่าละครทุกเรื่องในช่วงเวลาเดียวกัน และก็ล้วนถูกกล่าวขานในความประทับใจไปหลายปีทีเดียว ตัวอย่างเช่นห้องหุ่นเวอร์ชั่น 2519 ก็ยังถูกกล่าวขานมาจนทุกวันนี้ในเรื่องความน่ากลัว แม้จะผ่านมาแล้ว 39 ปี โดยเฉพาะเพลงไตเติล ที่ใครฟังแล้วสยองเลยล่ะ
และผมก็ไม่ขอสรุปว่าเวอร์ชั่นไหนดีที่สุด แต่อยากขอพูดถึงเวอร์ชั่นที่ผมประทับใจที่สุดก็แล้วกัน นั่นก็คือเวอร์ชั่น 2532 ที่ยังถูกกล่าวขานมากระทั่งถึงปัจจุบัน
น่าเสียดายที่ผมหาหนังสือเรื่องย่อละครห้องหุ่น 2532 ที่เก็บไว้ไม่เจอ หามาหลายวัน หนังสือคงหายไปตอนย้ายบ้าน เลยอยากฝากให้ทุกท่านเก็บหนังสือเก่า ๆ ไว้ดี ๆ นะครับ เพราะมันจะมีความหมายในวันหน้ามาก ๆ ก็เลยเหลือเพียงภาพจากนิตยสารช่อง 7 ที่ยังพอมีข้อมูลเรื่องห้องหุ่น 2532 อยู่บ้างมาให้ท่านได้ชมกันครับ
เพลงไตเติลห้องหุ่น 2532
นี่คือคลิปละครห้องหุ่น 2532 มี 97 คลิป
ถ้าสนใจก็รีบดูนะครับ ก่อนคลิปจะโดนลบ ไม่ดูจะเสียดาย ผมว่าคลิปละครนี้ จะอยู่อีกถึง 2 อาทิตย์หรือเปล่าก็ไม่รู้ โดนอุ้มแน่ ๆ ใครอยากดาวน์โหลดไว้ก็จะดีมาก เพราะวันหน้าคงหาดูไม่ได้อีกแล้ว
ห้องหุ่น 2532
แพร่ภาพทุกวันจันทร์ อังคาร เวลา 21.00-22.00 หลังข่าวภาคค่ำทางช่อง 7 สี
ผลิตโดย ดาราวีดีโอ
เขียนบทโดย ปราณประมูล
กำกับละครโดย จรูญ ธรรมศิลป์
นำแสดงโดย
ธารินทร์ (อาร์ต,สันติ)...บดินทร์ ดุ๊ก
ไก่ ... พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (เทียบบทได้กับออย)
เดช... วรานันต์ ยูสานนท์
อัมรา ... ปิยะดา เพ็ญจินดา
พรรณราย... ธนาภรณ์ รัตนเสน
พิไล... ชไมพร จตุรภุช
อร (อารีย์) ... กาญจนา จินดาวัฒน์
วิจารณ์ห้องหุ่น 2532
บทโทรทัศน์
โดยคุณปราณประมูล
เป็นการเล่าเรื่องแบบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
โดยมีการปูพื้นเรื่องตั้งแต่ที่ เดช พิไล และอร (อารีย์) มีความเป็นมาอย่างไร เริ่มเล่าตั้งแต่เดชเริ่มปั้นหุ่นแรก ๆ มีฐานะยากจนอยู่กินกับพิไล ตอนนั้นพรรณรายยังเด็กประมาณ 2-3 ขวบ ทำให้คนดูรู้ว่าทำไมพิไลถึงทิ้งเดชไป และเดชรักกับอารีย์ได้อย่างไร ที่สำคัญทำให้คนดูรู้ว่าทำไมเดชถึงมีความผูกพันกับหุ่นมาก และทำไมถึงปั้นหุ่นได้เหมือนคนจริงมาก แล้วทำไมหุ่นถึงมีอาถรรพณ์ คนที่เป็นแบบปั้นต้องตายทุกคน ต่อมาก็เล่าเรื่องที่พิไลเข้ามาอยู่ในบ้านของเดชตั้งแต่พรรณรายและอัมรายังเป็นเด็กประถม กระทั่งโตเป็นสาว
การเล่าเรื่องความเป็นมาก่อน เลยทำให้คนดูรู้สึกอินกับเรื่องและตัวละครมากขึ้นด้วย
ละครเรื่องนี้ยาวประมาณ 36 ตอนจบ สมัยนั้นแพร่ภาพแค่ตอนละ 1 ชั่วโมง ละครก็เลยอยู่เป็นเพื่อนคนดูนานถึง 4 เดือนกว่า ๆ คนดูเลยมีเพื่อนคลายเหงายาวนาน
