ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์การเป็นแอร์โฮสเตสของตนเอง ในสายการบินของตะวันออกกลาง และไม่ได้มีเจตนา จะล้อเลียน หรือทำให้ใคร หรือชนชาติใดเสื่อมเสีย ส่วนคำที่ใช้ในการเขียน อาจจะไม่ตรงกับหลักการเขียนภาษาไทยไปบ้าง ซึ่งต้องการให้เห็นภาพถึงเหตุการณ์ในขณะนั้นๆ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มาเริ่มกันเลยค่า
เรื่องเกิดขึ้นบนไฟล์ท กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล มุ่งหน้ามายังเมือง อาบูดาบี เมืองหลวงของ ประเทศอาหรับเอมิเรต เมื่อแอร์สาวอย่างเราทำหน้าที่พนักงานต้อนรับบนไฟล์ทนี้
สนามบินกาฐมาณฑุ เป็นสนามบินที่ไม่มีสะพานเชื่อมมายังตัวเครื่องบิน ต้องใช้วิธีเดินจาก Terminal มายังตัวเครื่องบิน และเดินขึ้นบันไดเพื่อมาที่ประตูเครื่องบิน ซึ่งเปิดทั้ง 2 ด้าน คือด้านหน้า และด้านหลัง ของเครื่องบิน เล่าๆมาก็ปกติเหมือนสนามบินทั่วไปใช่ไหมคะ มีอะไรที่น่าสนใจ อ่า มาดูกันต่อค่า
เนื่องด้วยไฟล์ทที่ออกจากเมืองกาฐมาณฑุนี้ ส่วนใหญ่จะเต็มทุกไฟล์ท นอกจากนักท่อเที่ยวแล้ว จะมีจำนวนคนชราและเด็กที่เป็นคนเนปาลซะส่วนใหญ่ เพราะเค้าเหล่านั้นได้ย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนเลยในชีวิตนี้ และสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ซึ่งแอร์อย่างเราก็เข้าใจ และพยายามทำดีที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารสบายใจ และมีความสุขในการบินกับเรา นั่นแน่ ช่างเป็นแอร์ที่ดีเลิศประเสริฐยิ่งนัก ส่วนผู้โดยสารที่เหลือ จะเป็นวัยรุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อมาทำงาน
ในไฟล์ทนี้มีคนชราที่ป่วยมากจนถึงขั้นนั่งรถเข็นพร้อมถังอ๊อกซิเจน ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ถึง 9 คน และมีหมอประจำตัวเดินทางไปด้วย เพียง 1 คน ลองคิดดูซิคะว่า ถ้าในระหว่างอยู่บนฟ้า แล้วมีใครเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันต้องชุลมุนน่าดู
สาธุ...ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย พ่อแก้วแม่แก้ว ว่าแล้วก็บอกให้เพื่อนแอร์ทั้งหัวทอง หัวดำ ช่วยกันภาวนา ( "หัว" ในที่นี้ หมายถึงการเรียกรวมๆของคนชาติที่มีสีผมต่างๆ เช่น หัวทองก็เป็นพวกยุโรป, หัวดำก็ดรียกคนเอเชีย ประมาณนี้ค่า)
พอเริ่มบอร์ดผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ก็ค่อนข้างชุลมุนน่าดู วุ่นวายกับการหาที่นั่ง เพราะครอบครัวคนชราและเด็ก เป็นครอบครัวใหญ่ และต้องการจะนั่งด้วยกัน แถมคนที่มีที่นั่งข้างหน้า ก็มาขึ้นประตูหลัง ส่วนคนที่มีที่นั่งข้างหลังก็มาขึ้นประตูหน้า อ้าว...อย่างงี้ก็ต้องเดินสวนกันน่ะซิคะ แล้วจะสวนยังไงล่ะ ในเมื่อทางเดินตรงกลาง มันเดินได้แค่คนเดียว นั่นแหล่ะค่ะที่ทำดิฉันปวดหัวอยู่พักใหญ่
อ้อ...ลืมบอกไปค่า เครื่องนี้เป็นเครื่อง Airbus320 ที่เป็นขนาดเล็กกว่าเครื่อง Airbus ทั่วไป มีทางเดินตรงกลางแค่อันเดียว และมีที่นั่งซ้าย 3 ที่ และขวาอีก 3 ที่ค่ะ
เอาล่ะซิทีนี้ คุณผู้โดยสารฟังเราพูดภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ เอาล่ะไม่เป็นไรใช้จิตวิญญาณแอร์และความที่เชี่ยวชาญด้านภาษามือขั้นเทพ จัดที่นั่งให้ผู้โดยสาร และพยายามให้ครอบครัวได้นั่งด้วยกัน เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะถึงเวลาเครื่องออก ( ETD) ในที่สุด ก็สามารถผ่านลุล่วงไปด้วยดีค่ะ
ระหว่างไฟล์ท ง่ายๆสบายๆ เสริ์ฟอาหารอะไร คุณผู้โดยสารก็ไม่เคยบ่น ทานได้ทุกอย่าง ไม่บ่นเหมือนบางไฟล์ทที่ผู้โดยสารบางคน จะต้องทานในสิ่งที่ตนอยากทานให้ได้ ถึงแม้มันจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว บางคนก็พูดง่าย แต่บางคนก็ไม่ยอมฟังเอาซะเลย ( เช่นไฟล์ท Bombay, Delhi, Egypt เป็นต้น)
จริงๆก็เข้าใจอ่ะนะคะ ว่าจ่ายเงินซื้อตั๋วมา แต่ถ้ามันหมด ก็อย่ากินหัวหนูเลยนะค้า ไปตำหนิบริษัทที่ส่งอาหารมาที่เครื่องหรือยอมทานอะไรที่มีไปก่นเถอะค่า เพราะถึงจะเอาเมนูที่คุณอยากได้ ตอนเครื่องอยู่บนฟ้า หนูก็คงเปิดประตูไปเอามาให้ไม่ได้หรอกค่า กรณีนั้นก็ลงเอยด้วยการเขียนรายงานว่าลูกค้าร้องเรียน และลูกค้าก็ไปตามกับบริษัทกันเอาเองค่า บางคนก็มีเจตนาอันสูงส่งนะคะ ร้องเรียนเพื่อให้ได้ตั๋วฟรีค่ะ ขั้นเทพอีกแล้ว ใครจะเอากลเม็ดนี้ไปใช้ เวลาตัวเองไม่ได้อาหารอย่างที่อยากได้ ก็เชิญนะคร้า ไม่สงวนสิทธิ์ค่า
จากที่เคยทำไฟล์ทนี้มา ผู้โดยสารจะดื่มนำ้เปล่ากันเยอะมาก นำ้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ และแน่นอน เมื่อดี่มนำ้เยอะ ห้องนำ้ก็จะเละตุ้มเป๊ะ เอ่อ ไม่สาธยายดีกว่า นึกสภาพกันเอาเองนะคะ ภาพยังติดตาอยู่เลย
ส่วนหน้าที่ในการทำความสะอาด ก็ต้องเป็นเรา และเพื่อนแอร์สาว ตามเคยค่ะ
เอาล่ะ ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เครื่องกำลังจะลงจอด นั่นหมายความว่าทุกคนต้องนั่งที่เก้าอี้ และรัดเข็มขัดใช่ไม้คะ?
แน่นอนค่ะ แอร์ทุกคน ต้องช่วยกันเดินตรวจคุณผู้โดยสาร ว่าพร้อมหรือยัง เพื่อความปลอดภัยของท่านผู้โดยสารเองค่ะ เสร็จแล้วแอร์ก็จะกลับไปนั่งที่นั่งของตนเอง หรือที่เรียกว่า " Jumpseat " และรัดเข็มขัด นั่งคิดถึงการเตรียมตัว ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ( จากผลการสำรวจของการบิน ช่วงที่จะอันตราย และเกิดอุบัติเหตได้บ่อยที่สุด คือช่วงที่เครื่องกำลังจะขึ้น และกำลังจะลงค่ะ)
อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งกลัวนะคะ เป็นการเตรียมตัวไว้ค่ะ ขึ้นเครื่องบินครั้งหน้า ลองสังเกตแอร์โฮสเตส ตอนช่วงเวลานี้ดูค่ะ ส่วนใหญ่เราจะเงียบและใช้สมาธิ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นเค้าคิดอะไร แต่สำหรับตัวเอง " สวดมนต์ " คุณพระคุณเจ้า พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยให้ลูกปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ....