ตัวละครมีมิติ
พรรณรายไม่ได้เชื่อพิไลง่าย ๆ ว่าเป็นลูกของเธอ แต่บทปูเรื่องจากความกดดันของพรรณรายตั้งแต่เป็นคนเรียนไม่เก่ง แพ้น้องสาวคืออัมราทุกอย่าง แม้แต่ธารินทร์พระเอกของเรื่องที่เธอหลงรัก ก็ยังไปรักอัมรามากกว่า ช่วงนั้นพรรณรายมีความกดดันหลายอย่าง ไม่มีใครปลอบใจและเข้าใจเธอเลย มีเพียงพิไลเท่านั้นที่คอยแปลอบใจและให้กำลังใจ ทำให้พรรณรายค่อย ๆ เอนเอียงไปทางพิไลมากขึ้น มากขึ้น กระทั่งเชื่อว่าพิไลคือแม่ที่แท้จริง
พี่สาวของผมที่นั่งดูอยู่ด้วยยังพูดเลยว่า “น่าเห็นใจพรรณรายนะ ที่ทำอะไรก็แพ้น้องสาว ไม่มีใครเข้าใจ เห็นใจ ช่วงที่หว้าเหว่ เคว้งคว้าง ไม่มีใคร ถ้ามีคนเข้าใจคอยปลอบประโลมคนนั้นก็เป็นเหมือนแม่พระ ”
พอพรรณรายรับพิไลเป็นแม่ พิไลก็คอยบงการพรรณรายทุกอย่าง ทั้งหาวิธีโกงมรดกต่าง ๆ ส่งคนมาทำร้ายน้องสาว แต่พรรณรายก็ยังใจอ่อน เพราะรักน้อง และตอนหลังพรรณรายได้รับการเตือนสติจากคนรอบข้าง ทำให้เธอเริ่มคิดถึงน้องสาวและน้องชาย และเริ่มกลับตัวเป็นคนดีอีกครั้ง การเขียนบทไม่ได้ให้พรรณรายร้ายแบบไร้มิติจนน่าเกลียด แต่ร้ายแล้วน่าสงสารมากกว่า
ส่วนพิไลแม้จะจิตใจชั่วร้าย มีความละโมบอย่างไร แต่ก็ยังรักลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ และหลายครั้งที่เธอขั่วร้ายเพราะได้รับการบีบบังคับจากชายชู้ และคนว่าจ้างเธอให้มาล้วงความลับการปี้นหุ่นของเดช
นางเอกคืออัมราก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะหลายครั้งที่เธอร่วมมือกับพระเอกใช้สติปัญญาเอาชนะพิไล
โปรดั๊กชั่นห้องหุ่น 2532
ก็เท่าที่เครื่องมือสมัยนั้นจะเอื้ออำนวย ไม่ใช้ซีจีมากมาย การจัดแสงไม่อาร์ตนัก ภาพอาจจะไม่สวยเท่าเวอร์ชั่นปัจจุบัน แต่เวอร์ชั่น 2532 ก็ทำได้ดี เสียอย่างทีดารวีดีโอสมัยนั้นไม่ชอบใช้ขาตั้งกล้อง ชอบให้คนถ่ายถือกล้องเอา หรือที่เรียกว่าแฮนด์เฮล ภาพเลยสั่น ๆ นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ตาลายอะไรมาก
แม้เทคโนโลยีสมัยนั้นจะไม่คมชัด HD แต่สิ่งที่สามารถกลบได้ทุกอย่างนั่นก็คือบทที่สนุก
ดารานำแสดง
บดินทร์ ดุ๊ก รับบท "ธารินทร์" พระเอกของเรื่อง เทียบได้กับบทของอาร์ต หรือสันติ ในเวอร์ชั่น 2558 แต่เวอร์ชั่น 2532 พระเอกเป็นนักศึกษามีฐานะดี
บดินทร์ ดุ๊ก ก้าวจากหนังใหญ่ มาสู่วงการละครทีวี ตามนโยบายคุณแดงที่ว่าอยากได้ดาราหนังมาไว้เรียกเรทติ้ง บดินทร์ ดุ๊กส์เล่นบทของธารินทร์ได้สุภาพ นุ่มลึก สมกับเป็นผู้ชายจิตใจดี ไม่เสียชื่อดาราหนังใหญ่