กลับมาที่สถาณการณ์บนเครื่อง ขณะที่เครื่องกำลังลดระดับลงสู่พื้น แบบที่ใกล้พื้นมากๆ แบบที่ทุกคนใจจดใจจ่อกับการลงของเครื่อง ว่าจะลงถึงพื้นแบบนิ่มนวล จะได้ปรบมือขอบคุณนักบิน หรือแบบรุนแรงจนก้นกบแทบพังหรือไม่นั้น
ทันใดนั้น ก็มีคุณป้าท่านหนึ่ง ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แบบผลุนผลัน แสดงทีท่าว่า จะต้องเข้าห้องนำ้ให้ได้ อาจจะฉุกเฉินมากๆ ถึงได้วิ่งหน้าตั้งมาทางห้องนำ้ขนาดนั้น ซึ่งณ วินาทีนั้น ขอบอกเลยว่า มันอันตรายมากๆ
แอร์โฮสเตสทั้ง 3 สาว รวมทั้งเราด้วย ที่นั่งด้านหลังใกล้กับห้องนำ้ และกำลังนั่งพักอย่างสบายใจ กำลังคิดว่าจะทำอะไรดี หลังจากเสร็จไฟล์ทแล้ว จะกลับไปนอน ไปสังสรรค์กินข้าวกับเพื่อน หรือต้องกลับไปนั่งซักฝ้าที่กองมาเป็นอาทิตย์
ทุกคนถึงกับสะดุ้งตกใจ โอ้แม่เจ้า คุณป้าขา ลุกมาได้ยังไงคะ พยายามตะโกนบอก และใช้ภาษามือโบกมือลง เป็นสัญญาณว่าป้าขา นั่งลงค่ะอดทนไว้ค่ะป้า รอเครื่องลงถึงพื้น จอดเรียบร้อย แล้วค่อยมาเข้าห้องนำ้ค่ะ
และเนื่องด้วยอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจ เครื่องมันก็สั่นและตกหลุมอากาศ ตายแล้ว จะทำยังไงดีเนี่ย ชั้นยิ่งกลัวตกหลุมอากาศอยู่นะ ยิ่งบินเยอะยิ่งกลัว ไม่เคยชินซักที ได้แต่ภาวนาอย่าให้เครื่องสั่นมาก
สุดท้ายคุณป้าก็อั้นไม่ไหว เหมือนในปากอมอพไรอยู่ จะอะไรล่ะคะ ก็อาเจียนออกมาตรงหน้าที่พวกเรานั่งเนี่ยล่ะคะ เต็มพื้นกระจายเป็นวงกว้าง ยังกับเปิดที่ฉีดนำ้ล้างรถ ยังไงยังงั้นเลยค่ะ
แล้วคุณป้าทำไมไม่ส่งสัญญาณบองพวกหนูซักกะนิดค่ะ เผื่อหนูจะได้หยิบถุงอ้วกให้ทัน หนูนึกว่าปวดท้องหนัก อยากเข้าห้องนำ้ซะอีก
จะว่าไป จะไปโทษคุณป้าก็ไม่ได้ค่ะ อาการแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน และอีกอย่าง ปากคุณป้าก็ขยับไม่ได้
เอาวะ ฉุกเฉินแบบนี้ จะอาเจียณก็ไม่หวั่น พลันปลดเข็มขัดของตัวเอง ลุกขึ้น กระโดดข้ามกองอ้วกนั้น ประดุจเป็นนักกระโดดเชือกซีเกมส์ ยังไงยังงั้น จับให้คุณป้านั่งที่นั่งที่ใกล้ที่สุด และเราก็ต้องนั่งด้วย จนเครื่องลงถึงพื้น และสัญญาณปลดเข็มขัดขึ้นมา นั่นแหล่ะ ค่อยดำเนินการ ปฐมพยาบาลคุณป้า และทยอยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องต่อไป โชคดีนะที่มาถึงจุดหมายแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานทำความสะอาดของสนามบินไป เพราะถ้าอยู่บนฟ้า นางฟ้านี่แหล่ะค่ะ ที่จะต้องเป็นนางแจ๋วจำเป็นเช็ดทำความสะอาด ...แอบโล่งค่ะ
ผู้โดยสารกำลังลงจากเครื่อง หน้าที่ของเรายังไม่หมดค่ะ ใส่หมวกเติมปาก จัดทรงผม เตรียมขอบคุณผู้โดยสาร พร้อมกับยิ้มเห็นฟัน แบบที่สวยกว่าตอนที่เจอผู้โดยสาร ก่อนเครื่องขึ้น เพื่อให้เค้าประทับใจ และกลับมาใช้บริการ กับสายการบินของเราอีก ถึงเม้เค้าจะเจออะไรมาบ้างตอนอยู่บนเครื่องบิน แต่วินาทีนี้แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้เค้าประทับใจ ในสายการบินของเรา
พลางนึกในใจ เย้เย้เย้ เราก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อน เริงร่า Dinner กับเพื่อนๆแล้ว เอ้...หรือจะทำอาหารไทยกินกันดีกว่า ว่าแล้วก็เตรียมเก็บของกลับบ้าน ลั้นลาลั้นลา...