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รับบท "ไก่" เด็กที่อาศัยในบ้านของเดช ซึ่งในเวอร์ชั่น 2558 ไม่มี แต่ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่น 2558 ก็น่าจะคือ "ออย" เพราะเป็นคู่รักของพรรณนารายตอนจบ
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ก้าวมาจากหนังและลงละครเช่นกัน ประเดิมเรื่องแรกคือแววมยุรา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เลยลดมาเป็นตัวรองในห้องหุ่น
วรานันต์ ยูสานนท์ รับบท "เดช" การแสดงยังใหม่ เล่นแข็ง หลายครั้งเหมือนท่องบท พอประกบกับดาราระดับปรมาจารย์ที่เจนสนามกว่าอย่างชไมพร จตุรภุช กับ กาญจนา จนดาวัฒน์ เลยเห็นช่องว่างเยอะมาก ถ้าเลือกดาราที่เล่นเก่งกว่านี้ก็จะดีไม่น้อย
ธนาภรณ์ รัตนเสน รับบท "พรรณราย" พี่ลูกศรพลิกเล่นบทร้ายเป็นครั้งแรก จากเคยรับบทเป็นม.ร.ว.โสภาพรรณวดีหญิงสาวสูงศักดิ์ที่แสนดีใน “อีสา” และนางเอกแสนฮาใน “ปัญญาชนก้นครัว” ตามมาด้วยนางเอกผู้น่าสงสารใน “เคหาสน์สีแดง” แต่กลับมาพลิกบทร้ายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในบทพรรณราย และก็ประสบความสำเร็จด้วยดี มีคนเคยสัมภาษณ์เธอว่าชอบบทบาทการแสดงจากละครเรื่องไหนมากที่สุด เธอก็ตอบว่า “ชอบบทจากเรื่องห้องหุ่น เพราะได้แสดงความสามารถออกมากมากมาย”
ปิยะดา เพ็ญจินดา รับบท "อัมรา" เด็กสร้างของดาราวีดีโอ เริ่มจากหนังทีวีจักร ๆ วงศ์ ๆ “ทิพย์เกสร” “เทพสามฤดู” “พิกุลทอง” “พระทิณวงศ์” ด้วยใบหน้าสวยคมเข้าตาคุณแดง และที่สำคัญหน้าตาของเธอเหมือนธนาภรณ์ รัตนเสน คุณแดงเลยมอบบทโสภิตพิไล ลูกสาวขอ
งธนาภรณ์ให้เธอแสดงในเรื่อง ” อีสา” และได้ลงละครหลังข่าวอีกเรื่องคือ “ตำรับรัก” จนมาถึงห้องหุ่น ก็ได้รับบทเป็นพี่น้องกับธนาภรณ์อีกเพราะหน้าเหมือนกัน เรื่องนี้ปิยะดาเป็นนางเอกเต็มตัว กำลังโด่งดัง แต่หลังจากห้องหุ่นจบเธอก็หายหน้าจากวงการ เพราะพบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง และแต่งงานกันในที่สุด
ชไมพร จตุรพุช รับบท "พิไล" ฝีมือพี่เหมียวก็รู้ ๆ กันอยู่นะครับว่าไม่ธรรมดา ช่วงนั้นพี่เหมียวเล่นบทนางเอกมาหลายเรื่องทั้ง “เทพสามฤดู” “เดือนครึ่งดวง” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณแดงคงเห็นบุคลิกพี่เหมียวเหมาะกับบทร้ายมากกว่า เลยให้เล่นเป็นพิตะวันใน “มายา” 2531 ปรากฏว่าเปรี้ยงปร้าง กู่ไม่กลับ คุณแดงมองว่าพี่เหมียวจะไปรุ่งด้านนี้ เลยมอบบทศันสนีย์ใน “จำเลยรัก” 2531 ให้ต่อ และบทศันสนีย์นี่ล่ะที่ทำให้ชื่อชไมพรดังออกไปนอกโลกเลย คุณแดงเลยเอาชื่อชไมพรมาเรียกคนดูต่อ โดยการมอบบทพิไลให้ในห้องหุ่น 2532 นี่ล่ะ และชไมพรก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง ห้องหุ่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของพี่เหมียว เปรี้ยงสุด ๆ ขึ้นมาอีก