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมที่หน้าประตูเครื่อง เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนมุงกันเยอะจัง ยืนอยู่พักใหญ่แล้ว รับวิ่งไปดู ในฐานะที่เราเป็นพี่ใหญ่ มีอายุการทำงานนานสุด เอาซะหน่อย
ปรากฎว่า มีผู้สูงอายุประมาณ 12 ท่านที่เพิ่งลงจากเครื่องไป ยืนรออยู่หน้าประตู และทำท่าเหมือนหาอะไรซักอย่าง แอร์สาวอย่างเรา ก็ต้องดำเนินภารกิจให้เสร็จสิ้น แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เลยเข้าไปถามว่าเกิดอะไรกันค้า คุณลุงคุณป้าทั้งหลาย ทำไมไม่เดินไปรับกระเป๋า หรือเดินไปที่อาคารผู้โดยสารเพื่อไปต่อเครื่องคะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ? อาการนางฟ้าเข้าสิงอีกแล้ว...
ฝ่ายคุณผู้โดยสาร ก็ชี้ไปที่เท้าแล้วก็พูดอะไรซักอย่าง ที่เราไม่เข้าใจ แต่เราเดาออก ถึงกับเงิบเลยค่า
อะไรรู้ไม้ค้า ทั้ง 12 ท่าน เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ก่อนขึ้นเครื่องบินที่ กาฐมาณฑุ ได้ถอดรองเท้าไว้ที่หน้าเครื่องบิน เหมือนถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน และก็นั่งเครื่องมาจนถึงปลายทาง ลงจากเครื่อง เค้าก็มองหารองเท้า ที่เค้าถอดไว้.....เอ่อ.....ขออึ้งปนสงสารแป้บ.......เอาไงดี
สุดท้ายทั้งแอร์และนักบินบนเครื่องก็ช่วยกันเรี่ยไรเงิน เพื่อให้คุณลุงคุณป้า ไปซื้อรองเท้าเพื่อใช้ไปก่อน ในระหว่างที่เดินทางไปอเมริกา อีก 14 ชั่วโมง เอ่อ....เงิบไหมล่ะคะ
เสร็จไฟล์ท ขอพักผ่อนสมองแพร้บ....ก่อนไปรับศึกครั้งหน้า บ้ายบ่ายค่า
และยังมีรูปภาพสวยๆ ของบรรยากาศโรงแรม Soltree by Hilton ที่กาฐมาณฑุ มาฝากด้วยค่า
ฝากติดตามใน Blog " ความลับนางฟ้า Angelsecrets by Angellooktarn "
และ Fanpage
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2-AngelSecrets-by-Angellooktarn-614728751999713/
จะนำเรื่องราวสนุกๆ น่าสนใจมาเล่าอีกเรื่อยๆนะคะ
ชอบกด Like อยากติดตามกระทู้ต่อไป ฝากกด Share นะคะ ฝากให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
สำหรับกระทู้ ทางพันทิพ "จากนักวิทยาศาสตร์ ศึกษาพันธุกรรม DNA จุลินทรีย์ พลิกชีวิต คว้าฝันติดปีก มาเป็นแอร์เมืองทะเลทราย ได้ยังไงเนี่ย " ฝากติดตามด้วยนะคะ
http://ppantip.com/topic/34544991
รองเท้าคุณหายไปไหน บนไฟล์ท Kathmandu - Abu dhabi ที่พอรู้อีกที เอ่อ...เงิบเลย จากแอร์สาว Angellooktarn
เรื่องเกิดขึ้นบนไฟล์ท กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล มุ่งหน้ามายังเมือง อาบูดาบี เมืองหลวงของ ประเทศอาหรับเอมิเรต เมื่อแอร์สาวอย่างเราทำหน้าที่พนักงานต้อนรับบนไฟล์ทนี้