กาญจนา จินดาวัฒน์ รับบทอร (อารีย์) พี่อ้อย กาญจนา เป็นนางเอกมาหลายปี แต่เรื่องห้องหุ่น 2532 นี้เป็นเรืองแรกที่รับบทเป็นแม่ ผมยังพูดกับพี่สาวเลยว่าต่อไปพี่อ้อยคงจะได้เล่นเป็นแม่ตลอด และก็จริงตั้งแต่นั้นมาพี่อ้อยก็ขึ้นตำแหน่งบทแม่แทน
แต่การแสดงบทแม่ของพี่อ้อยในห้องหุ่น ถือว่าสอบผ่านอยู่แล้ว
..............................................................................................
เครติตหา ข้อมูลเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99
นิตยสารช่อง 7 ปี่ 10 ฉบับที่ 111 พฤศจิกายน 2532
.............................................................................................
ถ้าชอบกระทู้แนวนี้ฝากกด + หรือถูกใจด้วยนะครับ
(เกร็ดประวัติศาสตร์) ห้องหุ่น 2532 เวอร์ชั่นที่ผมประทับใจที่สุด อยากแนะนำให้ท่านได้ชม
ถ้าถามว่าเวอร์ชั่นไหนประสบความสำเร็จที่สุด เรทติ้งดีที่สุด
ผมว่าบริบท สภาพแวดล้อม มันต่างกันนะ ทั้งเครือข่ายสถานี โซเชี่ยลมีเดีย จำนวนประชากร และอื่น ๆ ทำให้เปรียบเทียบกันลำบาก เป็นอันว่าทุกเวอร์ชั่นดังหมดก็แล้วกัน เป็นละครที่เรทติ้งดีที่สุดในช่วงเวลานั้นนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะยุคนั้นถ้ามีละครห้องหุ่นแล้วล่ะก็ รับรองเรทติ้งดีกว่าละครทุกเรื่องในช่วงเวลาเดียวกัน และก็ล้วนถูกกล่าวขานในความประทับใจไปหลายปีทีเดียว ตัวอย่างเช่นห้องหุ่นเวอร์ชั่น 2519 ก็ยังถูกกล่าวขานมาจนทุกวันนี้ในเรื่องความน่ากลัว แม้จะผ่านมาแล้ว 39 ปี โดยเฉพาะเพลงไตเติล ที่ใครฟังแล้วสยองเลยล่ะ
และผมก็ไม่ขอสรุปว่าเวอร์ชั่นไหนดีที่สุด แต่อยากขอพูดถึงเวอร์ชั่นที่ผมประทับใจที่สุดก็แล้วกัน นั่นก็คือเวอร์ชั่น 2532 ที่ยังถูกกล่าวขานมากระทั่งถึงปัจจุบัน
น่าเสียดายที่ผมหาหนังสือเรื่องย่อละครห้องหุ่น 2532 ที่เก็บไว้ไม่เจอ หามาหลายวัน หนังสือคงหายไปตอนย้ายบ้าน เลยอยากฝากให้ทุกท่านเก็บหนังสือเก่า ๆ ไว้ดี ๆ นะครับ เพราะมันจะมีความหมายในวันหน้ามาก ๆ ก็เลยเหลือเพียงภาพจากนิตยสารช่อง 7 ที่ยังพอมีข้อมูลเรื่องห้องหุ่น 2532 อยู่บ้างมาให้ท่านได้ชมกันครับ
เพลงไตเติลห้องหุ่น 2532
นี่คือคลิปละครห้องหุ่น 2532 มี 97 คลิป
ถ้าสนใจก็รีบดูนะครับ ก่อนคลิปจะโดนลบ ไม่ดูจะเสียดาย ผมว่าคลิปละครนี้ จะอยู่อีกถึง 2 อาทิตย์หรือเปล่าก็ไม่รู้ โดนอุ้มแน่ ๆ ใครอยากดาวน์โหลดไว้ก็จะดีมาก เพราะวันหน้าคงหาดูไม่ได้อีกแล้ว
ห้องหุ่น 2532
แพร่ภาพทุกวันจันทร์ อังคาร เวลา 21.00-22.00 หลังข่าวภาคค่ำทางช่อง 7 สี
ผลิตโดย ดาราวีดีโอ
เขียนบทโดย ปราณประมูล
กำกับละครโดย จรูญ ธรรมศิลป์
นำแสดงโดย
ธารินทร์ (อาร์ต,สันติ)...บดินทร์ ดุ๊ก
ไก่ ... พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (เทียบบทได้กับออย)
เดช... วรานันต์ ยูสานนท์
อัมรา ... ปิยะดา เพ็ญจินดา
พรรณราย... ธนาภรณ์ รัตนเสน
พิไล... ชไมพร จตุรภุช
อร (อารีย์) ... กาญจนา จินดาวัฒน์
วิจารณ์ห้องหุ่น 2532
บทโทรทัศน์
โดยคุณปราณประมูล
เป็นการเล่าเรื่องแบบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
โดยมีการปูพื้นเรื่องตั้งแต่ที่ เดช พิไล และอร (อารีย์) มีความเป็นมาอย่างไร เริ่มเล่าตั้งแต่เดชเริ่มปั้นหุ่นแรก ๆ มีฐานะยากจนอยู่กินกับพิไล ตอนนั้นพรรณรายยังเด็กประมาณ 2-3 ขวบ ทำให้คนดูรู้ว่าทำไมพิไลถึงทิ้งเดชไป และเดชรักกับอารีย์ได้อย่างไร ที่สำคัญทำให้คนดูรู้ว่าทำไมเดชถึงมีความผูกพันกับหุ่นมาก และทำไมถึงปั้นหุ่นได้เหมือนคนจริงมาก แล้วทำไมหุ่นถึงมีอาถรรพณ์ คนที่เป็นแบบปั้นต้องตายทุกคน ต่อมาก็เล่าเรื่องที่พิไลเข้ามาอยู่ในบ้านของเดชตั้งแต่พรรณรายและอัมรายังเป็นเด็กประถม กระทั่งโตเป็นสาว
การเล่าเรื่องความเป็นมาก่อน เลยทำให้คนดูรู้สึกอินกับเรื่องและตัวละครมากขึ้นด้วย
ละครเรื่องนี้ยาวประมาณ 36 ตอนจบ สมัยนั้นแพร่ภาพแค่ตอนละ 1 ชั่วโมง ละครก็เลยอยู่เป็นเพื่อนคนดูนานถึง 4 เดือนกว่า ๆ คนดูเลยมีเพื่อนคลายเหงายาวนาน
ตัวละครมีมิติ
พรรณรายไม่ได้เชื่อพิไลง่าย ๆ ว่าเป็นลูกของเธอ แต่บทปูเรื่องจากความกดดันของพรรณรายตั้งแต่เป็นคนเรียนไม่เก่ง แพ้น้องสาวคืออัมราทุกอย่าง แม้แต่ธารินทร์พระเอกของเรื่องที่เธอหลงรัก ก็ยังไปรักอัมรามากกว่า ช่วงนั้นพรรณรายมีความกดดันหลายอย่าง ไม่มีใครปลอบใจและเข้าใจเธอเลย มีเพียงพิไลเท่านั้นที่คอยแปลอบใจและให้กำลังใจ ทำให้พรรณรายค่อย ๆ เอนเอียงไปทางพิไลมากขึ้น มากขึ้น กระทั่งเชื่อว่าพิไลคือแม่ที่แท้จริง
พี่สาวของผมที่นั่งดูอยู่ด้วยยังพูดเลยว่า “น่าเห็นใจพรรณรายนะ ที่ทำอะไรก็แพ้น้องสาว ไม่มีใครเข้าใจ เห็นใจ ช่วงที่หว้าเหว่ เคว้งคว้าง ไม่มีใคร ถ้ามีคนเข้าใจคอยปลอบประโลมคนนั้นก็เป็นเหมือนแม่พระ ”
พอพรรณรายรับพิไลเป็นแม่ พิไลก็คอยบงการพรรณรายทุกอย่าง ทั้งหาวิธีโกงมรดกต่าง ๆ ส่งคนมาทำร้ายน้องสาว แต่พรรณรายก็ยังใจอ่อน เพราะรักน้อง และตอนหลังพรรณรายได้รับการเตือนสติจากคนรอบข้าง ทำให้เธอเริ่มคิดถึงน้องสาวและน้องชาย และเริ่มกลับตัวเป็นคนดีอีกครั้ง การเขียนบทไม่ได้ให้พรรณรายร้ายแบบไร้มิติจนน่าเกลียด แต่ร้ายแล้วน่าสงสารมากกว่า