สนามบินกาฐมาณฑุ เป็นสนามบินที่ไม่มีสะพานเชื่อมมายังตัวเครื่องบิน ต้องใช้วิธีเดินจาก Terminal มายังตัวเครื่องบิน และเดินขึ้นบันไดเพื่อมาที่ประตูเครื่องบิน ซึ่งเปิดทั้ง 2 ด้าน คือด้านหน้า และด้านหลัง ของเครื่องบิน เล่าๆมาก็ปกติเหมือนสนามบินทั่วไปใช่ไหมคะ มีอะไรที่น่าสนใจ อ่า มาดูกันต่อค่า
เนื่องด้วยไฟล์ทที่ออกจากเมืองกาฐมาณฑุนี้ ส่วนใหญ่จะเต็มทุกไฟล์ท นอกจากนักท่อเที่ยวแล้ว จะมีจำนวนคนชราและเด็กที่เป็นคนเนปาลซะส่วนใหญ่ เพราะเค้าเหล่านั้นได้ย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนเลยในชีวิตนี้ และสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ซึ่งแอร์อย่างเราก็เข้าใจ และพยายามทำดีที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารสบายใจ และมีความสุขในการบินกับเรา นั่นแน่ ช่างเป็นแอร์ที่ดีเลิศประเสริฐยิ่งนัก ส่วนผู้โดยสารที่เหลือ จะเป็นวัยรุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อมาทำงาน
ในไฟล์ทนี้มีคนชราที่ป่วยมากจนถึงขั้นนั่งรถเข็นพร้อมถังอ๊อกซิเจน ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ถึง 9 คน และมีหมอประจำตัวเดินทางไปด้วย เพียง 1 คน ลองคิดดูซิคะว่า ถ้าในระหว่างอยู่บนฟ้า แล้วมีใครเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันต้องชุลมุนน่าดู
สาธุ...ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย พ่อแก้วแม่แก้ว ว่าแล้วก็บอกให้เพื่อนแอร์ทั้งหัวทอง หัวดำ ช่วยกันภาวนา ( "หัว" ในที่นี้ หมายถึงการเรียกรวมๆของคนชาติที่มีสีผมต่างๆ เช่น หัวทองก็เป็นพวกยุโรป, หัวดำก็ดรียกคนเอเชีย ประมาณนี้ค่า)
พอเริ่มบอร์ดผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ก็ค่อนข้างชุลมุนน่าดู วุ่นวายกับการหาที่นั่ง เพราะครอบครัวคนชราและเด็ก เป็นครอบครัวใหญ่ และต้องการจะนั่งด้วยกัน แถมคนที่มีที่นั่งข้างหน้า ก็มาขึ้นประตูหลัง ส่วนคนที่มีที่นั่งข้างหลังก็มาขึ้นประตูหน้า อ้าว...อย่างงี้ก็ต้องเดินสวนกันน่ะซิคะ แล้วจะสวนยังไงล่ะ ในเมื่อทางเดินตรงกลาง มันเดินได้แค่คนเดียว นั่นแหล่ะค่ะที่ทำดิฉันปวดหัวอยู่พักใหญ่
อ้อ...ลืมบอกไปค่า เครื่องนี้เป็นเครื่อง Airbus320 ที่เป็นขนาดเล็กกว่าเครื่อง Airbus ทั่วไป มีทางเดินตรงกลางแค่อันเดียว และมีที่นั่งซ้าย 3 ที่ และขวาอีก 3 ที่ค่ะ