ส่วนพิไลแม้จะจิตใจชั่วร้าย มีความละโมบอย่างไร แต่ก็ยังรักลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ และหลายครั้งที่เธอขั่วร้ายเพราะได้รับการบีบบังคับจากชายชู้ และคนว่าจ้างเธอให้มาล้วงความลับการปี้นหุ่นของเดช
นางเอกคืออัมราก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะหลายครั้งที่เธอร่วมมือกับพระเอกใช้สติปัญญาเอาชนะพิไล
โปรดั๊กชั่นห้องหุ่น 2532
ก็เท่าที่เครื่องมือสมัยนั้นจะเอื้ออำนวย ไม่ใช้ซีจีมากมาย การจัดแสงไม่อาร์ตนัก ภาพอาจจะไม่สวยเท่าเวอร์ชั่นปัจจุบัน แต่เวอร์ชั่น 2532 ก็ทำได้ดี เสียอย่างทีดารวีดีโอสมัยนั้นไม่ชอบใช้ขาตั้งกล้อง ชอบให้คนถ่ายถือกล้องเอา หรือที่เรียกว่าแฮนด์เฮล ภาพเลยสั่น ๆ นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ตาลายอะไรมาก
แม้เทคโนโลยีสมัยนั้นจะไม่คมชัด HD แต่สิ่งที่สามารถกลบได้ทุกอย่างนั่นก็คือบทที่สนุก
ดารานำแสดง
บดินทร์ ดุ๊ก รับบท "ธารินทร์" พระเอกของเรื่อง เทียบได้กับบทของอาร์ต หรือสันติ ในเวอร์ชั่น 2558 แต่เวอร์ชั่น 2532 พระเอกเป็นนักศึกษามีฐานะดี
บดินทร์ ดุ๊ก ก้าวจากหนังใหญ่ มาสู่วงการละครทีวี ตามนโยบายคุณแดงที่ว่าอยากได้ดาราหนังมาไว้เรียกเรทติ้ง บดินทร์ ดุ๊กส์เล่นบทของธารินทร์ได้สุภาพ นุ่มลึก สมกับเป็นผู้ชายจิตใจดี ไม่เสียชื่อดาราหนังใหญ่
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รับบท "ไก่" เด็กที่อาศัยในบ้านของเดช ซึ่งในเวอร์ชั่น 2558 ไม่มี แต่ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่น 2558 ก็น่าจะคือ "ออย" เพราะเป็นคู่รักของพรรณนารายตอนจบ
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ก้าวมาจากหนังและลงละครเช่นกัน ประเดิมเรื่องแรกคือแววมยุรา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เลยลดมาเป็นตัวรองในห้องหุ่น
วรานันต์ ยูสานนท์ รับบท "เดช" การแสดงยังใหม่ เล่นแข็ง หลายครั้งเหมือนท่องบท พอประกบกับดาราระดับปรมาจารย์ที่เจนสนามกว่าอย่างชไมพร จตุรภุช กับ กาญจนา จนดาวัฒน์ เลยเห็นช่องว่างเยอะมาก ถ้าเลือกดาราที่เล่นเก่งกว่านี้ก็จะดีไม่น้อย
ธนาภรณ์ รัตนเสน รับบท "พรรณราย" พี่ลูกศรพลิกเล่นบทร้ายเป็นครั้งแรก จากเคยรับบทเป็นม.ร.ว.โสภาพรรณวดีหญิงสาวสูงศักดิ์ที่แสนดีใน “อีสา” และนางเอกแสนฮาใน “ปัญญาชนก้นครัว” ตามมาด้วยนางเอกผู้น่าสงสารใน “เคหาสน์สีแดง” แต่กลับมาพลิกบทร้ายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในบทพรรณราย และก็ประสบความสำเร็จด้วยดี มีคนเคยสัมภาษณ์เธอว่าชอบบทบาทการแสดงจากละครเรื่องไหนมากที่สุด เธอก็ตอบว่า “ชอบบทจากเรื่องห้องหุ่น เพราะได้แสดงความสามารถออกมากมากมาย”
ปิยะดา เพ็ญจินดา รับบท "อัมรา" เด็กสร้างของดาราวีดีโอ เริ่มจากหนังทีวีจักร ๆ วงศ์ ๆ “ทิพย์เกสร” “เทพสามฤดู” “พิกุลทอง” “พระทิณวงศ์” ด้วยใบหน้าสวยคมเข้าตาคุณแดง และที่สำคัญหน้าตาของเธอเหมือนธนาภรณ์ รัตนเสน คุณแดงเลยมอบบทโสภิตพิไล ลูกสาวขอ
งธนาภรณ์ให้เธอแสดงในเรื่อง ” อีสา” และได้ลงละครหลังข่าวอีกเรื่องคือ “ตำรับรัก” จนมาถึงห้องหุ่น ก็ได้รับบทเป็นพี่น้องกับธนาภรณ์อีกเพราะหน้าเหมือนกัน เรื่องนี้ปิยะดาเป็นนางเอกเต็มตัว กำลังโด่งดัง แต่หลังจากห้องหุ่นจบเธอก็หายหน้าจากวงการ เพราะพบรักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง และแต่งงานกันในที่สุด
ชไมพร จตุรพุช รับบท "พิไล" ฝีมือพี่เหมียวก็รู้ ๆ กันอยู่นะครับว่าไม่ธรรมดา ช่วงนั้นพี่เหมียวเล่นบทนางเอกมาหลายเรื่องทั้ง “เทพสามฤดู” “เดือนครึ่งดวง” แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณแดงคงเห็นบุคลิกพี่เหมียวเหมาะกับบทร้ายมากกว่า เลยให้เล่นเป็นพิตะวันใน “มายา” 2531 ปรากฏว่าเปรี้ยงปร้าง กู่ไม่กลับ คุณแดงมองว่าพี่เหมียวจะไปรุ่งด้านนี้ เลยมอบบทศันสนีย์ใน “จำเลยรัก” 2531 ให้ต่อ และบทศันสนีย์นี่ล่ะที่ทำให้ชื่อชไมพรดังออกไปนอกโลกเลย คุณแดงเลยเอาชื่อชไมพรมาเรียกคนดูต่อ โดยการมอบบทพิไลให้ในห้องหุ่น 2532 นี่ล่ะ และชไมพรก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง ห้องหุ่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของพี่เหมียว เปรี้ยงสุด ๆ ขึ้นมาอีก
กาญจนา จินดาวัฒน์ รับบทอร (อารีย์) พี่อ้อย กาญจนา เป็นนางเอกมาหลายปี แต่เรื่องห้องหุ่น 2532 นี้เป็นเรืองแรกที่รับบทเป็นแม่ ผมยังพูดกับพี่สาวเลยว่าต่อไปพี่อ้อยคงจะได้เล่นเป็นแม่ตลอด และก็จริงตั้งแต่นั้นมาพี่อ้อยก็ขึ้นตำแหน่งบทแม่แทน
แต่การแสดงบทแม่ของพี่อ้อยในห้องหุ่น ถือว่าสอบผ่านอยู่แล้ว
..............................................................................................
เครติตหา ข้อมูลเพิ่มเติม
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99
นิตยสารช่อง 7 ปี่ 10 ฉบับที่ 111 พฤศจิกายน 2532
.............................................................................................
ถ้าชอบกระทู้แนวนี้ฝากกด + หรือถูกใจด้วยนะครับ