เอาล่ะซิทีนี้ คุณผู้โดยสารฟังเราพูดภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ เอาล่ะไม่เป็นไรใช้จิตวิญญาณแอร์และความที่เชี่ยวชาญด้านภาษามือขั้นเทพ จัดที่นั่งให้ผู้โดยสาร และพยายามให้ครอบครัวได้นั่งด้วยกัน เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะถึงเวลาเครื่องออก ( ETD) ในที่สุด ก็สามารถผ่านลุล่วงไปด้วยดีค่ะ
ระหว่างไฟล์ท ง่ายๆสบายๆ เสริ์ฟอาหารอะไร คุณผู้โดยสารก็ไม่เคยบ่น ทานได้ทุกอย่าง ไม่บ่นเหมือนบางไฟล์ทที่ผู้โดยสารบางคน จะต้องทานในสิ่งที่ตนอยากทานให้ได้ ถึงแม้มันจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว บางคนก็พูดง่าย แต่บางคนก็ไม่ยอมฟังเอาซะเลย ( เช่นไฟล์ท Bombay, Delhi, Egypt เป็นต้น)
จริงๆก็เข้าใจอ่ะนะคะ ว่าจ่ายเงินซื้อตั๋วมา แต่ถ้ามันหมด ก็อย่ากินหัวหนูเลยนะค้า ไปตำหนิบริษัทที่ส่งอาหารมาที่เครื่องหรือยอมทานอะไรที่มีไปก่นเถอะค่า เพราะถึงจะเอาเมนูที่คุณอยากได้ ตอนเครื่องอยู่บนฟ้า หนูก็คงเปิดประตูไปเอามาให้ไม่ได้หรอกค่า กรณีนั้นก็ลงเอยด้วยการเขียนรายงานว่าลูกค้าร้องเรียน และลูกค้าก็ไปตามกับบริษัทกันเอาเองค่า บางคนก็มีเจตนาอันสูงส่งนะคะ ร้องเรียนเพื่อให้ได้ตั๋วฟรีค่ะ ขั้นเทพอีกแล้ว ใครจะเอากลเม็ดนี้ไปใช้ เวลาตัวเองไม่ได้อาหารอย่างที่อยากได้ ก็เชิญนะคร้า ไม่สงวนสิทธิ์ค่า
จากที่เคยทำไฟล์ทนี้มา ผู้โดยสารจะดื่มนำ้เปล่ากันเยอะมาก นำ้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ และแน่นอน เมื่อดี่มนำ้เยอะ ห้องนำ้ก็จะเละตุ้มเป๊ะ เอ่อ ไม่สาธยายดีกว่า นึกสภาพกันเอาเองนะคะ ภาพยังติดตาอยู่เลย
ส่วนหน้าที่ในการทำความสะอาด ก็ต้องเป็นเรา และเพื่อนแอร์สาว ตามเคยค่ะ
เอาล่ะ ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เครื่องกำลังจะลงจอด นั่นหมายความว่าทุกคนต้องนั่งที่เก้าอี้ และรัดเข็มขัดใช่ไม้คะ?
แน่นอนค่ะ แอร์ทุกคน ต้องช่วยกันเดินตรวจคุณผู้โดยสาร ว่าพร้อมหรือยัง เพื่อความปลอดภัยของท่านผู้โดยสารเองค่ะ เสร็จแล้วแอร์ก็จะกลับไปนั่งที่นั่งของตนเอง หรือที่เรียกว่า " Jumpseat " และรัดเข็มขัด นั่งคิดถึงการเตรียมตัว ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ( จากผลการสำรวจของการบิน ช่วงที่จะอันตราย และเกิดอุบัติเหตได้บ่อยที่สุด คือช่วงที่เครื่องกำลังจะขึ้น และกำลังจะลงค่ะ)
อ่านแล้วก็อย่าเพิ่งกลัวนะคะ เป็นการเตรียมตัวไว้ค่ะ ขึ้นเครื่องบินครั้งหน้า ลองสังเกตแอร์โฮสเตส ตอนช่วงเวลานี้ดูค่ะ ส่วนใหญ่เราจะเงียบและใช้สมาธิ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นเค้าคิดอะไร แต่สำหรับตัวเอง " สวดมนต์ " คุณพระคุณเจ้า พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยให้ลูกปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ....
กลับมาที่สถาณการณ์บนเครื่อง ขณะที่เครื่องกำลังลดระดับลงสู่พื้น แบบที่ใกล้พื้นมากๆ แบบที่ทุกคนใจจดใจจ่อกับการลงของเครื่อง ว่าจะลงถึงพื้นแบบนิ่มนวล จะได้ปรบมือขอบคุณนักบิน หรือแบบรุนแรงจนก้นกบแทบพังหรือไม่นั้น
ทันใดนั้น ก็มีคุณป้าท่านหนึ่ง ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แบบผลุนผลัน แสดงทีท่าว่า จะต้องเข้าห้องนำ้ให้ได้ อาจจะฉุกเฉินมากๆ ถึงได้วิ่งหน้าตั้งมาทางห้องนำ้ขนาดนั้น ซึ่งณ วินาทีนั้น ขอบอกเลยว่า มันอันตรายมากๆ
แอร์โฮสเตสทั้ง 3 สาว รวมทั้งเราด้วย ที่นั่งด้านหลังใกล้กับห้องนำ้ และกำลังนั่งพักอย่างสบายใจ กำลังคิดว่าจะทำอะไรดี หลังจากเสร็จไฟล์ทแล้ว จะกลับไปนอน ไปสังสรรค์กินข้าวกับเพื่อน หรือต้องกลับไปนั่งซักฝ้าที่กองมาเป็นอาทิตย์
ทุกคนถึงกับสะดุ้งตกใจ โอ้แม่เจ้า คุณป้าขา ลุกมาได้ยังไงคะ พยายามตะโกนบอก และใช้ภาษามือโบกมือลง เป็นสัญญาณว่าป้าขา นั่งลงค่ะอดทนไว้ค่ะป้า รอเครื่องลงถึงพื้น จอดเรียบร้อย แล้วค่อยมาเข้าห้องนำ้ค่ะ
และเนื่องด้วยอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจ เครื่องมันก็สั่นและตกหลุมอากาศ ตายแล้ว จะทำยังไงดีเนี่ย ชั้นยิ่งกลัวตกหลุมอากาศอยู่นะ ยิ่งบินเยอะยิ่งกลัว ไม่เคยชินซักที ได้แต่ภาวนาอย่าให้เครื่องสั่นมาก
สุดท้ายคุณป้าก็อั้นไม่ไหว เหมือนในปากอมอพไรอยู่ จะอะไรล่ะคะ ก็อาเจียนออกมาตรงหน้าที่พวกเรานั่งเนี่ยล่ะคะ เต็มพื้นกระจายเป็นวงกว้าง ยังกับเปิดที่ฉีดนำ้ล้างรถ ยังไงยังงั้นเลยค่ะ
แล้วคุณป้าทำไมไม่ส่งสัญญาณบองพวกหนูซักกะนิดค่ะ เผื่อหนูจะได้หยิบถุงอ้วกให้ทัน หนูนึกว่าปวดท้องหนัก อยากเข้าห้องนำ้ซะอีก
จะว่าไป จะไปโทษคุณป้าก็ไม่ได้ค่ะ อาการแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน และอีกอย่าง ปากคุณป้าก็ขยับไม่ได้
เอาวะ ฉุกเฉินแบบนี้ จะอาเจียณก็ไม่หวั่น พลันปลดเข็มขัดของตัวเอง ลุกขึ้น กระโดดข้ามกองอ้วกนั้น ประดุจเป็นนักกระโดดเชือกซีเกมส์ ยังไงยังงั้น จับให้คุณป้านั่งที่นั่งที่ใกล้ที่สุด และเราก็ต้องนั่งด้วย จนเครื่องลงถึงพื้น และสัญญาณปลดเข็มขัดขึ้นมา นั่นแหล่ะ ค่อยดำเนินการ ปฐมพยาบาลคุณป้า และทยอยให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องต่อไป โชคดีนะที่มาถึงจุดหมายแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานทำความสะอาดของสนามบินไป เพราะถ้าอยู่บนฟ้า นางฟ้านี่แหล่ะค่ะ ที่จะต้องเป็นนางแจ๋วจำเป็นเช็ดทำความสะอาด ...แอบโล่งค่ะ
ผู้โดยสารกำลังลงจากเครื่อง หน้าที่ของเรายังไม่หมดค่ะ ใส่หมวกเติมปาก จัดทรงผม เตรียมขอบคุณผู้โดยสาร พร้อมกับยิ้มเห็นฟัน แบบที่สวยกว่าตอนที่เจอผู้โดยสาร ก่อนเครื่องขึ้น เพื่อให้เค้าประทับใจ และกลับมาใช้บริการ กับสายการบินของเราอีก ถึงเม้เค้าจะเจออะไรมาบ้างตอนอยู่บนเครื่องบิน แต่วินาทีนี้แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้เค้าประทับใจ ในสายการบินของเรา
พลางนึกในใจ เย้เย้เย้ เราก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อน เริงร่า Dinner กับเพื่อนๆแล้ว เอ้...หรือจะทำอาหารไทยกินกันดีกว่า ว่าแล้วก็เตรียมเก็บของกลับบ้าน ลั้นลาลั้นลา...
แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมที่หน้าประตูเครื่อง เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนมุงกันเยอะจัง ยืนอยู่พักใหญ่แล้ว รับวิ่งไปดู ในฐานะที่เราเป็นพี่ใหญ่ มีอายุการทำงานนานสุด เอาซะหน่อย
ปรากฎว่า มีผู้สูงอายุประมาณ 12 ท่านที่เพิ่งลงจากเครื่องไป ยืนรออยู่หน้าประตู และทำท่าเหมือนหาอะไรซักอย่าง แอร์สาวอย่างเรา ก็ต้องดำเนินภารกิจให้เสร็จสิ้น แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เลยเข้าไปถามว่าเกิดอะไรกันค้า คุณลุงคุณป้าทั้งหลาย ทำไมไม่เดินไปรับกระเป๋า หรือเดินไปที่อาคารผู้โดยสารเพื่อไปต่อเครื่องคะ มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ? อาการนางฟ้าเข้าสิงอีกแล้ว...
ฝ่ายคุณผู้โดยสาร ก็ชี้ไปที่เท้าแล้วก็พูดอะไรซักอย่าง ที่เราไม่เข้าใจ แต่เราเดาออก ถึงกับเงิบเลยค่า
อะไรรู้ไม้ค้า ทั้ง 12 ท่าน เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ก่อนขึ้นเครื่องบินที่ กาฐมาณฑุ ได้ถอดรองเท้าไว้ที่หน้าเครื่องบิน เหมือนถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน และก็นั่งเครื่องมาจนถึงปลายทาง ลงจากเครื่อง เค้าก็มองหารองเท้า ที่เค้าถอดไว้.....เอ่อ.....ขออึ้งปนสงสารแป้บ.......เอาไงดี
สุดท้ายทั้งแอร์และนักบินบนเครื่องก็ช่วยกันเรี่ยไรเงิน เพื่อให้คุณลุงคุณป้า ไปซื้อรองเท้าเพื่อใช้ไปก่อน ในระหว่างที่เดินทางไปอเมริกา อีก 14 ชั่วโมง เอ่อ....เงิบไหมล่ะคะ
เสร็จไฟล์ท ขอพักผ่อนสมองแพร้บ....ก่อนไปรับศึกครั้งหน้า บ้ายบ่ายค่า
และยังมีรูปภาพสวยๆ ของบรรยากาศโรงแรม Soltree by Hilton ที่กาฐมาณฑุ มาฝากด้วยค่า
ฝากติดตามใน Blog " ความลับนางฟ้า Angelsecrets by Angellooktarn "
และ Fanpage
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2-AngelSecrets-by-Angellooktarn-614728751999713/
จะนำเรื่องราวสนุกๆ น่าสนใจมาเล่าอีกเรื่อยๆนะคะ
ชอบกด Like อยากติดตามกระทู้ต่อไป ฝากกด Share นะคะ ฝากให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
สำหรับกระทู้ ทางพันทิพ "จากนักวิทยาศาสตร์ ศึกษาพันธุกรรม DNA จุลินทรีย์ พลิกชีวิต คว้าฝันติดปีก มาเป็นแอร์เมืองทะเลทราย ได้ยังไงเนี่ย " ฝากติดตามด้วยนะคะ
http://ppantip.com/topic/34544991